หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ บรรยายที่ราชธานีอโศก ในงานปีใหม่อโศก '๔๕ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๔
มองไปข้างหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก (ตอน ๓)


(ต่อจากฉบับที่ ๑๔๒)

ถาม : พวกเราเป็นเพียงประชาชนระดับล่าง จะช่วยประเทศชาติได้อย่างไร เพื่อไม่ให้มีการแปรรูป สมบัติของชาติ หรือขายสมบัติของชาติ

ตอบ : ประชาชนระดับล่างเป็นส่วนสำคัญ ที่ต้องรวมแล้วแสดงออกมา ไม่ใช่รวมกันแล้วคุยกันงุบงิบในบ้าน ปิดประตูแล้วก็จบไป หมู่บ้านต้องทำหนังสือขึ้นไป ส่งถึงหนังสือพิมพ์บ้าง ส่งถึงผู้มีอำนาจบ้าง ส่งไปหา ส.ส. ส.ว. ให้เขารู้ว่า ถ้ายังละเลยต่อความคิดอย่างนี้ ในสมัยหน้า คงไม่มีโอกาส จะเข้ามานั่งตรงนี้อีก ต้องใช้แรงกดดัน ลักษณะอย่างนี้เข้าไป ต้องช่วยกันพูดต่อๆ ไปเรื่อยๆ แต่ปรากฏว่า บ้านเราแย่อยู่อย่างหนึ่ง เราเริ่มปกครองด้วยกระแส อย่างแปรรูป การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พอกระแส วูบปุ๊บ หยุดกระแส ไปเลย

ดังนั้น เขารู้วิธีการใช้กระแสหรือใช้คลื่น ของบางอย่าง เขาให้มันโต้ไปตามคลื่นแล้วพอถึงยอดคลื่นหนึ่ง คนทั่วไป มองแค่ยอดคลื่น แต่เขารู้ว่า คลื่นมันต้องลดลง ไม่มีคลื่นที่ไหนคงอยู่ตลอดเวลา พอขึ้นไป ยอดคลื่นลูกนี้ เขาขยับไปยังคลื่น ลูกต่อไปที่กำลังจะไล่มา คลื่นเก่าก็จะลดลงไป แต่ลดลงไปนั้น เขาได้ประโยชน์ ได้ส่วนต่างๆ ไปแล้ว เขาใช้กระแสเข้ามาจัดการเรื่องต่างๆ

กระแสเกิดจากอะไร เกิดจากโทรทัศน์ เกิดจากหนังสือพิมพ์ เกิดจากอะไรต่างๆ นานา ใช้กระแสกวนพักหนึ่ง พอกระแส เริ่มดีก็หาประโยชน์จากตรงนั้น

ทางออกอีกอย่างหนึ่ง คือ จัดตัวคูณให้มากขึ้น โดยเฉพาะ พรรคเพื่อฟ้าดิน และ ชุมชนอโศก จัดตัวคูณ และ อบรมคน ให้มากขึ้น ให้ทั่วทุกหัวระแหง เพราะตอนนี้ สังคมยอมรับแล้ว ไปที่ไหนมีแต่คนพูดถึง ถ้าเป็นคน ในกระแสทางเลือกอย่างพวกเรา ไปที่ไหนมีแต่คนบอก ตอนนี้พอพึ่งพาได้ ๒ อย่าง อย่างหนึ่งคือ ชุมชนแบบชาวอโศก อีกอย่างหนึ่ง นักวิชาการ บางคน หมดหวังกับสังคมทั่วๆ ไป เริ่มหันไปพึ่งพา สังคมอิสลาม เพราะทางนั้นยังมี อัลกุรอาน คอยเป็นหลักอยู่

ผมเพิ่งทราบจาก ดร.จรัญ มะลูลีม ซึ่งเป็นอาจารย์จากภาคความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่านบอก เดี๋ยวนี้อาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล เริ่มหันไปทางสังคมอิสลามแล้ว เพราะอยากจะรู้ว่า สังคมอิสลามขับเคลื่อนอย่างไร ถึงได้แข็งแรง แข็งแกร่ง คนเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่า จะไปนับถือ ศาสนาอิสลาม แต่ต้องการอะไรบางอย่าง มายันกระแสตะวันตกไว้ อย่าให้พัดมาแรง จนกระทั่งชาติ เป็นคนป่วยไวเกินไป คนที่สะสมข้อมูลมากๆ จะทราบว่าอะไร พอจะยันกับอะไรได้

