- ฟอด เทพสุรินทร์ -


เยาวชนคนไม่รักสุขภาพ

"มีดต้องลับให้คมก่อน ถึงจะใช้งานได้ดี คนเราก็เช่นกันต้องออกกำลังกายก่อน อย่างน้อยวันละ ๒๐ นาที เพื่อเตรียม ความพร้อมของร่างกายก่อนจะทำงานในแต่ละวัน

"การนวดแบบแพทย์แผนไทย ก็น่าจะศึกษานำเอามาปฏิบัติกดนวดให้ตนเอง เมื่อเกิดอาการเจ็บปวด กล้ามเนื้อ เพื่อให้ทุเลา และหายปวดได้ โดยไม่ต้องใช้ยาเลย เช่น เกิดอาการเจ็บปวดหลัง หรือเจ็บ กล้ามเนื้อบริเวณ ตะโพกขึ้นมา ถึงกลางหลัง วิธีรักษาให้คนเจ็บนอนราบหงายตามปกติ ท่าแรก เอามือทั้งสองข้าง ดึงขาใต้เข่า ในท่างอเข่า เข้ามาชิดตัวให้เริ่มดึงขาข้างขวาก่อน นับช้าๆ หนึ่งถึงยี่สิบ ปล่อยขาลง แล้วดึงขาซ้ายในท่าเดียวกัน นับหนึ่งถึงยี่สิบเช่นกัน ท่าที่สอง เอามือทั้งสอง ดึงใต้เข่า ขาข้างขวา ให้ขาเหยียดตรงชี้ฟ้า แล้วนับหนึ่งถึงยี่สิบ ปล่อยขาลง เปลี่ยนมาดึงขาข้างซ้าย ในท่า เดียวกัน นับหนึ่งถึงยี่สิบ ดึงเช้าเย็นสักวันสองวัน อาการเจ็บปวดหลัง ก็จะหายไปเอง เพราะกล้ามเนื้อ บริเวณด้านหลัง ได้มีการยืดหยุ่น เลือดหมุนเวียนได้ตามปกติ

"มีอาการหนึ่งที่มักจะเป็นกันบ่อย คือเจ็บปวดส้นเท้าโดยไม่รู้สาเหตุ วิธีรักษาให้เอาหัวแม่มือ หรือเอา ของแข็ง ปลายกลม เช่น ปลายด้ามไม้กวาด กดลงไปบนส้นเท้าตรงที่เจ็บ นับหนึ่งถึงสิบ แล้วกดใหม่ นับหนึ่งถึงสิบ จนทั่วบริเวณส้นเท้า ที่เกิดอาการเจ็บ ที่กดอย่างนั้น ก็เพื่อให้เลือดที่คั่งอยู่ บริเวณนั้น ได้สูบฉีดผ่านเข้ากล้ามเนื้อ ได้อย่างปกติ อาการเจ็บปวดก็จะทุเลาและหายไป"

คำบรรยายของท่านวิทยากรนายแพทย์ที่ท่านหันมาค้นคว้าในเรื่องของสมุนไพ รและการนวดแผนไทย จนเชี่ยวชาญ ผมยังจำได้ดีและได้รับประโยชน์จากการฟังคำบรรยายเรื่องสมุนไพร การนวดแผนไทย ในครั้งนั้นมาก ผมรู้สึก ตื่นตัว เข้าใจว่าสมุนไพร และการกดนวดแบบแพทย์แผนไทยนั้น มีความจำเป็น ต่อร่างกาย ที่เจ้าตัว ต้องหมั่นดูแล อยู่เสมอ

ผมทำงานเป็นลูกจ้างอยู่โรงพยาบาล อยู่แผนกช่วยงานฝ่ายการแพทย์แผนไทย มีหน้าที่ ทำความ สะอาด งานผสม สมุนไพร และช่วยนวดแผนไทย จึงรู้จักวิธีการบริหารร่างกาย รักษาสุขภาพ ได้ดีกว่า คนงาน ในโรงพยาบาล อีกหลายคน

