วิกฤตการณ์ที่แท้จริงของโลกปัจจุบัน (ต่อจากฉบับที่ ๑๕๖)- ส.ศิวรักษ์ -
บรรยายให้กลุ่มมุสลิมผู้รักสันติ วันเสาร์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๔๕ เวลา ๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. ณ ห้องประชุมใหญ่ ศูนย์กลางอิสลาม แห่งประเทศไทย รามคำแหง

ทั้งๆ ที่เวลานั้นไทยอยู่ใต้ฉายาของสหรัฐอย่างเกือบจะเต็มตัว รัฐบาลไทยก็ส่งพระองค์เจ้าวรรณไวทยากรไปร่วมประชุมด้วย ณ เมืองบันดุง ทั้งนี้เพื่อไทยจะได้หาทางออก จากอำนาจของสหรัฐ แต่สหรัฐไม่ยอมให้ไทยได้ประกาศเอกราชจากเขา เขาจึงร่วมมือกับฝ่ายศักดินาในวัง และพวกปฏิกิริยาขวาจัด ปลดรัฐบาลดังกล่าวออกเสียในปี ๑๙๕๗ แล้วยก ส.ธนะรัชต์ ขึ้นให้เป็น เผด็จการ เต็มตัว โดยคนผู้นี้เป็นผู้นำประเทศของเราที่เลวอย่างสุดๆ เขาเป็นมนุษย์บ้ากาม โกงกิน ในแทบ ทุกกรณี และทำลายวิถีทางของประชาธิปไตยจนหมดสิ้น แต่สหรัฐก็อุดหนุน รัฐบาลของเขา อย่างเต็มที่ โดยถือว่า นี้แหละคือ หนทางของ ประชาธิปไตย และเป็นการเปิดตลาดเสรี กล่าวคือ การค้า ชนิดที่ อภิมหาอำนาจ จากตะวันตก เข้ามากอบโกย ทรัพยากรในประเทศของเราได้ง่ายๆ ด้วยความร่วมมือ กับชนชั้นบน ของไทย ซึ่งไม่ละอายใจในการยอมสยบลง เป็นลูกสมุนของลุงแซม

แม้อินโดนีเซียจะประกาศความเป็นกลางแต่ปี ๑๙๕๕ และไม่ได้ยอมอยู่ในอาณัติของ สหภาพโซเวียต หากใกล้ชิด กับจีนคอมมิวนิสต์ยิ่งๆ ขึ้น ผลก็คือสหรัฐ หนุนให้ฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล ก่อรัฐประหารขึ้น ดังที่สหรัฐ ทำกับไทยนั้นเอง หากกรณีของอินโดนีเซียนั้น ในปี ๑๙๖๕ ประธานาธิปดี สุฮาโต เปิดโอกาส ให้มีการล้างผลาญ ผู้คนตายเป็นล้านๆ แต่สหรัฐก็ไม่เห็นผิด ยิ่งอีกสิบปีต่อมา อินโดนีเซีย เข้ายึดครอง ติมอร์ตะวันออก ด้วยการฆ่าผู้คนในประเทศนั้นอย่างล้างเผ่าพันธุ์เอาเลยก็ว่าได้ และแล้วสหรัฐ ก็อยู่ฝ่าย อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสมุนเอก

ทั้งนี้เพราะสหรัฐถือว่า ประเทศใดก็ตาม ถ้ายอมสยบกับสหรัฐแล้ว เป็นใช้ได้ แม้การกระทำนั้นๆ จะขัดกับ กฎหมาย หรือ กฎบัตรสหประชาชาติก็ตาม หากผู้นำของประเทศใด แม้ได้รับเลือก มาตาม กระบวนการ ประชาธิปไตย ถ้าไม่ยอมอยู่ในอำนาจของสหรัฐ ก็ต้องปลาสนาการไปจากอำนาจ ดังท่าน ประธานาธิปดี วาหิต แห่งอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นมุสลิมผู้เคร่งครัดตามศาสนาอิสลาม และเป็นผู้ที่ยืนหยัด อยู่ข้าง คนยากไร้ โดยมีใจ เอื้ออารีต่อคนต่างชาติ ต่างศาสนา และดำเนินการปกครอง ตามแบบ ประชาธิปไตย อย่างแท้จริง แต่เพราะท่านไม่ยอมอยู่ในอาณัติของสหรัฐ ท่านก็ต้องหลุด ไปจากอำนาจ อย่างน่า เสียดายยิ่ง โดยคนที่ไม่ติดตามข่าวสาร อย่างใกล้ชิด จะมองไม่เห็น บทบาทอันน่าเกลียด ของสหรัฐ ที่ชักใยอยู่หลังฉากต่างๆ นั้นเลย


