หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

บ้านป่า นาดอย โดย... จำลอง


วันที่ ๑๙ มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ ๒๐ ปี ของการบุกเบิกขายอาหารมังสวิรัติ ที่ญาติธรรมหญิงชาว
สันติอโศก กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ริเริ่มขึ้น โดยมีคุณศิริลักษณ์ ศรีเมือง เป็นหัวหน้า ขายในตลาดนัดจตุจักร ระบุตำแหน่งแห่งที่ เป็นภาษาไทยปนฝรั่งว่า "ซอย ๔ ล็อค ๒"

คุณศิริลักษณ์กับน้องๆ รับภาระหนักในการเป็นแม่ครัว ส่วนผมและญาติธรรมชาย อีกคนสองคน เก็บจาน ล้างจาน ผมมีหน้าที่เพิ่มเติม คือรับแขก และขับรถ ตอนไปบุกเบิกทำกสิกรรมไร้สารพิษ ที่กาญจนบุรี
ใหม่ๆ ทั้งโครงการ มีผมกับคุณศิริลักษณ์เท่านั้น ที่มีใบขับขี่รถ ๖ ล้อ เพราะเคยขับรถ ส่งอาหาร มังสวิรัติ มาตั้งแต่ครั้งนั้น

ด้วยการทำงานหนักของญาติธรรม ชาวอโศกหลายคน ทำให้วันนี้ มีร้านอาหารมังสวิรัติ แพร่กระจายไป หลายจังหวัด ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่ชื่อเสียง กลับมาตกที่คุณศิริลักษณ์ และผม เพียงสองคน ใครไปพบร้าน มังสิรัติที่ไหน ก็ทึกทักเอาว่า เป็นร้านผม

๒๐ ปีที่ผ่านมาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ อาหารมังสวิรัติ ได้ช่วยให้สัตว์น้อยใหญ่ พ้นจากการถูกฆ่า นับหมื่นๆ แสนๆ ชีวิต สมาชิก "เราคิดอะไร" ที่ยังรับประทานอาหารเนื้อสัตว์อยู่ จะไม่ลองหันมาเป็น
นักมังสวิรัติเลยหรือ
อย่างน้อยในวันเกิด แต่ละสัปดาห์ก็ยังดี

"เราคิดอะไร" ได้ช่วยโฆษณา "บ้านสวนไผ่สุขภาพ" ซึ่งเป็นการบุกเบิกรอบต่อไป ให้เกิดสถานที่ ส่งเสริม สุขภาพ ประชาชนครบวงจร นับตั้งแต่ให้คำแนะนำวิธีการรักษาสุขภาพ เมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร เราก็มีอาหาร มังสวิรัติขาย พร้อมกับอาหารแปรรูป นานาชนิด พูดเรื่องพืชผักผลไม้ เรามีผักผลไม้ไร้สารพิษ ๑๐๐% ที่ไม่ใช้ สารเคมีใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และ ยาฆ่าหญ้า ส่วนเรื่อง การออกกำลังกาย เราก็จะมี การสอนโยคะ ชี่กงและอื่นๆ

ผมและคณะตั้งความหวังไว้ว่าอีก ๒๐ ปีข้างหน้า (ถ้าเรามีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้น) จะมีสถานที่ ส่งเสริม สุขภาพอย่าง "บ้านสวนไผ่สุขภาพ" กระจายไปในจังหวัดต่างๆ เช่นเดียวกับ ร้านอาหารมังสวิรัติ ในช่วง ๒๐ ปีที่แล้ว

 

เดือนมิถุนายน ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ตามขอสัมภาษณ์ ด้วยเหตุผลว่า ผมหายหน้า จากแวดวง ข่าวไปนาน ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ผมเลยนัดวันอาทิตย์ที่ ๓๐ มิถุนายน ซึ่งบังเอิญ ตรงกับวัน ตื่นเต้นที่สุด ของการแข่งขัน ฟุตบอลโลก ดีเหมือนกัน จะได้ทราบว่า ผู้สื่อข่าว จะถูกฟุตบอลโลก ดูดไปเท่าไร