อย่างชุมชนชาวอโศกนี่ยันได้ แต่ปริมาณ ถ้ายังไม่ถึงล้านก็ยังยันยาก มันสำคัญตรงล้านแรก ถ้าได้ล้านแรก ล้านที่สอง จะตามมาเอง ท่านลองนึกถึงสังคมอิสลาม ตอนนี้มีประมาณ ๖-๗ ล้าน แต่ไม่ทราบรัฐบาล ทำตัวเลขอย่างไรเหลือ ๕ ล้านเท่านั้น ในจำนวน ๖-๗ ล้านนั้น ๓-๔ ล้าน ของเขายันได้ดี ไปดูสังคมอิสลาม เดี๋ยวนี้เขาไม่กินโค้ก เป๊ปซี่ คือของเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับ สงครามอัฟกานิสตานด้วย ของเขามาจาก การต่อสู้ของสงคราม ไม่ได้มาจากการป้องกันตัวเองจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม มีผลกระทบ ในทางปักษ์ใต้นี่ กระทบเลย ยิ่งไปทางปัตตานี ยะลา นราธิวาส พวกนี้ร้องโอดโอย โหยหวนหมดเลย เพราะ เขาไม่ดื่มโค้กกันเลย แม้แต่อึกเดียว ไม่ดื่มเป๊ปซี่ ไม่มีใครเข้าร้านแม็คโดนัลด์ แล้วเขาทำได้ผล ถ้าวันหนึ่ง เราสามารถ จะปลูกต้นอโศก ชุมชนอโศกไปทั้งประเทศ เรามีอีกสัก ๕ ล้านเท่านั้น ถ้า ๒ พลังนี้ มาบวกกัน ปาเข้าไป ๑๒-๑๓ ล้านแน่นอนเลย คน ๑๒-๑๓ ล้านคนต่อ ๖๐ กว่าล้าน หรือต่อไปถึง ๖๕ ล้านคน ก็ยังพอยันกันอยู่

ถ้าเราใช้พลังเหล่านี้ เป็นเกลือเค็มๆ ค่อยไปหยอดแก้วโน้นแก้วนี้ ให้เค็มตามไปเรื่อยๆ ผมว่าพอยั้งได้

ถาม : ขอทราบแนวทางการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นของชาติ และการปกป้องสมบัติของชาติด้วย

ตอบ : ผมว่าอันดับแรกเราต้องรู้เสียก่อนว่าอะไรเกิดขึ้น การรู้นี่คือรู้โจทย์ ท่านจะทำอะไรสักอย่าง แล้วท่าน ไม่รู้ว่า โจทย์มันคืออะไร จะเป็นว่าท่านต่อยในความมืด มันไม่เกิดประโยชน์ ไม่ตรงเป้าสักครั้งเดียว ต้องหาเป้า หาโจทย์ก่อน อย่างผมพยายามจะหาว่า ตอนนี้โจทย์คืออะไร เขากำลังทำอะไรอยู่ โจทย์อยู่ การบินไทย ผมก็ไปที่การบินไทย โจทย์อยู่ที่การรถไฟ ผมก็ไปที่การรถไฟ ถึงขนาดผม เข้าไปหา ท่านวีระ มุสิกพงศ์ ก็เล่าอะไรให้ท่านฟัง ท่านบอกเอาอย่างนี้ได้ไหม คุณวีระ มุสิกพงศ์ กับคุณเอกพร รักความสุข คุณเอกพร เป็นนักการเมืองรุ่นหนุ่ม ที่ทำงานจริงจัง แข็งแรงมาก ใครมาจากจังหวัดสกลนคร น่าจะภูมิใจ กับคนคนนี้

