ธรรมปัจเวกขณ์
วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๕

เมื่อเราได้ฝึกหัด เราได้อบรม เราก็จะเห็นว่า เราได้ความละเอียดซับซ้อน หลากหลาย นับวันเรายิ่งจะเห็น สภาพหมุนรอบเชิงซ้อน ของธรรมะ ของศาสนา และ โลก มันรู้สึกว่า มันมีส่วนที่คล้ายกัน และก็มีส่วน ที่แตกต่างกัน ที่ชัดเด่น กันขึ้นมาทุกที ด้วยปัญญา ด้วยประสบการณ์ จึงเป็นเรื่องที่สรุป ได้ชัดเจนว่า ธรรมะนี้เราจะเดาเอา เราจะคิดเอา เราจะเพียงแต่ศึกษา อ่านรู้ ฟังมาเฉยๆนั้น ไม่ได้เป็นอันขาด เราจะต้องมี สภาวะรองรับ มีของจริง มีประสบการณ์ ที่เราได้กระทำมาจริง ยิ่งมีของจริง ยิ่งชัดเด่น โดยที่ไม่มีใครสามารถ จะรับรองศรัทธา หรือรับรองความเชื่อถือ เชื่อมั่น ได้เท่ากับเราเอง ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ มีสภาวธรรมนั้นๆ ---

การปฏิบัติธรรม เมื่อเรามีของจริงรองรับด้วย เรากระทำไปด้วย เราจึงจะได้เลื่อนขั้น ที่มันเป็น สภาพหมุนรอบเชิงซ้อน เป็นขั้นที่สูงขึ้นๆ หลายคนคิดว่า การปฏิบัติธรรม มันก็ง่ายๆ มีดีกับชั่ว และ เราก็นึกว่า อย่างนี้ก็ดีๆ อย่างนี้ชั่ว อย่างนี้ผิด อย่างนี้ถูก แล้วเราก็มาปฏิบัติดู พอปฏิบัติได้ ในฐานต้นๆ พื้นๆ ง่ายๆ แล้ว เราก็หลงทิศทางไปเลย จนกระทั่ง มันไม่พัฒนา ขั้นตอนขึ้นน่ะ เราจะรู้ เราจะเข้าใจได้ว่า นี่ เราก็ได้ ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ว่าเราก็ติดเป็น หรือว่าติดรูปฌาน หรือ ติดผล ระดับใดระดับหนึ่ง แล้วเราก็หลง เลอะเทอะ ในความติดของเรานั้น ว่าเราเอง เราลึกซึ้งขึ้น ในสิ่งที่มันมีอะไรหลอกๆ อยู่ในๆ แต่เราเข้าใจไม่ได้น่ะ ปัญญาเรา ไม่แยบคาย เรียกว่า ตีไม่แตก เราจะเห็นได้น่ะ ---

ถ้าเผื่อว่าความจริงเหล่านี้ ถ้าเราไม่ได้เกิดการรู้ ด้วยปัญญาอันยิ่ง พยายามพิจารณา ด้วยการ ไม่ต้องเข้าข้างตัว อย่ากลัว เราเข้าข้างตัวนี่น่ะ ไม่เข้าข้างตัวได้นั่นแหละ เราจะหลุดพ้น หรือเราจะเป็นเลิศ ถ้าเรามัวแต่กลัว แล้วก็เข้าข้างตัว อะไรๆก็ประท้วง อะไรๆก็กลัว แต่ตัวเองนี่ จะหลุดไอ้สิ่งที่ตัวเองติด ตัวเองยึด ตัวเองถนอม มันเป็นความหลง ที่หลอกลวงอย่างมาก เรื่อง ความหลง ความติด ความยึดอะไร ของเรานี่ เราไม่รู้หรอก อารมณ์หรือว่า อะไรต่ออะไรง่ายๆ ที่เราได้ดิบ ได้ดีอะไร พอสมควรแล้ว เราก็ติดก็ยึดมัน

ขอให้พยายามลองปละปล่อย เพราะทุกๆอย่าง ต้องปละปล่อย แม้จะได้อะไรดีแค่ไหน เราจะต้องปละปล่อย แม้แต่นิพพาน เราได้นิพพานแล้ว เรายังจะต้อง ไม่หลงติดนิพพาน ไม่หลงยึดมั่นถือมั่นว่า นิพพานเป็นของเรา แล้วเวลาเรามีชีวิตอยู่ เรายังไม่ตายนี่ เราไม่ได้อยู่ ด้วยนิพพานหรอก ที่จริง นิพพานเป็นแต่เพียง ของตายของเรา เท่านั้นเอง เป็นแต่เพียงของแน่ๆ ของเรา ที่เราได้แล้ว เอาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เวลาทรง มีชีวิตพักพิงอยู่นั้น เราอยู่ด้วยการพิจารณา แล้วถึงอาศัยพักพิง หรือ เราเสพย์เสวย เราไม่ได้เสวยจริง เราไม่ได้พักพิงอาศัยแน่ๆ จริงๆเราไม่ติด เราไม่เสพย์จริงๆ แต่เราเพียง พักพิง เพียงอาศัย เพราะฉะนั้น จุดสำคัญจุดนี้ จะต้องเห็นให้เด่นชัด ไม่ใช่เราไปแอบมาเป็นสุข แบบโลกๆ สุขเพราะเสพย์สม สุขเพราะว่า แม้แต่เราได้ภพ ได้อารมณ์นั้น แล้วก็เสพย์สม เราก็ไม่เอา เราจะอาศัยอยู่ เพื่อยังกุศล เพื่อยังจะสร้างสรร เพื่อยังจะเป็นอะไรๆไป ชะลอชีวิต ไปถึงบทบาทสุดท้าย ---

