ไม่รอ ไม่หวัง แต่เราทำด้วยวิชชา

ถ้าจะดูความน่าทึ่ง น่ามหัศจรรย์ของมนุษยชาติแล้ว คงไม่มีอะไรที่จะสุดยอดพิสดารยิ่งไปกว่าความเพียรพยายามของบุรุษผู้หนึ่ง ซึ่งใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีทั้งหมดถึง ๒๐ อสงไขย เศษแสนกัป จึงสามารถบรรลุความตั้งใจ ประกาศตนเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้

ใน ๑ กัปนั้น ใช้เวลายาวนานเท่าใด? ในหนังสือสัมภารวิบากอธิบายไว้ว่า มีภูผากว้างใหญ่สูงถึง ๑ โยชน์ ในแต่ละ ๑๐๐ ปีจะมีเทวดาเอาผ้าทิพย์เนื้อละเอียดมาเช็ดสัก ๑ ครั้ง เทวดาจะทำเช่นนี้อยู่ทุกๆ ๑๐๐ ปี ไปจนกว่าจอมภูผาสูงใหญ่นั้นจะสึกราบเสมอเท่ากับพื้นพสุธา จึงจะสามารถนับเวลาได้เป็น ๑ กัป ยิ่งเป็นอสงไขยกัป ก็คงจะน้องๆ อนันตกาลนั่นเอง

และกว่าสมณโคดมจะตรัสรู้ได้ ท่านได้พบพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาแล้วทั้งสิ้น ๑๒๕,๐๐๐ พระองค์ จนพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายสามารถพยากรณ์ว่าที่พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปได้เลยว่า จะต้องชื่อสมณโคดม มีพ่อชื่อสุทโธทนะ มีแม่ชื่อสิริมหามายา มีลูกชื่อราหุล มีอัครสาวกซ้ายขวาชื่อสารีบุตรและโมคคัลลาน์ มีอุปัฏฐากชื่ออานนท์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า แต่ละท่านนั้นบำเพ็ญบารมีกันมานานแสนนานชนิดจับตัว วางตาย จะแปรเเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

สิ่งที่น่าซาบซึ้งใจของชาวพุทธคือ พุทธปณิธานที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้นั้น แทบจะไม่ต้องคำนึงถึงห้วงแห่งกาลเวลา ยกเรื่องเวลาทิ้งไปได้เลย คงเพียงแต่มุ่งมั่นทำไปตามปณิธานที่ได้ตั้งไว้เท่านั้น ใช้ตัวปณิธานเป็นการเดินทางไปสู่จุดหมายแต่อย่างเดียว

และสิ่งที่น่าคิดให้ลึกกว่านั้นก็คือ ท่านทำความดีอยู่ชาติแล้วชาติเล่าได้อย่างไรโดยไม่เบื่อหน่าย เพราะเห็นพระบวชกันไม่ทันครบพรรษาก็พากันเบื่อหน่ายแล้ว แต่งานรื้อขนสัตว์ซึ่งเป็นงานทวนกระแสสังคมโลกีย์นั้น ยากส์มหายากส์ส์ส์ยิ่งนัก

แต่ด้วยความจริงที่ท่านมี (วิชชา) และด้วยอัชฌาศัยที่ทนไม่ได้เพราะมหากรุณา (กรุณาธิคุณ) พระพุทธองค์จึงได้ประกาศความจริงออกไปสู่เวไนยสัตว์ จากหนึ่งจึงเพิ่มเป็นปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ เพิ่มเป็นเพื่อนๆ พระยสกุลบุตรอีก ๕๕ เพิ่มเป็นชฎิลอีก ๑,๐๐๐ รูป จากนั้นพระอรหันต์ก็มีเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จวบจนศาสนาพุทธสืบทอดกันมาจนถึงกาลปัจจุบัน

พุทธปณิธานของพระบรมศาสดาน่าจะเป็นแบบอย่าง หรือแนวทางในการดำเนินชีวิตของชาวพุทธ เมื่อเรารู้ว่าสิ่งใดดีด้วยวิชชา ก็น่าจะ ท! ท! ท! (ทำทันที) โดยไม่ต้องไปเกี่ยงรอให้คนนั้นคนนี้เขาทำก่อนหรือรอให้เขามาทำด้วยกัน และเมื่อทำแล้วก็ไม่ต้องไปคาดหวังว่า เขาจะต้องยอมรับ หรือต้องยกย่องเชิดชูเราขึ้นมา

ถ้าเราแน่ใจแล้วว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งดี เช่น การออกกำลังกายเป็นสิ่งดี ทำเมื่อไรเราก็ได้ทันที (สุขภาพดีขึ้น) โดยไม่ต้องไปเกี่ยงงอนรอให้คนอื่นมาทำด้วย และไม่ต้องไปหวังว่าเขาน่าจะยอมรับเรา ทุกๆ ครั้งที่เราทำดี ดีนั้นมันก็จบเบ็ดเสร็จอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว

ชีวิตคนเราย่อมมีความสุขอย่างยิ่ง ถ้าไม่ไปรอ ไม่หวังอะไรๆ จากใคร ๆ เมื่อ ท!ท!ท! แล้วก็จบทันที เป็นผลทันที สุขทันที ทำไปเรื่อยๆ ก็ย่อมสุขไปเรื่อยๆ ไปจนกว่าจะเข้าสู่ปรินิพพาน

- จริงจัง ตามพ่อ

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๒ มกราคม ๒๕๔๗ -