การรถไฟนี่มีวารสารการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่ไม่เคยทำงานได้ประโยชน์อะไรมากมาย ก็ออกมาแบบ ให้ออกไปๆ แล้วไปไถสปอนเซอร์ จากพวกห้างร้านต่างๆ เท่านั้นเอง ตกลงเราเปลี่ยน วารสารการรถไฟใหม่ ผมไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้ว แต่ผมขอไปทำ ทำให้เล่มหนาๆ ทำเป็นภาษาไทย และ ทำเป็นภาษาอังกฤษด้วย ภาษาอังกฤษ ๑ ใน ๓ เพื่อจะใช้สื่อสารการรถไฟ แล้วผมเป็นเจ้าของ บรรณาธิการเองหมด แล้วเราเปลี่ยน ชื่อจาก วารสารรถไฟ มาเป็นชื่อว่า นิตยสารบางซื่อ ฉบับแรก จะออกเดือนกุมภาพันธ์ เราจะทุ่มเท พลังทั้งหมด ลงไปในนั้น พัฒนารถไฟให้ได้ ต่อไปคนไม่ต้องใช้รถเก๋งมาก คนไปไหนมาไหน ใช้รถไฟกัน รถตู้ไม่ต้องใช้มาก ใช้รถไฟมันถูกกว่ากันมาก ขนส่งสินค้า ใช้รถบรรทุกที ต้อง ๒๐๐ คัน เครื่องยนต์ก็ ๒๐๐ เครื่อง คนขับก็ ๒๐๐ คน เด็กท้ายรถ ก็ปาไปอีก คันละ ๒ คน พลังงานก็ใช้มาก มลภาวะก็มาก ถ้าใช้รถไฟ ใช้แค่หัวจักรเดียวเท่านั้น เปลืองคน ไม่กี่คน ถนนหลวงต่างๆ ก็ไม่เสียหาย ไม่ต้องไปซ่อมกันทุกปี เพราะรางรถไฟ ไม่ต้องซ่อมกันมากมาย แต่รถไฟ อาจจะมีคอมมิชชั่น น้อยกว่าการสร้างถนนหลวง หรืออย่างไรไม่ทราบ คนเลยไม่ค่อยสนใจ นี่คือการป้องกันอย่างหนึ่ง หรือการพัฒนาอะไรสักอย่าง เราใช้สื่อนำ ถ้าท่านเห็นอะไร ผมอยากให้ท่านเขียน มีสมุดสักเล่มแล้ว ส่งไปหาคนที่มีทางออก มีช่องทาง อย่างผมมีทางออก มีช่องทาง ไทยรัฐนี่ ท่านส่งไปที่ คุณอ๊อด เทอร์โบ หน้าตอบปัญหาต่างๆ นั่นเขามีทางออกมีช่องทาง ท่านเก็บไว้คนเดียว ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าลงหนังสือพิมพ์ตูม คนอ่านอีก ๑๐ ล้านคน มันเกิดกระแสขึ้นได้ ร่วมต่อต้านกันได้

ถาม : มีคนเคยบอกและชอบพูดเสมอว่า ตั้งโจทย์ผิด ผิดทั้งหมด กฎหมาย ๑๑ ฉบับ ตั้งโจทย์ถูกหรือผิด

ตอบ : กฎหมาย ๑๑ ฉบับ เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข โจทย์ผมก็คือต้องแก้ไข ถ้าไม่แก้ไขมันจะไปเรื่อยๆ อย่างนี้ เดือนมกราคม มีคนจ้างผมไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ โฆษณาสินค้ารถ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ต่อไปจะเห็นผม ขับรถ มิตซูบิชิตามจอต่างๆ เขาจ้างผมให้ไปขับรถแล้วให้รถมิตซูบิชิ จีแวก้อน ๑ คัน แต่เดิม ผมสงสัยว่า ทำไม ขั้นตอนมันนาน เพราะเขาเจรจากับผมมานานแล้ว ว่ารถที่จะออกมาใหม่นี้เป็นรถลุยๆ จะเหมาะกับ ผมมาก พวกผู้อำนวยการ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทั้งหลายเขาก็มาคุยกับผม ผมก็รับโฆษณาให้ ผ่านไป ๒ เดือน ผมถามว่าทำไม เขาบอก คุณนิติภูมิ ไม่ทราบหรือว่า เดี๋ยวนี้บริษัทมิตซูบิชิ ไม่ได้เป็นของไทยมาก เหมือน เมื่อก่อนแล้ว เมื่อก่อนเป็นของคนไทย ๕๑ % วันนี้เป็นของต่างชาติ ๙๖ % เพราะกฎหมาย ๑๑ ฉบับนี่แหละ ดังนั้น แม้ว่าคณะกรรมการ คนไทยจะพิจารณาหมดว่า เอาผมนี่แหละ แต่ก็ต้องเสนอไป แล้วตอนนี้ ไปติดอยู่ ๒ คน แต่ ๒ คนนี่เขาผ่านแล้ว เดือนมกราคม ผมโฆษณาแน่นอน ผมบอกตายแล้ว นี่มันมาก ขนาดนี้เชียวหรือ เขาบอกทุกบริษัทรถยนต์ในเมืองไทย ตอนนี้ไม่มีเหลือแล้ว เมื่อก่อนยังเป็น ของคนไทย ๕๐% ๕๑% ๖๐% ตอนนี้ต่างชาติมาเอาหมด

