ฉบับที่ 196 ปักษ์แรก1-15 ธันวาคม 2545

[01] บทนำข่าวอโศก: เราถือศีลกันอย่างไร
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "การเกิดของฌานแต่ละขั้น"
[03] บันทึกปัจฉาสมณะ:
[04] จับกระแส ตอ. สวนอโศกโพล
[05] กสิกรรมธรรมชาติ ประสบการณ์กสิกรรมธรรมชาติ
[06] สกู๊ปพิเศษ : ชาวอโศกทั่วประเทศร่วมใจภักดิ์ ๕ ธันวาฯมหาราช ตั้งโรงบุญฯ
[07] พ่อท่านร่วมงานเททอง สร้างอนุสาวรีย์เจ้าเมืองพิมูลมังษาหาร
[08] ศูนย์สุขภาพ: เส้นใยอาหาร หัวใจของการกินเพื่อสุขภาพ
[09] ของฟรีไม่มีในโลก
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11] นักเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศก เกี่ยวข้าวที่ จ.สุรินทร์
[12] นานาสาระ: ดีเดย์จับคนสูบบุหรี่ในร้านติดแอร์
[13] แจกฟรีครั้งที่ ๙ ก้าวหน้า ชมร.เชียงใหม่แจกอาหารฟรี ๓ วันรวด
[14] ปฏิทินงานอโศก
[15] :นางงามรายปักษ์ น.ส.สุมาลี แซ่เตียว
[16] :มุมกล้อง

 



เราถือศีลกันอย่างไร?

ในการเริ่มปฏิบัติธรรม ขั้นต่ำขั้นง่ายที่สุด เราก็เริ่มโดยการยึด "ศีล" มาประพฤติ

การประพฤตินั้น ต้องจริง ไม่เหลาะแหละ

โดยพยายามมี "สติ" รู้ ตัวเองให้ได้เสมอทุกวินาทีว่าเราเป็นผู้มี "ศีล"

เราเป็นผู้ "ถือศีล" จะต้องไม่ให้ตนด่างพร้อย หรือทำให้ศีลขาด ศีลทะลุไปโดยประการใดๆทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน อุจจาระ ปัสสาวะ ไกวแขน เอื้อมมือ ยกขา อ้าปากพูด เคี้ยวกลืน ขับรถ ปลูกต้นไม้ ฯลฯ หรือทำการงาน สัมผัสสัมพันธ์กับอะไรอยู่ ณ ที่ใดๆก็ตาม

หากใครมิได้ปฏิบัติศีลตามนี้ ก็ย่อมไม่ได้ชื่อว่า นักปฏิบัติธรรม หรือ คนถือศีล.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


การเกิดของฌานแต่ละขั้น

ปฐมฌาน-เมื่อเราสามารถหยุดจิตมิให้สังขารร่วมกับกายได้แล้ว ไม่เกิดอารมณ์ใดกับสัมผัสกายภายนอก จิตเราจะเคลื่อน เข้าสู่ห้วงแห่งภพธรรมารมณ์ภายใน...เนื่องจากเราไม่เคยได้สภาพสบายอย่างปฐมฌานมาก่อน พอเกิดมีขึ้น จึงต้องการ รักษาสภาพนี้ไว้อย่างคุมเคร่ง จนกลายเป็น ภวตัณหา เกิดสังขารภายในจิต มีวิตกวิจาร อยู่ภายในห้วงธรรมารมณ์ หากเราสามารถ หยุดสังขาร ภายในจิตได้ ทำวิตกวิจาร ให้สงบระงับลง จิตเราก็จะเคลื่อนเข้าสู่ฌาน ๒

ทุติยฌาน - เป็นสภาพของห้วงแห่งจิตเกิดปีติขึ้นภายใน หลังจากเราระงับวิตกวิจารลงแล้ว... แต่จิตสังขารของเรา ก็ยังทำงานอยู่ ทำให้มีปีติเป็นภวตัณหาอยู่ ต่อเมื่อเราวางปีติลงได้ จิตจะเคลื่อนเข้าสู่ฌาน ๓

ตติยฌาน - เกิดเป็นสุขอย่างอุเบกขาในห้วงแห่งจิต หลังจากเราวางปีติลงได้... แต่กระนั้นจิตก็ยังไม่สงบนิ่ง เป็นเอกัคตาธรรม เพราะยังมีภวตัณหา สังขารอยู่ภายใน ก่อเกิดสุขารมณ์ จิตไม่ว่างเข้าเป็นสุญญตา ต่อเมื่อเราหยุดจิตสังขาร ดับภวตัณหา มิให้ขุดคุ้ยสัญญาขึ้นมาปรุง เป็นรสธรรมารมณ์ จิตเราจะเคลื่อน เข้าฌาน ๔ ทันที

จตุตถฌาน - จิตเรานิ่งเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีธรรมารมณ์ใดๆ ไม่มีการปรุงแต่งสัญญาใดๆ ห้วงแห่งจิตว่างเปล่า เบาสบาย... เมื่อเราดับ ภวตัณหาได้ หยุดสังขารธรรมทั้งปวง สัญญาก็ดับสนิท วิญญาณใดๆ ก็ไม่เกิด เรียกสภาพเช่นนี้ว่า "สัญญาเวทยิตนิโรธ"

หากเรารักษาสภาพฌานขั้น ๔ นี้ไว้ได้ตลอด จิตเราก็เป็น นิพพาน ไปชั่วนิรันดร์

แต่หากเรายังไม่ดับภวตัณหา...จิตยังยึดสังขารอยู่กับฌานขั้นใดขั้นหนึ่ง สภาพจิตเช่นนั้นเรียกว่า "รูปพรหม" ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า จิตเราวนเวียน อยู่กับฌานขั้นไหน เราก็เป็นรูปพรหมในฌานขั้นนั้นๆ และหากเรายึดมั่น ไม่ยอมปล่อยวาง หรือ เลื่อนภพภูมิ ให้สูงขึ้น เราจะมีสภาพ เป็นรูปพรหมไป ตลอดกัปป์กัลป์เลยก็ได้

และเมื่อเราถึงฌาน ๔ แล้ว แต่ยังอยากที่จะรู้ภพภูมิธรรมที่สูงยิ่งๆขึ้นไป ไม่ยอมดับภวตัณหา ว่างั้นเถอะ ความปรารถนา ของจิต ระดับสูงนี้ เป็นสภาพภวตัณหา ที่ละเอียด คัมภีรภาพยิ่ง มิใช่ตัณหาที่สนองอัตตา หรือ เสพสมภายใน ทว่าเป็นตัณหา เพื่อการเรียนรู้ สัจจะที่สูง ขึ้นไป เรียกโดยภาษาว่า "วิภวตัณหา".