คงเป็นเพราะต่างเวลากัน นัดผู้สื่อข่าวเช้า ส่วนการชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกมีตอนเย็น จึงมีผู้สื่อข่าวไป ประมาณ ๒๐ คน มากกว่าที่คาด มีทั้งผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์

นอกจากถามเรื่องเกี่ยวกับตัวผมแล้วก็เป็นเรื่องอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในความสนใจ ของผู้คน ในขณะนี้

ถามผมว่ามีความเห็นอย่างไร กับการขยายตัว ของห้างค้าปลีกต่างชาติ และมีทางใดที่จะแก้ไขไหม ผมเล่าให้ฟังว่า ที่กาญจนบุรี การคัดค้านของชาวกาญจน์ เพิ่งแพ้ไป อย่างราบคาบ แผ่นผ้ารณรงค์ ต่อต้าน ที่เคยปิด ทั่วเมืองกาญจน์ เก็บไปเกือบหมดเหลือเพียง ๓ แห่งเท่านั้นเอง บริษัทเทสโก้โลตัส ล้อมรั้วที่ดิน เริ่มสร้าง อย่างเร่งรีบ ผมไปถ่ายรูปมาแล้ว แรกทีเดียว คนของบริษัท แสดงความไม่พอใจ รีบเดินตรู เข้ามาหาผม เมื่อจำหน้าได้ก็ยิ้มๆ แล้วยกมือไหว้ ผมบอกว่า เขามีหน้าที่ ก่อสร้างก็สร้างไป ผมจะถ่ายรูป เพื่อไปลง ในหนังสือเล่มเล็กๆ (เราคิดอะไร) บันทึกความพ่ายแพ้ ของคนเมืองกาญจน์ ไว้เป็นหลักฐาน

ผมเคยพบและพูดกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งยืนยันกับผมว่าเข้าไปช่วยร้านค้าปลีกคนไทยยาก เพราะใน สมัยรัฐบาล ชุดที่แล้ว ได้ออกกฎหมาย เอื้ออำนวยประโยชน์ ให้แก่ต่างชาติไว้หมดแล้ว ต่อมา เมื่อนายกฯ ทักษิณ เดินทางไปเยือนอังกฤษ ก็ได้รับคำขอร้อง ให้ช่วยดูแลชาวอังกฤษ ที่มาลงทุน ในประเทศไทย (หมายถึง เทสโก้โลตัส)

ผมบอกกับผู้สื่อข่าวว่าได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด คนไทยไม่ได้เกลียดชาวต่างชาติ หลายคน รวมทั้ง ตัวผมด้วย ก็เคยไปร่ำเรียน มาจากเมืองนอก เรื่องการค้าปลีกในเมืองไทยนั้น ต่างชาติ มีวิทยาการ ก้าวหน้ากว่า คนไทยมาก มีทุนมหาศาล ซึ่งเราไม่มี น่าจะมาลงทุน ทำสิ่งที่เราทำไม่ได้ เราถนัด เรื่องการค้าปลีก มาแต่โบราณ ก็ขอให้เราทำต่อ อย่ามาแข่งกับเราเลย


หอการค้าเมืองกาญจน์ โบ้ยไล่ค้านห้างโลตัส
ผู้สื่อข่าวถามต่อ การที่คุณเนวินกำลังประกาศตั้ง "บริษัทค้าปลีกเข้มแข็ง" นั้นจะช่วยแก้ปัญหาได้ไหม ผมตอบ ทันทีว่า แก้ได้นิดเดียว แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย บริษัทดังกล่าว จะทำการค้า โดยรวบรวม การสั่งซื้อ จากร้านค้าปลีกของคนไทย ไปซื้อจากโรงงาน ทีละมากๆ จะได้ซื้อราคาถูกลง และ จะสนับสนุน เพิ่มพูนความรู้ ให้ผู้ค้าปลีก

