ศิลปะพาสำนึก
โดย พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์
ณ พุทธสถานปฐมอโศก
เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๕ หน้า ๒ ต่อจากหน้า ๑


อาตมาก็ขอพูดอีกอันหนึ่งบ้าง อย่างคุณจำลองนี่นะ ทำขยับต่อไปข้างนอกวัด ซึ่งจะไม่เป็น อย่างอาตมา อาตมาจะไม่เอา ที่ดินของคนนอกมาให้ ไม่เอา แต่คุณจำลองเอาได้ ไม่รู้ใครก็ช่าง ถือศีลหรือยังยังไม่รู้ เป็นสมาชิก สมาคมผู้ปฏิบัติธรรมหรือยัง ยังไม่รู้ คุณจำลองรับไป นั่นเป็นดีที่ของคุณจำลอง เป็นเรื่องของคุณจำลอง อาตมาถือว่าเป็นส่วนนอกออกไปแล้ว แต่ถ้ามากๆๆๆน่ะ เดี๋ยวฉุด เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกซึ้ง ละเอียดมากเลย คนเรานี่มักใหญ่ มักกว้างๆไว แล้วอยากได้ทำอะไรใหญ่ โดยเอาข้างนอก ดึงเข้ามาหาใน พอดึงข้างนอกมาหาใน นอกไม่ใช่เนื้อนะ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เนื้อเข้ามานี่ เดี๋ยวเป็นมะเร็ง เดี๋ยวเป็นตัวเข้ามาแล้ว มันจะมาแอนตี้กัน มันจะไม่ใช่เนื้อเดียวกัน แล้วมันจะเกิดขบกัน ขัดกัน แล้วมันจะเสียเรื่อง สภาพพวกนี้ลึกซึ้ง ทางสรีระนี่ เอาเนื้อของคนอื่น มาใส่เนื้อของคนโน้นคนนี้นี่ แอนตี้ มันไม่รับแล้ว อย่างนี้เป็นต้น นี่ลักษณะเดียวกัน ลักษณะเดียวกัน มันไม่เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกันนะ ยาก

เพราะฉะนั้น อาตมาถึงบอกว่า เอาของคนในกันก่อน เพราะฉะนั้น เงินนี่อาตมาไม่เอาเงิน คนนอก จะต้องมีมาตรการหลายอย่าง รับเงินคนในเท่านั้น รับเงินคนนอก ประเดี๋ยวมันเป็น เลือดแอนตี้ มันจะยุ่ง เลือดที่มันไม่เข้ากรุ๊ป มันเข้ากันไม่ได้แล้ว มันจะยุ่งอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ขยายอะไรต่ออะไร ออกไปมากๆนี่ ประเดี๋ยวไปรับข้างนอกมากๆนี่ ประเดี๋ยวเป็นเชื้อ เข้ามาข้างนอกนี่ไม่ดีนะ เอ้า บางอย่างบางอัน ที่ออกไปนอกเกินไป คนนอกรับไปแล้ว

ทีนี้ก็บอกอีกเรื่องหนึ่งก่อนว่า ยิ่งงานการเมืองนี่อาตมาก็ดูอยู่แล้ว อาตมาก็เห็นพวกเราทำงานอยู่ ที่จริง เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกันในสังคม แต่เสร็จแล้ว งานการเมืองในเมืองไทยนี่ อาตมา ก็ไม่ได้ถนัดการเมืองมาเก่า แต่พอมาตอนหลัง อาตมาก็มาศึกษาการเมืองตาม ไม่ใช่อาตมา ไม่ศึกษานะ อาตมาแน่ใจว่า อาตมารู้ ความรู้ในเรื่องการเมืองเหมือนกัน ทุกวันนี้นะ แล้วอาตมา ก็รู้ว่า อาตมาไม่ใช่คนชาตินี้ ที่รู้การเมืองชาตินี้เท่านั้น อาตมาว่า อาตมารู้การเมือง ชาติก่อนๆ มาแล้วด้วย แล้วก็เคยบริหารมาเหมือนกัน เชื่อไหมว่าอาตมาเคยบริหารมาเหมือนกัน อาตมาบริหารพวกคุณนี่ ไม่ใช่ฝีมือหรือ แล้วบริหารไม่ง่ายนะ ไม่ง่าย

เพราะฉะนั้น งานการเมืองคืองานบริหาร งานบริหารอาตมาทำ และโดยจริงมันก็บริหารบุคคล เหมือนกัน จะรอบกว้างหรือรอบลึกนี่ อาตมาบอกให้ว่ารอบลึกนี่ ยากกว่ารอบกว้างด้วย พวกเรานี่รอบลึก รอบกว้างน่ะง่ายกว่า ผิวเผินกว่า แต่เราพูดไปแล้ว มันก็เป็นคุยโม้อะไรมากไป ก็เอาพอสมควร โม้ไปขนาดนี้ มันก็มากแล้ว งานการเมืองอาตมาขอบอกน่ะว่า ไม่เป็นผลดี ในประเทศไทย ขณะนี้ ยังทำไม่ได้ผล ที่ทำมาแล้วนี่อาตมาก็ดูแล้วไม่ได้ผล เพราะโครงสร้าง ของงานการเมือง ในประเทศไทย มีผู้ครองอำนาจอยู่ ซึ่งเราไม่มีฤทธิ์ ไม่มีแรง ไม่มีอำนาจพอ ที่จะไปเปลี่ยนแปลงได้ อาตมามีบารมีทางศาสนา อาตมาไม่มีบารมีทางการเมือง และอาตมา ก็เห็นว่า ทางการเมืองไปไม่รอด คุณจำลองมีบารมีทางการเมือง และอาตมาก็เห็นคุณจำลอง ไปทำงานการเมืองแล้ว อาตมาไม่พยากรณ์ ไม่ทำนายต่อไป แต่อาตมาก็เห็นว่า งานการเมือง ที่คุณจำลอง ถ้าจะทำไปก็ในระดับ อาตมาว่าหนักกว่าอาตมา ที่ทำงานศาสนา คุณจำลองเอง จะทำงาน การเมืองต่อไปนี่แหละ จะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ตาม ต่อไปนี่หนักกว่าอาตมาที่จะทำ งานศาสนาต่อไป อาตมาก็ขอบอกว่า อาตมาไม่ไปทำงานการเมือง คุณจำลองนี่ จะทำงาน สองอย่าง การเมืองกับศาสนา เพราะฉะนั้น ก็รออยู่ว่าคุณจำลอง จะมาทำงานศาสนา กับอาตมาหรือไม่ หรือว่าคุณจำลองจะไปทำงานการเมืองเท่านั้น

สำหรับอาตมานั้น ตัดสินแล้วไม่ทำงานการเมือง ส่วนคุณจำลองยังไม่ตัดสินนะ รอ รอเท่านั้น แต่ถ้าคุณจำลอง จะไปทำงานการเมือง ก็เป็นสิทธิใช่ไหม เป็นสิทธิไปทำ จะไปห้ามไม่ได้หรอก อันนี้เป็นสิทธิส่วนบุคคล เพราะฉะนั้น คุณจำลองจะรักจะไปทำงานการเมืองก็ไปทำ ก็มีประโยชน์ แต่หนัก จะไปได้แค่ไหน อาตมาบอกแล้วว่าไม่พยากรณ์ บอกได้อย่างเดียวว่า "หนัก" ไปถาม คุณจำลองก็ได้ เชื่อไม่เชื่อก็ตาม

มีคนบางคนบอกว่า ขายต่ำกว่าทุนมากจะได้เงินเข้าวัดน้อย จึงขายต่ำกว่าทุนเล็กน้อย เช่น ๑๐ ขาย ๘ ผิดหรือไม่ ผิด อย่ามาอ้าง คนที่บอกว่ามาขายนี่ จะขายแล้วจะได้ส่วนเกิน แล้วเอา ส่วนเกินนั้น ไปขายต่ำกว่าทุนนิดหน่อย จะได้ได้ส่วนเกินมากๆ แล้วจะได้เอาเงิน มาทำบุญ กับวัด ไม่ต้องการ อย่ามาอ้าง คุณจะเสียสละของคุณให้บริสุทธิ์ใจ ให้เต็มที่ เอาเพียวๆเลย ยอมขาดทุน หรือว่ายอมลดต่ำกว่าทุนได้มากเท่าไหร่ จงทำให้สำเร็จ ไปในขั้นตอนนั้นเลย สำเร็จ ไม่จำเป็นต้องอ้างว่า จะขายต่ำกว่าทุนนิดหน่อย แล้วจะได้รับเงิน มากๆ จะได้มาทำบุญกับวัด ไม่ต้องล่ะ อย่าอ้าง มันเป็นจุดแฝง เป็นจุดแฝง ที่ไม่สะอาด บริสุทธิ์ อันนี้ดีเหมือนกัน ถามมา จะได้ตอบไป จะได้บอกให้ชัดๆ ไม่ต้องหรอก คุณทำหน้าที่ พาณิชย์ ที่จะเสียสละ หรือว่า จะขายต่ำกว่าทุนให้ได้ อย่างวิเศษนั้นน่ะดีที่สุด นั่นน่ะตรงเป้าแล้ว ประเด็นแรก ไม่ต้องมา ซับซ้อนหรอก ไอ้วิธีจะได้เงินคนนั้น คนนี้อื่นๆมานั่นน่ะ ไม่มีปัญหาหรอก อาตมาหาทางเอง อาตมาพากันคิดเอง เพื่อที่จะได้เงินมาทำงาน มาอะไรต่ออะไร ถูไถมาได้ ทุกวันนี้ ก็ยังไม่เป็นหนี้ใครน่ะ ฯลฯ..