- พุทธบุตร ลูกหม้ออโศก -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สดจากปัจฉาสมณะ
- สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ

เมื่อวาน (๘ ธ.ค.) กระเหือดกระหอบแทบแย่ ด้วยต้องเดินทางอย่างกระทันหัน จากราชธานีอโศก มาที่สันติอโศก เนื่องจาก เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่พ่อท่านใช้เกิดรวน โทร.ปรึกษาท่านธัมมาวุโธ (หมอคอมฯ) ก็แล้ว...ไม่ดีขึ้น ท่านธัมมาฯ บอกมีทางเดียว ก็คือเอามาซ่อม หากจะให้ใครหิ้วเครื่องมาซ่อม แล้วหิ้วกลับก็ไม่ได้ ด้วยงานกำลังเร่ง กอปรกับศพ อ.เฉลิม นาครักษ์ อาจารย์ ที่เคย สอนพ่อท่าน สมัยเรียนเพาะช่าง จะเผา ๑๑ ธ.ค.นี้ บวกกับเหตุอื่นๆ อีกเล็กน้อย ทำให้พ่อท่าน ตัดสินใจเดินทาง อย่างปุบปั๊บ รีบเร่งเก็บของกัน อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เครื่องคอมฯ ได้รับการซ่อม และใช้งาน ได้เร็วที่สุด ออกจากบ้านราชฯ ๑๕.๓๐ น.ถึงสันติอโศก ๐๐.๑๐ น.

ดังที่มีผู้รู้กล่าวว่า ชีวิตของนักบวช เหมือนนกน้อยปีกแข็ง จะบินไปไหนมาไหน ก็ง่าย...เร็ว...ไร้ร่องรอย เพราะมักน้อยสันโดษ และ อิสระ แต่ชีวิตของปัจฉาฯ อย่างผู้เขียน ชักจะเหมือนนกชรา หรือนกพิการมากกว่า ไม่ง่าย ไม่เร็ว ไม่อิสระ บางทีไม่อยากไป ก็ต้องไป หรือ อยากจะไปไหนๆ ก็ไม่ได้ไป อีกทั้งอุปกรณ์ ของใช้ชักจะมาก เคลื่อนย้ายแต่ละที หอบหิ้วพะรุงพะรัง ของพ่อท่าน นอกจากบริขาร กลด บาตร ผ้าครอง สบง อังสะ ไฟฉาย ยังมีเครื่องคอมฯแบบกระเป๋า...หนังสือพิมพ์อีกหนึ่งตั้ง ไว้อ่านข่าว และตัดเก็บ ไว้ใช้งาน... ม้วนวิดีโอ ไว้ตรวจพิจารณา อีกหนึ่งกล่อง... แล้วยังมีถุงสีน้ำตาลเข้ม ที่ใส่หนังสือ และเอกสารต่างๆ อีกหนึ่งหอบหนักๆ โดยพ่อท่าน จะหอบหิ้ว ติดตัวประจำ ของผู้เขียนนอกจากบริขาร ก็มีกระเป๋าใส่อุปกรณ์เครื่องเขียน เอกสาร ประกอบการเขียน เครื่องบันทึกเสียง ไมโครโฟน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้บันทึกเสียง โทรศัพท์ไร้สาย และอุปกรณ์ที่ใช้ ภายในชุมชน ล่าสุด มีเครื่องคอมพิวเตอร์ แบบกระเป๋าหิ้ว อีกหนึ่งเครื่องหนักๆ นี่ยังไม่รวมของสมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ ที่ก็เป็นนักหอบเหมือนกัน นอกจากผ้า และอุปกรณ์ ของใช้งานแล้ว ยังมีกะโหลก-กะลา และ นาฬิกาอีกเป็นกล่อง บางครั้ง ก็หลายกล่อง บางทีฝ่ายสาธารณสุข ที่ดูแลสุขภาพพ่อท่าน ก็จัดหยูกยา และอุปกรณ์ การตรวจสุขภาพ ฝากติดมาด้วย อีกหนึ่งกล่องหนักๆ ถ้าเดินทางโดยรถตู้ "รามรักษ์" ก็ไม่กระไร... แต่ถ้าเดินทาง โดยเครื่องบิน ต้องตัดออก อีกหลายรายการ ถึงกระนั้น ก็ยังพะรุงพะรัง กว่าผู้โดยสารคนอื่นๆ เพราะพ่อท่าน พาให้ฝึกพึ่งตนเอง หอบหิ้ว ขึ้นเครื่องบินกันเอาเอง ไม่ต้อง เป็นภาระใครๆ ไม่นิยมใช้บริการ ฝากกระเป๋าสัมภาระ ของใช้ต่างๆ ตอน Check-in ให้เจ้าหน้าที่สนามบิน แล้วไปรับ เอาที่ปลายทาง ตามที่บริษัทการบิน มีบริการให้ ด้วยเหตุนี้ เวลาขึ้นเครื่องบิน เดินผ่านที่นั่ง ผู้โดยสารคนอื่น ต้องคอย ระมัดระวัง บริขารสัมภาระของเรา ไม่ให้กระแทก กระทบชนเขา เวลาจะนั่ง พ่อท่านก็ไม่นิยม วางบริขารสัมภาระ ไว้บนช่อง ไว้สิ่งของ เหนือที่นั่ง จึงต้องพยายามจัดบริขารสัมภาระ ไว้ในอาณาบริเวณ ที่เรานั่ง ซุกไว้ใต้ ที่นั่งบ้าง เหน็บไว้ ด้านข้างบ้าง เทินเอาไว้ บนบาตรบ้าง สรุปแล้ว ทั้งของและขาเข่าของเรา อยู่ในช่องที่นั่งของเรา จะได้ไม่ไปทำความลำบาก กับผู้โดยสาร ที่นั่งข้างเคียง

สำหรับพ่อท่านนั้น ข้ามผ่านภาวะนกน้อยปีกแข็งไปแล้ว กำลังสั่งสมบารมี เพื่อเป็นเจ้าแห่งนก หรือพญาอินทรีย์

ที่มีเครื่องคอมฯ...หนังสือและวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ เปรียบดังเขี้ยวเล็บ ไว้สอนหัดให้มวลมนุษย์ เอาชนะกิเลสตน ส่วนตัว พ่อท่าน จะไม่มีก็ได้ ที่ "มี" ก็เพื่อประโยชน์ผู้อื่นโดยแท้ ในส่วนผู้เขียนนี่สิ ฝึก "ไม่มี" ยังไม่ทันจะข้ามผ่านได้เลย ก็ต้องข้ามขั้น มาฝึก "มี" เพื่อไม่หลง ไม่ติดความ "มี" ต้องหอบหามสัมภาระ เพื่อผู้อื่น ดูแล้วเหมือนนกชรา หรือ นกพิการ ที่ต้องบินตามไปกับ พญาอินทรีย์ มากกว่า นกน้อยปีกอ่อน

