คุยนิด คิดหน่อย - บรรณาธิการ -


แม้ออกจะสายโด่งแดดจ้า แต่ก็ยังไม่เกินแก้ไข ถ้าทุกฝ่ายตั้งใจจริงและเอาจริง หรือพูดสั้นๆ ง่ายๆ ว่าจริงใจ และจริงจัง

ชาติใดแม้มีศาสนาประจำชาติ แต่ชนในชาติไร้ศาสนธรรมประจำใจถึงขีดขั้นเป็นคุณธรรม ประจำตนแล้วไซร้ อย่าพึงวาดหวังเลยว่า ชนชาตินั้นจะอยู่ดีกินดี ร่มเย็นเป็นสุข
ชนชาติใดติดตังอยู่กับศาสนพิธีเปลือกๆ ที่ทำตามๆ กันมาตามความเชื่อถือเคยชิน และยิ่งนอกรีต นอกรอย เลื่อนเปื้อน ไปนอกศาสนาสุดกู่ จนไม่รู้ค่าไม่เห็นคุณของ ศาสนธรรมอันเป็นอมตะ ยกเอาเงินทองวัตถุธาตุ เป็นสัญลักษณ์แห่งความจำเริญ
เป็นอันหวังได้ว่าสังคมแห่งชนชาตินั้นนับถอยหลังรอวันล่มสลายได้เลย ... อีกไม่นานเกินรอ
ไทยเป็นเมืองพุทธศาสนา แต่ไฉนพุทธธรรมจึ่งมิอาจ "ทอแสงธรรมบวร" ได้อย่าง แท้จริง
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต" อมตวาทะนี้ดูเหมือนจะไร้พลัง ฉุดรั้งชาวพุทธ ตามทะเบียนบ้านให้หลุดพ้นจากรูปหล่อรูปปั้น สมมติ และ มวลดิรัจฉานวิชา พาเสื่อมต่ำ
เมืองพุทธเยี่ยงอย่างเมืองไทยจึงเกลื่อนกล่นไปด้วยกาฝากหลากหลายสายพันธุ์ เกาะกินสังคมพุทธ อยู่ทุกขุมข่าย เหนียวแน่นเนิ่นนานมา
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะผู้ที่พึงยืนหยัดย่างก้าวตามอริยมรรคอันมีองค์แปดเป็นเยี่ยงอย่างได้ชัดแท้ จริงจัง หาได้ยากเย็นแท้เทียว
ในสถานการณ์ร่อแร่เยี่ยงนี้ พลันสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคม พลิกฟื้นตื่นตัว ลั่นกลองรบ จึ่งน่ายินดีนัก
"มหาเถรฯ ออกกฎเหล็กคุมสร้างพระ" พาดหัวข่าวหน้า ๑ มติชน ๑๑ มี.ค. ๔๗ ตามด้วยเนื้อหา ว่า มส. มีมติห้ามเรี่ยไร สร้างพระเครื่อง วัตถุมงคล สิ่งก่อสร้างภายในวัด และอวดอ้างคุณวิเศษ จะทำหนังสือ กำชับเจ้าคณะจังหวัด เพื่อแจ้ง พระสังฆาธิการ เจ้าอาวาส ต่อไปวัดไหน จะทำต้องนำ เสนอให้ มส.พิจารณาอนุมัติ และ พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผอ.สำนักงาน พระพุทธศาสนา แห่งชาติ แถลงว่า "เรื่องเหล่านี้ยอมรับว่ามีการร้องเรียนกันเข้ามาที่มส. เยอะมาก และแต่ละปี ก็มีการสร้าง วัตถุมงคลกันมากมาย ส่วนมากจะเป็นกลุ่มฆราวาส ที่จะมาหา ผลประโยชน์ พระสงฆ์ท่านอาจจะมีความเมตตาไป บางครั้ง มีการเอาหนังสือสัญญา มาให้เซ็น ก็ทำให้เขา แต่พวกนี้พออันไหนขายดี จะไปทำเพิ่ม มากกว่าที่ได้รับอนุญาต ต่อๆ ไปเจ้าอาวาส ต้องดูแลให้ดี ถ้าอันไหนไม่แน่ใจก็สอบถามมายัง มส.ได้ เพราะหากทำออกมา ก็จะถือว่า เป็นความผิดของท่าน ที่จะต้องรับผิดชอบ จะพิจารณา เป็นขั้นตอนไป"
แถมกำชับว่า "ส่วนการเรี่ยไรนั้นก็มีการห้ามกันอยู่แล้ว กฎ มส.ก็มีการควบคุมอยู่ที่ห้ามไม่ให้วัด หรือพระภิกษุสามเณร ทำการเรี่ยไร หรือมอบหมายให้ผู้อื่น ทำการเรี่ยไร ทั้งทางตรงและ ทางอ้อม เพื่อประโยชน์แก่ตนหรือผู้อื่น ส่วนในกรณีที่วัด มีงานประจำปี งานพิเศษ หากจะเรี่ยไร ก็ทำได้ ในบริเวณวัดเท่านั้น ..."
ขอเป็นกำลังใจให้เอาจริงๆ จังๆ กันสักทีเถิด บ้านเมืองเราจะได้เป็นแดนพุทธที่หลุดพ้น งมงายเสียที สมัยที่ยัง รับราชการอยู่ ซองกฐิน ซองผ้าป่าซองเรี่ยไร หลั่งไหลมา ตามสายงานปีหนึ่งๆ หลายราย รายละหลายสิบซอง บุญหล่นทับ จนสุดแสนจะทานทน ต้องวางเฉย ไม่รู้ไม่ชี้ ทิ้งซองลงตะกร้าบ้าง ส่งคืนไปเหมือนคนใจบาป หยาบช้าบ้าง
มากมีแต่นายใฝ่บุญแต่ไม่ยอมลดละเลิกกินส่วยกินเงินเถื่อน ไม่รู้จักสละประโยชน์ตน มากมี แต่พระสงฆ์ สร้างโบสถ์ สร้างวัด สร้างพระพุทธรูป แต่ไม่คิดสร้างคนให้เกิดสภาวะพุทธะ
พ้นพงหนามราชการมายี่สิบกว่าปีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในวังวนเดิมๆ ทั้งในแวดวงตำรวจ และวัด

-เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๕ เมษายน ๒๕๔๗-

.