เรื่องสั้น...เกลียวธรรม

บราวน์ & ไวท์

หนังสือพิมพ์ เราคิดอะไร ฉบับที่ 130 เดือน พฤษภาคม 2544
หน้า 1/1

ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ กทม. ผู้คนดูหนาแน่นเนืองนอง หลั่ง ไหลเข้ามาจับจ่ายใช้สอยเงินทองกันอย่างสนุกสนาน แต่บางคนก็คิดว่า ตนเองเข้ามา หลบหาบรรยากาศเย็นฉ่ำกันฟรีๆ ไฉนเล่าจะรู้ตัวว่า จากการสัมผัสการมองเห็น และได้ยินสรรพสิ่งหลากหลายหรูหรา ในสถานที่นี้ มันได้แทรกซึมผูกมัดรัดรึงใจ พอกพูนสะสมกิเลสความ อยากได้อยากมีไว้ อย่างเบ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่วันนี้ไม่มีโอกาสเท่านั้น แต่ทว่าวันใดพร้อม วันนั้นก็กระเป๋าแฟบ เล่นลมทันทีอยู่แล้ว ฉะนั้นเรื่องฟรีๆ ไม่มีในโลกหรอกจะบอกให้

สาวสวยในชุดขาว ผิวพรรณดูผุดผ่อง เต่งตึงมีน้ำมีนวล ชวนใฝ่ฝันสัมผัส ขณะนั้น ภารกิจในแผนกที่เธอประจำอยู่ ช่างดูสับสนวุ่นวายไม่น้อย ดูเหมือนยิ่งผู้คนหลากหลาย มาเยี่ยมเยือนมากยิ่งขึ้นเท่าใด ดูเธอก็ยิ่งเบิกบาน สำราญใจมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ

"นัทคะ...ดูเหมือนวันนี้ผู้คนมากมายกว่าปกตินะคะ" สาวสวยหันไปชวนชายหนุ่มที่ อยู่แผนกข้างๆ คุยอย่างเบิกบาน หลังจากที่ลูกค้า เบาบางลงช่วงหนึ่ง

"อืมม์...แต่นั่นแหละไม่ค่อยมีใครมาสนใจผมสักเท่าไหร่ คงเสน่ห์ไม่แรงเหมือนคุณมั้ง" หนุ่มหน้ามนพูดยิ้มๆ จ้องตาเธออย่างเปิดเผย

"อ้าว...ไม่ดีหรอกเหรอ? เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยวุ่นวายหัวใจไงล่ะ" เด็กสาวผู้ร่าเริง เย้ากลับมาด้วยสีหน้ายิ้มยั่วอย่างเท่าทันก่อนที่จะแจ้งข่าวว่า...

"เออ...นัท เธอรู้มั้ย ไวท์ได้ข่าวว่าผู้จัดการฝ่ายซื้อไปจีบน้องนางบ้านนาหุ่นดี แต่ผิว คล้ำแดดมาจากไหนก็ไม่รู้ เห็นว่าจะจัดแผนกให้อยู่ใกล้ๆ ฉันนี่แหละ... เฮ้อ! คิดๆ ไปก็กลุ้ม ใจ... จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ยะ...บ้าอะไรก็ไม่รู้อีตาคนนี้น่ะ" สาวน้อยกล่าวถึง ผู้จะมาใหม่ด้วย ความรังเกียจ แถมด้วยบ่นผู้จัดการไปอย่างอึดอัดขัดเคือง

"อ๋อ...คุณบราวน์เหรอ...บ้านนอกบ้านนา ที่ไหนกัน เธอก็เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ นาน แล้วหละ..." คุณนั่นแหละเชย ไม่รู้จักเขา

หนุ่มหน้ามนผิวเหลือง ท่าทีทะมัดทะแมง พูดพลางก็นึกถึงรูปร่างหน้าตาของสาว น้อย หน้าตาซื่อๆ ดูเรียบๆ แต่คมเข้ม จนยากที่จะตอแยด้วยง่ายๆ คนนั้น

"อ๋อ...นี่ไปรู้จักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ แววไว จริงนะคะ" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงประชด ประชัน

"ไม่หรอกครับไวท์...ความจริงผมรู้จักเธอมาก่อน ก่อนที่ผมจะมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำไป.. แต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันหรอกนะ เพราะว่า ที่นั่นเป็นชุมชนปฏิบัติธรรม หญิงกับชาย จะพูดคุยกันต้องสำรวม ระมัดระวังตัว"