หลายสิบปีก่อน ยุคคอมพิวเตอร์กำลังเฟื่อง มีผู้ชวนให้ลองฝึกใช้ ก็ปฏิเสธมาตลอดว่า มันยังไม่จำเป็น คิดอยู่แต่ว่า ชีวิตเรา ไม่ต้อง มีมันก็ได้ นึกภาคภูมิตนมาตลอดว่า เราไม่หลงเห่อ ไปตามกระแสน่ะ แม้พ่อท่าน จะใช้คอมฯ มากว่า ๑๐ ปีแล้ว ก็คิดว่า นั่นเป็นเรื่อง ของพ่อท่าน หลายสิบปีที่ผ่านมา งานเขียนทุกชิ้น ที่ส่งพ่อท่านตรวจแก้ ผู้เขียนก็ยังคงใช้กระดาษ และดินสอ เขียนส่ง ที่ใช้ดินสอ ก็เพราะลบแก้ง่าย บางทีดินสอมันก็จางอ่านยาก แต่พ่อท่านไม่เคยบ่นสักคำ ขณะที่ผู้พิสูจน์อักษร (proof) บางคนบ่นๆบ้าง ความจริง ตัวพิมพ์ด้วยเครื่องคอมฯ อ่านง่ายกว่า ตัวเขียนด้วยลายมือดินสอเยอะ แต่ผู้เขียน ก็ยังคงส่งงาน ด้วยลายมือ ดินสอเช่นนี้ มานานแล้ว เคยถูกแซวว่า หัวโบราณ แถมชมพ่อท่าน ว่าเป็นคนแก่ที่ทันสมัย จึงดูไม่แก่

วันก่อน (๗ ธ.ค.) ผู้เขียนเริ่มฝึกใช้เครื่องคอมฯครั้งแรก ด้วยเครื่องมือสอง จากญี่ปุ่น ขณะกำลังขยับ mouse เลื่อนลูกศร อ่านดู สัญลักษณ์ต่างๆว่า คืออะไร อยู่ๆภาพที่จอดับวูบลง ตกใจแทบแย่ เอ! เครื่องมันจะพังมั้ยน้อ ยังไม่ทันไรเลย ตอนหมอคอมฯ ท่านธัมมาฯ แนะนำการใช้ ก็ไม่ได้บอกไว้ซะด้วย ท่านธัมมาฯเตือนว่า เวลาเครื่องรวนมีปัญหา อย่าเพิ่งให้ใครแก้ ให้บอก ท่านธัมมาฯ โดยตรง จะได้ไม่เกิดปัญหาซับซ้อน วันนั้น (๗ ธ.ค.) ผู้เขียนอยู่บ้านราชฯ ท่านธัมมาฯอยู่สันติอโศก เอ! จะทำไงดี ทำใจดี เปิดเครื่องดูใหม่ โชคดี ยังไม่พังแฮะ คราวนี้ลองใส่แผ่น CD แบบฝึกหัดพิมพ์ ฟ ห ก ด...ไม่มีภาพใดๆ ใช้ CD ไม่ได้ จึงคลิกเข้าไป ที่แบบฝึกหัด บุญพิมพ์ ที่ท่านธัมมาฯ ใส่มาในโปรแกรมเครื่อง กดไปกดมา มันไม่ขยับ พ่อท่านผ่านมาพอดี ช่วยมากดแก้ให้ ก็ยังไม่หลุดอีก "เอะ! มันยังไง ระบบ PC นี่" ด้วยเครื่องที่พ่อท่านใช้ เป็นระบบ MAC โทร.ไปถามท่านธัมมาฯ ก็ไม่อยู่ ท่านร้อยดาว รับสายแทน และช่วยบอกแก้ให้ได้ นี่แค่เริ่มจะ "มี" ก็ดูวุ่นวายปานฉะนี้ ยังไม่ทันจะ "มี" เพื่อ ผู้อื่นเลย นะเนี่ย เอ! แล้วมันจะทำให้งาน ยิ่งช้ามากขึ้น หรือเปล่า?

ชีวิตที่ต้องก้าวตามพ่อท่าน ต้องพร้อมที่จะ "มี" พร้อมที่จะ "แบก" โดยใจไม่ทุกข์ อีกทั้งต้องไม่หลงเป็น "สุข" กับความมีนั้นๆด้วย ใจต้องว่างๆ พร้อมจะเปลี่ยนแปลง เคลื่อนย้ายได้ทุกเมื่อ ไม่ติดที่อยู่ใดๆ ไม่โหยหาที่อื่นๆ จะอยู่จะไป ก็สบาย แม้สิ่งของ สัมภาระจะเยอะ ก็พึ่งตนเองให้มาก สิ่งเหล่านี้ จะเป็นไปได้ ต้องฝึก ต้องหัดกันเอาเอง ผู้เขียนเอง ก็ยังต้องฝึก อีกเยอะ อย่างน้อยๆ ตอนนี้ ก็ฝึกใช้คอมฯ หัดพิมพ์ ฟ ห ก ด...เมื่ออายุ ๔๘

ชีวิตเป็นของเรา...ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ ยังไม่สาย.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สวนอโศกโพล

เจริญธรรมสำนึกดีท่านผู้ฟัง... วันนี้สถานีวิทยุชุมชนชาว ต.อ. ใคร่ขอเสนอ ๑๐ เพลง ยอดฮิตติดอันดับ จากโพลสวนอโศก ที่เป็นที่ กล่าวขวัญถึงสูงสุด ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕ ดังนี้

O อันดับที่ ๑ ฟ้ามิอาจกั้น ของพ่อท่าน
ด้วยเสียงเรียกร้องขอจำหน่ายเครื่องดื่มจากน้ำหมักชีวภาพในงานปีใหม่ พ่อท่านจึงอนุโลมให้แก่ผู้ผลิต ที่ผ่านการจดแจ้ง และ การตรวจสอบ คุณภาพ จากต.อ.

O อันดับที่ ๒ ดอกไม้ให้คุณ ของชุมชนศีรษะอโศก
ผู้ผลิตเครื่องดื่ม น้ำลูกยอหมักชนิดเข้มข้น ได้สมประโยชน์สมราคา ต้นทุน ๑๑ บาทต่อ ๕๐๐ ซีซี

O อันดับที่ ๓ รางวัลแด่คนช่างฝัน ของศาลากิจถั่ว ชุมชนปฐมอโศก
เจ้าของสูตร (รสเลิศ) ทั้งเต้าหู้ก้อน เต้าหู้อ่อน ฟองเต้าหู้ น้ำเต้าหู้โยเกิร์ต และ น้ำเต้าหู้กล่องยูเอชที (ในอนาคต)

O อันดับที่ ๔ รอ (รอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ) ของ ท่านที่ปรึกษาฯ สุนัย
ที่ต้องรอการคลอดของ "โครงการสัญญลักษณ์ผลิตภัณฑ์เครือข่ายชุมชนชาวอโศก (สติ๊กเกอร์ เครื่องหมายรับรองจาก ต.อ.)" งานนี้หน่วยผลิต ใช้ชื่อ "ชุมชน...อโศก" ประกันคุณภาพ ไปพลางๆก่อน ก็แล้วกัน

