ธรรมปัจเวกขณ์
วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๒๕

สัจจะชนิดหนึ่ง ที่พระพุทธองค์ ท่านได้บอกไว้ เป็นบัญญัติภาษาว่า ปัจจัตตัง เวทิ ตัพโพ วิญญูหิ รู้ ได้ด้วยตน มั่นใจได้ด้วยตน เห็นจริงได้ด้วยตน เป็นสภาพสิ่งหนึ่ง ที่เจ้าตัวจะบอกตัวเองได้ เมื่อเราได้พบ เมื่อเราได้ถึง เมื่อเราได้สัมผัส และได้ ที่ตัวที่ตนเอง จริงๆ มันเป็นความรู้ รู้ยิ่ง มันเป็นความเห็นที่ เห็นชัดเจน มีของจริง ทั้งๆที่มันเป็นลักษณะ นามธรรมก็ดี ไม่มีตัวตน ก็ตาม หรือจะประกอบไปด้วย วัตถุโลก นอก แล้วก็ประกอบกันเข้า ก็เหมือนให้สื่อ เป็นความรู้สึก เป็นนามธรรม อะไรอย่างหนึ่ง ก็ตาม เราจะเป็นผู้รู้อยู่ เห็นอยู่ แจ้งใจ แจ้งชัดอยู่ เป็นการรู้ได้ด้วยตน---

เพราะฉะนั้น ผู้ใดได้ธรรมะ จึงเป็นเรื่องยาก ที่จะให้คนอื่น รู้ตาม แม้กระนั้น เราก็มั่นใจ ในสิ่งที่ได้รู้นั้น คนอื่นจะไม่เห็นด้วย คนอื่น ส่วนใหญ่ จริงๆนั้นน่ะ เขาไม่เห็นโลก ไม่เห็นด้วยธรรม ทวนกระแสกัน ต่างกัน แต่เราก็มั่นใจ เราก็ไม่มีทุกข์ ไม่มีร้อน ไม่มีปมด้อย ไม่มีปมเด่น มันเป็นสภาพที่ก็รู้ว่า มันดีแล้ว ดีที่สุดแล้ว มันจึงอยู่ในสภาวะ ที่มันไม่หวั่นไหว ไม่แปรปรวน ไม่เปลี่ยนแปลง มันจะยืนยัน ยืนหยัด ---

เพราะฉะนั้น ผู้ใดที่ได้ปฏิบัติธรรม จนถึงจุด ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ แล้ว ผู้นั้นจะตอบตัวเองได้ โดยคนอื่นเขา จะมาเสียดสี ประชดประชัน แดกดัน กล่าว ก้าวร้าวว่า เพื่อที่จะให้เราหวั่นไหว เพื่อที่ จะให้เรา เปลี่ยนแปลงกลับคืน มันจะไม่กลับคืน แต่เราก็จะรู้ว่า เราจะทำอย่างไรหนอ ที่เราจะประสาน ประนีประนอม ทั้งๆที่สิ่งนี้ที่เรา เราก็จะไม่ถอด ไม่ถอน เด็ดขาด แต่เราก็จะต้อง หาองค์ประกอบ หานโยบาย ความฉลาดอะไร ที่จะมาประสมประสาน เพื่อที่จะอยู่ หรือ จะเป็นไปร่วมกัน ไม่ให้เกิดแตกร้าว บาดหมาง ไม่ให้เกิดการทะเลาะ เบาะแว้ง ไม่สงบ เราจะต้องหาจริงๆ สิ่งนี้แหละ เป็นสิ่งสำคัญ ที่เรียกว่า เหนือโลก ก็เพราะว่า เราสามารถ อยู่กับโลกได้ ด้วยสันติ ทั้งๆที่เราเอง ไม่เหนือโลก เราไม่ทำตามโลก แต่เราก็แน่ใจ มั่นใจว่า เราได้ดี เราได้สบาย เราได้สิ่งที่ สมควรที่สุดแล้ว แล้วเราก็จะต้อง จัดแจง ใช้ปัญญา ประนีประนอม และ ประสาน จนกว่า เราจะทำได้ พอเหมาะ พอดี ตัวที่เราได้นั้น เราเรียกว่า วิมุติ ตัวที่เราจะประสาน การอยู่กับโลกนั้น เราเรียกว่า สัมมา หรือ ตัวพอเหมาะ ตัวนี้แหละ เป็นตัวสำคัญ ถ้าไม่เกิดความพอเหมาะ ไม่เกิดความสงบ ไม่เกิดสันติ เพราะฉะนั้น วิมุติส่วนตัว ศาสนาอื่นๆ ใดๆ เขาก็ทำได้ และเขาก็ไม่สำเร็จ ตรงที่ว่า เขาทำได้แล้ว เขาจะมาประสาน อยู่กับโลกไม่ได้ แม้เขาทน เขาทนไม่ได้ หรือทนได้ แต่เขาก็จะประสานอยู่ กับโลกไม่ได้ จะเกิดการไม่สันติ เพราะฉะนั้น จะสันติ ก็ต้องหนี แยกจากกัน นั่นคือ ความไม่สำเร็จ ของคนกลุ่มหนึ่ง แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของเรานั้น พบความสำเร็จ ที่สามารถ มีทั้งวิมุติ และ สามารถ ประสม ประสาน อยู่กับโลกเขาได้ อย่างสันติ และเป็นไปได้ ด้วยความขัดเกลาผู้อื่นด้วย จึงเรียกว่ามี สัลเลขธรรม----

ศาสนาพระพุทธเจ้า เป็นสัจธรรม เป็นสัลเลขธรรม มีการพ้นทุกข์ได้จริง มีนิยานิกธรรม และ สันติธรรม มีสันติเป็นที่สุด มีสันติเป็นปลาย และนอกจาก จะสันติแล้ว ยังสามารถ สัลเลขะ ขัดเกลาเขา อยู่ในตัวด้วยซ้ำ เพื่อให้เขามา สู่ความเป็น เหมือนอย่างเรา เป็นได้ เหมือนอย่างเราสามารถ ที่จะเป็นสุข อย่างพ้นทุกข์ นิยานิกธรรม เป็นความพ้นทุกข์ ได้จริง อย่างแท้ด้วย จึงเป็นประโยชน์ตน และเป็นประโยชน์ท่าน และสันติสุข และ เป็นสัจจะความจริง ที่สามารถพิสูจน์ได้--

เพราะฉะนั้น ขอให้พวกเราได้พิสูจน์ สิ่งเหล่านี้จริงๆ คุณจะได้รู้ไป ตั้งแต่มีเล็กๆ น้อยๆ จนมีมากขึ้น มากขึ้น ๆ จนกระทั่ง เป็นผู้เป็นโลกุตระ อยู่เหนือโลก เป็นประโยชน์ เป็นคุณค่าต่อโลก และเราก็มี วิมุติหลุดพ้น อย่างแท้จริง เป็นเครื่องอาศัย สาธุ.---