หนุ่มช่างคุยทบทวนอดีตให้เพื่อนสาวผู้หรูหราฟัง ด้วยท่าทีตื่นเต้นยินดีที่จะได้เจอกับ เธอผู้นั้นอีก จนสาวคู่สนทนารู้สึกหูตาขวางขึ้นมาทันที

"อ๋อ...เพื่อนเก่านั่นเอง...ชื่อบราวน์ คงจะหวานดีและเซ็กซี่ไม่เบาซิท่า" เธอพึมพำ อย่างไม่สบอารมณ์นัก

"พรุ่งนี้คุณคง..." ชายหนุ่มพูดไม่ทันจบลูกค้าหลายคนเดินเข้ามา จึงทำให้ต่างฝ่าย ต่างเงียบเสียงไปโดยปริยาย แต่ภายในความรู้สึกของ "ไวท์" สาววัยรุ่นหาได้สงบลงไม่ เธอยังคงคั่งค้างคาความขุ่นใจ ที่เห็นอาการตื่นเต้นยินดีของ "นัท" หนุ่มผิวเหลืองหุ่นดี เมื่อรู้ว่า "บราวน์" เพื่อนเก่าจะมาอยู่ที่นี่ด้วย

มันเป็นความรู้สึกที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันเหมือนสายฟ้าแปลบปลาบเข้าไป ในหัวใจ สาวผิวหยวก ทั้งๆ ที่รู้จักกันมา ๔-๕ เดือน ไวท์ไม่เคยสนใจ "นัท" เกินเลยไปกว่า เพื่อนที่อยู่แผนกใกล้ๆ เลย แต่ตอนนี้เธอยอมไม่ได้เด็ดขาด ที่จะให้ผู้มาใหม่ หรือใครก็แล้วแต่ ที่จะมาแย่งความสนใจของผู้ชายคนนี้ไป ยิ่งเป็นสาวบ้านนอก คอกนาแล้ว... เชอะ อย่าหวังเลย

เช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ประตูบานกระจก หน้าร้านยังไม่ได้เปิดออก แต่ไวท์ผู้เลอโฉมยัง อุตส่าห์โงหัว งัวเงียมองผ่านไปเห็นรถที่วิ่งเข้ามา จอดเทียบรออยู่ที่หน้าร้านชัดเจน... "บริษัทเพื่อชีวิต" เธอพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะพริ้มตาหลับต่อ...

"สวัสดีครับ...คุณบราวน์" เสียงทักทายของหนุ่มนัทค่อนข้างดัง ทำให้ไวท์ สาวน้อย สะดุ้งตื่น และรีบลุกขึ้นทันที ขณะเดียวกับที่เธอได้ยินเสียงเรียบๆ ดังขึ้นข้างๆ กายว่า "สำนึกดีค่ะ นัท"

ไวท์ สาวสวยหันขวับไปตามเสียง มองสำรวจหญิงสาวหน้าใหม่แผนกติดกันตั้งแต่หัว จรดเท้า ก่อนที่จะยิ้มหยันออกมาอย่างโล่งอก อ๋อ นี่เองหรือบราวน์ที่นัทพูดถึง ผิวคล้ำกร้าน มอมแมม เชยๆ ถึงจะดูเต่งตึงก็เถอะ แต่ไม่เห็นจะน่าเสน่หาตรงไหน ใครจะรับประทาน หล่อนลงคอยะ สาวกรุงสรุปเรียบร้อย พร้อมกับเชิดคางขึ้น โชว์โอ่อวดผิวผุดผ่องขาวนวลของตัวเอง เหมือนข่มขวัญอยู่ในที ขณะเดียวกับที่นัท ส่งเสียงมา

"ไวท์...รู้จักบราวน์หรือยังล่ะ? คนที่ผมพูดถึงเมื่อวานนี้ไง"

"สำนึกดีค่ะพี่" สาวผิวสีเข้มพนมมือไหว้ ทักทายนอบน้อม "หวัดดีค่ะ" อีกฝ่ายยกมือ รับอย่างเสียมิได้ และก็เชิดหน้าเมินทันที อย่างไม่รักษามารยาท ทำให้บราวน์ยิ้มเจื่อน รีบก้มหน้าลง ด้วยอาการเจียมเนื้อเจียมตัว...