O อันดับที่ ๕ ไม่รักพี่แล้วจะรักใคร ของร้าน มรฐ.นครปฐม
แม้ว่าโรงเต้าหู้ จะเดินเครื่องไปแล้ว เธอก็ยังปันใจ ไปซื้อเต้าหู้ (ตลาด)เจ้าประจำ ด้วยเหตุผลที่ว่า "เอื้อเขา เอื้อเขา" แต่ตอนนี้ หันกลับมา เอื้อนเพลง "ไม่รักเต้าหู้ปฐมอโศก แล้วเนี่ยน้องจะไปรักใคร" แล้ว

O อันดับที่ ๖ และอันดับที่ ๗ (คะแนนเท่ากัน) ทำไมถึงทำกับฉันได้ และยิ่งกว่าการฆ่า ของวงผู้บริโภค
เมื่อมีผู้สารภาพว่า ไปซื้อส้มและผักตลาด มาขาย ให้คนใส่บาตร และปรุงอาหารขาย หน้างานมหาปวารณา ที่ผ่านมา ทั้งๆที่ โรงครัว ติดประกาศ "ที่นี่ใช้พืชผักไร้สารพิษ ในการปรุงอาหาร เลี้ยงชาวชุมชนเท่านั้น" และร้านไร้สารพิษกู้ดินฟ้า อยู่ฝั่งตรงข้าม เนี่ยนะ

O อันดับที่ ๘ ละครฉากสุดท้าย ของ น.ส.ปรุงแต่งโฉม ลืมธรรมชาติ
เมื่อคณะกรรมการบริหารต.อ.มีมติ ห้ามหน่วยผลิต ใช้สารสังเคราะห์ใดๆ เพื่อการปรุงแต่งอาหาร (รวมทั้งการจำหน่าย วัตถุดิบ อาหารแปรรูป จากแหล่งผลิตอื่นๆ ที่มีสารปรุงแต่งอาหาร) ไม่ว่าจะเป็น สีผสมอาหาร สารกันบูด ผงชูรส สารกรุบกรอบ สารแต่งกลิ่น สารฟอกขาว ฯลฯ

O อันดับที่ ๙ เสี่ยงรัก ของชุมชนเพชรผาภูมิ
น้องใหม่ไฟแรงกระฉูด ผู้กล้าเสี่ยง (มาลัย) รักให้แก่ผู้บริโภค โดยผลิตปลาร้าเจ ด้วยวิทยายุทธฉมัง (รูปแบบกระป๋องบวม ไร้ฉลาก) แซงโค้ง ชุมชนผู้พี่ (ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน) หลายตลบ (งานนี้ กบว.ต.อ. ขอเซ็นเซอร์ไว้ก่อน)

O อันดับที่ ๑๐ ฆ่าฉัน ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า ของคณะทำงานต.อ.กลาง
หากสี่อันดับหลัง ยังฮิตติดโพลอยู่...ค่ะ

จงเห็นค่าของคน (ผู้บริโภค) เหนือกว่าผล (ผลิต) ของงาน (ของท่าน) จริงใจ-ไมตรี-ไม่มีบ่น

- ต.อ.กลาง -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ประสบการณ์กสิกรรมธรรมชาติ

หนุ่มน้อยวัย ๗๒ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ผาสุก เพราะทำกสิกรรมไร้สารพิษ"

คุณลุงมานิตย์ ก้อนแก้ว อายุ ๗๒ ปี อาศัยอยู่ที่ บ้านโป่ง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นญาติธรรมชาวอโศก กลุ่มภูผาฟ้าน้ำ รู้จักชาวอโศก มาตั้งแต่ปี ๒๕๓๐ ตอนนี้คุณลุงจะอยู่ที่บ้านบ้าง และมาพักค้างอยู่ที่ลานนาอโศกบ้าง

อาชีพเดิมตั้งแต่แรก อายุ ๒๐ กว่าปี ก็เริ่มทำไร่ ทำสวน ปลูกผักมาตลอด ในการเลี้ยงครอบครัว ตั้งแต่ลูกเล็กๆ จนโตกันทุกคน โดยส่วนใหญ่ ปลูกชะอม กระเทียม พริก การปลูกเมื่อก่อนโน้น ก็ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมี และ สารเคมี อะไรเลย

แต่เพิ่งมาใช้ ในระยะ ๒๐ กว่าปี ที่ผ่านมานี้เอง ที่เริ่มมีขายกัน แพร่ระบาด และเป็นที่นิยม ช่วงมาพบชาวอโศก ได้ฟังสมณะเทศน์ ก็เลยเข้าใจ และ เลิกใช้

คุณลุงมีเนื้อที่ใช้ในการเพาะปลูกราว ๗ ไร่ ปลูกทั้งบริเวณรอบบ้านและที่นา ปลูกชะอมโดยส่วนใหญ่ ผักที่ปลูกบริเวณบ้าน ก็นำมา ทำอาหาร เช่น ผักกาด มะเขือเทศ ดอกแค ลิ้นไม้ ใบเตย ผักปุงลิง ผักชี ข่า ขิง ผักแคบ กระถิน ผักเสี่ยว ฟักก็ปลูก เครือเดียว ก็ออกผลเยอะ เช้าสว่างมา ก็ลงไปที่สวนไปเก็บมาได้เลย ไม่ต้องไปซื้อผักที่ตลาด เป็นการพึ่งพาตนเองได้ ผักที่ปลูก นอกจาก นำมากินและ ทำเป็นอาหารแล้ว ก็ขายในหมู่บ้าน พร้อมทั้งมีคน เขามารับซื้อ เอาถึงที่บ้าน และเพื่อนบ้านลุง ในหมู่บ้านนั้น โดยส่วนใหญ่ เขาก็ปลูกผักเหมือนกัน แต่เขาใช้สารเคมีกัน โดยส่วนใหญ่ จะมีเพื่อนบ้าน มาถามเหมือนกันว่า ลุงใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์ ที่หมักไว้ที่บ้าน ว่านี้มันคืออะไร ใช้อย่างไร

ผลผลิตที่ได้ก็มากกว่าที่เพื่อนบ้าน เขาทำกันโดยใช้สารเคมี เวลาเก็บผลผลิตคุณลุง ก็ให้มันพักตัวบ้าง ประมาณ ๒-๓ เดือน ไม่ใช่เก็บมัน ตลอดปี ซึ่งชาวบ้านเขาเก็บกันตลอด ช่วงมันพักตัว ก็เอาน้ำจุลินทรีย์ ที่หมักไว้มารด ที่ทำให้ผลผลิต ได้ดีอีกอย่าง ก็เพราะน้ำดี เป็นน้ำที่มาจาก ชลประทาน ผักชะอม ที่เก็บได้บางครั้ง ขายได้ถึง ๓-๔ พันบาท