ส่วนนิพพานนั้น หรือว่าส่วนสภาพวิมุตินั้น เรามีเมื่อไหร่ๆ เราก็เอาได้อยู่ แน่นอน ถ้าคนที่ได้จริงแล้ว มันได้เลย ไม่มีปัญหา เสร็จแล้ว เราไม่เอา เรายังไม่เอา จะเอาเมื่อถึงคราวสุดสิ้น แล้วก็จบชีวิต เรายังไม่จบชีวิต เราก็ต้องอาศัย อะไรอันหนึ่ง จึงเรียกมันว่า ปฏินิสสัคคะ คือว่าทวนคืน ไม่ติดสวรรค์ ไม่หลงสวรรค์ สวรรค์สุดท้าย คือสวรรค์นิพพาน สวรรค์สูงสุด แต่เราเอง เราไม่หลงใหล ในนิพพาน ไม่ติดยึดในนิพพาน ไม่ยึดมั่นถือมั่น ว่านิพพานเป็นของเรา ความหมายอันนี้ เป็นความหมายที่สูงสุด แต่ในขณะใด ผู้ใด ที่ยังไม่ถึงนิพพาน ก็จะต้องมีฐานอาศัย ที่พอเป็นไป จะต้องมีปีติ มีการติด มีการเสวย ไปพลาง ก็ให้รู้ว่า เราก็ต้องทำบ้าง แต่ระวัง มันจะติดตังเลย เป็นคณิกะ เป็นสังสัคคะ ติดลงไปเลย ระวังอย่างมาก และคนตายเพราะจุดนี้ มามากแล้ว ในพวกฤาษีเดียรถีย์ ทั้งหลาย ไม่หมดอัตตา แต่ของพุทธนั้น จะต้องเข้าใจ อย่างซับซ้อน ลึกซึ้ง และเราก็จะต้อง ค่อยๆกระทำ รู้ นี่ว่า ของนี้เป็นของดี เบาว่าง ง่ายสบาย แต่ว่าเรายังเหลือ รูปนามขันธ์ ๕ เราติดไม่ได้หรอก เราไปเสวยไม่ได้ เราจะต้อง เลี่ยงออกมา แล้วเราก็จะมีเวลา ที่เราได้พักอาศัยบ้าง อย่างแน่ใจ พอถึงขั้นสุดท้าย อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เราก็จะได้สิ่งนี้ แน่นอน แต่ตอนนี้ มันก็เป็นตอนหนึ่ง เท่านั้นเอง อันนี้ ขอให้พวกเรา ได้พิจารณา แล้วก็พิสูจน์ไป แล้วเราก็จะได้เลื่อนขั้น เลื่อนฐานไป อย่างที่เกินคิด จิตของเราก็จะกล้าแข็ง เชี่ยวชาญ ไม่หลงอะไรเลย ไม่ติดอะไรเลย และปัญญาเรา จะเห็นเด่นชัดว่า อ้อ! ความลึกซึ้ง ความรอบรู้ ความเข้าใจจริง หรือว่า ความเจริญ ของการปฏิบัติธรรมนั้น มันมีได้เพราะ ความไม่ติดไม่เสพย์ ไม่หลงติดแป้น ไม่หลงรูปฌาน อย่างนี้เอง คือต้องเลื่อนขั้น ให้ได้ ไม่มีฐีติ ไม่มีการตั้งอยู่แล้ว ก็ติดแป้นอยู่ แต่เราจะมีการเจริญยิ่ง เจริญยิ่งอยู่ เป็นวุฑฒิ วุฑฒิตลอดไป ตลอดไป ไม่เช่นนั้น ยืนยันได้เลยว่า ผู้นั้น จะไม่ประสพผล ในการปฏิบัติธรรม ถึงที่สุด เป็นอันขาด ---

ขอให้ทบทวน ขอให้พิจารณา และจับสภาวะ ดังที่ได้เตือนนี้ให้ดีๆ แล้วพิจารณา ให้เกิดผลแก่ตน ยิ่งลึกซึ้ง ยิ่งละเอียด ยิ่งรู้ยาก แต่เราก็จะต้องพยายาม ศึกษา อย่างแยบคาย อย่าหลงติด ขอเตือน เป็นคำสุดท้าย ขอให้เราแก้ไข ตัวที่ติดที่เสพย์ ที่เรียกว่า สังคณิกะ หรือ สังสัคคะ ตัวนี้ ต้องทำความเข้าใจ ความหมาย ให้แน่ๆ ให้จริงๆ ให้ถูกๆ แล้วเราจะประสพผล ได้ทุกคน

สาธุ. ---