ยาสมุนไพรที่ทางโรงพยาบาลผลิตขายมีหลายชนิด คนป่วยที่เบิกค่ารักษาไม่ได้จะมาซื้อโดยตรง ที่ฝ่าย การแพทย์แผนไทยได้เลย แต่ผู้ป่วยที่เบิกค่ารักษาได้ ต้องทำบัตรตรวจโรค เข้าพบแพทย์ ซื้อจากห้องยาเท่านั้น

ขมิ้นชัน ฟ้าทลายโจร ชาดอกคำฝอยหมดที่ห้องยา จึงสั่งเบิกมาที่ฝ่าย ผมจัดให้ตามรายการที่ขอเบิก ผมอุ้ม ลังกระดาษที่รวมยาสมุนไพรอยู่เต็มเดินไปส่งห้องยา ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ริมทางเดิน มีญาติ คนไข้นั่งสูบบุหรี่ อยู่หลายคน ผมนึกถึงคำพูดของผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนที่ว่า "ท่อไอเสียรถ ที่มีควันไฟออกมา หรือตอไม้ผุๆ ที่มีไฟไหม้ มีควันออกมา ก็เหมาะควร แต่จมูกและปากของคนนั้น เนื้อหนัง เป็นของมีชีวิต แต่มีควันบุหรี่ ลอยออกมา มันน่าขันจริง"

พระพยอมเคยเทศน์เอาไว้ว่า อยากเลิกสูบบุหรี่นั้นไม่ยาก เพียงอ้าปากบุหรี่ที่คาบอยู่ ก็จะหลุด จากปากเอง แต่เรื่องติดบุหรี่นี้ผมเข้าใจ เพราะเคยสูบเมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่ง่ายเลยที่จะเลิกได้ง่ายๆ เพราะรสชาติควันบุหรี่นั้น ร้ายกว่ายาเสพติด แทบทุกชนิด คนที่เสพกัญชาแล้วก็ยังสูบบุหรี่เพิ่มเข้าไป คนที่ติดยาบ้า ก็ยังคงสูบบุหรี่เสริม ถึงจะครบเครื่อง ความเมามัน

หลายคนสูบบุหรี่แก้ขวยเขิน สูบบุหรี่เพราะคิดว่าเป็นแฟชั่นของหนุ่มสาว คนที่หลงไปสูบบุหรี่ จนติด เป็นนิสัยแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะละเลิกสูบบุหรี่ได้

ที่ผมเลิกสูบบุหรี่ได้ ก็เพราะเมื่อหายใจเข้าจะรู้สึกเจ็บตรงหน้าอกด้านขวา ยิ่งสูบบุหรี่เข้าไป จะรู้สึกว่า ปวดรุนแรงขึ้น ผมแน่ใจว่าสาเหตุอาการเจ็บปวดนี้มาจากการสูบบุหรี่ ผมกลัวตายจึงเลิกสูบบุหรี่ ตั้งแต่วันนั้นมา เลิกสูบบุหรี่ ในช่วงแรกๆ นั้นไม่ง่ายเลย ร่างกายกับจิตใจมีอาการขาดสิ่งเสพติด จะเดิน นั่งนอนไม่มีความสุขเอาเสียเลย ใจหนึ่ง ก็รู้สึกภูมิใจ คอยนับวันหยุดสูบบุหรี่ได้ สองวันสิบห้าวัน สามสิบวันได้แล้วนะ