ความเป็นอยู่ของชีวิต ก็อยู่อย่างไม่เป็นหนี้เป็นสิน อยู่อย่างสบาย ขายได้เท่าใด ก็ได้หมด จะมาวัดอย่างนี้ ก็มาได้ เพื่อนบ้าน เขาจะมาอย่างนี้ ก็มายาก ต้องหาเงินใช้หนี้ใช้สิน เดี๋ยวนี้มันวิกฤตกันไปหมด เป็นหนี้กัน ๔-๕ แสน ชะอมก็ราคาถูก กิโลกรัมละ ๑๐ บาท แถวบ้าน เขาเป็นหนี้กันหมด เกือบทุกคน ไม่รู้จะหาที่ไหน มาใช้เขา

จุดมุ่งหมายในการปลูกผักนี้ ที่สำคัญ คุณลุงก็ไม่ปลูก เพื่อมุ่งหวังที่จะรวย มีเงินมีทองมากมาย คุณลุงเข้าใจว่า "เราทำอะไร สิ่งๆนั้น ก็จะสอนเรา" คนเราโดยส่วนใหญ่ ปลูกวันนี้ ก็มีความอยาก จะให้ได้ผล รวยวันนี้ พรุ่งนี้ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ลุงปลูกมา อย่างต่อเนื่อง ๖-๗ ปีแล้ว กว่าจะได้ผล มาเป็นแบบนี้ อย่างมีคำโบราณ เขาพูดไว้ว่า "ใครเว้ยฮื้อกาน ใครกาน ฮื้อแล่น" คือใครเร็ว ก็ต้องฝึกช้า ใครช้าก็ต้องฝึกเร็ว และต้องค่อยๆเป็นไป มันต้องเป็นเด็กมาก่อน ไม่ใช่ว่า มาเป็นผู้ใหญ่เลย ทีเดียว เราก็ไม่ต้อง ไปอยากมีเงิน เป็นล้าน ๒ ล้าน ลุงอยู่อย่างนี้ ก็สบายแล้ว เห็นเขามีเงินกันเป็นล้าน เขาก็ยังทุกข์อยู่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามคุณลุง ถึงประโยชน์ที่ได้จากการทำกสิกรรมไร้สารพิษ ก็ได้รับคำตอบ จากคุณลุงมานิตย์ ก้อนแก้ว ว่า "ไม่ต้องเป็น หนี้สินใครๆ ชีวิตก็อยู่อย่างผาสุก มีเวลาที่จะมาวัด ลูกหลานก็ช่วยกันสืบทอดต่อ และเลี้ยงดูเรา"

ฟังแล้วคุ้มแสนคุ้ม จริงมั้ยคะ?.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชาวอโศกทั่วประเทศร่วมใจภักดิ์
๕ ธันวาฯมหาราช ตั้งโรงบุญฯ
หมอ-แม่ค้าส้มตำเกิดจิตศรัทธาร่วมบุญ

บ้านราชฯกระจายจัด ๑๑ แห่ง
เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ๕ ธ.ค.๔๕ ชาวอโศกทั่วประเทศ ได้ร่วมใจ จัดโรงบุญ มังสวิรัติ หลายแห่ง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล (มีบางโรงบุญฯ จัดก่อนหรือหลัง ๕ ธ.ค.๔๕ แต่ก็เพื่อ วัตถุประสงค์เดียวกัน) ผู้สื่อข่าวของเรา ขอรายงาน บรรยากาศโรงบุญฯ บางส่วน ดังนี้

สนามหลวง

*** กทม.
ชมร.หน้าสันติอโศก (ศูนย์มังสวิรัติ)
ผู้คนมารับบริการแต่เช้า คนเริ่มมามากช่วง ๘-๑๑ น. ปีนี้แจกแบบ ให้บริการ ตัวเอง (บุฟเฟ่ต์) หรือที่พ่อท่านให้เรียกว่า "อิ่มเอง" นับเป็นครั้งที่ ๒ สำหรับการแจกในลักษณะนี้ (ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ ต.ค.๔๕ ซึ่งเป็น วันก่อตั้ง ชมร. และวันอาหารโลกที่ผ่านมา) ทำให้ไม่เหนื่อยมาก ปีนี้มีคนมาช่วยงานเยอะ นอกจากคนวัด ญาติธรรม รอบนอก และ นร.สัมมาสิกขาฯแล้ว ยังมีนักศึกษาจาก ม.รามคำแหง (แผง ๒๒) มาช่วยล้างจานให้ด้วย เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. อาหาร ก็แทบไม่เหลือ นอกจากนี้ คุณศรีฟ้ายังนำ ข้าวต้มเครื่อง ๕ หม้อใหญ่มาร่วมแจกด้วย ซึ่งก็หมดเกลี้ยงเช่นกัน

ศูนย์มังสวิรัติ ชมร.หน้าสันติอโศก

ร้านกู้ดินฟ้า (จัด ๔ ธ.ค.) แจกผักผลไม้ไร้สารพิษ ปีนี้มีผักเยอะมาก โดยเฉพาะแตงกวา ผักกาดขาวเบา มีผู้นำส้ม และฝรั่ง มาร่วมสมทบด้วย และคนที่มาส่งกล้วยให้ร้านเป็นประจำ พอรู้ข่าวว่าพวกเราแจกฟรี ก็เอากล้วยมาร่วมสมทบ กับพวกเรา จนหมด มีญาติธรรมมาช่วยเยอะ ซึ่งในตอนแรก ทางร้านกะว่าจะแจกเวลา ๐๘.๐๐ น. แต่ปรากฏว่า มีผู้มา รับบริการ ตั้งแต่ ๐๖.๐๐ น. พอ ๐๙.๐๐ น. ของก็หมด ทางร้านตั้งงบมูลค่าพืชผักที่จะแจกไว้ ๒ หมื่นบาท แต่พอแจก จริงๆแล้ว ก็เกินจากที่ตั้งไว้หน้า บจ.แด่ชีวิต บรรยากาศการแจก คึกคักดี โดยมีผู้ปกครองนร.พุทธธรรมร่วมกับ บจ.แด่ชีวิต แจกอาหารได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ผัดไทย และ มีชาวบ้าน ที่พักอาศัยใกล้สันติอโศก ที่ขายส้มตำ ได้ตำส้มตำ จำนวน ๑๐๐ กก.มาแจกด้วย แม้จะรู้สึกปวดเมื่อยแขน แต่ก็มีปีติในใจ ที่ได้ร่วมทำบุญ และบอกว่าปีหน้า จะมาร่วมแจกอีก นอกจากนี้ ยังมีร้าน ขนมครก มาร่วมแจก อีกด้วย

ร้านกู้ดินฟ้า หน้าสันติอโศก

บจ.ขอบคุณ (จัด ๔ ธ.ค.) เจ้านี้มาแปลกกว่าใคร เพราะแจกชุดทำดีท็อกซ์ โดยมีธรรมทัศน์สมาคม ช่วยบริจาคเอกสาร การทำดีท็อกซ์ ทฤษฎีใหม่ รวมแจกด้วย และในวันที่ ๕ ธ.ค.ทางธรรมทัศน์สมาคม ก็ได้แจกหนังสือ "ผู้เฒ่าทวนกระแส" จำนวน ๕๐๐ เล่ม

