-

ความโกรธะ ไฟเผาชีวิต-ลิขิตจากนรก

โกโธ ทุมฺเม ธ โคจโร ความโกรธเป็นอารมณ์ของผู้มีปัญญาทราม พุทธภาษิต บัญญัติไว้ น่ากลัว ปุถุชนได้แต่หัวเราะเอิ๊กอ๊าก เว่อร์ซะไม่มี!

ระหว่างผีกับพระ จะเชื่อใครดี?

ความโกรธเหมือนตัวกาลกิณี อยู่วงการไหนก็ป่วนที่นั่น ไม่ว่าการบ้านการเมือง หรือการอื่น แม้ร่างกายก็เถอะ!

โกรธทุกครั้ง สารพิษ "อดรีนาลิน" หลั่งออกมาจู๊ดจ๊าด แผ่ขยายไปที่ไหน อวัยวะส่วนนั้น ก็บอบช้ำ ย่ำแย่

วงการแพทย์วิจัยแล้วว่า ความโกรธเป็นความเครียดที่รบกวนมนุษยชาติมากที่สุด ทำลายระบบในร่างกายทุกๆ ระบบให้พินาศ

ระบบประสาท ระบบย่อย อวัยวะภายใน ตับไตไส้พุง เม็ดเลือด เอ็น กล้ามเนื้อ ฯลฯ ปั่นป่วน เป็นสถานการณ์ประดุจราหูอมจันทร์!

วันนี้ถ้าร่างกายอ่อนเพลีย อ่อนแอ เป็นโรคสารพัด เป็นภูมิแพ้สารพัด ก็อย่าได้แปลกใจ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น

ทำร้ายตัวเองจะเหลืออะไร!

หากชีวิตยืนหยัดด้วยพลังและความหวัง ไฟโทสะนับเป็นศัตรูหมายเลข ๑ ทีเดียว

ทานบารมี มี ๓ มิติ วัตถุทาน เป็นระดับแรก สูงกว่านี้ต้องอภัยทาน และสูงสุดคือธรรมทาน

วันนี้แค่ทานวัตถุก็อาภัพ อภัยทานก็อาเพศ ชีวิตจึงไร้ตัวช่วย!

นรก สวรรค์ ไม่ต้องรอพิสูจน์ชาติหน้า ชาตินี้ก็เห็นๆ สำหรับคนขี้โกรธ เป็นเอหิปัสสิโก เห็นกันจะจะ!

แล้วจะรู้ว่า ตกนรกไม่ใช่เพราะโดนผลัก แต่เจ้าของชีวิตมีความยินดีจะลง!

ขนาดดึงแขน อย่าไปโกรธ อย่าไปถือ เจ้าตัวกลับตะคอกใส่ "กูจะโกรธ กูจะถือ ใครจะทำไม?"

ความโกรธจึงเป็นนรกใหญ่ ของโลกมนุษย์ แต่น่าอัศจรรย์ที่ไม่มีใครเห็น

นกไม่เห็นฟ้า ปลาไม่เห็นน้ำ ไส้เดือนไม่เห็นดิน คนไม่เห็นความไร้แก่นสารในโกรธ!

บทพาหุง คาถาพิชิตมาร ๘ ประเภท ล้วนอาศัย "สยบโกรธ" ให้ได้ก่อน

อุบายคลายโกรธ พระเกจิฯท่านรจนาไว้มากมายได้เหลี่ยมคู ได้เทคนิค ได้วิธีคิด ร้อยแปดพันเก้า แต่เมื่อไม่ตระหนัก ไม่เห็นโทษภัย

จากก้อนซีสอารมณ์ ก็จะกลายเป็นเนื้องอกอารมณ์ และจบลงที่มะเร็งอารมณ์!... จากนั้นร่างกายก็จะเริ่มพินาศทีละชิ้น ๒ ชิ้น !

ไม่โกรธก็ไม่ใช่คน แต่คนเหนือคนต้องรู้จักระงับอารมณ์!

ปล่อยตัวไปตามสายน้ำ เหมือนปล่อยใจไปตามยถากรรม ชีวิตก็เหมือนหมาเน่าลอยตุ๊บป่องๆ

ปลาเป็นย่อมว่ายทวนน้ำ มีแต่ปลาตายที่ไหลไปตามกระแส ชีวิตจึงต้อง "อดทน"ไว้ก่อน

ทำดี ๑๐๐ ครั้ง ทำชั่วครั้งเดียว ก็อาจหมดความหมาย

ไฟโทสะหากไม่ระงับยับยั้ง เพียงอารมณ์ชั่ววูบเราอาจเสียใจตลอดชีวิต!

พลาดไปแล้ว อาจไม่มีโอกาสแก้ตัว

พลาดไปแล้ว เขาไม่ให้อภัยเราตลอดชีวิต!

