เศรษฐกิจพึ่งตน
ปลูกในสิ่งที่กิน ผลิตในสิ่งที่ใช้


การยืมจมูกคนอื่นหายใจเป็นเรื่องน่าละอายนะครับ ผู้ให้ยืมเขาก็รังเกียจ และสักวันหนึ่ง เราจะนึก อดสูใจตัวเอง

เป็นชีวิตเศร้าหมองนะครับ ถ้ามัวแต่จะรอรับความช่วยเหลือจากคนอื่น

สักวันถ้าเขาขอเราบ้าง ก็ต้องจำใจให้ แม้ประเทศก็ยังต้องยกให้เขา !

ระบบเศรษฐกิจพึ่งตนน่าจะเป็นทิศทางการพัฒนาประเทศชาติมานานแล้วนะครับ ไม่ใช่เพิ่งมาเริ่ม วันนี้

เราหลงทาง เราไม่มีนักบริหารที่มือถึง ที่มีวิสัยทัศน์บนพื้นฐานปรัชญาทางศาสนา

เรามีนักวัตถุนิยมบริหารประเทศชาติหลายสิบปี ผ่านรัฐบาลมาหลายชุด

วันที่ประเทศตะวันตกชี้ว่าเมืองไทยยังด้อยพัฒนา เพราะยังขาดไอ้โน่น ไม่มีไอ้นี่ เห็นไหมตัวเลขตัวโน้น ตัวนี้ ต่ำมาก วันนั้น ก็คือ "วันหายนะ"

ผมคิดถึงคนอาฟริกาที่ฝรั่งเขาไปปล้นแผ่นดิน และจัดการบริหารประเทศแบบใหม่ให้ เอาระบบประชาธิปไตย เข้าไปสวม โคลนนิ่งทุกกระเบียดนิ้ว แล้วก็มีแต่ความวุ่นวาย

ประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งเดิมเขาเรียกว่า "ด้อยพัฒนา" ความจริงก็พอกินพอใช้ แต่เมื่อท่านเอาเกณฑ์ ของคน ตะวันตก ที่ต้องมีทุกอย่างครบพร้อม มีน้ำไฟ ถนนหนทาง มีสาธารณูปโภคครบ เราก็เลยเป็นประเทศ "น่าสงสาร"

ทางแก้ไขก็คือ การขอกู้ ไม่มีเงินเหรอ ให้ผ่อนส่งระยะยาว ดอกเบี้ยถูก บางทีบางครั้งไม่คิดดอกก็ยังมี

ครับ เป็นการฆ่าให้ตายด้วยเกษรดอกไม้ !

เป็นความหวังดีที่จะให้เราเป็นทาสของเขาตลอดกาลนาน

เอาโค้ก เป็ปซี่คืนไป ขอชีวิตพวกเรากลับคืนมา!

วันนี้ผมเห็นบัตรเครดิตปล่อยกันให้ว่อน เป็นการหากำไรบนความชอบธรรม แต่ผมเห็นความตกต่ำของชีวิต

เป็นหนี้เพราะใช้เงินล่วงหน้า ไม่จำเป็นจริงๆ อย่าดีกว่าครับ

เมื่อไหร่คนไทยจะซาบซึ้งในพุทธพจน์ "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ" - ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

ช่วยตัวเองเถอะครับ อย่าไปโวยวายให้คนอื่นช่วย

ความคิด "ไม่เป็นหนี้" บางทีก็คิดยากนะครับ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เห็นเด็กผู้หญิงกอดเด็กผู้ชาย ถือเบียร์ ท่ามกลางสายฝน ในจอโทรทัศน์ เพราะโตขึ้นแกต้องกินเบียร์แหงๆ หรือไม่ก็มีแต่ข่าวรัฐบาลกู้โน่นกู้นี่ พันล้าน หมื่นล้าน จะไม่กู้ จะอยู่ได้อย่างไร คิดไม่ออกจริงๆ !

"ภาคเกษตรกรรม" เริ่มแล้วครับ ปลูกในสิ่งที่กิน กินในสิ่งที่ปลูก คนทำเกษตรเข้าตลาด เพื่อจับจ่ายซื้อของ ถือเป็นเรื่อง น่าละอาย

เราจะพึ่งตนตั้งแต่เรื่องใกล้ตัวที่สุด คือ การกิน แม้ทำอาชีพก็ยังต้องหันมาลดค่าใช้จ่าย เรื่องยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หันมาทำปุ๋ยทำยาเองให้ได้

การลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรไม่ต้องพึ่งใคร พึ่งตัวเองนี่แหละดีที่สุด

"ภาคอุตสาหกรรม" ต้องอยู่บนพื้นฐานเกษตรกรรมเป็นเบื้องต้น การบูมอุตสาหกรรมโดย ละเลยสินค้า จากเกษตร ถือเป็นความผิดผลาดอย่างมหันต์ของรัฐบาลที่ผ่านมา

ส่วนจะเป็นรัฐบาลยุคใด ก็ขอให้แบ่งบาปกันไปนะครับ ตามสัดส่วนความมุ่งมั่น !