บจ.พลังบุญ (จัด ๑ ธ.ค.) ใช้งบประมาณ ๕,๐๐๐ บาท ทำอาหารแจกหลายอย่าง เช่น กระเพาะเจ ซุปต่างๆ เป็นต้น และ มีญาติธรรม นำน้ำผลไม้และผลไม้มาร่วมแจก ด้วย ผู้มารับบริการส่วนมากเป็นลูกค้าของร้านพลังบุญ มี ผู้มารับบริการ ทยอยมาเรื่อยๆ บรรยากาศ เป็นไปด้วยดี

นอกจากนี้ในบริเวณชุมชนสันติอโศกก็ยังมีแจกกันอีกหลายจุดหลายเจ้า เช่น วันที่ ๑ ธ.ค.๔๕ กลุ่มรวมญาติ นำโดย อาซ้อ (เจ๊ง้อ) เจ้าเก่า แจกก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นทั้งน้ำข้น-น้ำใส ผัดไทย กระเพาะเจ ขนมจีน-แกงเขียวหวาน น้ำแข็งใส น้ำหวานโซดา, บ้านกตัญญู แจกไอศกรีม ๒ ถัง และธัญพืชชงร้อนๆตอนหลังชงไม่ทันเลยบรรจุใส่ถุงแจกให้กลับบ้าน, ตึกตะวันงาย ๒ แจกขนมจีน แกงเขียวหวาน และไอศกรีม ๒ ถัง, บจ.ดินน้ำฟ้า แจกส้มตำและ น้ำกระชายดำ, ร้านข้าวกล้อง แจกอาหาร หลากหลายอย่าง, ร้านเต้าหู้ตาปั่น หน้าร้าน ข้าวกล้องก็แจก ร้านไอศกรีมดอกข้าว แจกไอศกรีมสมุนไพร, มูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน แจกกล้วยแขก หน้าร้านกู้ดินฟ้า ซึ่งเป็นที่น่า ปลื้มใจว่า ช่วงวันที่ ๑-๕ ธ.ค.ที่ผ่านมา ชุมชนสันติอโศก ได้กลายเป็น ถิ่นโรงบุญฯ ที่คึกคัก ไปทุกจุด ทุกมุมเลยทีเดียว

สวนพฤกษชาติ คลองจั่น นร.สัมมาสิกขาฯร่วมกับนร.พุทธธรรมฯ แต่นร.พุทธธรรมมาช่วยน้อย จึงมีแต่ นักเรียน สัมมาสิกขาฯ เป็นหลัก ผู้มารับบริการ ก็เป็นกันเองดี มาช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วย เริ่มแจก ๖ โมงกว่าพอ ๙ โมงเช้า ก็หมดเกลี้ยง มีคนมา รับบริการเยอะ และชมว่า อาหารอร่อยทุกอย่าง โดยเฉพาะน้ำเสาวรส หมดอย่างรวดเร็ว

สวนสามวา มีนบุรี ศิษย์เก่า-นร.สส. สอ. และกลุ่มพระโขนงร่วมกันจัด ซึ่งเป็นปีแรก ที่แจกหน้าสวนของเราเอง บรรยากาศ คึกคักกว่าทุกปี มีผู้คนมารับบริการตั้งแต่เช้า ซึ่งต่างจากปีก่อนๆ ที่คนจะไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ และปีนี้แจก ผักไร้สารพิษ อีกด้วย

สนามหลวง บจ.ฟ้าอภัยร่วมกับ นร. สัมมาสิกขาสันติอโศก แจกอาหาร ด้วยงบประมาณ ๖๕,๐๐๐ บาท ซึ่งมีผู้ใจบุญ ๒ ท่าน บริจาค เงินส่วนนี้ให้ โดยเริ่มแจก ตั้งแต่ ๙ โมงเช้า คนเยอะมากๆ ขนาดเข้าแถวต่อกันยาวเหยียด ของที่แจกหมดเร็วคือ เค้กกล้วยหอม ๑,๕๓๖ ชิ้น) น้ำเสาวรส (๓,๓๖๐ ขวด) หมั่นโถวและซาลาเปา (๕,๐๐๐ ชิ้น) และไอศกรีม แจกแป๊ปเดียว ก็หมดเกลี้ยง ส่วนผัดซีอิ๊ว ก็ผัดไม่ได้หยุด ผัดแจกตั้งแต่ ๑๐ โมงครึ่ง จนถึง ๔ โมงเย็น ถ้ารวมทั้งผัก เส้นและเต้าหู้ ก็ไม่ต่ำกว่า ๑ ตันครึ่ง เรียกว่า คนผัดปวดเมื่อย ไปตามๆ กัน แต่พวกเรา ก็ช่วยกันดีมาก และปลื้มใจ ที่เห็นคนกิน อิ่มอร่อย

วัดลาดกระบัง แจกกันในวัดเลย โดยญาติธรรมจากชุมชนสันติอโศกร่วมกับชุมชนประชาร่วมใจ ซึ่งได้รับความร่วมมือ จากกรรมการ ชุมชน ประชาร่วมใจ อย่างดียิ่ง มีคนมารับบริการมาก เริ่มแจก ๙ โมงเช้าจนถึงเที่ยง เด็กๆในชุมชนฯ หลายคน ประทับใจ วัฒนธรรม การล้างจาน แบบชาวอโศก และได้เห็นตัวอย่าง จากเด็กพุทธธรรม ที่ไปช่วยงาน ต่างก็มาช่วยกัน ล้างจานไม่หยุด

ชมร.จตุจักร มีลูกค้ามารับบริการมากมายล้นหลามเช่นกัน จนแน่นแทบเดินไม่ได้ พอช่วงเที่ยง คนก็เริ่มซา พร้อมกับอาหาร ก็หมด เหลือเพียง ก๋วยเตี๋ยวอย่างเดียว ที่หมดท้ายสุด

ชมร.จตุจักร

 

 

บ้านสร้างบุญ เกิดจากการรวมตัว ของกลุ่มจริยธรรมและกลุ่มอุโบสถศีล โดยวันที่ ๕ ธ.ค. ได้จัดโรงบุญฯ แจกอาหาร หลายอย่าง ที่ซอยบุญส่งโสภิต ซึ่งใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ อาหารก็หมด และในวันที่ ๘ ธ.ค. ก็ได้จัดโรงบุญฯ อีกครั้ง ที่ซอยกลาง หน้าพุทธสถานสันติอโศก มีทั้งสุกี้รสเด็ด ส้มตำ ไอศกรีม เป็นต้น ซึ่งก็ใช้เวลาแจกไม่นาน ก็หมดไม่เหลือ