แม้นายเบน เลเดน ที่รัฐบาลสหรัฐกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุแห่งหายนภัยในวันที่ ๑๑ กันยายนนั้น ก็เคยเป็น คนที่ซีไอเอ ฝึกขึ้นมา เพื่อต่อสู้กับผู้นำอัฟกานิสถานอีกฝ่าย ซึ่งอยู่เคียงข้างสหภาพโซเวียต ทั้งนี้รวมถึง นายซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งก็เคยเป็นมหามิตรของสหรัฐ เมื่อสมัยที่สหรัฐต้องการเอาอิรักมาเป็นพวก เพื่อหักร้าง อิหร่าน แต่แล้วบัดนี้ สื่อสารมวลชนของสหรัฐก็ให้ร้ายป้ายสีนายซัดดัม ฮุสเซน ว่าเป็นฮิตเลอร์คนที่ ๒ เอาเลย ทั้งนี้มีเหตุผลเพียงที่เขาคนนี้ไม่ยอมอยู่ในอุ้งมือหรืออุ้งเท้าของสหรัฐโดยตลอดเท่านั้นเอง ที่น่าเศร้า ก็คือ สหรัฐสั่งปิดประเทศอิรัก ไม่ยอมให้สมุนของเขา ขายสินค้า แม้จนยารักษาโรคให้อิรัก ผลก็คือ เด็กตาย เพราะขาดยา และอาหารถึง ห้าแสนคน


ความข้อนี้นางแมดิลีน ออลไบรต์ ร.ม.ต.ต่างประเทศของนายคลินตัน ยอมรับตัวเลขดังกล่าว โดยเธอ กล่าวว่า เสียใจ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ หมายความว่าสหรัฐใช้วิธีใดๆ ก็ได้ บีบคั้นให้ใครตาย อย่างโหดร้าย ทารุณเพียงใดก็ตาม เพียงเพราะผู้นำประเทศนั้น ไม่ยอมโดนอ่อนผ่อนตาม การนำของสหรัฐ แต่ถ้า ประเทศอื่น หรือฝ่ายอื่นทำกับสหรัฐบ้าง อย่างกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๐๐๑ สหรัฐรับไม่ได้ ทนไม่ได้ โดยคนอเมริกาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชาวโลกจึงเกลียดชังประเทศเขา และประธานาธิบดีบุช กล่าวว่า ผู้ก่อการร้ายดังกล่าว อิจฉาสหรัฐที่มีเสรีภาพอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่นี่ก็คือคำลวง โดยที่เวลานี้ สื่อมวลชนในสหรัฐ ก็ถูกจำกัดเสรีภาพ ยิ่งกว่าสื่อในเมืองไทยเสียอีก ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่า สื่อไทยดีกว่า หากเป็นเพราะ สื่อไทยยอมสยบกับสหรัฐ อย่างหลับตา ดำเนินรอยตาม กระแสทุนนิยม และบริโภคนิยม อย่างเซื่องๆ จนไม่ต้องทำอะไร สื่อไทยส่วนใหญ่ ก็เดินตามฝรั่งอยู่แล้ว มิใช่หรือ เพื่อนมุสลิม ที่มีโอกาส ทำสื่อมวลชน กับหน่วยงานของรัฐบาลไทย ย่อมทราบได้ดีว่า ถ้าคุณต้องการเสนอข่าว ที่ต่างไปจาก ที่ทางสหรัฐครอบงำ ฝ่ายไทยจะไม่ยอมทำข่าววิทยุ ก็ถูกดูดเสียง ดังนี้เป็นต้น