เอ๊ เมื่อกี้พูดเรื่องอะไร การเมืองมันแวะไปหนี้แล้วเป็นเรื่องเงิน เอาเงินมากวนกันนี่ มันเลยกวน ไปโน่นแล้ว เอาเรื่องการเมืองก่อน เพราะฉะนั้น เอาเรื่องนี้ให้จบเสียก่อน

บอกให้ทราบว่านี่เป็นสัมมาอาชีพเหมือนกัน การเมืองก็เป็นสัมมาอาชีพ แต่ตอนนี้มันทำไม่ไหว มันยากเหลือเกิน จะทำการเมืองในระดับการเมืองอาตมา แบ่งเป็น ๓ อย่าง

การเมืองปุถุชน
การเมืองกัลยาณชน
กับการเมืองอริยชน การเมืองอริยชนนั้นอย่าหมายเลยตอนนี้ เพราะไม่มีคนพอที่จะไปทำ

การเมืองกัลยาณชนนี้ อาตมาก็ถึงว่า ตอนนี้จะทำงานการเมืองก็อยู่ได้แค่นี้ กัลยาณชน ก็ไม่เป็นผล ต่อประเทศชาติที่ลึก ที่สมบูรณ์หรอก ไม่มีฤทธิ์แรงพอ แล้วต้องไปสู้กับ เสือ สิงห์ กระทิง แรด นี่เป็นการเมืองปุถุชนที่เต็มไปด้วยเสือสิงห์กระทิง แรด โอ้โฮ สู้กันหนักเลย อาตมา ถึงว่า มันหนัก หนัก เราดี เขาไม่ดีดีด้วยหรอก เขาไม่เข้าใจความเจตนาดี มีความบริสุทธิ์ใจ อะไรหรอก มันเล่นเล่ห์ เล่นเหลี่ยม มันหักมุมกันไป ด่าซ้อนซ้ำอะไรอีก หาว่าโง่ ว่าเง่าอะไรไป อีกเยอะแยะ แล้วคนในประเทศนะ เป็นปุถุชนซะเยอะ เขาก็เข้าใจสื่อกับปุถุชน เข้าใจในลีลา ของลักษณะของแค่ปุถุชนนี่มาก เพราะฉะนั้น ความดีในระดับของปุถุชน นี่เขารับได้ ความดี ในระดับจนเกินเลย มาหาอริยะหน่อย เขาไม่รู้เรื่อง

เพราะฉะนั้น กัลยาณชนก็กัลยาณชนตื้น ตื้นในระดับเดียวกัน แล้วเขาก็ไม่เอาดีด้วย เพราะว่า ปุถุชนก็หยาบๆ เสือสิงห์กระทิงแรดเยอะไป มันยากมาก มันจะต้องมีน้ำหนัก ถ้าจะทำงาน การเมืองกันละก็ จะต้องมีคนเพียงพอทีเป็น อริยะเพียงพอ แล้วไปทำงานการเมืองเป็นอริยะ แล้วจึงจะแก้งานการเมืองปุถุชนได้ ไม่อย่างนั้นไม่พอ เหมือนกับเรามีกรดอยู่ขวดหนึ่งนี่ ฤทธิ์กรด มันมีค่าเท่านี้ ถ้าเราไม่มีน้ำเพียงพอ พูดอย่างนี้มันกลับกัน กรดนี่มันน่าจะเป็นอริยะ น้ำมันน่าจะเป็นปุถุชน ถ้ามีน้ำมากมายนี่น่ะ ไม่มีกรดที่มีฤทธิ์เพียงพอนี่น่ะ จะไปทำให้น้ำ มันมีฤทธิ์กรด ขึ้นมาบ้าง ไม่ได้ ไม่พอ กรดต้องมีปริมาณและคุณภาพเพียงพอ ที่จะไปทำ ให้น้ำมันมากน่ะ มีฤทธิ์ของกรดขึ้นมาบ้าง เพราะน้ำหนักของอะไร อันใด อันหนึ่ง ที่จะไป ล้มล้าง กันนี่ ต้องมีฤทธิ์ที่มีฤทธิ์พอที่จะถ่วงกันได้ จึงจะทำได้สำเร็จ เพราะงานสัมมาอาชีพ ในระดับการเมือง อาตมาเห็นแล้วว่าเป็นไปไม่ได้

ตอนนี้น่ะ เป็นไปไม่ได้ อาตมาตายไปแล้วอาจจะได้น่ะ อาจจะได้ หรือว่าไม่ตาย ก็แก่พอสมควร โน่นแหละ พอจะเห็นหน้าเห็นหลังถ้ามันจะเป็นน่ะ อาตมาไม่หวังอะไรมากพูดตรงๆ อาตมา ไม่หวังอะไรมาก อาตมาหวังแต่เพียงว่าผู้ที่มานี่แหละ ผู้ที่มีศีลที่ยังไม่มาก็จงมา ผู้ที่มีศีลมาแล้ว ก็จงเจริญๆยิ่งๆขึ้นเถิด เหมือนอย่าง พระพุทธเจ้าท่านตรัส ผู้ไม่มีศีลอย่าเพิ่งมา

คุณสงสัยไหม พระพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างนี้น่ะ ผู้ที่มีศีลแล้วจงมา ผู้ทีมีศีลแล้วก็จงมา มาเถิด มาแล้วก็มาศึกษากัน ผู้ที่มีศีลแล้วก็จงยิ่งๆขึ้น เจริญๆขึ้น ท่านไม่บอกว่า ผู้ไม่มีศีลจงมานะ ท่านไม่เอานะ คนไม่มีศีล ผู้ไม่มีศีลอย่ามา

เอาละจบในเรื่องการเมือง อาตมาไม่พูดมาก นี่ก็จะไม่กี่เวลา ไม่นานนี้ก็จะถึงวาระ จะต้อง ละเลงกัน เรื่องการเมือง เพราะฉะนั้น เราจะต้องหลีกเร้นในเรื่องการเมืองให้มากที่สุด นี่บอกทิศทางเอาไว้ จะหลีกเร้นในเรื่องการเมืองให้มากที่สุด เพราะไม่เช่นนั้น เราก็ก้าวไม่ออก แรงงานเราก็เท่านี้ ปริมาณคนเราก็เท่านี้ การงานเราก็ก้าวหน้า อาตมาว่าเกษตรเรานี่จะเป็นหลัก ของประชาชน พาณิชย์เราก็จะเป็นหลักของประชาชน การศึกษาโรงเรียนก็จะเป็นหลักของ ประชาชน การสาธารณสุขก็จะเป็นหลักของประชาชน การงานผลิต จะเป็นอุตสาหกรรมย่อย ก็ตาม ยังไม่อุตสาหกรรมใหญ่ อุตสาหกรรมเต้าเจี้ยวก็ตาม อุตสาหกรรมแค่จะเป็นช่างทำผลิต เครื่องใช้เล็กๆ น้อยๆนี่อะไรก็ตาม ซึ่งกำลังจะทำ เกิดมาบ้างนี่ เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ตรงกว่า อาตมาว่ามาสร้างเครื่องอาศัย เรียกว่าอาหารหรือวิหารนี้ ให้แก่มนุษย์ก่อน การเมือง เป็นงานบริหารที่เกิดตามหลังทีหลัง ทีหลัง สัตว์เกิดมาไม่เกิดการเมืองก่อนหรอก เกิดการกิน การอยู่ เกิดการอาศัยสิ่งพวกนี้ก่อน จนกระทั่งมาถึงการแลกเปลี่ยน มาถึงการเผื่อแผ่เกื้อกูล ที่เป็นการค้า หรือแพทย์ ลักษณะเจือจานแจกจ่ายนี้ การเมืองนั้นมันทีหลัง เพราะฉะนั้น อาตมาถือว่า พวกนี้นี่ตามมาหลัง

มีถามมาว่าปัญหา ถ้าถูกขอร้องให้ไปช่วยการเมือง (เพราะงานการเมืองไม่มีตัวเล่น) จะให้ตัดสินใจ หรือตัดรอบอย่างไรครับ

อาตมาตัดรอบไปแล้ว คุณตัดของคุณเอง ขณะนี้อาตมาต้องพูด เพราะว่าคนอโศกของเรา มีน้อย แล้วก็ กำลังถูกดึงออกไปหลายแขนง เพราะฉะนั้น เราจะต้องระมัดระวังว่า มันจะบานออกไปกว้าง จนไม่มีแรง แล้วมันจะฟ่าม ในฐานะที่พวกเรา มีแรงงานนี่สำคัญ คนนี่แหละ ทรัพยากรอันสำคัญก็คือคน นี่ก่อน ไอ้ทรัพย์เรื่องเงินทองนี่ยังรองน่ะ คนนี่แหละ สำคัญ พวกเรานี่ พวกไหน ก็แล้วแต่เถอะ อาตมาว่า คนนี่แหละสำคัญ โดยเฉพาะ ชาวอโศก เราจะเห็นว่า คนนี่ สำคัญยิ่ง เพราะฉะนั้น เราจะต้องระมัดระวัง เรื่องคนนี่ก่อน

เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องพยายามระลึกให้ดีว่าเราจะทำอะไร เราจะเดินหน้า เราจะอยู่ในจุดไหน พยายามใช้วิจารญาณดีๆนะ ไตร่ตรอง แล้วเราก็จะได้รังสรรค์ทั้งประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ไปได้ดี เรื่องการระวังคนระวังงาน ที่มันจะดึงคน หรือว่าระวังจุดสำคัญ เห็นความสำคัญ ในความสำคัญนี่ เป็นเรื่องใหญ่มาก ในการที่จะทำงาน หรือจะรังสรรค์ หรือว่าจะเกิด การเจริญ งอกงามน่ะ มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลย เพราะฉะนั้น อาตมาพูดไปนี่ ก็บางคน อาจจะเข้าใจ ยังไม่พอ แต่อาตมาก็ขีดกว้างๆ คนไหนที่มีปฏิภาณ มีปัญญา ก็ฟังๆดูก็แล้วกัน เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจให้ดี

