> ดอกหญ้า

ทูตสวรรค์บนดิน
เรื่องแปล "รุ่งบุญ"

วารสารรายสองเดือน
"ดอกหญ้า" อันดับที่ 98

เรื่องราวซานตา คลอส นักบุญใจอารี ในจินตนาการที่นำของมาใส่ในถุงเท้าให้เด็กๆ ใน เทศกาลคริสต์มาส เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก แต่หากมีใครบางคน สามารถทำให้ เพื่อนมนุษย์ ผู้ยากไร้ มีความสุขได้ ในทำนองเดียวกับซานตา คงน่าประหลาดใจ ไม่น้อย

ซานตานิรนาม
ทุกปีเมื่อเทศกาลคริสต์มาสมาเยือน บุรุษร่างอ้วนเตี้ย แต่งกายแบบซานตา จะออกเดิน ท่อมๆ ไปตามถนน ของเมืองแคนซัส สหรัฐฯ สายตามองสอดส่ายหาคนทื่เขาต้องการพบ ซึ่งหากดูเป็นยาจกเข็ญใจมากเท่าไร ก็ยิ่งดี สำหรับเขาเท่านั้น

เมื่อพบคนที่มีลักษณะเช่นที่ว่านี้ เขาก็จะยื่นธนบัตร ๑๐๐ ดอลล่าร์ให้ พร้อมกับพึมพำว่า "ผมว่าคุณคงทำเงินตก" ว่าแล้วก็รีบเดินจากไป

ผู้รับบางรายจ้องมองเงินสดในมืออย่างตกตะลึง บ้างก็ร้องไห้ ด้วยความดีใจ บางคนถูหน้า ประธาธิบดีเบนจามิน แฟรงคลิน ในธนบัตร ด้วยไม่แน่ใจว่า กระดาษสากๆในมือ จะเป็นเงิน จริงหรือไม่ ผู้คนที่พบเห็นต่างอมยิ้ม เพราะเขาเคยทราบเรื่องราว ที่น่าประหลาดของชายผู้ นี้มาบ้างแล้ว

"โอ! สวรรค์ทรงโปรด" วาเลอรี เบลลีย์ อุทานเมื่อได้รับเงิน ๒๐๐ ดอลล่าร์ จากซาน ตานิรนาม ที่ป้ายรถประจำทาง เมื่อปีที่แล้ว ก่อนหน้าวันคริสต์มาส ๒ วัน "คราวนี้ฉันซื้อ ของให้หลานๆ ได้แล้วสิ" เขารำพึงกับตนเอง ด้วยความดีใจ สุดขีด

นักธุรกิจท้องถิ่นผู้โอบอ้อมอารี ไม่ต้องการให้ใครรู้จัก ชื่อเสียงเรียงนามของเขา ชาวเมือง แคนซัส ทราบแต่เพียงเลาๆว่า ครั้งหนึ่ง ชายผู้นี้ เคยยากจนค่นแค้น และอาศัยอยู่ใน อาคารสงเคราะห์ของรัฐ และมาบัดนี้ เขาได้กลายเป็น มหาเศรษฐี

ในแต่ละปี เขาตั้งใจ ที่จะแบ่งปันความสุข ให้เพื่อนมนุษย์ ที่ตกอยู่ในสภาพเดียว กับเขาในอดีต โดยกันเงิน ไว้แจก ผู้ยากไร้ถึง ๕,๐๐๐ - ๕๐,๐๐๐ ดอลล่าร์ เมื่อปีกลาย ซานตาพร้อม กระเป๋าเงินใบโต ได้กลับไปเยือน เมืองมิสซิสซิปปี สถานที่เกิดของเขา ในช่วงทศวรรษที่ ๔๐ อีกครั้ง

"ผมตั้งตารอคอย เทศกาลนี้ทุกปี ผมคงจะไม่สบายใจ ถ้าไม่ได้แจกเงิน คนจนเช่นนี้" เขาเผยการเที่ยวเดิน แจกเงิน ชาวบ้านที่ยากไร้ เป็นสิ่งที่เขาสัญญา กับตนเองเมื่อเกือบ ๓๐ ปีที่ แล้ว ในช่วงที่ยังเป็นเซลส์แมน ตกงานถังแตก ไร้ที่พึ่งพิง ในเมืองเล็กๆ อย่างมิสซิสซิปปี และบัดนี้ เขาก็ได้ทำตาม สัญญานั้นแล้ว

เขาเล่าว่า ช่วงที่อดอยากปากแห้งอยู่นั้น มีอยู่วันหนึ่ง ที่เขาตื่นขึ้นมา ด้วยเสียงท้อง ร้องจ๊อกๆ ความหิวไม่เคยปรานีใคร ว่าแล้วก็เดินเข้าไป ในร้านอาหารในเมือง สั่งอาหาร เช้าชุดใหญ่ ทั้งที่รู้แก่ใจดีว่า ไม่มีเงินจ่ายอาหาร มื้อนั้นอย่างแน่นอน หลังจากที่จิบกาแฟอยู่ หลายถ้วย รอจนลูกค้า ในร้านบางตาลง เขาจึงแกล้งทำเป็นล้วง และทำท่าตกใจ เมื่อไม่พบอะไร ชายที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ ก้มลงหยิบ อะไรบางอย่าง พร้อมพูดขึ้นว่า "คุณทำเงินตกน่ะครับ" แล้วยื่นธนบัตร ๒๐ ดอลล่าร์ให้เขา ๑ ฉบับ

"ขอบคุณพระเจ้า!" ซานตา อุทานด้วยความดีใจ แต่จากนั้น ก็ต้องครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าจะทำอย่างไรต่อไป หากเจ้าของเงิน ที่แท้จริง หวนกลับมา หาเงินที่ตกอยู่ ในที่สุด เขาก็ตระหนักว่า อะไรเป็นอะไร หลังจากที่เวลาผ่านมา ได้สักพักใหญ่ๆ

"ผู้ชายคนนั้น รู้ดีว่าผมไม่มีเงินติดตัว สักเก๊เดียว เขาเกิดความเห็นใจ ให้เงินผมมา ๒๐ ดอลล่าร์ ด้วยวิธีที่ทำให้ ผมไม่รู้สึกกระดากใจ ที่จะรับ" จากนั้นผมก็เลยให้สัญญากับพระเจ้า ว่า หากผมอยู่ในฐานะ ที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้ ผมจะทำทันที ผมถึงได้แจกเงิน คนยากจนอยู่นี่ ไง" ซานตานิรนาม เผยถึงที่มาที่ไป ในความเอื้ออารีของเขา

ช่วงวันหยุด เทศกาลคริสต์มาส ซานตาผู้ร่ำรวยด้วยความเมตตากรุณา จะแวะเวียนไป รินธารน้ำใจ ให้แก่ผู้ยากไร้ และ คนพเนจร ไร้ที่พึ่งพิงต่างๆ โดยจะส่งสายสืบไปเที่ยว เสาะหาผู้คนที่ยากจน ไม่มีเงินซื้อหาของขวัญ ให้แก่ครอบครัว ในวันคริสต์มาส เขาเคยให้ เงินจำนวน หลายพันดอลล่าร์ แก่แม่ม่ายเรือพ่วงหลายลำ ที่ประกาศกับลูกๆ ของเธอว่า เธอ ไม่สามารถ ซื้อของขวัญคริสต์มาส ให้แก่พวกเขาได้

เมื่อปีที่แล้ว ซานตานั่งรอให้ความช่วยเหลือ อยู่ในห้องรับแขก ของหน่วยงาน สังคมสงเคราะห์แห่งหนึ่ง และได้ช่วย สามีภรรยาพิการ ซึ่งต้องการเงิน ๑๕๐ ดอลล่าร์ เพื่อให้มี ที่พักพิงต่อไป รวมทั้งหญิงคนหนึ่ง ที่เป็นโรคลมบ้าหมู ซึ่งมีเต็นท์เป็นบ้าน คุ้มหัวนอน ร่วมกับลูกน้อยอีก ๔ คน

"ซานตาช่วยคน ที่ลำบากยากแค้น ได้มากทีเดียว" แนนซี เลิฟวิงผู้อำนวยการ หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ กล่าวชม "เจ้าหน้าของเรา ได้เล่าเรื่องให้ซานตาฟัง เกี่ยวกับ จอห์น เลน ชายกลางคน ที่มาเป็นอาสาสมัคร ช่วยเหลือคนอื่น เขาเคยมอบนาฬิกาของเขาเอง เป็นของขวัญคริสต์มาส ให้กับเจ้าหน้าที่ สังคมสงเคราะห์คนหนึ่ง ทั้งที่ตัวเขาเอง ไม่มีอะไรให้ใครอยู่แล้ว"

หลายวันต่อมา ซานตาผู้ใจดี กลับมาที่นั่นอีกครั้ง พร้อมกับมอบ นาฬิกาเรือนใหม่ และเงิน ๒,๐๐๐ ดอลล่าร์ ให้กับหนุ่มผู้ร่ำรวยน้ำใจ เขาจ้องของขวัญในมือ ด้วยอาการตกตะลึง และ ร่ำไห้ด้วยความตื้นตันใจ ส่วนซานตา ได้แต่อมยิ้ม แล้วเดินจากไป

บูติคคนยาก
ภาพของ จูลี บราวน์ หญิงสาวร่างเล็ก กำลังปีนบันได เพื่อหยิบของบนชั้น ให้กับลูกค้าของเธอ เป็นที่คุ้นตาคนยาก ในย่านฮาเล็ม นิวยอร์ค

"คุณต้องการอย่างอื่นอีกไหมคะ" เธอถาม พลางตอบคำถามของตนเอง ด้วยการส่ายของเล่นสีสวย ที่มีเสียงกรุ๋งกริ๋ง ตรงหน้าเด็กน้อย ที่มากับมารดา