ถ้าผู้ก่อการร้ายในวันที่ ๑๑ กันยายน ต้องการท้าทายเสรีภาพแบบสหรัฐ เรือบินทุกลำ น่าจะมุ่งไปทำลาย อนุสาวรีย์เสรีภาพ ซึ่งมีเทพียืนชูมืออยู่อย่างเกริกไกร แต่ที่มุ่งไปทำลายล้าง ตึกศูนย์การค้าโลก และตึก กระทรวงกลาโหม แสดงว่าเขาจงใจชี้ให้โลกเห็นว่า ลัทธิทุนนิยม และบริโภคนิยม ที่สหรัฐจูงจมูกโลกอยู่นั้น คือความเลวร้าย ดังระบบการทหาร และการค้าอาวุธ ตลอดจนการรุกราน ประเทศอื่นๆ อย่างปราศจาก ความชอบธรรม ของสหรัฐ ก็คือสัญลักษณ์แห่งความอัปยศเช่นกัน


แม้ข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับการก่อวินาศกรรมดังกล่าว อย่างน้อยเหตุการณ์เช่นนั้น ก็ให้ข้อคิด กับข้าพเจ้า ได้มิใช่น้อย ถ้าชนชั้นนำในสหรัฐ แม้จนในเมืองไทย ได้อนุสติจากเหตุการณ์ดังกล่าว เราคงแสวงหา แสงสว่าง ทางปัญญาได้ ให้เกิดความกรุณาเป็นพื้นฐาน แทนที่จะใช้ความอาฆาตพยาบาทจองเวร ซึ่งระงับไม่ได้ ด้วยวิธีอันรุนแรงต่างๆ


ที่พึงตราไว้ก็คือ สหรัฐกับพันธมิตรจะใช้วิธีการแบบตะวันตก เช่น ใช้อาวุธล่าสุด และเทคโนโลยี ทันสมัยที่สุด หาไม่ก็ใช้วิธีตามกฎระเบียบสากลที่ใช้อยู่ในนานาชาติ ซึ่งอภิมหาอำนาจ เป็นผู้ควบคุม วิธีวิทยานั้นๆ แม้กระนั้นสหรัฐก็ประกาศไว้แล้วว่าแม้ประเทศส่วนใหญ่ จะไม่เข้าข้างสหรัฐ สหรัฐก็จะใช้ วิธีการของตน คือสหรัฐใช้กลไก และวิธีการที่ตนตั้งขึ้น เพื่อประโยชน์ของตน แต่ถ้ากลไก หรือวิธีการ ที่คิดไว้ ล่วงหน้า ไม่ได้ผล ก็ใช้วิธีการ ที่ไม่ไยดีต่อกลวิธีนั้นๆ ทั้งหมด กโลบายเหล่านี้ของสหรัฐ ทำให้ คนอื่นๆ ประเทศอื่นๆ นอกบริบทของบริษัทบริวารสหรัฐ พากันเอือมระอา ไปตามๆ กันII

การที่ชาวโลกพากันประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายนนั้น นับได้ว่าสมควร แต่การ ที่สหรัฐ และบริวารมีอังกฤษเป็นต้น เข้าไปโจมตีอัฟกานิสถานนั้น ก็ควรที่ชาวโลก ผู้มีใจเป็นธรรม จำต้อง ประณาม เช่นเดียวกัน หรือยิ่งกว่าเสียอีก เพราะการที่ประเทศใหญ่ เอาเปรียบ ประเทศน้อยที่ยากจน แม้จนพลเมืองทั่วๆ ไปรวมถึงเด็กและสตรี ก็ได้รับเคราะห์กรรม จากการโจมตี เช่นนี้ เรียกได้ว่า สหรัฐ ปราศจาก มนุษยธรรมใดๆ สิ้น อย่ามาประกาศเสียให้ยากเลย ว่าจงใจ เพียงโจมตี ผู้ก่อการร้าย และที่เรี่ยไรเงิน จากคนอเมริกันเอาไปช่วยชาวอัฟกานิสถานนั้น เป็นการเล่นละคร ตบตาอย่างเลวร้าย หรือเป็นการทำทานอย่างหน้าไหว้หลังหลอก เพราะอาหาร และเวชภัณฑ์ที่ทิ้งลงไปให้นั้น ตกลงไป บนเนื้อที่ ที่มีกับระเบิด เต็มไปหมดด้วย มิใช่หรือ แล้วนี่คือ การให้อย่างบริสุทธิ์ หรืออย่างมีเลศ

ถ้าสหรัฐและพันธมิตรต้องการจะนำโลกในปัจจุบัน ผู้นำในประเทศนั้นๆ ต้องรู้จักเจริญสติ และใช้ อหิงสธรรม เป็นแกนนำ