ตอนนี้สัมมาอาชีพ อาตมาบอกว่าสัมมาอาชีพของพวกเรานี่กำลังก้าวหน้าขึ้นมาก คนต้อง มีอาชีพ ศาสนาพุทธต้องมีอาชีพ อาตมามีอาชีพ แล้วก็ อาตมาไม่ใช่ชาวนานะ อาชีพอาตมา ไม่ใช่ชาวนานะ แล้วก็อาตมาต้องมายุ่งเกี่ยวกับชาวนา อาตมาต้องมายุ่งเกี่ยวกับพวกเรา เพื่อให้ดำเนินการเกษตรให้เป็นหลัก แล้วต้องพึ่งตนเอง ได้อย่างเต็มตัวเอง ชาวนาก็มีความรู้ ความสามารถ ทำได้ เป็นตัวเองให้ดี อาตมาก็วาง การค้าอาตมาก็ยังต้องมายุ่ง มาแนะนำ นโยบาย บุญนิยมอย่างไร วิธีการอย่างไร ต้องดูแล ทุกวันนี้การค้าก็ดี การเกษตรก็ดี ล้มเหลว หมดแล้ว การเกษตรทุกวันนี้ อย่างที่พูดน่ะเมื่อวานนี้ ไม่ต้องเอาใคร ดร.แกรนท์ ก็ยังบอกเลย เขาปลูกแห้ว แต่เขาไม่กิน แหม อาตมาพูดเสียนสำเนียงฝรั่งมันก็ไม่ได้นี่นา แกพูดน่ะ เขาไปปลูกแห้ว ปลูกขาย แต่คนปลูกแห้ว เขาไม่กินแห้วของเขา มันหมายความว่าอะไร ก็คนปลูกผักแถวนี้เองก็เถอะ ไม่ต้องไปพูดมากหรอก คนปลูกผักแถวนี้ ย่านนี้เองแหละ เขาไม่กินผักของเขาน่ะ

นี่แหละคือความล้มเหลวของการค้าขาย การผลิต ผลิตก็ล้มเหลว ค้าขายก็ล้มเหลว แล้วเขาก็ฆ่าคน ใช่ไหมเล่า ยกตัวอย่างแค่นี้ เครื่องมือ เครื่องไม้อะไรที่ผลิตออกไปก็ตาม มุ่งหมาย จะไปเอาเปรียบเอารัด ก็คือการฆ่าชนิดหนึ่งเหมือนกัน นี่มันซ้อนอย่างนี้น่ะ มันลึกซึ้ง ไอ้พวกนี้ มันลึกซึ้ง เพราะฉะนั้น การกระทำงานนี่ สัมมาอาชีพหรือการกระทำงานอะไร เป็นงาน ที่จะอาศัยเป็นอาหาร เป็นวิหาร สำหรับคนที่จะต้องเป็นหลัก เป็นแกนไปเรื่อยๆ นี่มันลึกซึ้งจริงๆ

อาตมาพูดวันนี้เน้นมาก เน้นอะไรต่ออะไรให้เจาะลึก ให้แน่น ให้ลึกขึ้นไปอีกให้มาก เพราะเรา จะต้องมาระลึกถึงว่า ที่อาตมาพาทำนี่ ไม่ใช่ อาตมาอยากจะทำ ไม่ใช่หน้าที่ บอกแล้ว อาตมาเป็นสมณะ แต่สมัยพระพุทธเจ้ามันไม่มีความวุ่นวายมากขนาดนี้ มันไม่มีเรื่องมาก ขนาดนี้ จะต้องมาทำ พระพุทธเจ้าท่านอะไรก็ยังมีพอ ข้าวยังมีกิน ดินยังมีเดิน ตะวันยังมีส่อง พี่น้องยังมีเสร็จ งานการอะไรก็ยังไม่มีมาก ทรัพยากรวัตถุดิบอะไร ป่าไม้ดินดงดอนอะไร มันยัง อุดมสมบูรณ์ ท่านไม่ต้องมาเดือดร้อนอะไรมากมาย เหมือนอย่างอาตมาหรอก แต่ทุกวันนี้ มันพร่องไป จนกระทั่งไม่เหลืออะไรแล้ว นอกจากพร่องแล้ว มันยังเป็นพิษ เสริมซ้อนขึ้นมาอีก อาตมาจึงจำเป็น จะต้องทำ เมื่อพวกเรารับหน้าที่สัมมาอาชีพไปได้ มีปัญญาเรียนรู้พึ่งตนเองได้ แต่ละกลุ่ม แต่ละหน้าที่ ชาวเกษตรก็เข้าใจ แล้ว ได้หลักกการเกษตรธรรมชาติไปดี การพาณิชย์ ก็เป็นการพาณิชย์อย่างบุญนิยมที่ดี สาธารณสุข การศึกษาก็เป็นการศึกษาที่เป็น การศึกษา บุญนิยมที่ดี

ทุกวันนี้การศึกษาก็เป็นแหล่งสร้างคนไปล่าเอาเปรียบ การศึกษาตัวนี้ เป็นแหล่งสร้างคน ที่ไปล่าเอาเปรียบ จริงไหมเล่าคุณครู แหล่งสร้างคนที่ไปล่า เอาเปรียบ เพราะฉะนั้น คนที่มีโอกาส ก็ได้ไปเรียน คนรวยก็มีโอกาส มันก็ได้เปรียบตลอดกาลนาน อยู่ตลอดไป จะไม่ลดหย่อยกันได้ คนจนก็พยายามกะเดื๊อบๆๆ เข้าไปชิงทุน เข้าไปแทรกตัว เข้าไปเรียน ให้ได้บ้าง น้อย แต่ฐานคนรวยนี่เรียนเอาไว้หมดๆ แล้วก็ได้บัลลังก์ต่อไปอีก กี่ปีๆ ก็ต่อกัน อยู่นั่นแหละ เพราะมันมีโรงเรียนให้โอกาสเขาไว้แล้ว ค่านิยมก็ยอมรับกันอีก เสียเปรียบกัน ไม่รู้กี่ต่อนะ

เพราะฉะนั้น เราจะมาทำการศึกษานี่ ให้คนได้รับการศึกษาเข้ามาสร้างบุญ ไม่ใช่ไปเอาเปรียบ มาเสียสละจริงๆ การเรียนทุกวันนี้ ไม่มีใครเรียนไปเสียสละ มีแต่เรียนไปเอาเปรียบ สรุปง่ายๆ เพราะฉะนั้น การศึกษาก็ล้มเหลว อะไรก็ล้มเหลว เราจึงต้องมาทำสัมมาอาชีพ อาตมาต้องยุ่ง ต้องเกี่ยว ต้องแนะนำ แม้แต่การเกษตร แม้แต่การค้า ซึ่งไม่ควรจะเกี่ยวเลย สาธารณสุข จะไปปรุงยา ก็ไม่ได้หรอกพระน่ะ ไปรักษาไข้อะไรก็ไม่ได้ ผิดศีล แต่ก็ต้องคอยดูว่า จะไป สาธารณสุขอย่างไร อย่างนี้เป็นต้น เราจะต้องกระทำ

เรื่องเตือนมา คนนั้นก็อยากให้พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ที่จริงอาตมามีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง แต่ว่า มันจะไม่มีเวลามาก ก็เอาพอแทรกพอแซมเข้ามา มี เตือนที่อาตมาพูดมาบ้างแล้ว คือเรื่อง การศึกษา กศน. เมื่อกี้ พูดถึงเรื่องการศึกษาอยู่ ก็ขอต่อเลย การศึกษา กศน.นี่ เราก็เริ่มต้น การศึกษา โดยเอื้อมเข้ามาถึงเด็ก อาตมาสอนจากโตมาหาเล็ก อาตมาตั้งมหาวิทยาลัย ก่อนจะมาตั้งอนุบาลน่ะ ไม่ใช่ตั้งอนุบาลก่อนแล้วก็ประถม มัธยม อาตมาสอนจากปลาย มาหาต้น แต่อาตมาก็ใช้ต้นประกอบไปกับการสอนปลาย โดยสอนพวกเรา ไม่ได้สอน ปัญญามาหาศีล นี่อาตมาขอยืนยัน อาตมาสอนปลายก็ตาม ก็สอนศีลไปหาปัญญา เหมือนกัน มันซ้อนเชิงกัน มันวิธีการที่มันลึกซึ้ง เป็นศิลปะชั้นสูง เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตื้นเขิน

การประกาศขอบริจาคในงานชาวอโศกสมัยก่อนไม่มี แต่การประกาศ เชิญชวนซื้อที่ดิน โรงพยาบาล พ่อท่านอนุโลมใช่หรือไม่

อันนี้อาตมาก็บอก อาตมาก็ถึงเอามาพูดวันนี้ มันไม่รู้จะพูดอย่างไร

นักปฏิบัติธรรมมีความสามารถมีคุณธรรมพอสมควรที่ไปช่วยงานการเมือง จะตัดรอบตัวเอง อย่างไร