ยนตรกิจ ที่เมื่อก่อนขายรถยี่ห้อ บีเอ็มดับบลิว เมื่อก่อนยนตรกิจก็ของคนไทย พอกฎหมายเขาออกมา ในยุค ท่านชวน หลีกภัย สิ่งที่เกิดขึ้น คือบริษัทเยอรมันมา ดีดพลัวะออกไปเลย และมาทำเอง หุ้น ๑๐๐%

ผมได้เจอผู้คนที่เป็นเจ้าของโรงงานเก่าๆ แม้แต่ฮิตาชิ เนชั่นแนล พานาโซนิค เจ้าของเขาร้องไห้ เขาเป็น คนไทย ที่ไปได้ลิขสิทธิ์ เอามาจากญี่ปุ่น แล้วเอาญี่ปุ่นมาหุ้นด้วย เดิมญี่ปุ่นหุ้นด้วย ๑๐-๒๐% แล้วใช้ คนไทย ก่อร่างสร้างบริษัทขึ้นมา จนกระทั่งบริษัทเติบใหญ่ขึ้นมา เขาก็อยู่ได้ จ้างคนไทยทำงาน วันดีคืนดี ในยุครัฐบาลที่แล้ว บอกว่าต่างชาติหุ้นได้ ๑๐๐% มันเพิ่มทุนฉับพลันทันที แต่เดิมสมมุติคนไทย ๖๐ % ต่างชาติ ๔๐ % ๑,๐๐๐ ล้านบาท คนไทยลง ๖๐๐ ล้าน ต่างชาติลง ๔๐๐ ล้าน พอมาตอนนี้ เป็นเจ้าของ ได้ ๑๐๐% บอกไม่ได้หรอก บริษัทฉัน ต้องเพิ่มทุนอีกสัก ๔,๐๐๐ ล้าน คนไทยจะเอาเงินที่ไหน ไปเพิ่ม เศรษฐกิจก็ไม่ดี พอเริ่ม ๔,๐๐๐ ล้าน เราก็กลายเป็นหุ้นส่วนเล็ก และเป็นอย่างนี้ทั้งหมด

เมื่อก่อนนั้นเราซื้อหม้อหุงข้าวสักหม้อหนึ่งยังอุ่นใจ หม้อหุงข้าวใบนี้เราซื้อมา ๑,๐๐๐ บาท ทางบริษัท ได้กำไรมา ๑๐๐ บาท ๕๑ บาทก็ยังตกอยู่กับคนไทย อาจจะ ๖๐ ด้วยซ้ำ อีก ๙ บาทเป็นค่าแรงคนไทย แต่ตอนนี้ เราซื้อหม้อหุงข้าวมา สมมุติกำไร ๑๐ บาท เรารู้เลยว่าทั้ง ๑๐ บาทไหลไปญี่ปุ่นหมด ประเทศนี้ จึงไม่มีเลือดอยู่ในกาย