ร.ร.ประภาสวิทยา บึงกุ่ม กทม. ได้จัดโรงบุญฯในวันที่ ๔ ธ.ค.เป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อ "กลุ่มญาติธรรมชาวอโศก" เป็นเจ้าภาพ แต่ไม่ได้เจาะจงว่า เป็นท่านใด มีผู้มารับบริการทั้งครู นักเรียน ผู้ปกครอง และสก.-สข. ที่มาร่วมงาน อีกงาน ที่จัดขึ้นที่ โรงเรียน ในวันเดียวกัน มาร่วมรับประทานอาหารเกือบ ๙๐๐ คน ค่าใช้จ่ายเป็นเงิน ๑๐,๘๐๐ บาท ซึ่งก็ได้รับคำชมว่า อาหารอร่อยมาก นอกจากนั้น ยังได้ประชาสัมพันธ์ ถึงโรงบุญฯ ที่ ชมร.หน้าสันติฯ ให้ผู้มารับบริการทราบ ซึ่งก็ได้พบว่า บางท่าน ได้มารับบริการ ที่หน้าสันติอโศกด้วย

ในกทม.ยังมีโรงบุญฯอีกหลายแห่งที่มิอาจนำมารายงานให้ทราบทุกแห่งได้ ทางทีมข่าว ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ร้านมังสวิรัติ นครปฐม

 

 

หินผาฟ้าน้ำ จ.ชัยภูมิ ปีนี้จัดโรงบุญ ๓ แห่ง คือที่ อ.เมือง, อ.แก้งคร้อ และอ.บ้านเขว้า พอสรุปได้ดังนี้
๑. อำเภอเมือง ใช้สถานที่หน้าธนาคารกรุงไทย สาขาชัยภูมิ ติดตลาดเทศบาล เปิดงานโดย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เวลา ๐๗.๓๕ น. เริ่มแจก เวลา ๐๘.๐๐-๑๐.๐๐ น. ใช้งบ ๗,๒๐๐ บาท อาหารที่แจกมี ๔ อย่าง บรรยากาศ สนุกสนานเป็นกันเอง มีผู้มารับบริการ ประมาณ ๓๐๐ คน ประกอบด้วย ภรรยาผู้ว่าฯ นายกเทศมนตรี เทศมนตรี ข้าราชการ พ่อค้า-แม่ค้า และประชาชน

๒. อำเภอแก้งคร้อ จัดที่หน้าป้อมตำรวจ ใกล้ตลาด เริ่มแจกเวลา ๐๗.๐๐-๐๘.๐๐ น. ใช้งบประมาณ ๓,๐๐๐ บาท อาหาร ที่แจกมี ๕ อย่าง บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง มีผู้มารับบริการ ประมาณ ๒๐๐ คน โดยญาติธรรม ได้นำกล้วยน้ำว้า มาสมทบด้วย

๓. อำเภอบ้านเขว้า จัดที่สุขาภิบาลมุมสระบ้าน (อยู่ใกล้สถานที่จัดพิธี ถวายเทียนชัย ของเทศบาล) เริ่มแจกเวลา ๐๘.๐๐-๑๐.๐๐ น. ใช้งบประมาณ ๓,๐๐๐ บาท มีอาหารบริการ ๕ อย่าง

ทักษิณอโศก จ.ตรัง จัดที่ทักษิณอโศก เปิดโรงบุญฯโดย สมณะเตชพหุชโน เริ่มแจกเวลา ๐๙.๐๐-๑๔.๐๐ น. ใช้งบประมาณ ๓,๐๐๐ บาท อาหารที่แจกมีมากมายหลายชนิด โดยร้านอาหารเจ ได้มาทำก๋วยเตี๋ยวแจกด้วย อีกทั้งมีผู้ใจบุญ นำขนม และผลไม้มาสมทบ บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองดี มีผู้มารับบริการประมาณ ๒๐๐ คน ซึ่งได้รับทั้งอาหารกาย และ อาหารใจ จากเสียงตามสายโดยสมณะดินดี สันตจิตโต เป็นผู้บรรยาย

ศีรษะอโศก จัดโรงบุญฯ ๖ แห่ง ดังนี้
๑. โรงบุญฯที่ อ.นาเชือก ในวันที่ ๑ ธ.ค. ใช้เวลาเพียง ๑.๓๐ ช.ม.ก็แล้วเสร็จ เพราะชาวบ้านทำนาไม่เสร็จ มีคนมารับบริการ ประมาณ ๓๐๐-๓๕๐ คน ส่วนมากจะนำภาชนะ มาใส่อาหาร ไปรับประทานที่บ้าน ชาวบ้านรับประทาน อาหารมังสวิรัติได้ดี ไม่ต่อต้าน และมารับอย่างไม่เขินอาย เหมือนในยุคแรกๆ
๒. โรงบุญฯบ้านวังจาน
บรรยากาศคล้ายๆกับที่ อ.นาเชือก
๓. โรงบุญฯกสิกรรมไร้สารพิษ อ.กันทรลักษ์ บ้านน้ำฟ้า บรรยากาศอบอุ่นมีพี่น้องพร้อมนักเรียนไปร่วมกันมาก ชาวบ้าน ทยอยมาเป็นระยะ บริการอาหาร ถึงเที่ยงวันก็หมด ได้รับความร่วมมือ จากทุกคน โดยเฉพาะญาติธรรม กสิกรรมไร้สารพิษ ช่วยกันดีมาก
๔. โรงบุญฯที่ รพ.กันทรลักษ์ ทีมอโรคยาศาลาและนร.ชั้น ม.๕ รับเป็นแม่งาน ต่างคนก็ช่วยเหลือเอาบุญกันดี ผู้มารับบริการ มีทั้งผู้ป่วย (ยกหม้อข้าวต้ม ให้ทางโรงพยาบาลนำไปแจก) และญาติผู้ป่วย คุณหมอและพยาบาล
๕. โรงบุญฯ ที่ อบต.กระแซง ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องที่มาร่วมทำพิธี ถวายพระพร ใช้เวลาประมาณ ๒ ช.ม.ก็หมด
๖. โรงบุญฯ ที่ศาลากลาง จ.ศรีสะเกษ มีญาติธรรมเก่าแก่ มาช่วยงานหลายท่าน ผู้มารับบริการปีนี้ น้อยกว่าปีที่แล้ว เล็กน้อย ผู้ให้ (พ่อให้-แม่ให้) ใช้เวลาถึงเที่ยงก็ เลิกงาน