ไปตัดเอาเอง ตัดแข้ง ตัดขา จะตัดหัวใจอย่างไรก็ตัดไป ส่วนอาตมาก็ต้องตัดรอบ ของอาตมา อย่างนี้ด้วย อาตมาจะไปบังคับกันเกินไป ไม่ได้ เพราะว่ามันจะไปตามธรรม ใครฉลาด ไปตามฉลาด ใครฉลาดมากก็ไปตามฉลาดมาก ใครฉลาดน้อยก็ไปตามฉลาดน้อย มันก็เป็นไป ตามธรรมดา เพราะฉะนั้น อาตมาจะไปจี้ ไปชี้ ไปอะไรต่ออะไรเกินไปไม่ดีหรอก เดี๋ยวอาตมา ฉลาดมาก พูดไปมาก อาตมาได้เปรียบมาก อาตมากลัวบาป

นักเรียน กศน.นี่ อาตมาบอกให้ทราบก่อน พวกเราก็คงจะมีญาติโยมที่มีลูกมีหลาน อยากจะให้ เอาลูก เอาหลานมาเรียน กศน. เพราะว่าก็เอาเด็กมาเลี้ยงให้น่ะ ให้กิน ให้อยู่ ให้การศึกษา เลี้ยงดู อบรมนิสัยใจคออะไร ต่างๆนานา แล้วก็ แหม ก็ปลอดภัยจากเอดส์ เป็นที่น่าไว้ใจบ้าง ปลอดภัยจากผี ที่ข้างนอกอะไร มันก็น่าจะเอามาให้เลี้ยงน่ะ ผู้ที่เข้าใจอยู่ ญาติโยม อาตมาก็รู้ ก็อยาก จะให้เอามาให้เลี้ยง อาตมาก็รู้ว่ามันก็ควรจะเลี้ยงแต่ว่า มันยังเป็นไปได้ยากอยู่ตอนนี้ อาตมาก็จะต้อง วางรากฐานของการศึกษา ตอนนี้เราลอง กศน.มาปีสองปี ทางศีรษะฯ นั่นแหละ ยิ่งเป็นตัวอย่างอันหนึ่ง ศีรษะฯนั้นจัดแจงเอง อาตมาไม่ได้ทำ ไม่ได้ดูแลใกล้ชิด เลยทีเดียว ทีนี้มาทำที่นี่ อาตมาก็ดูแลใกล้ชิด กศน.ที่สันติฯกับปฐมฯนี่ ก็เห็นผลว่าก็ดี แต่ทางโน้น ก็รับกันต่อ อาตมาก็บอกไม่ทัน ก็เลยมีนักเรียนข้างนอกเข้ามาปนๆบ้าง ก็เลย เกิดปัญหาอยู่เท่านี้ ที่กศน.ศีรษะฯนี่ คือเด็กมันไม่มีคุณภาพเท่าไหร่เข้ามาปนนั่น มันก็เลย มีปัญหาให้เห็น นั่นก็เป็นตัวอย่าง แต่นี่ก็รู้กันแล้วละ ก็เลยอาตมาก็เห็นว่า จะรับ กศน. ทีนี้ อาตมาก็มาได้คิด โรงเรียนนี่ตอนนี้เรากำลังจะขอโรงเรียน ขออนุญาตตั้งโรงเรียนเอกชนเลย ไม่ใช่ กศน. เป็นโรงเรียนจริงๆ ซึ่งจะเป็นโรงเรียนแบบพิเศษของกระทรวงศึกษาฯเขา คือ เป็นโรงเรียนที่สอนฟรี โรงเรียนไม่เก็บค่าเล่าเรียนเลย ซึ่งเป็นแบบพิเศษ แล้วจะมีสิทธิ์พิเศษ อะไรหลายๆอย่าง ในโรงเรียนนี้ เป็นโรงเรียนเอกชน ไม่เก็บค่าเล่าเรียนเลย สอนฟรี ซึ่งจะสอนฟรี นี่ เราก็ต้องมีครูฟรี ครูมาสอนก็ฟรีด้วย เราสอนฟรี แล้วไม่มีครูฟรีๆ แล้วทำอย่างไร ตายกันพอดี เสียสตางค์ค่าครูด้วยเป็นไปไม่ได้ ของเราก็จะทำอย่างนี้ ขออนุญาตอยู่ คิดว่า ปีหน้านี้จะได้ แต่ตอนนี้ก็ยื่นเรื่องทำติดตามไปมากแล้ว

ทีนี้ กศน.รับมาแล้วนี่ อย่างสันติฯกับปฐมฯนี่ เด็กก็ยังอยู่ เราก็ยังเรียนอยู่ สอนเด็กต่อไปอยู่ เด็กยังไม่ได้ออกไป ครู ตอนแรกเยอะน่ะ ตอนนี้ ร่อยหรอลง แล้วเด็กก็ยังอยู่เท่าเก่า แต่ครูน้อยลง รับเด็กมาเพิ่มเข้าอีกเป็นไง ตายเท่านั้นเอง เราทำไม่ได้ รับเด็กมาแล้วครูกลับน้อยลง ที่จริง ต้องมีใหม่มา เพิ่มบ้างเหมือนกัน เพราะว่าพูดเข้าใจ พวกเรานี่ครูเยอะนะ แต่เสร็จแล้วนี่ แหม ขี้มักเข้าวัดนี่ มันเบี่ยยันเป็นครูน่ะนา ไม่มีใครจะสอนน่ะ ก็หมกๆหลบๆหลับๆอยู่ก็มี ไม่เอา ไม่สอนหรอก ทำงานอื่น ไปทำนายังดี มันเบื่อเป็นครูน่ะเบื่อ ก็ไม่ทำหน้าที่ครู สอน เป็นครู จบวุฒิมา ครู แล้วก็ทำงานมาด้วยหลายปี แต่พอมาเข้าวัดไม่เอานะ ไม่สอนนะ ใครจะสอน สอนไป นี่หรือเป็นครูฉันไปเคาะกระดาษดีกว่า ฉันไปอะไรพวกนี้ ยังมีครูของเรายังมีเยอะ เอาละ อาตมา จะปลุกผีครูขึ้นมาจนได้แหละ ให้รู้ไปว่าผีครูไม่มีสำนึก จะปลุกผีครูขึ้นมาจนได้ มันต้อง รองรับต่อไปในอนาคต เราจะต้องมีรุ่นเด็ก อาตมาไม่หวังคนอายุมากหรอก แต่อย่าว่าอาตมา ว่าคนอายุมากล่ะ อาตมาไม่หวังหรอก เพราะว่าก็นับวันจะต้องตายไปก่อนน่ะ จะไปหวัง ได้อย่างไรเล่า ไอ้ผู้ที่ยังมีอายุมากก็คือเด็ก ใช่ไหม จะต้องรังสรรค์ในสังคม มีเวลาจะต้อง ปฏิบัติกิจ ทำงานทำการสร้างสรรหรือ ว่าจะทำให้ฉิบหาย มันก็ไอ้คนอายุน้อยนี่แหละ ต่อไปโลก หรือสังคม ก็คือเด็กนี่แหละ จะเป็นผู้ใหญ่ต่อไป

เพราะฉะนั้น เราก็จะต้องถึงขั้นว่าพอที่จะมีเด็ก มีสร้างเด็กขึ้นมาได้ เราก็ถึงมีโรงเรียน เพราะฉะนั้น โรงเรียนเราก็จะเปิดให้เป็นหลักเป็นฐานต่อไป แม้เราจะคุมกำเนิดอยู่ว่า เราจะไม่ส่งเสริม ให้มีลูกกันมากนี่ก็ตาม ไม่ให้แต่งงง แต่งงานนี่ก็ตาม เราก็มีเด็กที่จะเรียน เพราะว่าญาติธรรม ลูกหลานนี่อีก เยอะแยะไปที่ยังมีๆกันอยู่นี่มากไปเหลือแหล่ แล้วเราก็ จะรับไม่ได้มากด้วย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงว่าโรงเรียนจะไม่มีเด็กนักเรียน ขอให้เราทำให้ดีๆได้ คุณภาพเถอะ เด็กนักเรียนมีแน่

เมื่อมันมีเหตุว่าครูน้อย แต่นักเรียนมันก็ยังมีอยู่ มันก็ยังรับภาระอยู่ยังไม่เติม อาตมาปลุกผีครู ยังเพิ่มไม่ได้ ก็ขอปิดรับนักเรียน กศน.ก่อน มานี่ยังไม่ได้เปิดรับหรอก เพราะว่ายังไม่เสร็จ โรงเรียนชื่อ "โรงเรียนสัมมาสิกขาปฐมอโศก" ถ้าเผื่อว่าดีในอนาคตจะเปิดอีก อย่างโรงเรียน เปิดที่สันติก็เป็น "โรงเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศก" ต่อไปอย่างนี้ หรือว่าที่อื่นก็ต่อไปอีก ถ้ามันดีนา อะไรดีเอาไว้ ถ้าเป็นโรงเรียนดี ดูจะทำเทียบคู่กับ กศน. ถ้า กศน.ดีก็เอา กศน.ไว้ โรงเรียนไม่ดี ปิดเลย ถ้าโรงเรียนดี กศน.ไม่ดีก็เลิก กศน. เอาโรงเรียนไว้ ถ้าดีทั้งคู่เอาไว้ทั้งคู่ เราจะต้องทำไปดู เพราะว่า เราจะต้องสัมพันธ์กับเขาน่ะ ต้องเกี่ยวข้องกับทางโลกเขาด้วย เราก็ต้องใช้ตั๋ว อยู่กับสังคมโลก เราก็ต้องหยั่งโลก เราจะไปขัดเขาไม่ได้นะ เราก็ต้องทำไปตามด้วย ตามที่มัน มีระเบียบการ มีกฎ มีหลักอะไรก็ตามกันไปได้ ก็ขอบอกญาติโยมให้ทราบว่า อย่าอกหักเลยนะ ผู้ที่เตรียมจะเอาลูกมาให้ฝาก กศน. ต้องขออภัยปีใหม่ ๓๕ กัน อาตมาก็ไม่ได้เตรียม ที่จะรู้ ล่วงหน้าว่า มันจะต้องเป็นอย่างนี้น่ะ ขออภัยจริงๆ ไม่ได้เตรียมตัวรู้ล่วงหน้า ว่าจะเกิด เหตุการณ์อย่างนี้ ก็เลยไม่ได้ตามไว้ก่อน หรือไม่ได้พูดกันไว้ก่อน ก็เลยหลายคน เตรียมตัว จะเอาลูกมาเข้า ก็เอาละขออภัย ให้แกเรียนทางโน้นไปก่อน อย่าไปเพิ่ง ลาแกออก จากโรงเรียนเก่า เอาเรียนไปก่อน อย่างไรๆก็มันยังไม่พร้อม ไม่รู้จะทำอย่างไร นี่เด็ก กศน. ไม่รับทั้ง ศีรษะอโศกฯ ไม่รับทั้งที่สันติฯและปฐมฯ ไม่รับเพิ่มขึ้นปีนี้ ไม่รับเด็ก กศน.เพิ่ม สอนเด็ก กศน.ที่มีอยู่แล้วก่อน ไปก่อนเท่านั้น แล้วเราก็จะดำเนินการโรงเรียนนี้ขึ้นมาดู