น่าเสียดายที่นักการเมืองในสหรัฐและพันธมิตรของเขา มักอยู่ใต้ฉายาของบรรษัทค้าอาวุธ จึงต้องหันไป ทางการใช้อาวุธ ยิ่งใช้อาวุธชนิดล่าสุดยิ่งดี บริษัทค้าอาวุธจะได้กำไรมากขึ้น บนความทุกข์ยาก ของ ประชากรโลก ผลก็คือ ถ้าปล่อยให้การทำลายล้างอย่างนี้ขยายตัวออกไป ฮันติงตั้น อาจถูกก็ได้ จากทฤษฎี อันบัดซบของเขา

ขณะนี้ สหรัฐเป็นอภิมหาอำนาจหมายเลข ๑ ของโลก โดยเฉพาะก็แต่สงครามโลกคราวที่แล้วเป็นต้นมา สหรัฐได้นำโลก ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และการทหาร ยิ่งจำเดิมแต่สิ้นสหภาพโซเวียตไปด้วยแล้ว เกือบไม่มี อภิมหาอำนาจใดจะกล้าท้าทายสหรัฐได้เลย

แต่การใช้อำนาจและแสนยานุภาพอย่างปราศจากความชอบธรรมสหรัฐ ก็จะทำให้ประเทศนั้น ลดน้อย ถอยความเป็นผู้นำ ลงไปทุกทีๆ ดังที่อังกฤษเคยนำโลกมาก่อนสหรัฐ จนบัดนี้อังกฤษ กลายเป็นสุนัขรับใช้ ของสหรัฐ ไปเอาเลยก็ว่าได้ ดังจะเห็นได้ชัดจากการกระทำของนายโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ

การโจมตีหอการค้าโลกและกระทรวงกลาโหม เป็นเพียงการตอบโต้ที่สหรัฐตั้งรับไม่ทัน จึงอยากเตือนไว้ว่า ฝ่ายตรงกันข้ามกับสหรัฐจะใช้วิธีการอื่นๆ อีก ที่สหรัฐและลูกสมุนนึกไม่ถึง ทั้งนี้ก็เพื่อเอาชนะ วิธีการของ สหรัฐ ซึ่งฉ้อฉล น่าเสียดาย ที่ความฉ้อฉล ของสหรัฐ ได้รับการตอบโต ้อย่างฉ้อฉล จากฝ่ายตรงกันข้าม โดยจะเป็นเช่นนี้เรื่อยไป จนถึงโลกาวิบัติก็ยังได้

ถ้าสหรัฐต้องการคงความเป็นผู้นำไว้ จะต้องแสดงให้โลกเห็นว่าความเป็นผู้นำไม่ได้ขึ้นอยู่กับแสนยานุภาพ หากขึ้นอยู่กับความชอบธรรม จริยธรรม เมตตาธรรม และความยุติธรรม ไม่ต้องดูอื่นไกล ผู้นำทางทหาร ของเรา อย่างถนอม-ประภาส ก็พ่ายแพ้ไปแล้ว จากการเรียกร้อง รัฐธรรมนูญ ของคนไทยเพียง ๑๑ คน ซึ่งสามารถ รวมมหาชน เข้าได้เป็นแสนๆ ตามที่นายพลอย่าง สุจินดา คราประยูร ก็เผชิญชะตากรรม มาแล้วคล้ายๆ กัน เพราะพวกนี้ ไม่เคยเรียนรู้จากอดีต อย่างมีมนสิการนั่นเอง แม้สงครามเวียดนาม ที่สหรัฐแพ้ ประเทศเล็กๆ ก็เพราะมหาชน ในสหรัฐรวมตัวกัน เป็นแสนๆ คน แล้วร่วมกันชี้ให้เห็น ถึงความเป็นอธรรม ของรัฐบาล

ถ้าชนชั้นนำ ในสหรัฐยอมรับความผิดพลาดในอดีต ยอมอ่อนน้อมถ่อมตน และพิจารณาตนเอง ก็จะเห็นได้ว่า เงินช่วยเหลือ ที่ใช้ไปในประเทศต่างๆ นั้น ล้วนเป็นการซื้อบริวาร ไม่ใช่การแสวงหา มิตรที่แท้ ดังที่สหรัฐ ก็ยังทำเช่นนี้อยู่กับ ปากีสถาน ซึ่งเป็นเผด็จการที่ทำลายประชาธิปไตยดังที่สหรัฐทำมาแล้วกับ ส.ธนะรัชต์ และ ป.พิบูลสงคราม ซึ่งทำลายประชาธิปไตยมาก่อนแล้ว

