>เราคิดอะไร


รังแห่งโรค
เนื่องจากดิฉันป่วยเป็นไซนัสอักเสบ หอบหืด ปลายประสาทหด-ยืดตัวไม่สมดุลบริเวณท้ายทอย พังผืดหัวใจบีบตัว ทำให้เหนื่อยง่าย เยื่อหุ้มปอดอักเสบ ริดสีดวงลำไส้และทวาร เดิมรักษายาแผนปัจจุบัน มีผลข้างเคียงมาก หมดเงินไปเยอะ ปัจจุบันรักษายาแผนไทย แผนโบราณ แผนจีน ค่อยๆ ดีขึ้น แต่เงินก็หมดพอดี มีลูกหนี้บ้างแต่เขาไม่มีจ่าย ดังนั้นจึงไม่มีเงินต่ออายุสมาชิกอีก
*** วารีรัตน์ เก่งการธรรม ประจวบฯ

- ก็เป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับโรคนัดเดียวตั้ง ๗ โรค ต้องใช้จ่ายต้อนรับขับสู้และรักษาความปลอดภัย ให้สมกับกายนี้ เป็นรังแห่งโรค จนแล้วยังหน้าใหญ่ใจถึงแบบนี้ เงินงบประมาณจะเหลือได้ไงล่ะ ใจเย็นเหอะน่า ถึงจะไม่มีเงินแต่ "เราคิดอะไร" ก็ไม่ทอดทิ้งให้เดียวดายหรอก


คดอะไร - คิดอะไร
อาตมาอ่านคุยนิดคิดหน่อย ฉบับ ๑๕๘ แล้วประทับใจ ที่ลูกน้อง (สารวัตรใหญ่) คืนบัตรเดินการกุศล ให้เจ้านาย ทั้งๆ ที่อนาคตทางราชการอาจจะดับวูบลง แต่ก็ไม่คำนึงถึง จะขอแสดงความจงรักภักดีทุกวัน ไม่ใช่เฉพาะ วันเฉลิมพระชนมพรรษาเท่านั้น แล้ววันอื่นยังทุจริตไม่เว้นวาง (สงสัยว่าตอนนั้น ปฏิบัติธรรมหรือยัง) อีกเรื่องหนึ่ง สงสัยว่าคอลัมน์ "ข้าพเจ้าคิดอะไร" ใช่หรือไม่ เข้าใจว่าคงตั้งใจ พิมพ์สีดำทับสระอิ ในคำ "คิดอะไร" ให้รู้ว่า "คิดอะไร" จริง ๆ ไม่ใช่ "คดอะไร"
*** ส.เมฆฟ้า นภมังคโล เชียงใหม่

- ตำรวจคนนั้นมีสันดานเดิมริอ่านคืนบัตรการกุศล ซองกฐินซองผ้าป่า ซองเรี่ยไรสารพัดของเจ้านายมา ตั้งแต่เริ่มรับราชการแล้วละครับ การคืนบัตรเดินการกุศลคราวนี้ มั่นใจในธรรมที่ศึกษา ฝึกฝนปฏิบัติมา ว่าไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไร เพราะเห็นสิ่งที่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ และทำตามนั้น

อีกเรื่องที่สงสัยน่ะ คิดเอาเองว่า ผู้เขียนคงจะพ้อว่า ตัวเองคดคิด-คิดคดอะไรนักหนา ทั้งๆ ที่ก็สุดจริงใจ ถวายชีวิต ทำงานสืบสานศาสนาตลอดมา ไฉนผู้หลักผู้ใหญ่ในคณะสงฆ์ จึงมุ่งร้ายหมายกำจัดท่าน ให้พ้นสมณเพศ พร้อมกันนี้ก็ได้สำแดง แจกแจงภูมิธรรม ยืนยันให้ปรากฏว่า แท้จริงท่านคิดอะไร ไม่ได้คด อย่างที่ผู้หลัก ผู้ใหญ่ปักใจคิดเอาเองสักหน่อย คนรู้ตรงธรรม คิดตรงธรรม หาว่ารู้ผิดคิดคดทำคด คนรู้ผิด คิดคดทำคด กลับมองว่ารู้ตรงคิดตรงทำตรง จึงพากันเพี้ยนไปจากศาสนาพุทธสุดกู่อย่างนี้ นี่ผมคิด และเดาใจ ผู้เขียนเอาเอง ตามประสาผมนะครับ ผิดถูกอย่างไร ขอแอ่นอกรับผิดชอบเต็มๆ แต่ผู้เดียวขอรับ