คุณณรงค์ โชควัฒนา ครูคนหนึ่งของโรงเรียนผู้นำพูดที่บ้านราชวัตร เปรียบเปรยว่า การช่วยร้านค้าปลีก ให้ไปสู้ กับห้างยักษ์ ต่างชาตินั้น เหมือนกับหนุนปลา ไปสู้กับจระเข้ จะหนุนอย่างไร ก็สู้ไม่ได้ ต้องช่วย ออกกฎหมาย ควบคุมไม่ไห้จระเข้ เพ่นพ่านมาทำร้ายปลา

ผมพบกับคุณหมอประเวศ วะสี ในงานแห่งหนึ่งที่เมืองกาญจน์ ซึ่งคุณหมอก็เป็น ชาวกาญจน์ด้วย เป็นห่วงเป็นใย เรื่องนี้มาตลอด เกรงว่าในอนาคต จะมีการต่อต้าน ห้างค้าปลีกต่างชาติ อย่างรุนแรง คุณโสภณ สุภาพงษ์ บอกว่ากลุ่มที่จะต่อต้าน เป็นกลุ่มแรกคือ กลุ่มผู้ค้าปลีก ส่วนกลุ่มผู้ซื้อนั้น คงจะเฉยๆ เหมือนที่ผ่านมา เพราะได้รับการเอาใจสารพัดอย่าง จากห้างต่างชาติ

ปัจจุบันห้างยักษ์ต่างชาติมี เทสโกโลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ และ แม็คโคร ห้างแรกปีนี้ จะขยายเพิ่มอีก ๘ แห่ง จาก ๓๓ แห่ง ห้างที่สอง เพิ่ม ๔ แห่งจากเดิม ๓๐ แห่ง ห้างที่สาม มี ๑๕ เพิ่มอีก ๓ ส่วนห้างที่สี่ เดิมมี ๒๐ ปีนี้ เพิ่มอีก ๒ แห่ง

การเพิ่มห้างยักษ์แต่ละแห่งจะทำลายห้างค้าปลีกของคนไทยมากมาย สิ้นปี คนไทย จะตกงาน เพิ่มอีก ไม่รู้เท่าไหร่ เพราะเขาประหยัดการจ้างคน เราจะไปโทษเขาก็ไม่ได้ ทุกคนเรียนมาจาก หลักเศรษฐศาสตร์ เดียวกัน "ทำกำไรให้มากที่สุด ลดต้นทุนให้เหลือน้อยที่สุด" ได้กำไรเท่าไร เขาก็โกยกลับประเทศหมด เป็นไปตามกติกา "การเงินเสรี"

ถ้ากู้ให้ฟื้นคืนมาไม่ได้ ต้องโทษคนไทยทั้งกลุ่มผู้ค้าปลีก ค้าส่ง และกลุ่มผู้ซื้อ ที่ไม่รวมตัวกันคัดค้าน อย่างจริงจัง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เกี่ยวข้อง แทนที่จะเอากฎเกณฑ์บางอย่าง ที่มีอยู่ มาหยุดยั้งรั้งหน่วง ให้เขาขยายสาขาได้ยาก กลับอำนวยความสะดวก ให้เพิ่มเอาๆ

ประเทศที่เขามีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ เช่น ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ไต้หวัน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย เขาจำกัด ห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ ปกป้องห้าง ค้าปลีกรายย่อย ด้วยกันทั้งนั้น

ผมสรุปให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ความเห็นแก่ตัว เป็นเรื่องใหญ่ที่เราไม่สามารถจะแก้ปัญหาได้ รวมทั้งอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งกำลังฮือฮา ในขณะนี้ คือเรื่อง "นมโรงเรียนบูด" ต้องแก้ทั้ง ๒ อย่าง คือ สร้างระบบป้องกันการโกง และ ปลุกจิตสำนึก ให้ผู้เกี่ยวข้อง ละลด และ เลิกคดโกง โกงเรื่องอะไรๆ ก็ไม่ดีทั้งนั้น โกงนมเลี้ยงเด็ก น่าสมเพชที่สุด