ถาม : ถ้าเราใช้เงินของเราภายในประเทศ แบบเบี้ยกุดชุม จะเกิดอะไรขึ้น

ตอบ : อย่างนี้ไม่ดีแน่ ถ้าจะใช้ในชุมชนนั้นดีแน่ แต่ท่านอย่าลืมว่า ในประเทศไทย เราเป็นสมาชิกชุมชน ระหว่างประเทศ เราจะทำอะไรต้องทำ ๒ อย่าง อย่างหนึ่งเราต้องทันเกม เพื่อจะช่วยคน ในประเทศของเรา อีกอย่างหนึ่ง เราต้องทันเกม ในระหว่างประเทศ นักการเมืองบ้านเรา หลายคนเก่งกาจมาก แต่พอไป เรื่องเกี่ยวกับ ระหว่างประเทศ เสียเปรียบเขาทั้งนั้น แต่บางคนก็เก่งกาจ เรื่องระหว่างประเทศ ไปที่ไหน คนยอมรับหมด แต่มาแพ้เกมเรื่องในประเทศ สมัคร ส.ส. ก็ตกทุกที ดังนั้นจึงเกิดปัญหา การจะเอา เฉพาะเรื่อง ในประเทศอย่างเดียว เช่น เบี้ยกุดชุม มันก็ดี แต่วันหนึ่ง เราต้องให้เงิน มันไหลออกมา จากต่างประเทศด้วย ไหลเข้ามาในประเทศ ดังนั้น ต้องอาศัย ๒ อย่างให้ผสมกลมกลืนกัน

ผมจึงพยายามเหลือเกินที่จะไปพูดเรื่องต่างประเทศ เพื่อผลิตคนรุ่นใหม่ขึ้นมา ให้เก่งเรื่อง ต่างประเทศ และ ในประเทศ แต่มันน่าเสียดายคนที่เก่ง เรื่องต่างประเทศนั้น บ้านเราส่วนใหญ่ จบการศึกษา จากต่างประเทศ ทั้งนั้น แล้วส่วนมาก จะไปตั้งแต่เด็กๆ ไปดูลูกนักการเมืองรุ่นใหม่ ก็ไปเมืองนอกตั้งแต่เด็ก เมื่อกลับมา เมืองไทย ก็รู้แต่เรื่องต่างประเทศ ในสมองเป็นเรื่องต่างประเทศทั้งหมด เมื่อเป็นอย่างนี้ จะมาเดิน มาทำ อย่างที่เราทำนี่ไม่ได้ ไม่รู้เรื่องเลย

เราต้องหาส่วนผสมที่กลมกลืนกันพอสมควร ที่เวียดนามที่ไปมาบ่อยๆ อย่างหนึ่งก็คือ เขาใช้คนในประเทศ ผลผลิตในประเทศ แต่ป้อนเรื่องต่างประเทศเข้าไป ดังนั้นเขาได้ ๒ อย่างผสมกลมกลืน คละเคล้ากัน

ถาม : ประเทศไทยมีทีท่าว่าจะตั้งบ่อนการพนันเสรี เพื่อให้เงินเข้าประเทศ มีความเห็นอย่างไร

ตอบ : ความคิดเรื่องการตั้งบ่อน เป็นเรื่องที่เลวทรามที่สุด แล้วถ้าตั้งในรัฐบาลนี้ขึ้นมา รัฐบาลนี้ก็ไว้ใจไม่ได้ การตั้งบ่อน คนจะได้ประโยชน์ มีไม่กี่คนเท่านั้น ความเป็นจริงก็คือนายบ่อน เจ้าของบ่อนเท่านั้น แล้วเงิน มันไม่กระจัดพลัดพราย

ทุกวันนี้ประเทศเราทุกข์จากหวยใต้ดินมาพอสมควร เดี๋ยวนี้ไปเจอปลาที่ไหน ก็นั่งไหว้ได้ ผมไปที่ เขาคิชฌกูฏ ที่ จันทบุรี ข้างบนจะมีรอยพระพุทธบาท เราก็กราบสักการะ เมื่อก่อนคนไปเคารพ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เดี๋ยวนี้ไปดูใหม่ คนไปไหว้พระพุทธบาท จะมีกระจกถือแทบทุกคน เป็นกระจกมีด้ามยาวๆ เขาเอาไปส่องเลข ใต้ซอกหินกัน เดินขึ้นไปตั้ง ๑๐ กิโลเมตร เดี๋ยวนี้เป็นปะรำ ขายกระจกเพื่อเอาไปส่อง ดูตัวเลขทั้งนั้น นี่คือ สังคมของคนประเทศนี้ อยู่แบบพึ่งพาโชค ไม่ได้พึ่งพามือ นี่คือเศษขยะ ที่ทำอย่างไร จะปลดได้ ถ้าไปตั้ง บ่อนขึ้นมา สังคมพังเละเทะแน่นอน

(อ่านต่อฉบับหน้า)

เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๓ มิถุนายน ๒๕๔๕

เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๓ มิถุนายน๒๕๔๕