ถ้าโรงเรียนนี้ตั้งเสร็จ อาตมาก็จะโอนเด็ก กศน.ที่ปฐมอโศกฯนี่เข้า เป็นเด็กประจำโรงเรียนนี้ ไปก่อน ส่วนจะรับได้อีกหรือไม่ อย่างไรนั้น จะต้องมาคำนวณดูผีครูขึ้นไหม จะมีผีครูขึ้นมา พอสมควร เอาละตอนนี้เลิกเป็นผีซะที ครู เอาเป็นครูซะที ขึ้นมาพอจะร่วมไม้ร่วมมือกันเอา ก็จะได้พอ ก็จะเพิ่ม นี้เรื่องของ เด็ก กศน. หรือว่าของเด็กนักเรียนที่ว่าอาตมาจะต้องบอกก่อน นี่มีผู้เตือนมาว่า หลายผู้หลายคนในญาติธรรมที่จะเอาลูก เอาหลานมาฝาก ก็ไม่เข้าใจ ก็จะได้รู้กันไป

ตอนนี้ก็จะ ๖ โมงแล้ว อาตมาพูดโน่นไปนี่ไปก็พูดกว้างๆ เพราะว่า เวลาปฏิบัติธรรมนี่ อาตมาสอนอยู่ ซอยลึกในเรื่องของมรรคองค์ ๘ ก็ดี ในเรื่องของโน่นของนี่ก็ดี ซอย ตอนนี้ ก็มาพบกันมากๆ ก็มาพูดกันกว้างๆ จะให้รู้เรื่องกว้างที่ เราทำงานอยู่ตอนนี้เรื่องกว้าง สัมมาอาชีพ ของเรามากขึ้น อาตมาก็ต้องเน้น และบอกในสัมมาอาชีพต่างๆ

เพราะฉะนั้น การงานที่มันจะเกิดตอนนี้นี่ มันเป็นเรื่องของศาสนาพุทธ ขอยืนยันอีกหนึ่งว่า ไม่ใช่ศาสนาพุทธคือไม่ทำงาน ศาสนาพุทธคือลดงาน ไม่ใช่! ทำงาน ไม่ลดงาน งานนั้น ต้องเป็นสัมมาอาชีพ เป็นงานที่ไม่เป็นมิจฉาชีพ อย่าเข้าใจว่ามิจฉาชีพนั่นคือ ไปปล้นไปจี้ อย่างเดียว ไอ้นั่นมันเป็นมิจฉาเลวๆแน่ๆอยู่แล้ว มันชั่ว มันบาปจริง ไอ้นั่นมันมิจฉาละ หรือ การงานที่มิจฉาชีพนี่ การสร้างโรงเหล้านี่คือมิจฉาชีพ ว่ากันจริงน่ะ ทำโรงเหล้า โรงยา โรงบุหรี่ แม้แต่โรงเครื่องสำอางค์ ที่มอมเมามนุษย์นี่ ก็เรื่องอาตมาก็จัดเข้าเป็นพวกมิจฉาชีพ ด้วยเหมือนกัน โรงงานฆ่าสัตว์ โรงทำขายเนื้อสัตว์ ทำอะไรพวกนี้ มันเข้ามิจฉาที่เป็นหลักๆ ของพระพุทธเจ้า ไปค้าสัตว์เป็น ค้าสัตว์ตาย ค้าอาวุธ ค้ายาพิษ สิ่งที่เป็นพิษ เป็นสิ่งที่มอมเมา อะไรเล่า มันเข้าข่ายพวกนี้ มันก็เป็นมิจฉาชีพทั้งนั้นน่ะ นี่ลองเข้าใจอันนี้ง่ายๆซะก่อน เป็นมิจฉาชีพทั้งนั้น เพราะฉะนั้น สร้างอาวุธเฉียดๆ กับสร้างเครื่องใช้ระวัง ทำมีดเป็นอาวุธ หรือเปล่า เออ เครื่องใช้ๆ แต่ให้มันยาวหน่อยมีดน่ะ ปลายงอนๆหน่อย อะไรก็แล้วแต่ มันจะเป็นดาบ หรือมันจะเป็นมีดนี่ละอะไรอย่างนี้ ทำพลังงานดีๆน่ะ แต่จะเป็น เพื่อสันติ หรือ เพื่ออาวุธล่ะ พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ หรือพลังงานปรมาณูเพื่ออาวุธ หรือเพื่อเครื่องทำลาย ยา จะเป็นยาพิษหรือไปเป็นยารักษาโรค อะไรพวกนี้ มันมีสองทิศสองทาง สองคมอยู่เสมอๆ เราต้องศึกษาดีๆ แล้วเราก็จะต้อง พัฒนาการงานอาชีพที่จะต้องทำ

แม้แต่ทุกวันนี้ เอาละทีนี้ลึกขึ้นมาอีกแล้วน่ะ งานอาชีพ โรงเรียนบางโรงเรียนคือโรงเรียน มิจฉาชีพ เพราะการสอน ผลิตคนออกมา ไปเอาเปรียบเขาได้มากที่สุด เก่ง เอาเปรียบเก่ง แล้วก็จิตใจ ของนักเรียนนักศึกษาที่ออกมาจากสถาบันนั้น เป็นจิตใจที่ไม่มีคุณธรรม โรงเรียนนั้น ก็โรงเรียนมิจฉาชีพ พูดไปแล้วสยอง พูดไปแล้วสยอง ฟังดีๆนะ นี่มันซ้อนขึ้นมาแล้ว

ร้านค้าขายเป็นร้านค้าขาย อย่าว่าแต่คุณขายของธรรมดา ของดีๆ เลย แต่วิธีการของคุณ เป็นวิธีการมิจฉาชีพ วิธีการของคุณเป็นวิธีการที่เอาเปรียบเอารัด วิธีการที่เชือดเฉือน วิธีการ ที่หลอกล่อ อย่างลามกซ้อนเชิงที่คนอื่นไม่รู้เท่าทันเลย นั่นแหละร้านค้ามิจฉาชีพที่สุด ทั้งๆที่ มันเป็นสัมมาอาชีพได้การค้าขาย จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ เป็นโรงงานก็แล้วแต่ แม้แค่พูดไปแล้ว การเกษตร ปลูกผัก มิจฉาชีพนี่ ฉีดยาไปฆ่าคนที่มิจฉาชีพ เห็นไหม การเกษตรนี่ ก็ปลูกผักเอง แล้วตัวเอง ยังไม่กินเองนั่นน่ะ มิจฉาชีพหรือยัง รู้ทั้งรู้น่ะ ๆ จะเอายาพิษไปให้คนกินน่ะ ก็ตัวเอง ยังไม่กล้ากินน่ะ แล้วมันไม่มิจฉาชีพได้ไง อย่างนี้เป็นต้น

