- ฟอด เทพสุรินทร์ -


เส้นทางบาป

พระจันทาได้เดินทางมากราบหลวงปู่ ซึ่งเป็นพระอาจารย์อุปัชฌาย์เนื่องในวันเกิดของท่าน หลังจากฉันอาหารเสร็จ ก็จัดบริขาร กราบลาพระอุปัชฌาย์ เพื่อเดินทางกลับ วัดป่าบ้านนาดอน ซึ่งระยะทางไกล ต้องจำวัดระหว่างทางหนึ่งคืนก่อน แล้วจึงจะเดินทางต่อไปได้

ณ ป่าสาธารณะห่างจากหมู่บ้านพอสมควร ใกล้ค่ำพระจันทาปักกลดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ห่างออกไป ๓๐ เมตรมองเห็นชาย ๒ คน คนหนึ่งกำลังจูงวัวตัวใหญ่ อีกคนถือไม้แส้ เดินตาม มุ่งหน้าไปทาง ตัวจังหวัด พระจันทาจำได้ดี คนที่กำลังจูงวัวคือไอ้ใบ เพื่อนนักเรียน รุ่นเดียวกัน แม้จะมาจาก โรงเรียนเดียวกัน อาจารย์คนเดียวกัน แต่พอโตขึ้นมา ต่างคนก็ต่างไป มีโอกาสน้อยนักที่จะมาพบกัน

รุ่งเช้าพระจันทาเก็บกลด และเดินทางกลับวัด วันรุ่งขึ้นโยมพ่อก็มาคุยด้วย ขณะที่พระจันทา กำลังนั่ง อ่านหนังสือธรรมะที่กุฏิหลังเล็ก

"โยมพ่อขึ้นมานั่งบนกุฏิก็ได้ เดี๋ยวกางเกงจะเปื้อนฝุ่น"

แต่โยมยังคงนั่งตรงพื้นทราย แล้วเล่าว่า

"๒ วันก่อน วัวของโยมถูกขโมยไปตัวหนึ่ง พ่อกับแม่คุยกันแล้วสรุปว่า ในบ้านของเรามีอยู่กันแค่ ๓ คน ท่านมาบวชทางบ้านจึงไม่มีใคร ที่นาที่สวนพร้อมทั้งวัวอีก ๒๐ ตัว ไม่มีใคร จัดการดูแล โยมแม่ จึงฝากมาขอร้องให้ท่านสึกออกไปแต่งงานมีเหย้ามีเรือน ไปช่วยเลี้ยงวัว ๒๐ ตัว แบ่งเบาภาระ ทางบ้านด้วย เพราะตอนนี้ท่านก็อายุจะเข้า ๒๖ ปีแล้ว"

พระจันทานั่งคิดอยู่นาน หากว่าพ่อแม่ไม่สบาย พิกลพิการก็มีเหตุผลพอที่จะสึกออกไปดูแล แต่ให้สึก เพราะเหตุแห่งวัว ๒๐ ตัวนั้น เหตุผลยังไม่มากพอ พระจันทารู้สึกว่า ที่มาบวช อยู่ได้ตลอด ๔ พรรษานั้นก็ไม่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแม้ยุงตัวเล็กมดตัวน้อย ปฏิบัติอยู่ในครรลองคลองธรรม ช่างมีความสุข เป็นที่น่าพอใจ จึงยังไม่คิดจะสึกเลย

"ฝากไปบอกโยมแม่ด้วยว่า จะขอบวชไปอีกสักระยะก่อนเถอะนะ" พระจันทาตอบแบบแบ่งรับ แบ่งสู้ ไม่ได้ตอบ แบบหักหาญ อย่างน้อยก็พอได้ยืดระยะเวลาบวช ออกไปอีก

โยมพ่อกราบลากลับไปไม่นาน ป้าแหวนก็เข้ามากราบ

"ว่าไงโยม สบายดีหรือ มาแนวใดนอ"

"อีฉันมีเรื่องจะมาขอร้องให้ท่านไปชวนไอ้ใบลูกชายของป้าเข้ามาบวชด้วยค่ะ เพราะว่าในช่วงนี้ ลูกของป้า มันไปคบกับพวกนักเลงการพนัน ไม่ทำการงานอะไร หายหัว ออกจากบ้านไป ๔-๕ วัน ค่อยโผล่มาบ้าน มีลูกคนเดียวก็ทำให้กลุ้มใจเหลือเกิน"

"การจะให้คนมาบวช ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ฝากบอกโยมใบให้หาเวลามาหาอาตมาบ้าง อาตมา จะลองชักชวนดู หากว่าเขามีบุญพอก็คงจะได้พบกับแสงสว่าง ในทางธรรมบ้าง"

วันเวลาผ่านไป พระจันทาบวชอยู่วัดป่าบ้านนาดอนได้ ๑๘ พรรษาแล้ว สภาพกุฏิหลังเก่า ยังพอ ใช้การได้ดี เพียงแต่หญ้ามุงหลังคาผุ ชาวบ้านก็เอาไพหญ้าคา ก้านใหม่ มามุงซ่อมให้ ก็บังฝนได้ ตลอดปี ส่วนต้นไม้ที่ปลูกเสริมเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน เริ่มโตใหญ่ มองดูเป็นป่าทึบขึ้น กิ้งก่า กระแต และพวกนกหนู อีกหลายชนิต ต่างขยายพันธุ์ เพิ่มสีสันให้ป่า สมบูรณ์มากขึ้น