"นี่แม่สาวบ้านนา...ฉันว่าเธอน่ะคิดผิดแล้วละที่ใฝ่สูงเข้ามาอยู่ที่นี่ ห้างที่หรูหราอย่าง นี้มันไม่เหมาะกับเธอหรอกนะจ๊ะ เพราะมีแต่ลูกค้าระดับไฮโซทั้งนั้น ฉันว่าคงไม่มีใคร สนใจหล่อนหรอกย่ะ แล้วเธอจะเงียบเหงาเฉาใจเสียเปล่าๆ.. คิดผิด คิดใหม่ ทำใหม่ได้นะ อย่า มาเสียเวลาเลยเธอ" สาวผิวสวยจีบปากพูดอย่างผู้หวังดี

บราวน์นั่งฟังอย่างสำรวม แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ว่า ผู้คนยุคนี้มักมองกันแต่ ความสวยความงามของรูปกายภายนอก และการสัมผัสที่นุ่มนวลเท่านั้น หาได้ เจาะลึกถึงคุณค่าภายใน ที่เป็นประโยชน์แท้จริง อันควรได้รับไม่ และมันคงจะจริง อย่างที่ไวท์เธอว่านั่นแหละ ใครเล่าจะมาใส่ใจเรา ช่างมันเถอะ หญิงสาวบ้านนา ใคร่ครวญอย่างปลงตก อดที่จะถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้... เฮ้อ

"ไวท์...ผมว่าคุณน่ะ กำลังหลงตัวเอง และหยามเหยียดผู้อื่นมากไปแล้วนะครับ" หนุ่มนัท ตำหนิ ทักท้วงอย่างทนไม่ได้

"อีหลี...แม่นหลงเจ้าของอีหลี อีหล่าเอ้ย" หนุ่มข้าวเหนียวผิวดำที่อยู่ไม่ไกลกันพลอย ผสมโรงอย่างเหลืออดในกิริยาท่าทีของไวท์ สาวเกรดเอ

แต่สาวผู้ทะนงหาได้สนใจเสียงหนุ่มเพื่อนใกล้เคียงไม่ กลับยักไหล่อย่างไม่แคร์ และ หันกลับไปเพลิดเพลินกับลูกค้าอย่างย่ามใจ

หลายวันต่อมา ที่หน้าแผนกของบราวน์สาวลูกทุ่งผิวสีเข้ม มีป้ายหรูหรามาตั้งติดอยู่ โดดเด่น เป็นที่สนใจของผู้คนผ่านไปมา ต่างก็มายืนจ้องมองอ่านกัน และก็มะรุมมะตุ้ม อุดหนุนแผนกของบราวน์กันอย่างเนืองแน่น มืดฟ้ามัวดิน จนต้องมีเจ้าหน้าที่มาจัดแถว เข้าคิวเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไวท์อดแปลกใจและริษยาไม่ได้ ถึงกับระเบิดอารมณ์ ออกมาว่า... "คนพวกนี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมานะ... ดูซิแผนกของเรา เงียบเชียบไปเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมมันจึงกลับตาลปัตรไปได้ถึงขนาดนี้โว้ย! บ้าชัดๆ ดูนังนั่นซิหน้าแป้นแล้นเบิกบาน เป็นดอกทานตะวัน ตอนเช้าเชียว ทุเรศ" เธอแสดงอาการบูดบึ้ง ขึ้งแค้น อย่างขาดสำรวม แต่ก็หามีใครสนใจเธอไม่

"มีคนพูดว่าคนกินข้าวกล้องคือคนจน เรากินข้าวกล้องทุกวัน เรานี่แหละคนจน"

นี่เป็นคำดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสียงอ่านดังๆ อย่างเจตนาของเจ้า หนุ่มถั่วเหลืองหุ่นเท่ เหมือนดั่งจะบอกว่า "หากเธอดูถูกผู้อื่นแล้ว เธอจะเจ็บปวดเสียใจ อย่างนี้ไงล่ะ"

และในขณะเดียวกันนั่นเอง มีลูกค้าในแผนกของเธอจับเธอพลิกดูไปมาพลางพูดว่า "สวยแต่รูป ไร้คุณค่าทางอาหาร อย่ากินดีกว่า เรายิ่งสุขภาพไม่ดีอยู่ด้วย... เอ่อ เอาข้าวกล้องตรงนั้นไปฝึกหุงกินดีกว่า คุณค่าคับหม้อ"

 

 
อ่านฉบับ 129  

เรื่องสั้น ( เราคิดอะไร ฉบับ ๑๓๐ พ.ค. ๔๔ หน้า ๕๒ - ๔๔ )