พระอริยะขั้นต้นยังไม่พ้นโทสะ นับประสาอะไรกับปุถุชนคนเดินดิน

นักปฏิบัติธรรม ท่านถือว่าการลดละโทสะเป็นฐานของสกิทาคามี อนาคามี เพราะเหตุนี้คนดีจึงมีเรื่องกันไม่ใช่ของแปลก จึงมิใช่ปัญหาใหญ่

คนดีหลายครั้งที่มีเรื่องก็เพราะ "ตัวตน"

เมื่อสังคมขาดปัญญาทางธรรม จึงได้แต่โวยวาย ทำไมคนดีจึงมีปัญหา

ความจริงคนชั่วที่ไม่มีเรื่อง เบื้องหลังเพราะมีผลประโยชน์ก็แค่นั้น แท้จริงตัวตนก็ไม่เบา!

ใครที่โจมตีคนดี ทำไมทะเลาะกัน ถ้าไม่เจตนาชั่วร้าย ก็ต้องถือว่าขาดวิสัยทัศน์ทาง ธรรม เป็นโมหะจริตธรรมดาๆ ของชาวโลก

บันได ๓ ขั้น แห่งการเอาชนะความโกรธ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่อยู่ที่เจ้าของชีวิตจะให้ความสำคัญ

กรรมบถ ๓ เริ่มต้นที่ "กายกรรม" แม้โกรธต้องไม่แสดงออก หยุดการกระทำทุกชนิดที่แสดงถึงกูโกรธ!

ไม่กระทืบเท้า ไม่ปิดประตูเสียงดัง ไม่เดินกระแทก ไม่ทำหน้างอใส่เขา ฯลฯ

"วจีกรรม" หุบปากให้สนิท ขณะโกรธไม่ควรพูดโต้ตอบ เพราะยิ่งพูดก็จะยิ่งเมามันสะใจไปกันใหญ่

สุดท้ายก็จะมารวมกันที่ "มโนกรรม" ที่ใจของเราหมั่นหาเหตุผล ชักแม่น้ำทั้งห้า สอนตัวเอง สอนบ่อยๆ "อโหสิกรรม" ให้ได้

อย่าโกรธเลยนะ อย่าโมโหเลยนะ เพราะ...เพราะ...เพราะ...หัดให้เหตุผลที่เป็นไปเพื่อความคลาย (ธรรมวิจัย) ฝึกบ่อยๆ เราก็จะเชี่ยวชาญ

สมัยพุทธกาล ฟังแค่ประโยคเดียว บรรลุธรรมเป็นแถว นั่นเพราะท่านมีบารมี

สมัยนี้หวังจะเรียนลัด ใฝ่ฝันบรรลุแบบฉับพลัน ดังเช่นนิกายเซ็น ไม่ใช่ของง่าย ช้างขี้อย่าขี้ตามช้าง!

เอาจริง-อดทน-ข่มฝืน แล้วจะค่อยๆ จางคลาย นี่แหละพลังแห่งฆราวาสธรรม

อย่างไรก็ตาม การเอาชนะอารมณ์โกรธ ไม่มีสูตรเรียนลัด ๓ วัน ๗ วัน เห็นผล แต่ต้องฝึกฝน พากเพียร ราวกับฝนทั่งให้เป็นเข็มทีเดียวแหละ

เคล็ดลับตัดโกรธ สำคัญที่หยุด กายกรรม-วจีกรรมให้สำเร็จ การไม่แสดงออกใดๆก่อเกิดการตกผลึกทางอารมณ์ เจ้าของชีวิตย่อมคีบออกมาจากใจเราได้

เมื่อชัดเจนในทฤษฎี ก็เหลือแต่ภาคปฏิบัติ

ผู้หวังชนะความโกรธ ย่อมไม่เบื่อหน่ายโจทย์หรืออุปสรรคที่อยู่รอบตัว

พระพุทธองค์ตรัส "ผัสสาหาร" เป็นเรื่องสำคัญในการเอาชนะกิเลส

อยากฆ่าโกรธ ก็ต้องมีคนมาทำให้เราโกรธ

ทุกคนจึงเป็นครูผู้มีพระคุณของเรา

เพราะแท้จริงแล้ว ความโกรธก็คือเสือหลับอยู่ในใจของเรา

บุคคลรอบข้าง เป็นแค่ผู้ยั่วยุ ผู้แหย่เสือให้ตื่นเท่านั้น

โกรธคนแหย่เสือ หรือ ดีใจที่เห็นเสือ เป็นความแตกต่างระหว่างปุถุชนกับคนอริยะ

"อริยะ" ท่านจะเอาวิบากมาเป็น "บารมี" พลิก "วิกฤติ" เป็น "โอกาส"

แต่ปุถุชน จะเอาวิบากไปสร้างสัตว์นรกในตัวเอง!

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๐ กันยายน ๒๕๔๗ -