เพราะฉะนั้น เราจะต้องเลิกมิจฉาชีพทุกอย่าง ตอนนี้กำลังจะอธิบาย อาตมาพยายาม ทำความเข้าใจ กับพวกเราให้ดีเรื่องอาชีพ คนต้องมีอาชีพ แล้วอาชีพที่มิจฉาชีพ มันลึกซ้อน ขึ้นมาอย่างนี้แหละ ไอ้ที่มิจฉาชีพชัด จนกระทั่ง มิจฉาชีพซ้อนทีนี้ มิจฉาชีพมากหรือน้อย เพราะฉะนั้น มิจฉาชีพ อาชีพอะไรที่คุณจะสร้าง ถ้าเราทำไร่ทำนา ทำให้ข้าวมีคุณภาพดี ให้ได้ปริมาณมาก เสร็จแล้วแจกจ่ายได้เลยนี่ขายราคาถูก หรือแจกได้เลย โอ้โฮ คนนี้มี สัมมาอาชีพสูงส่ง ถึงขั้น "ลาเภน ลาภัง นิชิคิงสนตา" ปลูกข้าวมีปริมาณมาก มีคุณภาพมาก แล้วเราก็ทำได้เต็มที่ ปีหนึ่งสร้างข้าวได้มาก คุณภาพดี ใครก็อยากได้ เอ้า เสร็จแล้วแจกจ่าย ตามที่เรามีวิธีการแจกจ่าย จะจ่ายใครเป็นเรื่องของเรานี่ เรามีสิทธิ์ แจก ไม่ขาย เสร็จแล้ว เราก็มีข้าวพอกิน มีวัตถุดิบ มีทรัพยากรของเราพอกิน ไม่ขายข้าวเลยก็ได้ ให้มันอย่างนี้ซิ สัมมาอาชีพชั้นสูงสุด เราจะทำได้ไหม อาชีพอะไรก็แล้วแต่ อาชีพอะไรก็ตาม ทำงานอาชีพ ของเรานี่ฟรีได้เลย แล้วก็มีคุณภาพดี มีประสิทธิภาพดี ปริมาณมาก คุณภาพสูง แจก โอ้โฮ อาตมาฝันไกลเหลือเกิน นะนี่ ฟากฟ้าฝั่งฝันนะนี่ ไกลเหลือเกิน ไม่อกหักละ สมฝัน ไม่สมฝัน สมหวัง ไม่สมหวัง ไม่รู้ละ อาตมาก็ตั้งใจสร้าง ให้เราเข้าใจให้ลึกที่สุด ให้สูงสุดแล้ว เป็นคน ที่มีบุญที่สุด ถ้าคนทำอย่างที่อาตมาพูดนี่ ทำได้แล้วนี่คนๆนั้นจะมีบุญไหม ใครโง่ที่สุดยกมือ จะถามคนนั้นแหละ มีบุญไหม แล้วบุญคำนี้มันต้องเข้าใจ แล้วคุณก็เข้าใจว่า บุญคืออะไร นั่นแหละ แล้วก็ทำให้มันชัดก็แล้วกัน แต่มันยากน่ะยากแน่ คุณฟังนี่ก็บอก โอ้โฮย ฟังอาตมา แล้วนี่ แหม จะไม่อยากหวังเลย มันจะได้หรือ กี่ชาตินี่ กี่ชาติช่างมันปะไร ก็เราเดินหน้าเรื่อยไป ก็แล้วกัน ทำจริงๆก็แล้วกัน ทุกวันนี้เรายังเห็นรูปรอยมาบ้างแล้ว ตลาดอริยะนี่ ที่ไหนจะทำ จริงจังอย่างที่เราบ้าง มีงานกาชาด เขาก็ไปบอกให้พวกทูตานุทูต เมียทูตานุทูต เอาของที่มันไม่ ต้องเสียภาษีมา คุณมีเหลือมีอะไรเอามาขายบ้างนะ เขาก็เลยมามีร้านทูตเอาของต่างประเทศ ที่ไม่เสียภาษี ที่เมียทูตเขาพกมา ก็เอามาวางขายกัน ขายเสร็จแล้วคนก็มาเข้าคิวอย่างนี้แหละ มาซื้อน่ะนา โอ้ย ใครก็อยากได้น่ะนา นี่ประสบการณ์อาตมามี แต่งานกาชาดเขามีร้าน ทูตานุทูต ให้เมียทูตเอาของของเขามา ก็ของไม่เสียภาษีใช่ไหม ก็มาขายราคาถูกได้ใช่ไหม ขายราคาถูก หนักเข้าคนนี้ซื้อ ใครใช่ไหม รู้กันเอง มาเข้าคิวซื้อกองนี้แหละ คนอื่นไม่ได้ซื้อหรอก ตอนแรก คนอื่นเขาฮือฮามาเข้าคิวแย่งกันซื้อใหญ่น่ะนา ได้ไม่กี่ที ก็พวกทูตานุทูต เมียทูต นั่นแหละ ซูเอี๋ยกันเองขายหมดเลย หนักเข้าไม่เท่านั้นแล้วทีนี้ แพงขึ้นแล้ว เอาละ แพงขึ้นมาก เขารู้ทัน แต่ซ่อนแฝงขายกันเองนี่ไม่รู้ขายแพงขายหนักเข้า ก็ให้พวกของเมียทูตเองของมามากๆ พอถึงเวลานี้ ก็คือการระบายต่อหน้าประชาชน แล้วก็ได้หน้าด้วย ขายของเยอะด้วย แล้วก็ไม่ไปไหน อยู่ในอ่างเรียกว่าเรือล่มในหนอง ทองไม่ไหนเลย อะไรอย่างนี้

นี่อย่างนี้มันซ้อน ของเรานี่ทำให้จริงๆ ทำให้จริงๆ แล้วมันก็จะได้ผลได้ประโยชน์สะพัด แล้วก็เป็นบุญ เป็นบุญจริงๆน่ะ เป็นบุญของใครๆที่ทำอยู่นี่ อาตมาก็ว่าเอา พวกเรามาเสียสละ สร้างสรร แล้วมันซ้อนเชิงนะพวกเรานี่ อาตมาสอนให้พวกคุณยิ่งจนลงๆ แล้วมันจะมีเงินที่ไหน มาทำอย่างนี้น่ะ แล้วมัน ซ้อนๆ แต่มันก็จะ...จนได้ แล้วมันก็ต้องได้จนได้ แล้วมันจะมีส่วนช่วย ส่วนเหลือกัน คนนั้นคนนี้ช่วยเหลืออุดหนุนกันไป ช่วยกันมาพยายาม คุณดูน่ะในที่นี้นี่ มีร้าน ไหนที่คนเข้าคิว แล้วก็ซื้อเป็นหลักเป็นฐานมากที่สุด จริงจังที่สุด ก็ร้านนั้น แหละมังที่จะเป็น ประโยชน์ต่อคนย่านนี้ถิ่นนี้ หรือคนถิ่นไหนก็แล้วแต่ที่จะเป็นจริงเป็นจัง เราก็ช่วยไว้ อุดหนุนไว้ เท่าที่ทำได้ รู้ไหม ร้านไหนนี่ ในงานนี้ ร้านไหน บ้านร่มเย็น บ้านอโศกรังสรร อโศกรังสรร ดูจะหนักกว่าเพื่อน ปีๆหนึ่งหลายหมื่นบาท เพราะฉะนั้น เขาก็ไม่ไหว ส่วนตัวเขา อโศกรังสรรค์ แต่ก็เสียมาหลายปีแล้ว ปีนี้พวกเราก็ไปช่วย เพราะฉะนั้น ใครอยากจะมาช่วยบ้างก็มาน่ะ ปีนี้อโศกรังสรรค์ ก็บอกให้ทำเต็มที่ เพราะว่า ประชาชนรับ แล้วก็ทำอย่างนี้แหละ ขายต่ำกว่าทุน จริงๆ นี่แหละอย่างนี้ แล้วคนเขาก็รู้ เอา ให้ประชาชนได้รับ อโศกรังสรรค์ไม่มีทุน พอแล้ว ปีนี้บอกมา อาตมาบอกแล้วไม่เป็นไร ทุนไม่มีได้เท่าไร ออกไป กำไรอริยะอีกเท่าไหร่ หมดทางนี้ ตู๊ให้ อาตมาหน้าใหญ่รับ แต่ยังไม่มีเงินนะ ใครจะมาช่วย มาช่วย ปีหนึ่ง ร่วมแสนบาท ปีหนึ่ง ในงานนี่ ร่วมแสนบาทให้แก่อโศกรังสรรค์ แต่ก่อนนี้อโศกรังสรรค์จ่ายเอง แกรับปลูกป่าไป แกก็มีรายได้ ตอนเดี๋ยวนี้หยุดปลูกแล้ว ไม่มี ก็เลยไม่มีทุน ไม่มีทุนบอกอาตมา อาตมาเลยบอก ตกลงทำอย่างเก่า บอกว่าปีนี้จะมากกว่าเก่า ปีนี้มากกว่าเก่า มาเท่าไหร่ก็ไม่ว่างบมา คุณมีได้เท่าไหร่ ก็ช่วยไป คุณจะทำบุญเท่าไหร่ก็ทำ เหลือเท่าไหร่อาตมาตู๊ ทางด้านเราจะตู๊ให้ อาตมาก็บอกไป ทางด้านพวกเราญาติโยมมูลนิธิฯบ้าง แต่ยังไม่มีใครกระดิ๊กกระดี๊ อะไรเท่าไหร่ ยังไม่รู้เลยว่า เขาจะช่วยกี่บาท แต่ก็ต้องช่วยกันจนได้แหละ เพราะฉะนั้น ใครจะช่วยก็มาบอก ใครจะช่วยก็มาเอา เพิ่มหนุน เพื่อให้ช่วยกิจกรรมนี้ ปีหนึ่งหนหนึ่ง ถึงตายไหม ตายไหม อาตมาว่า ไม่ตายหรอก ยังอยู่รอด พวกเรายังอยู่ได้ เราจะให้เกิดสภาพนี้ มันไม่ใช่ง่าย ไม่ใช่เอาหน้าน่ะ ทำจริงๆให้มันเป็นวัฒนธรรม ให้มันเป็นเรื่องราว ปีหนึ่งหนหนึ่ง กี่ร้าน ที่รักษาฐาน อย่างนี้ได้ จงทำ ใครมีน้อยทำน้อย ใครมีมากทำมาก พวกเราก็หลายร้าน พวกเรา ที่ยืนหยัดอยู่นี่หลายร้าน อย่างน้อยก็ร้านพวกเด็ก พุทธธรรม ร้าน ชมร. ร้านอะไร พวกเราก็ได้ ขายกัน ชามละบาทๆ อะไรขายกันอยู่อย่างนี้ อะไรต่างๆนานา หรือแตกต่างนานา พลังบุญบ้าง อะไรต่ออะไรบ้าง เราพวกเรารู้กันเองว่า พวกเราทำกันจริง คนข้างนอก บางทีมาแฝง ไอ้โน่น ไอ้นี่อะไรกัน เราก็พยายามกันจับได้ เชิญ เราจะเอาความจริง ไม่ต้องการกี่ร้านมาก ไม่ต้องมากร้าน แต่ขอให้มีร้านจริงนี่น่ะ ไม่กี่ร้านก็เอาดีกว่า