เจตนาดีแต่มีโมหะก็ตกนรกได้นะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก

นักเศรษฐศาสตร์ท่านยังเตือนเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรม หากซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ แต่มาประกอบ ในเมืองไทย แล้วก็ส่งกลับไปขายใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ เช่นอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งจะกลายเป็น "ตัวเลขลวง" ของสินค้าส่งออก ทำให้การคำนวณทิศทางการพัฒนาประเทศผิดแผนและผิดพลาด เพราะปกติแล้ว สินค้าส่งออก ราคา ๑๐๐ ก็เป็นของเรา ๑๐๐ แต่สินค้าอุตสาหกรรมลวงตาเหล่านี้ ส่งออก ๑๐๐ แต่เป็นเพราะ ต้องสั่งวัตถุดิบเข้ามา ๙๐ เราจะได้จริงๆ แค่ ๑๐ เท่านั้น

สูตรคำนวณของนักเศรษฐศาสตร์วันนี้จึงมีตัวแปร อีกหลายตัวที่ทำให้ค่าเบี่ยงเบนไปจากปกติ

ย้อนมาเรื่อง "พึ่งตน" ต่อนะครับ ในหลายๆ ประเทศมีความคิดพึ่งตนเป็นส่วนใหญ่ เขาจะใช้อะไร เขาก็จะ พยายามผลิตเอง

ระบบเช่นนี้ทำให้เศรษฐกิจของเขาหมุนเวียนแข็งแกร่ง รายได้-รายจ่ายสัมพันธ์กัน ทุกคนมีส่วนร่วม อิทธิพลจากต่างประเทศมีผลกระทบกับเขาน้อยมาก

ภาคอุตสาหกรรมตลอดมา เราทำตัวเหมือนเกษตรกรที่ตั้งหน้าตั้งตา "ซื้อ" มาใช้ โดยไม่มีความคิด "ทำเอง"

ทราบว่ารัฐบาลชุดนี้มีความคิดเรื่องนี้อยู่แล้วนะครับ จะขาดก็แต่การผลักดันให้เป็นจริงมากขึ้น

สำรวจดูซิครับว่า วัตถุดิบอะไรที่สั่งเข้ามา เราหัดทำเอง เราจะประหยัดเงินทอง ได้มากมายมหาศาล และ หากไม่มีปัญญาจริงๆ ในบางประเทศเขาเปิดโอกาส ให้เขามา ตั้งโรงงานเสียเลย เช่น กรณีโทรศัพท์มือถือ ในประเทศจีน

เข้ามาแล้วเทคนิคต่างๆ จะไปไหน ยิ่งให้ทำขายส่งนอก เราก็ไม่เสียอะไร มีแต่ได้กับได้

ผมคิดว่าวิธีการของประเทศจีนเข้าท่าดีนะครับ

กระบวนการพึ่งตนนั้นยังต้องหันมาส่งเสริม "การวิจัย" ให้มากขึ้น

เราก็มีนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ มากขึ้น เร่งทำวันนี้ ยังไม่ถือว่าสายเกินไป เพราะประเทศไทย ยังจะอยู่ต่อไป และต่อไป ลูกหลานของเรายังมีอีกเป็นล้านๆ ผู้ใหญ่วันนี้ต้องช่วยกันวางแผนในอนาคตให้เขาด้วย จะได้ไม่เผชิญ ชะตากรรม ที่คับแค้นเหมือนเรา

คิดแต่จะพึ่งคนอื่นร่ำไป ยิ่งพึ่งยิ่งโง่ ยิ่งพึ่งยิ่ง ขี้ขลาดตาขาว

ท่านผู้อ่านสงสัยไหมครับว่า ทำไมคนเกาหลี ญี่ปุ่น เขาถึงกล้าหาญ อีกหน่อยลาว เขมร เขาก็จะแซงเราไป

แล้ววันนั้น เราก็จะหมดคู่ต่อสู้ เพราะทุกคนแข็งแกร่งกว่าเรา

เศรษฐกิจพึ่งตนจงเจริญ !

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๕ ม.ค.-ก.พ.๒๕๔๖)