สามปีอาการเจ็บปวดที่หน้าอกด้านขวาเบาลง เวลาทำงานหนักๆ จึงรู้สึกเจ็บขึ้นมาตงิดๆ จนมาถึงสี่ปี อาการเจ็บ ตรงหน้าอก จึงหายไป ผมเล่าอาการที่สูบบุหรี่แล้วเจ็บหน้าอกให้เพื่อนผมที่ยังสูบบุหรี่ จัดอยู่ ได้ฟัง เพื่อนแย้งว่า "ลงทุนสูบบุหรี่หมดเงินมามากแล้ว จะให้เลิกง่ายๆ ได้อย่างไร" หัวเราะเมื่อพูดจบ จนเวลาผ่านไป หนึ่งปี ได้มีโอกาส พบกันอีกครั้ง เพื่อนบอกว่า "ไม่สบาย ไอแล้วมีเสลดสีดำออกมาด้วย หยุดสูบบุหรี่มาสองเดือนแล้ว" ผมบอกว่า "ดีแล้วล่ะ มันยังไม่สายเกินไป" ผมได้พุดคุยกับคนที่มี แนวความคิด อยากจะเลิกสูบบุหรี่ครั้งใด ผมก็มัก จะยกเรื่องเจ็บหน้าอกของผม นำมาเล่าประกอบ ทุกครั้ง

ผมกลับมาถึงฝ่าย หัวหน้าฝ่ายยืนอยู่ที่ริมประตูเอามือมาตบที่บ่าผม แล้วพูดว่า "พรุ่งนี้น้องๆ เขาจะกลับ เลิกงานวันนี้ ผมจะพาไปเลี้ยงส่ง ไปด้วยกันนะ" ผมพยักหน้า "ครับผม" ทั้งที่ใจไม่อยาก จะไป เพราะผมมักจะนอน แต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้า เข้าสวนครัวทุกวัน น้องนักศึกษาประกาศนียบัตร การแพทย์แผนไทย (อายุรเวท) จากวิทยาลัย ที่มาฝึกงาน สี่คน ล้วนมีนิสัยดีและขยัน ฉลาด จบออกไปแล้ว คงจะมีความเจริญ ในหน้าที่การงานแน่เลย

ร้านอาหารคาราโอเกะริมถนนนอกเมือง ประดับไฟราวแสงระยิบระยับ หัวหน้านำทีมเข้าไปในร้าน จองโต๊ะ มุมมืดริมฝา สั่งอาหารพร้อมเครื่องดื่มมากินฉลองกันเต็มที่ นักร้องสาวสวย หมุนเวียนกัน ขึ้นไปร้องเพลง พวงมาลัย จากโต๊ะไหน ส่งขึ้นไปคล้อง ทางร้านก็จะบวกเข้ารวมในค่าอาหาร มาลัย พวงละ ยี่สิบบาทเท่านั้น ยี่สิบ สามสิบพวง พวกกระเป๋าหนัก ถือเป็นเรื่องน้อยนิด

โต๊ะพวกผมนั่งกันอยู่หกคนมีแต่ผู้ชาย มีนักร้องสาวแวะมาเสิร์ฟเหล้าให้แล้วก็ไปนั่งรวมอยู่ที่โต๊ะแขก พวกมือใหญ่ ใจสปอร์ตจ่ายเติบอยู่ไม่ขาด

สี่ทุ่มกว่าความง่วงเริ่มเข้ามาเยือน ผมอยากจะกลับบ้านเต็มทน แต่ไม่กล้าชวนหัวหน้า หนุ่มไว้ผมยาว เดินจากโต๊ะ มุมมืดอีกฟากห้องตรงมาหา กระซิบกับหัวหน้าว่า "ในโต๊ะของผมมีเด็กสาวอายุ ๑๓-๑๔ มีอยู่สี่คน ค่าตัวคนละ สองพันบาท หากสนใจผมจะพาไปส่งที่รถให้" ผมมองยังโต๊ะมุมมืดอีกด้าน เห็นพวกเด็กสาว กำลังกินเหล้า สูบบุหรี่ควันโขมง

เด็กหนุ่มสาวอีกไม่น้อยกำลังเดินทางผิด แล้วสังคมจะพัฒนาไปได้อย่างไรกัน เมื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต เยาวชนของชาติ ตกต่ำย่ำแย่ถึงปานฉะนี้

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๑ ตุลาคม ๒๕๔๗ -