ใจเขา-ใจเรา
ผมเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้อ่านจดหมายของคุณ ส. ในคอลัมน์สารพันปัญหา น.ส.พ.ไทยรัฐ ๑ ต.ค.๔๖ ร้องเรียนว่า "ดิฉันมีเรื่องหนักใจอยู่เรื่องหนึ่ง คือนี่ก็ใกล้จะถึงวันพ่ออีกแล้ว ก็จะม
ีการปล่อยตัวนักโทษเป็นจำนวนมาก เมื่อปีที่แล้วปล่อยตัวนักโทษห้าพันกว่าคน ผลก็คือ ปีนี้โจรมากขึ้น ปล้นจี้ไม่เว้นแต่ละวัน.... อย่าปล่อยโจรออกมาอีกเลย ชาว-บ้านเดือดร้อนกันพอแล้ว ดิฉันเป็นห่วงลูกหลาน และผู้คนบริสุทธิ์ที่ออกไปทำงาน กลับบ้านมืดค่ำ ต้องเสียชีวิต ไม่มีความปลอดภัย เหลืออยู่อีกแล้ว" ผมและเพื่อนผู้ต้องขังไม่เห็นด้วยเลย ประเทศไหนๆ คนดี-คนชั่วย่อมมีปะปนกัน ผู้ต้องขังในเรือนจำ ทั่วประเทศ ที่ได้กระทำความผิด หรือไม่ได้กระทำความผิด แต่เมื่อเป็นนักโทษเด็ดขาดแล้ว ทุกคนก็มี ความหวัง และรอคอยเวลา ๔-๕ ปี หรือนานกว่านั้น คือ อภัยโทษ จากความเมตตา และการให้อภัยธรรม จากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วยความหวัง ที่จะได้ออกไป กราบเท้าพ่อแม่ ได้พบหน้าลูกเมีย คุณ ส.ห่วงแต่ลูกหลาน ญาติพี่น้อง จะเดือดร้อน แล้วเมื่อไรล่ะครับคนชั่ว (ไม่ใช่โดยสันดาน) จะเป็นคนดีได้เสียที อาจจะมองพวกผม เลวเกินไป...
*** อ. ลักษณะเกษม รจ.พิเศษกรุงเทพฯ

- ยอมไม่เป็นเย็นไม่ได้ เย็นไม่เป็นหยุด นิ่ง สงบ เห็นสัจจะไม่ได้ รู้ (ใจ) เราเท่านั้นยังไม่พอ ต้องรู้ (ใจ) เขาด้วย เอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วจะเข้าใจเขาเห็นใจเขา เขาอาจจะพบความสูญเสียที่สุดแสนปวดร้าว มาด้วยตัวเอง หรือรับรู้ความปวดร้าวของผู้อื่น คนแล้วคนเล่า ซึ่งล้วนเกิดจาก น้ำมือของคนที่เห็นกงจักร เป็นดอกบัว ขอถามหน่อยเถอะเขาผิดหรือที่คิดในมุมของเขาอย่างนี้และในทำนองเดียวกัน ผู้ต้องขัง ที่ปวดร้าว ทนทุกข์กายทุกข์ใจ อยู่ในเรือนจำ ก็ไม่ผิดที่ฝันใฝ่ รอคอยวันเวลา แห่งอิสรภาพ จงหวังและรอ ให้เป็นไปตามวาระ พร้อมกับวางใจ ให้ว่างจากอคติ ยอมรับความจริง ตามความเป็นจริง ในสังคมว่า มีบางคนพ้นโทษออกไปแล้ว ยังไปก่อเหตุร้าย ดังว่านั้นจริง แต่ตัวเราจะไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน คิดได้อย่างนี้ ก็แยกแยะ คนสองพวกออกจากกันได้ และเราไม่มีเหตุ ต้องไปขุ่นเคืองคนอย่างคุณ ส. ให้ขุ่นใจเราเองเปล่าๆ ปลี้ๆ จงเห็นใจเขาเถิด เห็นใจเขาอย่างยิ่ง ก่อนที่จะเรียกร้องให้เขาเห็นใจเรา ให้อภัยเขาเถิด ก่อนที่จะ เรียกร้อง เขาให้อภัยเรา หรือพวกเรา ปลูกต้นอภัยให้งอกงามในจิตใจของเรา ให้จงได้ก่อนที่จะได้รับ อภัยโทษ เพื่อต้นอภัยนี้ จะได้แผ่กิ่งก้านดอกใบคุ้มครองเราให้สงบเย็นรอดพ้นร้อนแรงแผดเผาจากโทสะกล้า และให้ร่มเงา สังคมร่มเย็น เช่นนี้แหละจึงชื่อว่า ผู้เห็นธรรม ถึงธรรมจริง และย่อมยังสันติสุข มาสู่ตน ไม่ว่าจะอยู่หนแห่งใด และสภาวะใด ขอให้เป็นสุขๆ เถิด อย่าเบียดเบียนตนเอง และผู้อื่นเลย แผ่เมตตา ให้ตนเองทุกขณะจนตนเองมีเมตตาธรรมประจำใจมั่นคงได้แล้วนั่นแหละ จึงจะสามารถแผ่เมตตา ให้ผู้อื่นได้ ที่กรวดน้ำแผ่เมตตากันด้วยปากเช่นทุกวันนี้ มันเป็นแค่พิธีกรรม สักแต่ว่าทำเพียงกายกรรม วจีกรรม แต่มโนกรรมไม่ถึงพร้อม