นับว่ายากที่ผู้นำจะฟังคำเตือนด้วยความหวังดี โดยที่ผู้นำแม้จะรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ยังไม่ได้เอาเลย อย่าว่าแต่บุช กับสหรัฐเลย ชวน หลีกภัย ก็ไม่เคยรับฟัง คำของราษฎร ถ้าใครวิจารณ์เขา เขาหาว่า เป็นศัตรูกับเขา ทั้งๆ ที่คน ซึ่งเห็นต่างกัน ก็เป็นมิตรกันได้ หวังแต่ว่าทักษิณ ชินวัตร จะไม่เป็นเช่นนั้น แต่นี่จะหวัง อย่างลมๆ แล้งๆ เกินไปหรือเปล่า

เวลาเกิดวิกฤตการณ์ขึ้นนั้น เรามักตกอกตกใจ ดังคนไข้ก็ต้องส่งห้องไอซียู และในทางการเมือง ก็ต้องเรียกหา อาวุธยุทธภัณฑ์ ที่ร้ายแรงสุด นั่นหาใช่ทางออกไม่ แท้ที่จริง คำว่าวิกฤต มาจาก krisis ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า ทางเลือก หรือตามตัวอักษรของจีน หมายถึง โอกาส

ถ้าผู้นำทางสหรัฐเข้าใจว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน เป็นผลมาจากนโยบายอันเลวร้าย
ของตน ซึ่งสืบเนื่องมาแต่อดีต ทั้งทางการค้าที่สหรัฐเอาเปรียบชาวโลกตลอดมา แม้จะตั้ง WTO World Bank และIMF มาบังหน้า สหรัฐก็ชักใยอยู่เบื้องหลัง ดังกระทรวงกลาโหม ของสหรัฐ ก็สมคบกับ พ่อค้า ขายอาวุธ ผลิตอาวุธ และอุดหนุนรัฐบาลเผด็จการเกือบตลอดเวลาในแทบทุกประเทศ เพื่อเอาเปรียบ ประชาชน พลเมืองส่วนใหญ่ ในประเทศนั้นๆ ที่ต้องการอิสรภาพและความยุติธรรม


สหรัฐมีโอกาสเลือก ที่จะไม่เดินตามรอยอันเลวร้ายของอดีต หันมาหาแนวทางของสันติ และเพื่อเป็นพลัง อันชี้นำ อย่างมหาศาล


อังกฤษเคยเป็นอภิมหาอำนาจหมายเลข ๑ จนถึงสงครามโลกครั้งที่แล้ว จักรวรรดิอังกฤษนั้น เคยแผ่ขยาย ไปแทบ ทั่วโลก จนกล่าวกันว่าพระอาทิตย์ไม่ตกดิน แต่แล้วแสนยานุภาพทางเศรษฐกิจ การทหาร และ การบริหาร งานต่างๆ ตลอดจนการศึกษาของอังกฤษ ก็แพ้คนที่นุ่งผ้าเตี่ยว เพียงผืนเดียว อย่างมหาตมะ คานธี ซึ่งมีสัจจะ และอหิงสาเป็นอาวุธ


เรามักคิดกันว่าเทคโนโลยีที่ล่าสุด และกองทัพอันเกรียงไกร คือพลังอันมหาศาล ทั้งเรายังถูกล้างสมอง ด้วยว่าคนที่เข้มแข็ง ย่อมเอาชนะคนอ่อนแอ เลยถือเสียว่าการแข่งขันกันเป็นของดี แต่เรามักลืมไปว่า ศาสนาของเรา ช่วยให้เราเข้าถึง องค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งทรงฤทธาศักดานุภาพ ยิ่งกว่ามนุษย์ทุกๆ ประการ แม้วิทยาศาสตร์ อย่างฝรั่ง จะท้าทายความเชื่อของคนรุ่นใหม่ ที่เข้าไม่ถึงศาสนธรรม แต่สำหรับพวกเรา ที่มั่นในองค์คุณของ พระอัลเลาะห์ และท่านนบี ตลอดจนศาสดา ในศาสนาต่างๆ ย่อมอาจเข้าได้ซึ้ง ถึงรหัสยนัย แห่งพลังที่มีอยู่เหนืออำนาจ ในทางโลก เราอาจเข้าได้ถึงซึ่งคุณธรรม ที่เหนือความสุข อันจอมปลอม หรือทรัพย์และอำนาจ ที่ได้มาจากการกดขี่ ข่มเหงผู้อื่น จะโดยที่เรารู้ตัว หรือไม่ก็ตาม


ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นมุสลิมผู้รักสันติ ย่อมประจักษ์อยู่แล้วว่า อิสลามคือสันติ และสันติไม่ได้หมายเพียง การปราศจากเสีย ซึ่งสงคราม หากสันติหมายถึงสัจจะ หมายถึง เมตตา กรุณา และหมายถึง ปัญญา ที่พาให้เรา ไปสยบยอม แด่พระองค์ ผู้ทรงอยู่เหนือ สกลจักรวาล


เมื่อมนุษย์รู้จักความอ่อนน้อมถ่อมตน เขาย่อมเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ เขาย่อมไม่ต้องการ เอาเปรียบ เพื่อนมนุษย์ อย่างพร้อมที่จะรับใช้ผู้ยากไร้

ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิด ในพระคัมภีร์กูรอ่าน มีความปรากฏว่า ใครก็ตามที่รักพระเจ้า ย่อมเข้าถึงสวนสวรรค์ แต่ผู้ซึ่ง รักมนุษย์ ย่อมเข้าถึงสวรรค์เลยทีเดียว

ขอให้ความรักจงกลับมาแทนความโกรธ ความเกลียด ขอให้สันติจงมีอยู่ในหัวใจของเราทุกคน และ มีอยู่ ในโลกด้วย

ด้วยความมุ่งมาดปรารถนาดังกล่าว ขอให้เราพากันบูชาพระผู้เป็นเจ้า แม้เราจะใช้ภาษาต่างกัน แต่พระองค์ ก็ทรงเป็นหนึ่งเดียวที่อยู่เหนือการรับรู้อย่างโลกๆ พระองค์ย่อมทรงทราบถึง ความปรารถนาดี ของเรา ถ้าเราสยบยอมอย่างอ่อนน้อมถ่อมตัว อย่างจริงใจและรวมกันภาวนา แม้ผู้นำในสหรัฐอเมริกา และผู้นำ ในกระแสหลักอื่นๆ ที่ยังมืดบอดอยู่ และนึกว่า เขารู้และฉลาด เขาก็อาจเปลี่ยน มาแลเห็นคุณค่า ของสันติภาวะ และ อหิงสธรรมได้

ขอสันติภาพจงมีแก่ทุกท่านทุกคนด้วยเทอญ


เพลง "เมื่อไหร่จะรู้สักที"
(สร้อย) จนอะไรหรือรวยอะไร ?
จนอะไรหรือรวยอะไร ?
จนอะไรหรือรวยอะไร ?
จนอะไรหรือรวยอะไร ?

เมื่อไหร่จะรู้สักที
นะ! ว่ามีมากแล้วอะไร
แถมมีเสียจนท้นท่วมเท่าใด-เท่าใด-เท่าใด
เท่าใด...ไม่เคยรู้ตัวว่าเฟ้อ
(ร้องสอด) จนอะไรหรือรวยอะไร ?
จนอะไรหรือรวยอะไร ?

เมื่อไหร่จะรู้สักที
นะ ! ว่ามีความรู้เลิศเลอ
แถมคุยฝ•มือหรือมีล้วนคนรู้จนล้นเอ่อ
แต่เบลอ...ละเมอเผลอลืมบาปกรรม
(ร้องสอด) จนอะไรหรือรวยอะไร ?
จนอะไรหรือรวยอะไร ?

ในตัวคนจนศีล
มือตีนจึงอาบอธรรม
รวยคนเรียนคนรู้...แต่จนผู้ทำนำ
ขาดแคลนผู้ย้ำทำจริง...ไร้มือซื่อตรงคงมั่นจรรยา
(ร้องสอด) จนอะไรหรือรวยอะไร ?
จนอะไรหรือรวยอะไร

เมื่อไหร่จะรู้สักที
นะ! ว่ามีมากแล้วหนักหนา
นั้นคือ หลงตนหลงกามหลงความรู้จนผลาญพร่า
หยุดเติม...กลับมาเสริมความขาดเทอญ.
(สร้อย)
*** ๓๑ มี.ค. ๒๙

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๗ สิงหาคม ๒๕๔๖)