ฤาเราแปลกแยก - รักขวัญ -

ฉันมีบ้านต่างจังหวัดกับเขาอยู่หลังหนึ่ง ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก วันเสาร์-อาทิตย์ ที่มีโอกาสก็มักจะไปอยู่ที่นั่น ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังงดงามและเงียบสงบ

ตอนซื้อที่ดิน น้ำไฟยังไปไม่ถึง ถนนก็เป็นลูกรัง เราเบื่อเมืองหลวงเมืองฟ้าอมรเต็มที จึงคิดว่า ไปอยู่ชนบทคงจะดี น้ำไฟไม่มีเราก็ไม่เดือดร้อน เพราะรู้ว่า ความเจริญมักนำปัญหาอื่นตามมาด้วย จึงไม่ได้ใส่ใจกับมัน กว่าเราจะเก็บเงินได้ ลงมือปลูกบ้าน ก็ผ่านไป หลายปีดีดัก จน/น้ำมี ไฟฟ้ามา แถมถนนก็ตัดใหม่เอี่ยม ใครๆ ก็ว่าเราโชคดี พอปลูกบ้านถนนก็มาเลย ชาวบ้านเขารอกันตั้งนานกว่าจะได้ถนนสักสายหนึ่ง โชคของเรายังไม่หมด พอบ้านใกล้เสร็จ ข้างๆ ก็ขึ้น รีสอร์ทสวยหรู ทำให้ถนนเส้นนี้ดูดีขึ้นอีกพะเรอ บ้านเราก็น่าจะดีขึ้นด้วย ที่ดินก็คงจะแพงขึ้นเพราะ ดูมีระดับกว่าเก่า เราก็เห็นเขา ค่อยๆ สร้างบ้านพักทีละหลังสองหลัง จนเกือบ ๑๐ หลัง ตามด้วย ห้องประชุม ห้องสัมมนาสารพัด แขกก็เริ่มทยอยมาพัก กิจการเขาก็ดีวันดีคืน มีทั้งรถยนต์ รถบัส สารพัดมาจอด พร้อมแขกมากหน้าหลายตา

เคยได้คุยกับเจ้าของรีสอร์ท เขาก็ว่าทำเล่นๆ ให้ญาติๆ เพื่อนๆ อยู่ ไม่ได้คิดถึงเรื่องการค้ากำรี้กำไร เอาแค่พออยู่ได้ เขา ก็รักธรรมชาติทิวทัศน์ที่สวยงามและความเงียบสงบอย่างเรา ค่อยยังชั่วหน่อย เจอคนประเภทเดียวกัน

แล้ววันดีคืนดี ยามเย็น แดดร่มลมตก ก็มีเสียงเพลงแผดดังสนั่นขึ้นจากรีสอร์ท ท่ามกลาง ความสับสนงงงวยของหลายๆ คน เพราะเป็นเสียงร้องเพลงแบบคาราโอเกะ แต่ออกลำโพงใหญ่ได้ยินไปกี่หมู่บ้านมิทราบได้ ปกติตามต่างจังหวัดอย่างนี้ ถ้า มีงานแต่ง งานบวช งานศพ ก็จะมีเพลงเปิดออกลำโพงอยู่บ้าง แม้จะรู้สึกว่าเสียงดัง แต่ก็ทำใจยอมรับกับสภาพและวัฒนธรรมของชนบท และเสียงเพลงก็มาจากนักร้องอาชีพ (ดังหรือไม่ดังก็อีกเรื่อง) แต่เสียงที่ฉันได้ยินจากรีสอร์ทเป็นการร้องสดจากนักร้องสมัครเล่นหลายต่อหลายคน ซึ่งร้องต่อเนื่องกันเป็นเวลา ๓-๔ ชั่วโมง ทั้งเพราะบ้าง (น้อยมาก) ไม่เพราะบ้าง (ส่วนมาก) เขาจะเลิกร้องกันในราว ๔ ทุ่ม ระหว่างนั้น เพื่อนบ้านทุกคนที่อยู่รอบบริเวณนั้น ต้องอดทนฟังเพลงไป ไม่ฟังไม่ได้ เพราะเสียงมันดังขนาดปิดประตูหน้าต่างแล้วก็ยังได้ยินชัดเจน

ฉันจึงเกิดความสงสัยว่า การที่พวกเขาจะมีความสุข สนุกสนาน บนความทุกข์ของผู้อื่น มันถูกต้องแล้วหรือ หรือฉันคิดมากไปเอง พวกเขาอุตส่าห์มาสร้างบรรยากาศให้ป่าดงพงไพรครึกครื้น ยังไม่ รู้จักขอบคุณ อยู่เข้าไปได้ยังไง เงียบๆ ไม่มีอะไรทำ น่าเบื่อจะแย่ ฉันไม่แน่ใจว่า ฉันผิดเองหรือเปล่า ที่คาดหวังว่าในชนบทท่ามกลางป่าเขา เราควรจะอยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ไม่ควรทำร้ายธรรมชาติ ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดๆ ร้ายไปกว่านั้นยังคาดหวังว่า คนอื่นๆ น่าจะคิดได้อย่างที่เราคิด...ก็ไหนว่ารักธรรมชาติไง!

ฉันเคยไปบาหลี ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น ไม่ได้ยิน เพลงฝรั่งจากโรงแรมหรือร้านอาหารเลย เขาเปิดแต่ดนตรีพื้นบ้านของอินโดฯ เขารักวัฒนธรรมและรู้ว่า นักท่องเที่ยวเข้ามาดูและชื่นชมวัฒนธรรมของเขา การแต่งกายก็พยายามดำรงเอกลักษณ์ของตนไว้ น่าเสียดายที่เมืองไทย ทั้งการแต่งกาย ดนตรี และอื่นๆอีกมากมาย เรารับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาใช้อย่างภาคภูมิใจ ทั้งๆ ที่เรามีสิ่งที่น่าภาคภูมิใจกว่าอยู่กับตัว ฉันว่าแทนที่คนไทยจะแห่กันไปเที่ยวยุโรป อเมริกาลองไปแถบประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ ดู ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย เวียดนาม ลาว พม่า หรือกัมพูชา แล้วเราอาจต้องคิดทบทวนความหมายของคำว่าการพัฒนา หรือ ความเจริญเสียใหม่ รวมทั้งพิจารณาด้วยว่า ใครกันแน่คือผู้เจริญ

- ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๑ มกราคม - กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ -