บรรยายพิเศษ‘ น.พ.กวี ไชยศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์

กินใหม่ ชีวิตใหม่ อย่างไม่เป็นทาส
ตามวิถีไทยไท (ตอนจบ)

หนังสือพิมพ์ เราคิดอะไร ฉบับที่ 129

เดือน เมษายน 2544


 

ที่นี่มีที่ให้ฝึกงาน ทำอะไรต่างๆ มากมาย ถูกต้องแล้ว เกิดมาจะมานั่งกินนอนกินนั้น ไม่มีทางได้ ต้องอยู่ตามธรรมชาติ เท้าต้องติดดิน มือต้องติดดิน นั่นคือเราเป็นตาม สิ่งที่เราทำ อยากมีแรงก็ต้องออกแรง ครับ ตอนนี้ใครจะถามอะไรก็ได้ จะได้เกิดรสในการฟัง เชิญเลยครับ

ถาม : ในทางการแพทย์ คิดว่า คนกินมังสวิรัติวันละ๑ มื้อ จะมีวิตามินและสารอาหาร ไปบำรุงเลี้ยงร่างกายพอเพียงหรือไม่ หมอทางโลกปัจจุบันบอกว่าไม่พอ

ตอบ : ก็กินให้มันพอซีครับ ถ้าเป็นมังสวิรัติจนกระทั่งว่า กินโดยไม่คำนึงอะไรเลย ก็คงไม่ดี เช่น ผมกินผักก็จริงอยู่ แต่ไม่กินต้มจับฉ่าย เอาอะไรใส่ไปสารพัด ไม่กินเพราะมัน ตาย ไปไม่รู้กี่วันแล้ว มีข้อพิสูจน์ เมื่อเร็วๆ นี้มีศาสตราจารย์ ทางการแพทย์ สองสามีภรรยาอยู่ที่ญี่ปุ่น เกิดสงสัยว่า ทำไมตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒ คนญี่ปุ่นอยู่อย่างอดอยาก ทำไมคนเป็นโรคหัวใจน้อยกว่าปัจจุบันนี้ เป็นมะเร็งก็น้อยกว่า ทั้งๆ ที่ถูกรังสี เขาเลยไปทดลองดู กินอาหารแบบ อยู่ในค่ายกักกัน เอาลูกเล็กๆ ไปเลี้ยงในค่ายด้วย ฝรั่งบอกว่า กินอาหารวันหนึ่ง ๒,๔๐๐ แคลอรี เขากินประมาณ ๘๐๐ แคลอรี ๑ ใน ๓ แค่นั้น แต่มีข้อแม้ กินแบบค่ายกักกัน คืออาหารนั้นสด เพราะไม่มีฟืนหุง ก็กินอย่างสดๆ กินอย่างดิบๆ ปรากฏว่าร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นโรคอะไร ให้ลูกกินนมได้อีก กิน ๑ ใน ๓ ของมาตรฐานฝรั่ง นี่คือคำตอบความสำคัญอยู่ที่ว่า ท่านกินแบบ ตาย แล้วหรือเปล่า

หลังจากกินได้ไม่กี่เดือน เปลี่ยนใหม่ เอามาต้มให้สุก ไม่ถึงอาทิตย์ ร่างกายบวมทันที ขาดวิตามิน วิตามินจะตาย เมื่อถูกความร้อน คือถูกความร้อนแล้วจะสลายตัว วิตามินซี วิตามินบี ถูกความร้อนจะสลายตัว ฉะนั้นควรกินของสดๆ ใหม่ๆ ผมจึงกินผัก แต่ไม่กินต้มจับฉ่าย ผมว่ามัน ตาย แล้ว เลือกกินของที่ยังเป็นวิตามินอยู่ มันอยู่ที่วิธีการกินมากกว่า จะว่าทุกคนถ้าเป็นมังสวิรัติแล้ว จะขาดธาตุนั้นธาตุนี้ ก็คงไม่ใช่ ท่านกินพอเพียง กินของสดใหม่ มีคุณค่าวิตามินอยู่ก็ครบ ทุกประการ ที่จริงพวกที่ไม่กินมังสวิรัติ ก็ขาดสารอาหารอยู่ ตราบใดที่กินผิดวิธี ไม่กินตามธรรมชาติ

ถาม : หมอโดยทั่วไป ไม่ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพในแนวธรรมชาติบำบัด

ตอบ : ถูกสอนมาด้วย เกิดมิจฉาทิฐิ ถูกสอนมาอาหารจะต้องเป็นอย่างนี้ กินอย่างนี้ยากมาก ผมมาทลายที่นี่ยังยาก ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ สอนโดยวิธีนี้ หมอก็ซักฟอกผม ทำไม่ต้องกินแบบนี้ ชาวบ้านก็รู้อยู่แล้ว ทำไมต้องไปสอน ไม่จริงหรอก ชาวบ้านกินเพราะถูกชักนำจากการโฆษณา ผมมาสอนเขาให้กินง่ายๆ ให้ถูกต้องตามวิธีธรรมชาติ พวกหมอทั้งหลายก็เหมือนกัน ถูกสอนมาว่าอาหารดีเป็นอย่างไร แต่ก็พากันไปกินพิซซ่า กินฮ็อตด็อก ไก่ทอด ฯลฯ เพราะถูกลิ้น ถูกความเคยชิน ความอร่อยดึงให้ไปกินอย่างนั้น

ถาม : มะขามเทศเดี๋ยวนี้เขาใช้ยาฉีด เพื่อความสดแล้วหรือยัง อย่างพริก ฉีดฟอร์มาลินตอนเย็น ตอนเช้าเก็บ

ตอบ : ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน อย่างผมชอบกินน้ำพริกตาแดง เอามาตำเอง พริกสดก็กินน้อยลง อยู่อย่างธรรมชาติ ต้องปลูกเอง กินเองครับ

ถาม : คุณหมอเริ่มหัดยิ้มตั้งแต่เมื่อไหร่

ตอบ : ผมก็พยายามยิ้มครับ ก็รู้อยู่แล้วว่ายิ้มนี่ดี อาจจะเพราะปากผมหนาก็ได้ ผมเลยยิ้มบ่อยๆ ยิ้มตลอด เดี๋ยวนี้ยิ้มเป็นธรรมชาติแล้ว ไม่มีฝืน ใครด่าแม่ผมก็ยิ้ม ใครมาพูดเรื่องร้ายแค่ไหน ผมก็ยิ้ม เพราะผมรู้ว่าเคราะห์ ออกจากปาก โชคเข้าทางหู ใครมาเล่าอะไรผมรับหมด เขามาบอกขุมทรัพย์ลายแทงให้เรา เรายังไปโมโหอีกไม่ได้ นักบริหารส่วนใหญ่จะถูกยกยอ ปอปั้น ฉะนั้นนานๆ ทีมีคนมาตำหนิ ควรจะเป็นบุญ ผมไปได้มาจากโอวาทของท่านเหลี่ยวฝาน บอกว่าเวลาทำดี ก็มีคนมายกย่องสรรเสริญ ทำให้เราชะล่าใจ เรารับผล แห่งความดีไปแล้ว ความดีนั้น ก็ไม่สะสมเป็นบารมี แต่ถ้าทำดีคนนั้นก็ว่าอย่างนี้ คนนี้ก็ว่าอย่างนั้น เรายังอุตส่าห์ทำดีได้อยู่ ความดีนั้นจะสะสม เพชรแท้จะทนต่อการพิสูจน์

ถาม : คนสมัยนี้กินสุนัข เขาว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรง

ตอบ : นี่เกิดความอยากผิดธรรมชาติ กินธรรมชาติดีกว่า ผมไม่แนะนำให้กินสัตว์ ผิดตั้งแต่คิดแล้ว คิดจะกินสุนัข ก็เริ่มเป็นสุนัขแล้ว

ถาม : การยิ้มทำให้เส้นเลือดคลายตัว แต่ถ้ายิ้มด้วยความฝืน ยิ้มแห้งๆ จะมีผลหรือไม่

ตอบ : อย่างน้อยก็แกล้งยิ้มไว้ก่อน ยิ้มไม่เป็นก็แกล้งยิ้มไว้ก่อน แกล้งยิ้มนี่ ฝรั่งเขียนเป็นเรื่องมานานแล้ว พระเอกชื่อ ลอร์ด เฮล เป็นคนหน้าตาดุ โหดเหี้ยม กักขฬะ พูดหยาบคาย แต่ไปรักนางเอก ก็เลยไปปรึกษาอาจารย์ อาจารย์แนะโดย ให้ใส่หน้ากาก เป็นเจ้าชายรูปงาม แต่มีข้อแม้คือ หน้ากากจะศักดิ์สิทธิ์ได้ ต้องยิ้มตลอดเวลา พูดเพราะ ใจดี นางเอกรักจริงๆ ๒ ปีผ่านไป จะแต่งงานด้วย ปรากฏว่าคู่หมั้นของนางเอกรู้ว่าคนนี้สวมหน้ากากมา ผู้ชายคนนี้คือลอร์ดนรก ไปกระชาก หน้ากากในวันแต่งงาน กระชากไปก็กลายเป็นเจ้าชายรูปงาม เพราะแสร้งยิ้มมานาน ทุกอย่างในโลกนี้ อยู่ที่บทบาทต้องแสดง แสดงเป็นคนดี ก็เป็นคนดี แกล้งเป็นคนดี ก็แกล้งนานๆ จนติดเป็นนิสัย คนเราต้องมีการฝึก ฝึกให้ยิ้ม ง่ายที่สุดในโลก ฝึกด่ายังยากกว่า เพราะต้องระวังปากแตก คนเขาจะเกลียด ฝึกยิ้ม มีแต่คนรัก หน้าตาก็จะดีขึ้น แต่ก่อนผมขี้เหร่กว่านี้เยอะ อีกอย่างผมคิดด้วยว่า ผมจะต้องเป็นคนดี คิดในแง่ดี ไม่ใช่คิดจะไปทำร้ายคนโน้นคนนี้ ทางพุทธศาสนาสอนไว้ คนเราต้องฝึก ไม่ใช่อยู่ๆจะเป็นคนดี ได้เลย ยิ้มไม่ยาก ถ้าอยากจะยิ้ม

ถาม : การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแต่ละวัน ควรดื่มขนาดไหน

ตอบ : รู้เอง โดยเฉลี่ย ๘ แก้ว ถ้าท่านดื่มไม่พอ มันจะกระหาย ถ้าดื่มมากไปก็จะฉี่บ่อย รู้เองไม่ต้องตกใจ

ถาม : ในผักสด ถ้ากินสดก็กลัวไข่พยาธิ

ตอบ : บางทีกลัวเกินไปก็ไม่ดี ก็ล้างให้สะอาด ไม่ใช่ว่าผักสดคือถอนมาแล้วกินเลย

ถาม : ผักสดควรกินชนิดไหนบ้าง

ตอบ : กินทุกชนิด

ถาม : วิงเวียนศีรษะ กินอะไรจึงจะบรรเทา หรือหายได้

ตอบ : ออกไปเดิน กินมากยิ่งไปกันใหญ่ เราเป็นตามสิ่งที่เราคิด คิดว่าเวียนๆ ลุกขึ้นเดี๋ยวเวียนจริงๆ

ถาม : เวลาออกกำลังกายว่ายน้ำ กระโดดเชือก ทำไมจึงเวียนศีรษะ

ตอบ : ไปตั้งสติใหม่ เพราะท่านไม่ชิน ต้องทำสองเดือนขึ้นไป ชินแล้วไม่พูดคำนี้ และวันไหนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ท่านอยู่ไม่ได้ ต้องหัดเอาชนะ อยากมีแรง ต้องออกแรง ฝึกใหม่ก็จะได้

ถาม : เป็นโรคเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ ควรจะกินอาหารอะไร

ตอบ : ไม่ควรกินพวกไขมัน แป้ง เลือดจะไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น ต้องเดิน ออกกำลังกาย

ถาม : วิธีระงับความเครียด ที่ดีที่สุดทำอย่างไร

ตอบ : ไม่ติดยึด เหมือนลูกติดเน็ต ผมต้องมีกระดาษติดกระเป๋าอยู่ตลอด เพื่อจะได้เขียนว่า ผมคิดอะไร ผมจะได้ไม่ต้องคิดอีก มีคนมาถามผม ผู้อำนวยการบอกเคล็ดลับ ในการแก้ปัญหาหนี้สิน ๑๓๓ ล้านของโรงพยาบาล (สรรพสิทธิประสงค์) ให้หน่อย ทำอย่างไร ผมบอกว่า ผมแก้ปัญหาโดยกระดาษแผ่นเดียว ผมบริหารโรงพยาบาล ผมจะจด ตรงไหนไม่ดี วันนี้ผมพูดไม่ดีตรงไหน ผมอารมณ์เสียตรงไหน ผมมีอารมณ์บูดไหม ผมไม่ยิ้มบ้างหรือเปล่า วันไหนผมไม่ยิ้มใส่ใคร คนนั้นซวยเป็นบ้าเลยนะ วิธีแก้ความเครียดอันหนึ่ง คือ ผมคิดดี เราเป็นตามสิ่งที่เราคิดครับ หน้าตา ท่าทาง ของเราเกิดจากการกิน การคิดการพูด และการกระทำ สวัสดีครับ

(น.พ.กวี ไชยศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์ จ.อุบลราชธานี)

 

    อ่านฉบับ 130

(เราคิดอะไร ฉบับ ๑๒๙ เม.ย. ๔๔ หน้า ๖๓ - ๖๕)