บันทึกน้ำค้างหยดเดียว

สุขใจที่ไร้เกียรติ


ไปร่วมงานระดับชาติงานหนึ่งที่ท้องสนามหลวง ซึ่งหลายองค์กรร่วมกันรณรงค์ ให้ประชาชน มีสุขภาพดี เห็นโทษภัยของเหล้า บุหรี่และอบายมุข ประกอบกับเป็นช่วง เข้าพรรษาของพุทธศาสนิกชน จึงถือเป็นการปฏิบัติบูชา ถวายองค์พระศาสดา ในวาระเดียวกัน

นับเป็นงานที่น่าสนับสนุนอย่างยิ่ง

และเนื่องจากเขาจัดงานที่ท้องสนามหลวงจึงไม่ลังเลที่จะไปร่วม เพราะมีความรู้สึกผูกพัน เป็นพิเศษกับเกาะรัตนโกสินทร์ สามารถเดินได้ทั้งวันอย่างมีความสุข กับการชมวัดวา อาราม วิถีชีวิตผู้คนในชุมชนละแวกนั้น เดินดูสินค้าจาก ท่าพระจันทร์ ยันท่าเตียน ดูดอกไม้ ที่ปากคลองตลาด จนเมื่อยมากก็อาจแวะไปนวดที่วัดโพธิ์ แล้วไปจบที่ สวนสันติไชยปราการ ดูต้นลำพูริมน้ำ เรียกว่าเป็นสูตรสำเร็จ ของการไปเดินเล่นแถวนั้น เมื่อมีโอกาส

แต่งานนี้ไม่ได้ไปเดินเล่นส่วนตัว เพราะนอกจากเราแล้วยังมีเพื่อนพ้องน้องพี่อีกนับพัน ไปร่วมในฐานะองค์กรเครือข่าย โดยก่อนไปครูบาอาจารย์ก็ชี้แนะว่า นอกจากไปเป็นมวล แสดงพลังแล้ว ขอให้ไปในฐานะผู้รับใช้ ไปช่วยเก็บขยะที่จะมีหลังเลิกงาน

นี่เป็นภารกิจหนึ่งที่เราถือปฏิบัติแทบทุกงาน

และเนื่องจากพวกเราแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย ค่อนไปทางมอซอ และไม่สวมรองเท้า เป็นที่สังเกตได้ง่าย จึงยิ่งต้องเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่แสดงกิริยารุ่มร่าม หรือในทาง ตรงกันข้าม คือกร่างว่าฉันมีสังกัด

หลังจากจัดขบวนเรียบร้อย กลั่นกรองป้ายคำขวัญต่างๆ ที่ทำมาจากหลายที่ และ เก็บป้าย ที่มีข้อความไม่เหมาะสมออก ก็วางใจว่าทุกอย่างราบรื่น จึงเดินดูขบวน อยู่ห่างๆ จนถึงบริเวณหน้าเวทีที่กางเต็นท์เรียงรายสวยงาม พลันเหลือบเห็นสมณะ ๒ รูป นั่งอยู่ในเต็นท์ ที่มีพระหมู่บูชาจึงเข้าไปคารวะ ประกอบกับเมื่อยมาก จึงหลบไปนั่งเก้าอี้ ด้านหลังท่านอีก ๒-๓ แถว กะว่าหายเมื่อยก็จะไปเดินดูบรรยากาศจุดอื่นต่อ

แต่นั่งได้ไม่ถึงอึดใจก็มีชายสูงอายุมาแจ้งด้วยเสียงดังพอประมาณว่า...

" ขอโทษนะครับ ตรงนี้นั่งไม่ได้นะครับ เราเตรียมไว้สำหรับแขกผู้มีเกียรติ ไม่ใช่สำหรับ ประชาชนทั่วไป" แล้วก็พูดอะไรอีกยืดยาวที่จำได้ไม่หมด เพราะหูอื้อ แต่คำสุดท้ายคือ "เข้าใจไหมครับ"

ก็ต้องเข้าใจน่ะแหละ แล้วก็รีบลุกจากมาด้วยอาการสงบสำรวม

เข้าใจว่า...แม้เขาจะจัดงานนี้เพื่อประชาชน แต่ประชาชนย่อมไม่ใช่แขกผู้มีเกียรติ แต่งตัว ก็มอซอ แถมไม่ใส่เกือก อีกต่างหาก

ใช่ ! เกียรติของผู้คนยังติดอยู่แค่เกือกและเปลือกที่หุ้มห่อ แม้จะมีหัวใจยิ่งใหญ่แค่ไหน... ใครจะไปเห็น

นอกจากแขกผู้มีเกียรติที่ว่า ในงานนี้ยังมีป้าย VIP และ VVIP จนสุดจะหยั่งรู้ว่าใคร Very Very สำคัญ ระดับไหน 'ที่นี่ประเทศไทย' ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ เหมือนอินเดีย แต่กลับสร้าง วรรณะทางสังคมได้เหนือชั้นน่าทึ่ง สร้างสมมติซ้อนสมมติ จนยากจะเข้าถึงสัจธรรมชีวิต

นี่ไง Double standard ที่ในหลวงท่านตรัส !

คนเหมือนกันแต่ความเป็นคนไม่เท่ากัน ความสุขความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคน ยิ่งแตกต่างกันสุดขั้ว

คนส่วนหนึ่งมีความสุขกับการอยู่เหนือคนอื่น แล้วก็พยายามตะกายไปสู่จุดนั้น ไปไหน ต้องมีขบวนแห่ซ้ายขวาหน้าหลัง มีเพลงมหาฤกษ์มหาชัยโหมโรง มีสื่อมวลชนล้อมหน้า ล้อมหลังเอาไมค์จ่อปาก แม้จะถามคำถามน่าเบื่อ แต่ก็น่าปลื้มน้อยซะเมื่อไหร่ เป็นตาย อย่างไรก็ต้องยึดไว้สุดชีวิต

อีกหลายคนกลับมีความสุขกับวิถีชีวิตเรียบง่าย ไร้ความอลังการอหังการใดๆ เป็นดั่ง ต้นหญ้า เป็นรากหญ้าที่ไม่ลืมรากเหง้าดั้งเดิมว่ามาจากดิน เป็นคนเดินดินกินข้าวแกง ซื้อหาสินค้าแบกะดินได้สะดวกใจ เป็นผู้รับใช้เพื่อทำลายอัตตาตัวตน เป็นคนยอม เสียเปรียบ สละ ขยัน กล้าจน ทนเสียดสี หนีสะสม นิยมสร้างสรร

ใครเลือกวิถีชีวิตแบบไหนก็จงเดินไปตามทางที่เลือก และขอให้มีความสุข

ที่แน่ๆ วันนี้ได้กำไร ได้ตรวจสอบโลกธรรม ทุกข์ไหม...หวั่นไหวไหม... กับการไม่ได้เป็นแขก ผู้มีเกียรติ

- ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๕ กันยายน - ตุลาคม ๒๕๔๗ -