ข้าวของในร้านของหญิงสาวที่มากมายวางอยู่บนชั้นที่สูงจรดเพดาน เต็มไปด้วยหนังสือ ประกอบภาพสวยงาม ของเล่น นานาชนิด เสื้อผ้าเด็ก หลากหลายแบบ ดูไปแล้ว น่าจะเป็นร้าน ขายสินค้าเด็ก เช่นเดียวกับร้านอื่นๆ แต่ที่แตกต่าง ก็คือ "Room To Grow" บูติคเล็กๆ ของบราวน์ นักสังคมสงเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญ ในการบำบัดวัย ๓๓ คนนี้ ไม่มีการติด ป้ายราคา เนื่องจากเป็นของใช้แล้ว "แบบถนอม" ที่ได้รับบริจาค จากนักธุรกิจต่างๆ อาทิ Bloomingdale's Ralph Luaren รวมทั้งครอบครัว ผู้มีอันจะกินอื่นๆ

หญิงสาวเจ้าของร้าน สละเวลาส่วนตัวสัปดาห์ละ ๕ วัน มาขลุกอยู่กับการขายสินค้าราคา ถูกเหลือเชื่อ ให้แก่พ่อแม่ ที่มีรายได้น้อย บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง ภายในร้าน ทำให้ลูกค้า สามารถเดินเลือก สินค้าคุณภาพเยี่ยม ด้วยความสบายใจ ไม่ต้องกังวล ถึงเงินน้อยนิด ที่มีอยู่ ในกระเป๋า บราวน์ เห็นว่า หากคนเหล่านี้ รู้สึกว่า ตนสามารถ ที่จะซื้อของ ให้ลูกได้ พวกเขา ก็จะมีความรู้สึก ภาคภูมิใจ ในความเป็นพ่อแม่ มากขึ้น

ก่อนหน้าที่จะร่ำเรียน จนได้ปริญญาโท ทางด้านสังคมสงเคราะห์ หญิงสาวน้ำใจงาม เคยทำงาน ด้านวิจิตรศิลป์ ให้กับ Christie's auction house เป็นเวลา 5 ปี จากนั้นจึงมา เปิดร้านบูติคแห่งนี้ ขณะเดียวกัน ก็ประกอบอาชีพ เป็นนักจิตเวชเด็ก ที่คลิกนิก สำหรับครอบครัวรายได้น้อย แห่งหนึ่ง

ทุกวันนี้หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ จะแนะนำและส่งรายชื่อผู้ยากไร้ และด้อยโอกาสที่ สมควรจะได้รับสิทธิ มาซื้อสินค้าให้ลูก ในร้านของเธอ โดยที่สามารถจะซื้อสิ่งของ ที่จำเป็นแก่เด็กๆ ได้ในทุกๆ ๓ เดือน จนกระทั่ง ลูกของพวกเขา อายุได้ ๓ ขวบ

"คุณน่าจะเป็นแม่ที่ดีนะ" หญิงคนหนึ่งที่มาจากย่านควีนส์เอ่ยชม หลังจากซื้อของเสร็จ นอกจากสินค้า ที่เธอเลือกซื้อ ไปหอบใหญ่ ซึ่งเป็นเครื่องนอน สำหรับเด็กทารก และหนังสือเกี่ยวกับ การเป็นพี่ชายที่แสนดี ซึ่งเธอซื้อไปฝาก ลูกชายวัย ๔ ขวบที่บ้านแล้ว เธอยังได้รับคำแนะนำ ที่มีประโยชน์ในการเลี้ยงดูลูกๆ จากเจ้าของร้านใจงามอีกด้วย

บราวน์เผยว่า ทุกวันนี้ผลตอบแทนคุ้มค่า ที่เธอได้รับจากการทำงาน ช่วยเหลือผู้อื่น คือ ความสุขใจ ซึ่งพอเพียง สำหรับเธอแล้ว "เมื่อฉันกลับบ้าน และคิดว่าได้ทำอะไรไปบ้างใน วันหนึ่งๆ ฉันก็ตระหนักว่า ไม่มีอะไรจะดีสำหรับฉัน มากไปกว่า การได้ช่วยเหลือ และเรียนรู้ สิ่งต่างๆ จากครอบครัวผู้ยากไร้ และด้อยโอกาสเหล่านี้ ฉันคิดว่า ไม่มีอาชีพอะไร เหมาะกับฉัน ไปมากกว่านี้อีกแล้ว"

ซานตาในร่างมนุษย์ น่าทึ่งกว่าซานตาในนิยายเสียอีก...."

เรียบเรียงจาก Profiles: The Angels Next Door, by Donna Mc Guire and Anknie Stolie, Good house keeping, December 1999
หนังสือกรุงเทพฯ วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๒

(ดอกหญ้า อันดับ ที่ ๙๘ หน้า๕๘ ทูตสวรรค์บนดิน เรื่องแปล รุ่งบุญ)