เพราะฉะนั้นต่อไปจะเข้มงวดกวดขัน พอร้านไหนมาแฝงไม่เอา ต่อไปมันจะเละ แล้วกลาย เป็นว่า โอ้โฮ มันหลอก ตอนหลังมันก็เละ มันก็ยุ่งซี เสียสภาพเราหมด เพราะฉะนั้น ตลาดอริยะของเรา ก็ต้องเอาให้เข้มงวดกวดขันต่อไป มาช่วยกัน สิ่งเหล่านี้อาตมาพูดขึ้น หลายคน คงเข้าใจลึกๆว่า เรากำลังสร้างอะไรให้แก่สังคมมนุษย์ ถ้ามนุษย์ทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ช้างก็ทำไม่ได้ ม้าก็ทำไม่ได้ เชื่อไหม ทำไม่ได้หรอก ไม่มี ไม่มีสัตว์ไหนทำได้ มีเวไนยสัตว์ คือคนที่ มีปัญญา และมีฤทธิ์แรง มีกำลังนี่จะทำได้ นอกนั้นทำไม่ได้

นี่เป็นเรื่องอาชีพที่เรากำลังกระทำกันอยู่นะ เพราะฉะนั้นก็เรื่องอาชีพ สัมมาอาชีพนี่ อาตมาก็ ขอขยาย วันนี้ก็ขยายเรื่องนี้เพิ่มเติมขึ้น ให้พวกคุณเข้าใจลึกๆ อาตมาอธิบายอย่างนี้เป็นศิลปะ ในการสื่อ พวกคุณเข้าใจอะไรบ้าง รู้สึกว่าได้เข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นไหม ในเรื่องสัมมาอาชีพ ในเรื่อง การกระทำ ว่าเรากำลังทำอะไร และเรากำลังต้องต่อสู้ เรากำลังต้องพัฒนา ต้องอดทน ต้องเสียสละ ต้องขยัน ต้องอุตสาหะยิ่งขึ้นนะ ที่อาตมาพูดนี่เพื่ออันนี้ นะ ไม่รู้มันจะเกิดผล หรือเปล่า หรือฟังไปแล้ว อ๋อ รู้แล้วเหมือนเดิม แย่กว่าเดิม อาตมาก็คงอายุสั้นลงกว่านี่น่ะ แต่ถ้าเผื่อว่าเจริญขึ้น อาตมาก็คงจะชื่นชม มีกิจกรรมอะไรหลายๆอย่าง ที่กำลังจะเกิด ในด้าน การช่วยชาวนา ด้านซื้อข้าว ด้านที่จะมีโรงสี ที่จะพยายามให้พวกเรานี่ ได้กินข้าวดี ได้กลับมากิน ข้าวซ้อมมือ กลับมากินข้าวกล้อง กลับมากินข้าวที่มีวิตามินครบสมบูรณ์ แทนที่จะมียาพิษ ก็ไม่ใช่ ไม่มียาพิษ แล้วแถมไปกินข้าวขาวก็ไอ้กากข้าว ไม่ใช่กากละ มันแกนข้าวที่มันมีแต่แป้ง และ คาร์โบไฮเครต ซึ่งเป็นพิษมากด้วยซ้ำ ไม่ได้เรื่องอะไรแล้วด้วย ขาดธาตุอาหารไปซะ สาระพัด สาระเพ ซึ่งไม่เป็นธรรมชาติเลย เราก็จะพยายามดึงกลับมาๆๆๆ หลายด้าน ที่เราทำอยู่ งานนี้ มันมี โอ้โห ต้องร่วมไม้ร่วมมือ ต้องอะไรต่ออะไรกัน โดยเฉพาะต้องร่วมทุน พูดไปแล้ว มันก็จะบอกร่วมทุน พอบอกร่วมทุนแล้วมันก็สะดุ้งร่วมทุน

ตอนนี้เรามีธนาคาร แน่ะพูดให้ใหญ่ๆ กองบุญสวัสดิการ ซึ่งทางเศรษฐศาสตร์เขางง มีพวกเรา ไปคุยกันกับนักเศรษฐศาสตร์ ทางด้านมหาวิทยาลัยเขาเล่าเขาเรียนอะไรกัน คุยอะไรกันก็ เขาคุยโก้ มหาวิทยาลง วิทยาลัยอะไรกันก็แล้วแต่ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นยอดน่ะนา เขาจะลด ดอกบ้งดอกเบี้ยอะไรกัน ว่าถ้าเป็นธนาคารก็ลดดอกเบี้ยลงไปต่ำๆ นั่นแหละคือ ความเจริญ แต่ทุกวันนี้ธนาคารมันเพิ่มด้วยดอกเบี้ยมันไม่เจริญล่ะ มันไปกันใหญ่ มันก็ไปหา นายทุนกันหมด ถ้ามันลดดอกเบี้ยได้มาก นั่นคือความเจริญน่ะ เพิ่มดอกเบี้ยไม่ใช่ความเจริญ เพราะฉะนั้น รัฐบาลเขาต้องคุมกันไว้ อย่าให้ขึ้นดอกเบี้ยกันให้มาก อะไรก็ตามแต่ ไม่ว่าจะเป็น ดอกเบี้ย ให้กับคนฝากหรือดอกเบี้ย ในการที่จะให้ไปกู้ยืมออกไป ลดได้เป็นดี มีเจ้าหนึ่ง ไปกู้เงิน ไปทำการลดดอกเบี้ย มาได้ แหม ว่ายืมเงินจากธนาคารต่างประเทศเขามาได้แค่ออกเบี้ย หกบาท แหม เก่ง ฉันทำเศรษฐกิจได้ดี แน่ะ ได้เปรียบเขาน่ะดีใจ มาคุยโม้ แล้วก็คุยไปใน ทางหลักวิชา เห็นไหม ฉันทำได้ ฝืมือของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นดี ลดดอกเบี้ยจะเอาต่ำ หรือว่า จะยืมมา แล้วเสียดอกเบี้ยให้เขาน้อยลง มันก็คือความดี ความเจริญ ของทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งนั้นแหละ โดยหลักการที่ถูกต้อง เขาทำได้คุยใหญ่เลย มาคุยเจอเอาพวกเราเข้า พวกเรา ก็บอกว่า พวกเราน่ะ อย่าว่าแต่หกเลย บาทเดียวก็ไม่ได้เสียดอกเบี้ยนี่ ตลก เขาบอกไม่มีหรอก ธนาคารอย่างนี้ บอกมีของเราธนาคารเล็กนะ แต่เราทำได้ก็คุยกันไปคุยกันมา ก็พูดให้ฟัง ว่าเราทำนี่ ขนาดนี้แล้วนะ ทางด้านการเงินเราก็ทำว่า ไม่มีดอกเบี้ยกันเลย เขาก็บอกนั่นแหละ นักเศรษฐศาสตร์ไหนๆ ก็ไม่รู้จักเป้าหมายนั้นน่ะ ทำได้อย่างนั้น เขาก็ต้องการทั้งนั้นแหละ แต่ไม่มีใคร ทำได้ในโลก บอกมีในโลกนี้มี แม้แต่จุดเล็กก็ตาม สันติอโศกทำแล้ว ไม่มีดอกเบี้ย แม้แต่ผู้มาฝาก ก็ไม่เอาดอกเบี้ย ให้ยืมกันไปทำงาน ก็ไม่ไปคิดดอกเบี้ยจากเขา จริงหรือ จริงซี อย่านึกว่า เราทำอะไรเล็กๆนะ นี่ เป็นเรื่องที่โลกเขายังทำไม่ได้ แต่เราทำได้ แม้จะเล็ก แต่เล็กจริงนะ เล็กของแท้ นะ เล็กของวิเศษนะ คุณได้กรวดมาห้าร้อยตัน กับคุณได้เพชรมา เม็ดหนึ่ง ที่บริสุทธิ์นี่ คุณจะเอากรวดหรือเอาเพชรล่ะ เอากรวดหรือเอาเพชร ฯลฯ..

