รู้ทันโรค - ธารดาว -

ปวดหลัง โรคเรื้อรังที่ป้องกันได้


ใครว่า 'ปวดหลัง' เป็นโรคของคนแก่... ความจริงแล้วสาวๆ หรือหนุ่มมาดแมน ทั้งหลายก็มีสิทธิ์ ปวดหลังได้เท่าเทียมกัน ถ้าหากอิริยาบถในชีวิตประจำวัน เราวางท่าทาง ของร่างกาย อยู่ในลักษณะผิดเป็นประจำ แล้วรู้ไหมว่า การเคลื่อนไหวที่เสียสมดุล จนเป็นนิสัย นอกจาก จะเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดหลังแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ อีกด้วย อย่างเช่น ระบบการหายใจติดขัด ระบบการหมุนเวียนเลือดไม่ดี และปวดตามบริเวณข้อต่อต่างๆ

นอกจากนี้มีผู้ที่ฝึกฝนเทคนิคการควบคุมการเคลื่อนไหวและการวางท่าทางที่เรียกว่า Alexander Technique ยังเชื่อว่าด้วยว่า การวางท่าทางที่ผิดทำให้คนเราดูเตี้ยลงหรืออ้วนขึ้นได้ ขณะเดียวกัน ก็มีผลต่อระบบย่อยอาหาร แล้วนำไปสู่อาการเหนื่อยอ่อน แม้กระทั่งความเครียด

ลองปรับท่าทางกันใหม่นะคะ เพราะนอกจากจะทำให้เราดูเพรียวบางขึ้นแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ ร่างกายจะแข็งแรงขึ้นได้ทันที ด้วยเทคนิคแสนง่ายดังต่อไปนี้คือ

*** พยายามรักษารูปลักษณะตามธรรมชาติของร่างกายที่เป็นเหมือนตัว S เอาไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเวลานั่งหรือยืน เพราะกระดูกสันหลังของคนเราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่ออยู่ในท่านี้

*** หมั่นตรวจสอบท่าทางตัวเองอยู่เสมอ โดยยืนหันหลังแนบกำแพง แล้วดูว่าส้นเท้า และไหล่ของเรา เป็นแนวตรงแตะกำแพงหรือเปล่า... ถ้าไม่...ก็แสดงว่า คุณต้องปรับปรุงท่าทาง และบุคลิกของตัวเองโดยด่วน

*** ลองยืนหน้ากระจกบานยาว เก็บคาง เชิดไหล่ ยกหน้าอกขึ้น และมองตรงไปข้างหน้า แล้วพยายามนึกภาพว่ามีเชือกเส้นหนึ่งคอยดึงส่วนบนของศีรษะคุณเอาไว้

*** อย่าฝึกความเคยชินด้วยการนั่งไขว่ห้างเลย เพราะท่านั่งแสนเก๋ (ในความรู้สึกของคนทั่วไป) นี้ จะทำให้กระดูกเชิงกรานบิดเบี้ยว และเพิ่มแรงกดที่หลังเพียงด้านเดียว

อาการปวดหลัง ถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรังแล้ว จะรักษายาก สู้อดทนปรับเปลี่ยนความเคยชินผิดๆ ตั้งแต่วันนี้ดีกว่า เพราะผลดีต่อสุขภาพนั้นมีมากมาย ที่สำคัญแม้จะเป็นผู้สูงอายุ เราก็จะเป็นผู้สูงอายุ ที่มีบุคลิกสง่างาม


อาหารไขมันกับมะเร็งเต้านม
ก่อนหน้านี้ผลการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกิน พบเพียงว่า ความอ้วนเกี่ยวพันกับการเป็น มะเร็งเต้านม

ล่าสุดผลการวิจัยซึ่งตีพิมพ์ใน The Lancet Medical Journal สามารถระบุประเภทของอาหาร ที่ทำให้ผู้หญิง เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

นักวิจัยจาก The Medical Research Council's Dunn Human Nutrition Unit ในแคมบริจด์ ได้ติดตามศึกษา พฤติกรรมการกินอาหารของผู้หญิงใน Norfork ประเทศอังกฤษ จำนวน ๑๓,๐๐๐ คน ผลการวิจัย พบว่า ผู้หญิงที่กินอาหารซึ่งมีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ช็อกโกแลต นมที่มีไขมันสูง เนย ขนมเค้ก หรือ อาหารฟาสต์ฟู้ด ปริมาณมากเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าถึง ๒ เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงทั่วไป ที่กินอาหารฟาสต์ฟู้ดน้อยกว่า

จึงไม่น่าแปลกใจที่พบว่าผู้หญิงตะวันตกที่กินอาหารขยะเหล่านี้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เป็นมะเร็งเต้านม เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หญิงไทยเองก็ต้องระวังในเรื่องอาหารไขมันสูงเช่นกัน เพราะปัจจุบัน โรคมะเร็งเต้านมในคนไทย ก็มีตัวเลขที่สูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง

น้ำในสระทำให้ฟันผุได้
พูดอย่างนี้หลายคนคงรู้สึกงงๆ หรือแปลกใจว่ามันเกี่ยวกันได้อย่างไร แต่มันก็เกี่ยวกันแล้ว และผลก็เกิดขึ้นแล้วโดยโดยที่ไม่ค่อยมีคนเฉลียวใจ

สระว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นสระส่วนตัวหรือสระสาธารณะ เขาจะใส่สารคลอรีน ลงไปเพื่อฆ่าเชื้อ แบคทีเรียในน้ำ แต่ขณะเดียวกันคลอรีนก็ทำให้ค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำในสระ เปลี่ยนไปด้วย นั่นคือน้ำจะมีสภาพเป็นกรด ซึ่งเป็นอันตรายต่อเคลือบฟัน ที่เป็นสาเหตุ ทำให้เกิดฟันผุ เร็วกว่าคนทั่วไป

ด้วยเหตุนี้ทันตแพทย์จากสมาคมทันตแพทย์อเมริกัน จึงออกมาเตือนผู้ชอบว่ายน้ำในสระ ทั้งหลายว่า ผู้ที่ว่ายน้ำนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ควรแปรงฟันและล้างปากด้วยฟลูออไรด์ ทันทีที่ขึ้นจากน้ำ เพื่อลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับฟัน ส่วนผู้ที่ชอบว่ายน้ำนานๆ เป็นประจำ และ เกิดปัญหา ในเรื่องฟันผุแล้ว ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ทันที

การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดีวิธีหนึ่ง แต่การว่ายน้ำในสระ ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพ ในช่องปากได้เช่นกัน เอาเป็นว่า นอกจากจะต้องแปรงฟันหลังกินอาหารทุกครั้งแล้ว ยังต้อง แปรงฟันทุกครั้ง หลังขึ้นจากสระด้วย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการว่ายน้ำ

นั่งดูทีวีนาน เสี่ยงเป็นเบาหวาน ๒ เท่า
วิถีชีวิตสมัยใหม่ ทำให้ผู้คนเสี่ยงกับการเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเร็วๆ นี้ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ได้รายงานผลการวิจัยของนายแพทย์แฟรง บี ฮู ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร จาพา โดยศึกษาจากสุขภาพของพยาบาลประมาณ ๕๐,๐๐๐ คน และติดตามผลเป็นเวลา ๖ ปี เริ่มตั้งแต่ ค.ศ.๑๙๙๒-๑๙๙๘

นายแพทย์แฟรง บี ฮู พบว่า การนั่งๆ นอนๆ หรือการที่เราไม่ขยับกล้ามเนื้อเป็นเวลานานๆ มีผลทำให้ ฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกฤทธิ์ได้น้อยลงหรือเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินได้ แต่ถ้ามีการขยับกล้ามเนื้ออยู่ตลอดเวลา กล้ามเนื้อ จะเอาน้ำตาลไปใช้งานได้ดีขึ้น และทำให้ฮอร์โมนอินซูลิน ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น

ในช่วงระหว่างที่ ทำการศึกษาวิจัย มีผู้หญิง ถึง ๑,๕๐๐ คน เป็นโรคเบาหวาน และพบว่า ความเสี่ยง ต่อโรคเบาหวานสูงเป็น ๒ เท่าในผู้หญิงที่ใช้เวลาดูทีวีเป็นส่วนใหญ่

การดูทีวีเพิ่มขึ้นวันละ ๒ ชั่วโมง ทำให้อ้วนถึงร้อยละ ๒๓ และเสี่ยงต่อโรคเบาหวานร้อยละ ๑๔

นั่งทำงานเพิ่มวันละ ๒ ชั่วโมง สัมพันธ์กับการ เพิ่มขึ้นของโรคอ้วนร้อยละ ๕ และเป็นโรคเบาหวาน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗

ในทางตรงกันข้าม การยืนหรือเดินรอบบ้านวันละ ๒ ชั่วโมง มีความสัมพันธ์กับการลดลง ของโรคอ้วน ร้อยละ ๙ โรคเบาหวานลดลงร้อยละ ๑๒

เดินเร็ววันละ ๑ ชั่วโมง โรคอ้วนลดลงร้อยละ ๒๔ โรคเบาหวานลดลงร้อยละ ๓๔

การศึกษาวิจัยครั้งนี้เขาประเมินว่า ผู้ป่วยใหม่ที่เป็นโรคอ้วนร้อยละ ๓๐ และโรคเบาหวานร้อยละ ๔๓ นั้น สามารถป้องกันโรคได้ด้วยการปรับเปลี่ยนกิจกรรมในชีวิตประจำวันเสียใหม่ นั่นคือ นั่งดูทีวี ให้น้อยลง และออกกำลังกายหรือเดินเร็วๆ วันละ ๓๐ นาทีเป็นประจำ

เห็นมั้ย! ว่าการออกกำลังกายเป็นยาครอบจักรวาลจริงๆ

- ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๐ พฤศจิกายน - ธันวาคม ๒๕๔๖ -