สิทธิของคน ลุงพิชัยรู้ว่านักสอนสันติอโศกบางท่านก็สอนผิดบางประการ เคยฟังมา ก็เห็นว่าเป็นธรรมดา ลุงพิชัยพูดผิด ก็ต้องมีเป็นธรรมดา เพราะมิใช่ศาสดา ถ้าถือว่าเป็นศาสดาก็เชิญตามสบาย เป็นสิทธิของคนไทย
*** ลุงพิชัย เมืองชล

- ลุงพิชัยเห็นว่าสอนผิดผิด
ย่อมมีสิทธิ์ท้วงติงสิ่งที่เห็น
พูดเถิดพูดแจกแจงแจ้งประเด็น
เพื่อจะเป็นขุมทรัพย์ของปวงชน
ลุงพิชัยพูดผิดเป็นธรรมดา
รู้ตัวว่าพูดผิดคิดสับสน
พร้อมแก้ไขให้ถูกต้องเป็นของตน

ประสาคนถึงธรรมน้อมนำใจ


จดหมายลูกโซ่ - ลูกโง่
ได้รับจดหมายลูกโซ่ทางไปรษณีย์ฉบับหนึ่ง ไม่ลงชื่อผู้ส่ง ขึ้นต้นว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี นะโม ๓ จบ ขอพระชินบัญชร ทรงรักษาข้าพเจ้า ตลอดกาลทุกเมื่อ และก็มีตำรับยาแก้มะเร็ง มีตัวอย่าง ของผู้ส่งจดหมายลูกโซ่โชคดี ถูกรางวัลที่ ๑ ที่ ๒ ส่วนผู้ที่ไม่ส่ง ก็โชคร้ายเจ็บป่วย ได้รับอุบัติเหตุถึงตาย ท้ายจดหมาย กำชับให้ส่งต่อ ๒๙ ฉบับภายใน ๗ วัน มิฉะนั้น จะมีอันเป็นไป ส่งจดหมายมาให้ดู จะทำอย่างไร ต่อไปดีที่สุด
*** คนเหนือน่าน

- จดหมายลูกโซ่นี่มีมานมนานกาเลแล้ว ระบาดไปทั่วทุกหัวระแหง ไม่น่าเชื่อว่า จดหมายลูกโซ่นี้ ช่างมีอิทธิฤทธิ์อิทธิพล ก่อกำเนิดลูกโง่ได้ไม่ขาดสาย เสียแรงที่เมืองไทย เป็นเมืองพุทธ แต่คนส่วนหนึ่ง ยังไม่ผุดผ่องเบิกบานด้วยพุทธภาวะ จะทำอย่างไรดีที่สุดรึ ทำเหมือนไม่ได้รับลูกโซ่ จะได้ไม่พลอย ติดเชื้อโง่ตามไปด้วย

* / บรรณาธิการ

-เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๖-