วิธีแก้อีกวิธีหนึ่งก็คือ เปลี่ยนอาหารเสริมจากนมวัวเป็นงา คุณหมอเสม พริ้งพวงแก้ว เคยพูดให้ผมฟังว่า งาเป็นอาหาร มหัศจรรย์ คณะของคุณหมอเฉก ธนะสิริ ไปพูดที่พุทธสถาน ปฐมอโศก ทำให้ผม หย่านม ทันที เสียดาย ที่ฟังตอนอายุ ๖๐ เลยหย่านม เมื่อตอนแก่ แต่ก็ยังดีกว่าใครๆ ที่ไม่หย่านมเลย จนกระทั่งตาย

ผมบอกผู้สื่อข่าวว่า ถ้าเปลี่ยนจากนม มาเป็นงา เราไม่ต้องเสีย เงินตราต่างประเทศซื้อนมปีละ ๗,๐๐๐ ล้านบาท และ ช่วยให้เกษตรกร ที่ปลูกงา มีรายได้เพิ่มขึ้น กาญจนบุรี เป็นจังหวัดหนึ่ง ที่ปลูกงาได้ดีมาก

งาดำมีแคลเซียมเป็น ๑๔ เท่าของนมวัว แล้วเราจะไปส่งเสริม ให้ดื่มนมทำไม ควรจะเปลี่ยนคำถาม เป็นคำว่า "เช้าวันนี้ คุณกินงาแล้วหรือยัง"

หมอบรรจบ ชุณหสวัสดิกุล เพิ่งยืนยันกับผมว่า ญาติของหมอคนหนึ่ง เป็นหญิงวัยกลางคน เป็นโรค กระดูกผุมานาน หันมากินงาดำ วันละ ๔ ช้อนโต๊ะ ๑ ปีเท่านั้น ก็หาย ตรวจพบว่า การขาดแคลนแคลเซียม
ในกระดูกนั้น แคลเซียมกลับเพิ่มขึ้น ถึงขั้นปรกติ

ผู้สื่อข่าวชวนคุยเรื่อง "การประชุมสภา ล่มแล้วล่มอีก" ผมยืนยันว่า เป็นเรื่องปกติของสภาไทย อยากจะให้หยุด การประชุมเมื่อไร ก็ขอให้ประธานสภานับจำนวน นับทีไรก็ขาด มาไม่ครบทีนั้น ต้องเลิก ประชุม กลางคัน ตามข้อบังคับสภา ถ้าใครเข้าประชุมตรงเวลา นั่งอยู่กับที่ ไม่หนีไปไหน จะกลายเป็น แกะดำ ถูกหาว่าเป็นเด็กอนุบาล

เป็นมาอย่างนี้ทุกยุคทุกสมัย ถ้าจะแก้ต้องแก้ที่ตัวนักการเมือง ซึ่งจะต้องนึกอยู่ ตลอดเวลาว่า การประชุม เป็นหน้าที่ เมื่อขาดประชุมมีใครบ้างไหม ที่ขอคืนเงินเดือน รับเงินเดือนเต็มที่ แต่ทำงานเต็มที อย่างนี้ บ้านเมืองเราก็แย่

ที่น่าเกลียดที่สุดก็คือ ต้องการล้มการประชุม เสนอให้ประธานสภา นับจำนวนส.ส. แล้วตัวเองและคณะ รีบวิ่งออก จากห้องประชุม เพื่อให้แน่ใจว่าจำนวน จะไม่ครบอย่างแน่นอน ทันทีที่นับจำนวนเสร็จ ก็รีบกลับเข้าไป ในห้องอีก ทำยิ่งกว่าเด็กๆ

นักหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ขอความเห็นว่า รัฐบาลทำงานมา ๑ ปีมีผลงานเป็นอย่างไร ผมไล่เรียง คำประกาศ ที่ทำสงคราม ๓ เรื่อง เรื่องแรก กับยาบ้า เอาจริงเอาจังมากขึ้น เพิ่งเผายาเสพติด เป็นตันๆ ไปเมื่อเร็วๆ นี้ สงครามกับความยากจน ยังไม่ได้ผล รวมทั้งการทำสงคราม กับการโกงกิน ซึ่งยังจับตัวการใหญ่ๆ ไม่ได้

ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า นายกฯ ทักษิณ เป็นคนขยัน ฉลาดจับประเด็นได้ไว แต่มือรองๆ ทั้งนักการเมือง และ ข้าราชการประจำ ทำงานไม่แข็ง และ ตามนายกฯไม่ทัน หลายเรื่องที่นายกฯ ตกลงใจ สั่งการไปแล้ว ใช้เวลานานมาก กว่าจะเกิดผล หรือไม่ก็เข้าทำนอง "สั่งได้สั่งไป จะทำตามคำสั่งหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง"

ผู้สื่อข่าวหญิงคนหนึ่งเสนอว่า ผมน่าจะทำอะไรเพิ่มอีกหลายๆ เรื่อง พอผมสาธยายให้ฟังว่า กำลังทำ อะไรอยู่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จึงเข้าใจตามความเป็นจริงว่า งานแค่นั้นผมก็แย่แล้ว

หลังการให้สัมภาษณ์ ยังมีการพูดคุยกันต่อ ผมเสนอให้สื่อมวลชน ตั้งคำถามว่า "ฟุตบอลโลก คนไทย ได้อะไร" ผมอ่านบทความ จากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า เจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกเองยังเจ๊ง ทั้งๆ ที่กะเอากำไร อย่างเต็มที่ เตรียมการหากำไร มาแรมปี

ทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีฝันเรื่องเดียวกัน จะได้ประโยชน์จากการจัดฟุตบอลโลก อย่างมากมาย แต่กลับ ตรงกันข้าม ตั๋วฟุตบอลโลก ราคาแพงๆ เหลือหลายแสนใบ หลายคนเลือกดูการถ่ายทอด ฟุตบอล อยู่กับบ้าน

ญี่ปุ่น ในฐานะเจ้าภาพรอง (รองจากเกาหลีใต้) ต้องใช้เงินปรับปรุง ก่อสร้างสนามกีฬา เป็นเงินถึง สองแสนล้านบาท การแข่งขัน ทำเงินได้แค่เดือนเดียว ที่เหลือคือภาระ ในการดูแลรักษา ซึ่งต้องใช้เงิน มากมาย

คนไทยหลายคนยังไม่วายล้มเลิกความคิดที่จะให้ไทยจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก และ กีฬาโอลิมปิก "จนแล้วไม่เจียมเสงี่ยมดวงใจ" แค่เพียงเป็นผู้ดู ก็เสียหายไป มากมายแล้ว

ผมมีเรื่องเพิ่มเติมเล่าให้สมาชิก ที่ติดตามรายการ "บ้านป่าเมืองดอย"นี้ ทราบว่า มีคนเขียนไปเสนอ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ ให้เกณฑ์นักการเมืองแย่ๆ ไปรับการดัดสันดาน จากโรงเรียนผู้นำ คุณสันทัด กรณีตอบสั้นๆ "พลตรีจำลอง ยังต้องเผ่นหนีพวกนี้ ไปอยู่ป่าเขา ในจังหวัดกาญจนบุรี มหาแกหลัง ชนภูเขาแล้ว อย่าได้ส่งพวกนี้ ตามไปรังควานแกเลยครับ(ฮา)"

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๔ กรกฎาคม ๒๕๔๕)