บ่ายวันหนึ่ง พระจันทากำลังจะลงจากกุฏิไปกวาดใบไม้ ชายวัยกลางคนผมเผ้ารุงรัง แขนขวา สักลาย มังกรตัวใหญ่ทาบลงมาถึงศอก ใช้ไม้ค้ำยันเดินกะเผลก เข้ามาหา

"จำผมได้ไหม ผมนายใบลูกป้าแหวน เป็นเด็กนักเรียนรุ่นเดียวกับท่านไง"

พระจันทาพยักหน้า "จำได้ๆ ไม่ได้พบกันเสียนาน ไปยังไงมายังไงหรือนี่"

นายใบย่อตัวลงนั่งกับพื้นหลังพิงต้นไม้หน้ากุฏิ ยกมือพนมแต่นิ้วทั้งห้างอเหมือนไม่มีแรง

"ผมออกจากคุกมาไม่นาน ผมเครียดกินเหล้ามาก เส้นเลือดในสมองซีกขวาเลยแตก ทำให้ร่างกาย ซีกด้านซ้าย ทั้งแขนและขาหมดแรง หมอบอกว่า ผมเป็นอัมพาต ครึ่งซีก พ่อแม่ ก็ตายจากไปหมด ผมต้องขายที่มรดกทั้งหมด เอาเงินไปรักษาตัว อาการผมดีขึ้น พอใช้ไม้ค้ำยันพยุงเดินได้ แต่เงินหมด ไม่มีที่อยู่ ผมจะขอมาอาศัยกุฏิหลังว่าง ที่อยู่ติดกับเตาเผาศพ ที่อยู่ท้ายวัดครับ"

"ที่ว่าโยมเพิ่งออกจากคุก ไปทำผิดอะไรมาหรือ"

"เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน ผมมีพี่บึกกับพี่ศักดิ์เป็นหัวหน้า แล้วเที่ยวขโมยวัวควายชาวบ้าน ไปฆ่า ชำแหละขาย กินเหล้า และเล่นการพนัน

"ครั้งหนึ่งพวกผมไปปล้นมา พี่บึกเป็นคนเอาทรัพย์ออกขาย แต่ก็โกงยักยอกเอาไว้ครึ่งหนึ่ง พี่ศักดิ์ รู้ทัน จึงเกิดความไม่พอใจ มาตลอด

"วันหนึ่งผมขโมยควายจากหมู่บ้านอื่น มาฆ่าชำแหละขาย วันนั้นซื้อเหล้าขาวมากินกัน เอาเครื่องใน ทำกับแกล้ม พอพี่ศักดิ์เมาได้ที่ ก็ยกเรื่องที่พี่บึก โกงส่วนแบ่งมาพูด จนมีปากเสียงกัน มีดปลายแหลม วางอยู่ใกล้ๆ พี่ศักดิ์จึงคว้ามาจ้วงแทงพี่บึกหลายแผล จนสิ้นใจอยู่ตรงนั้น

"พี่ศักดิ์หากระสอบมา ๒ ใบ ใบแรกยัดศพ อีกใบยัดหนังควายไว้ส่งร้านรับซื้อหนัง เพื่อส่งโรงฟอก ในตัวอำเภอ

"แล้วมานั่งกินเหล้าต่อ ชาวบ้านหลายคนแอบหิ้วตะกร้ามาซื้อเนื้อไปทำกิน เพราะเนื้อราคาถูกกว่า ในตลาด

"ตกค่ำพี่ศักดิ์รีบเอากระสอบใส่ศพขึ้นท้ายมอเตอร์ไซค์ เอาไปทิ้งแม่น้ำ

"ทิ้งเสร็จแล้วกลับมา มองไปที่กระสอบอีกใบที่เหลือ เพราะเห็นเลือดมาก ให้ตายสิ กระสอบที่เอา ไปทิ้งน้ำ มันเป็นกระสอบ บรรจุหนังควาย กระสอบที่อยู่ตรงนี้ คือกระสอบ ใส่ศพพี่บึก พี่ศักดิ์ตกใจ รีบแบกกระสอบศพขึ้นมอเตอร์ไซค์ จะเอาไปทิ้งแม่น้ำ แต่น้ำมันรถหมด พอดี มีทางเดียว คือเอาศพ เข้าไปเผาในป่า

"ชาวบ้านไปพบกองกระดูก เรื่องเลยถึงตำรวจ ตำรวจสืบรู้ว่า พวกผมฆ่าคนตาย จึงเข้าล้อมจับ พี่ศักดิ์ ยิงต่อสู้ เลยจบชีวิตตรงนั้น"

แม้เสือใบจะเคยเป็นโจร แต่เขาก็ต้องโทษติดคุกมาหลายปีเกิดสำนึกได้ และเป็นคนในหมู่บ้านนี้ พระจันทา จึงอนุญาต ให้พักอาศัยข้าวก้นบาตร เลี้ยงชีวิตไปวันๆ

เดือนหนึ่งผ่านไป นายใบกำลังนอนพักในช่วงบ่าย ก็สะดุ้งตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงชาวบ้าน ตะโกน อยู่ที่หน้าศาลาว่า

"เสือใบมาอยู่ในบ้านของเราเดือนหนึ่ง ชาวบ้านตายไม่รู้สาเหตุถึง ๗ ราย เสือใบมันเป็นผีปอบ ต้องไล่ มันออกไป ให้มันออกจากหมู่บ้านไป"

ชาวบ้านมักจะเรียกคนตายไปแล้วว่า "ผี" แต่นายใบยังไม่ตาย เขาก็เรียกว่า "ผี" เสียแล้ว

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๘ เดือน พฤษภาคม ๒๕๔๘ -