เพราะฉะนั้น เราทำอะไรเล็กก็จริงอยู่ แต่บริสุทธิ์สะอาดและจริงจังขึ้นมาให้ได้ เขาก็ต้องการ คุณลักษณะอย่างนี้ เขาก็ต้องการ แต่เขาทำไม่ได้ เราก็มีความจริงใจ แม้ความจริงใจของเรานี่ จะยังไม่บริสุทธิ์ สะอาดทั้งหมด บางคนยังจะมีกิเลส ยังหลงๆอยู่บ้างก็ตามเถอะ เราถือว่า มันสะอาดอย่งนี้ ไม่ใช่ถือว่า เรามาโกงอะไรกันหรอกนะ มันยังหวงๆอยู่ แม้จะเอามาให้ แหม มันยังไม่เต็มใจ จนกว่าพวกเราจะเห็นจริงเห็นจัง เต็มใจเอามาฝาก เต็มใจเอามาให้ ทำกิจการให้ ขึ้นไป อันนี้จะทำลายโลกทั้งโลกอีกห้าโลกก็ท้าทาย อย่าว่าแต่โลกลูกนี้เลย จริงๆ ขอยืนยัน กิจกรรม พวกนี้นี่ลึกซึ้ง ซับซ้อน ด้านการเงิน หรือเศรษฐศาสตร์ก็เป็นอย่างนี้ อาตมาว่า อาตมา มีความรู้ ทางเศรษฐศาสตร์น่ะ แล้วก็พยายามกระทำอยู่นี่ โดยที่เขาไม่รู้หรอกว่า อาตมาทำอะไร ก็นี่แหละที่เขาต้องการ เขาทำไม่ได้ๆ แต่เราทำได้ อย่างนี้เป็นต้น เราก็กระทำกันไป

กิจการอะไรก็แล้วแต่ทุกวันนี้นี่ เราทำอะไรเกิดขึ้นอยู่ เพื่อที่จะให้เกิดอาชีพ อาชีพต้อง อาศัยทุน เมื่อกี้พูดแล้วว่าทุนแล้วเชียว เพราะฉะนั้น ทุนที่ว่านี่พวกเราจะเข้าใจเลยว่า เราจะทำอย่างไร จะช่วยกัน การที่อาตมาพูดอย่างนี้ เหมือนกับไปบีบไปบี้คุณเอาเงินออกมา ตอบว่าใช่ก็ใช่ ทีนี้คุณเอง คุณจะเอาออกมาน่ะ ไม่ได้บีบบังคับคุณหรอก แต่ว่าคุณจะเห็นว่า คุณควรจะเอา ออกมาไหม ควรจะสละไหม ควรจะช่วยกันไหม ควรจะอุดหนุนไหม อย่างน้อย กิจการนี้เกิดขึ้น เราเอาเงิน มากักไว้หรือเปล่า เราเอาเงินมาออกดอกเบี้ยกินหรือเปล่า เปล่าเลยนะ แต่เราก็เอา ออกมานี่ เพื่อที่จะให้เกิดการงาน เงินมันเป็นพลังงานอันหนึ่งแล้วของสังคม ที่จะสร้างสรร อะไรขึ้นมาได้ กระทำอะไรได้ มันไปให้คนนั้น มีแรงงานออกมาก็ได้ มันไปทำอะไรเข้ามาแทนมัน ใช้โน่นใช้นี่ มาสังเคราะห์กันขึ้นมา มันก็ได้ทั้งนั้น มันเป็นอะไรอันหนึ่ง อยู่ในปัจจัย ของกลไก สังคม แล้ว ที่จะเกิดการพัฒนาหรือเสื่อมก็ได้ แต่เราก็จะเอามาทำให้เกิดพัฒนา ให้เกิด การรังสรรค์ ขึ้นมา

เรายิ่งสอนให้หัดลดละ ให้หัดมักน้อย ให้หัดไม่โลภ ให้หัดสละออก เราก็ยิ่งมีน้อย ยิ่งมีความจำเป็น ยิ่งมีน้อยนี่แหละ ยิ่งต้องเอามารวมกันให้ได้มาก จึงจะเกิดกองมาก ส่วนกลาง นี่แหละ ระบบบุญนิยม จะมีคอมมูน จะมีการรวมกองกลางโดยความสมัครใจ ต่างกับ คอมมูนิสต์ อยู่ตรงนี้ คอมมูนิสต์นี่ไม่สมัครใจ ถูกบังคับ ขูดรีดเอาเลย ออกกฎออกหลัก รีดเอาเลย แต่ของเรานี่ไม่ พูดให้คุณเข้าใจ อาตมาพูดไปแล้วนี่นะ ใครเข้าใจแล้ว ใครจะทำก็ทำ ใครไม่ทำ ก็บังคับไม่ได้ แม้แต่คุณมีมากจนตั้งไม่รู้กี่ล้าน คุณก็ยังเฉย ช่างคุณปะไร เสร็จแล้ว คนที่มีน้อยๆบอก แหม แต่อย่าไปกู้ยืมใครมาน่ะ นี่ก็บ้า อาตมาแช่งไว้ด้วย ไปกู้ยืมเงินเขา มาเข้า กองบุญสวัสดิการนี่บ้า ไม่เข้าเรื่อง หรือแม้แต่คุณมี ก็ต้องคำนวณ ประมาณ คุณมีภาระ มีหน้าที่ มันไม่พอใช้นะในบ้านในเรือน อย่าทำเป็นเตี้ยอุ้มค่อม หรือแม้แต่ว่าเงินคุณใช้ด้วยกัน นา ที่บ้านนี่ พ่อแม่ก็ใช้รวมกันอยู่ ไม่ใช่คนละกระเป๋านะ คนละกระเป๋าอีกเรื่องหนึ่ง ทีนี้ทาง ภรรยา บอกว่า เราเอาไปฝากกองบุญสวัสดิการ ทางพ่อบอกไม่เอาไม่ได้ดอก ฉันจะเอาไปฝาก แบงก์พาณิชย์ อย่าทะเลาะกัน ๆ เห็นใจกันบ้าง มันยังทะเลาะกัน ประเดี๋ยว ก็ยุ่งยากกันใหญ่ ต้องหยวนเขาบ้าง เราจะได้บุญก็ไม่ได้บุญ ก็ต้องลดบ้าง ทางโน้นจะยังเอาเงิน ก็ต้องเอาเงิน จนกว่าจะพูดกันได้ว่า เอาน่ามาทางนี้น่ะ พอเป็นไปค่อยทำ อันนี้ก็ต้องบอกไว้ด้วย ไม่เช่นนั้น ประเดี๋ยวอาตมาพูดไปนี่ จะเกิดสงครามในบ้านกันอีกมากมาย แล้วก็ยุ่งกันใหญ่ ฯลฯ..

... ตอนนี้ก็ได้พูดกันตอนเช้า ต้อนรับปีใหม่ด้วยเรื่องราวอะไรก็แล้วแต่ ตั้งแต่เริ่มต้นเทศน์ ในนัย อะไรต่างๆนานา จนกระทั่งมาเข้าหาคำว่า มรรคองค์ ๘ จนกระทั่งถึง สังกัปปะ วาจา กัมมันตะ แล้วมาสู่อาชีพ สัมมาอาชีพ แล้ว เราก็ อาตมาก็ได้ขยายความว่า เราได้มีพัฒนาการ อย่างไรบ้าง มีอะไรเกิดขึ้นบ้างแล้ว แล้วจะทำอะไรกันบ้าง อาตมาก็ได้แนะได้บอกกันไปแล้ว พวกคุณมี ปฏิภาณก็รับซับทราบกันไว้ว่า ที่เป็นเรื่องของสังคมมนุษย์ ที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องนำ ให้เรา นี่แหละ ได้สร้างสรร ได้บุญ ได้กุศล ได้เจริญไปสู้นิพพานด้วย ขอยืนยัน อาตมาขอยืนยันว่า ไปสู่นิพพานด้วย แล้วมันอยู่ในหลักมรรคองค์ ๘ แล้วมีเครื่องอาศัยทุกฐานะ ศีล ๕ จนถึงศีล โอวาทปาฏิโมกข์เลย

ไม่ใช่ว่าเราทำ ไปแค่เฉพาะเรื่องศีลธรรมะก็คือ นักบวช ธรรมะก็คือนักบวช ต้องเข้าวัด เข้าวัด ไม่อยู่นอกวัดด้วย มีอาชีพด้วย มีทุกอย่างที่อยู่ในสังคม ช่วยผู้อื่น ที่แม้ไม่ใช่พวกเราด้วย แต่ตอนนี้ เราอ้าขาผวาปีก ไปช่วยผู้อื่นได้มากยังไม่ได้ ให้ระวัง ด้วยซ้ำว่า เราจะทำอะไร กว้างไปได้อีกเยอะนะ แล้วมันจะอ้าขาผวาปีก อยากจะไปช่วยคนอื่น เขานอกๆ มากเกินไป ตอนนี้ เราช่วยพวกเรา แล้วก็อาศัยพวกเรา ให้พวกเราแข็งแรง พึ่งตนเอง อย่างแข็งแรงได้ดี แล้วเราจะช่วยผู้อื่น มิจฉาชีพอย่างไร ก็เตือนแล้วบ้างพอสมควร แต่จะพูดกันไปอีก เพราะบอกแล้วว่า จะต้องพูดไปอีกกี่ชาติ เกิดมาก็พูดถึงมรรคองค์ ๘ นี่แหละ สัมมาอาชีพ อย่างไร เราก็เตือนกัน ซึ่งเราจะจะต้องจัดแจงสัมมาอาชีพให้สูงยิ่งขึ้น ไม่ว่าการเกษตร ไม่ว่าการพาณิชย์ ไม่ว่าการศึกษา ไม่ว่าการอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์การงานอะไรก็ แล้วแต่ จะต้องเรียนรู้ แล้วจะต้องใช้ในชีวิตมนุษย์ มนุษย์ไร้การงานไม่ได้ เป็นการงาน เราต้อง ขยันหมั่นเพียร เราจะรู้ว่า การงานบุญ การงานเจริญของ ชีวิตเรา จะมีอริยทรัพย์ที่จะติดตัวไป ตายอีกกี่ชาติๆ เอาอย่างไรก็บอกแล้ว เพราะฉะนั้น เราก็จะต้องมานำเอา คนอื่นทำแทน ไม่ได้หรอก จะต้องมาทำเอง พูดไปๆ ก็ถึงหนึ่งโมง เอ้า สำหรับวันนี้ ต้อนรับปีใหม่พอดี

เอาละ เอวัง


ถอดโดย จอม ศรีสวัสดิ์
ตรวจทาน ๑ โดย เพียงวัน ตั้งมั่นสกุล
พิมพ์โดย อนงค์ศรี ๒๘ มี.ค.๒๕๓๕
ตรวจทาน ๒ โดย สม.ปราณี ๒๙ มี.ค.๒๕๓๕
FILE:2313A B C.TAP