โรงบุญบ้านไทยสมพร อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี กลุ่มญาติธรรมที่บ้านไทยสมพร ได้ร่วมกันจัดโรงบุญฯขึ้น ซึ่งทำเป็น ประจำทุกปี โดยในวันที่ ๔ ธ.ค.ได้นำข้าวผัดไปแจก ปรากฏว่า มีชาวบ้านมารับ เป็นจำนวนมาก บางคนมาช้า ก็ผิดหวังกลับไป ปีหน้า ทางกลุ่ม คาดว่า จะทำให้มากกว่าเดิม ส่วนในวันที่ ๕ ธ.ค.ไปจัดที่ ต.ท่าศิลา อ.ส่องดาว จ.สกลนคร แจกก๋วยเตี๋ยว จำนวน ๔ หม้อ (เบอร์ ๕๐) และลาบเต้าหู้ ๑ หม้อ มี ญาติธรรม ช่วยงานราว ๑๐ คน สิ่งที่น่าประทับใจ คือ มีญาติธรรม นำผักไร้สารพิษ มาปรุงอาหารแจก และชาวบ้าน ก็ให้การต้อนรับดีมาก มีหลายคน มาช่วยแจก ปีนี้มีชาวบ้าน มาร่วมงาน ประมาณ ๓๐๐ คน และแม้จะเป็นปีแรก ที่จัดที่นี่ แต่ชาวบ้าน ก็รู้จักอาหารมังสวิรัติดี บรรยากาศโดยรวม มีความอบอุ่น เป็นพี่เป็นน้องกันดี ปีหน้า ชาวบ้านขอร้อง ให้มาแจกที่นี่อีก สิ่งที่ควรจะได้พัฒนา คือ ชาวบ้านส่วนใหญ่ จะขอใส่ถุงพลาสติก ไปรับประทานที่บ้าน ทำให้พวกเรา ไม่ได้เผยแพร่ วิธีการล้างจาน ที่ประหยัด ให้ชาวบ้าน ได้รู้ได้เห็น รวมทั้งอาหารมีไม่พอให้บริการ

ชมร.เชียงใหม่ โรงบุญฯ ๕ ธ.ค.ปีนี้คึกคักกว่าทุกๆปี ทุกจุดลงตัว มีผู้มารับบริการหนาแน่น (ประมาณ ๑,๐๐๐ คน) อีกทั้ง ผู้ให้บริการ ก็มีมาก บรรยากาศทั่วไปเบิกบาน กันถ้วนทั่ว และมีหมอ ขอร่วมแจกในวันที่ ๖ ธ.ค. ต่ออีกวัน

๕ ธ.ค. เริ่มแจกตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐- ๑๔.๐๐ น. มีสมณะมาโปรด ๑๗ รูป นำโดยอาจารย์ ๑ สมณะบินบน ถิรจิตโต ได้ออกบิณฑบาต ที่ตลาดสมเพชร เมื่อมาถึงประตู ชมร. ก็มีลูกค้า และญาติธรรม รอใส่บาตร อยู่เป็นจำนวนมาก

ปีนี้มีญาติธรรม และนร.สัมมาสิกขาจาก พุทธสถานต่างๆที่มาเข้าหลักสูตรมหัศจรรย์ ที่ภูผาฟ้าน้ำ นร.สัมมาสิกขา จากภูผาฟ้าน้ำ นร.พุทธเกษตร และครู ตลอดจนชาวชุมชน ภูผาฟ้าน้ำ และญาติธรรม เชียงใหม่ ได้มาร่วมกันจัดงาน ในครั้งนี้ ประมาณ ๑๕๐ คน

ส่วนอาหารที่ทำแจกก็ล้วนปรุงจากผักป่าที่นำมาจากดอยแพงค่าและผักไร้สารพิษจาก บ้านญาติธรรม ซึ่งได้จัดทำ เป็นอาหาร มากมาย หลายชนิด ให้ผู้รับบริการ ได้เลือกรับประทาน ตามชอบใจ นอกจากนี้ยังจัดโรงบุญฯที่บ้านญาติธรรมอีก ๒ จุด ได้แก่ บ้านคุณใจประนม ที่ อ.สันทราย (๖ธ.ค.) และ บ้านคุณใบหญ้า ที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ด้วย

ชมร.เชียงใหม่

*** ปฐมอโศก จัด ๕ แห่ง ดังนี้
๑. หน้าชุมชนปฐมอโศก มีร้านเอกชนร่วมเปิดโรงบุญฯสมทบด้วย ๓ ร้านคือ ร้านบัวขวัญเพชร ร้านหิ่งห้อย ร้านคุณแม่สำลี เริ่มแจกเวลา ๐๗.๐๐-๑๔.๐๐ น. อาหารที่ทำแจก มีมากกว่า ๑๐ อย่าง โรงบุญฯ แห่งนี้คึกคักมาก ปิดถนนแจก มีผู้มา รับบริการ มากมาย อย่างต่อเนื่อง มีบริการถุงใส่อาหารกลับบ้าน มีวงดนตรี ประกวด ร้องเพลง และ ตอบปัญหา ชิงรางวัล
๒. จัดที่ร้าน มรฐ. อ.เมือง จ.นครปฐม
๓. ที่ อ.บ้านโป่ง .ราชบุรี โดยสมาชิก ธ.ก.ส. และมีญาติธรรมไปช่วยจัดช่วยแจก ด้วย
๔. ที่โรงเจ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
๕. ที่หมู่บ้านมะสะย่อ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

โดยโรงบุญฯ ทุกแห่งได้รับการสนับสนุนด้านแรงงานจาก นร.สัมมาสิกขาปฐมอโศก พร้อมด้วยญาติธรรม ซึ่งทุกคน ล้วนเบิกบาน แจ่มใส ได้บุญไปตามๆกัน

*** บ้านราชฯ
บ้านราชฯจัดโรงบุญฯรวม ๑๑ แห่ง โดยไปจัดตามหมู่บ้านต่างๆใน จ.อุบลฯ ที่เกษตรกรมาเข้ารับการอบรม ธ.ก.ส.ที่ บ้านราชฯ ๙ แห่ง คือบ้านมะขามป้อม, บ้านนาสตัง, บ้านแหลมทอง, บ้านบุกลาง, บ้านตาเถา, บ้านคำเอนอ้า, บ้านหินแห่, บ้านดอนสาย, ร.ร.บ้านหนองหว้า อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ (จัดวันที่ ๔ ธ.ค.) และที่ อุทยานบุญนิยม รับประทานที่ร้านแจกฟรี หากนำกลับบ้าน ก็ขายตามปกติ เว้นแต่นำภาชนะมาใส่ ก็แจกฟรี

แต่ละแห่ง มีงบประมาณ ๓,๐๐๐ บาท นอกจากนี้ ธ.ก.ส.แต่ละอำเภอ นำรถมารับสมณะ-พี่เลี้ยง ไปค้างคืน ตั้งแต่วันที่ ๔ ธ.ค. เพื่อเตรียมความพร้อม ในด้านอาหารและสถานที่ ซึ่งชาวบ้านแต่ละแห่ง ได้ให้ความร่วมมือ เป็นอย่างดี สำหรับ หมู่บ้านที่มี สมณะไปด้วย ชาวบ้านได้มาร่วมฟังธรรม -ซักถามปัญหาใ นตอนค่ำ และใส่บาตร ในตอนเช้า หลายหมู่บ้าน ชาวบ้านนำ ผักไร้สารพิษ มาร่วมจัดโรงบุญฯด้วย บางหมู่บ้าน พี่เลี้ยงที่ไปได้สาธิต การทำน้ำยาอเนกประสงค์, การเพาะถั่วงอก และ การปรุงอาหารมังสวิรัติ

การจัดโรงบุญฯครั้งนี้ นอกเหนือจากถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นการสร้าง สัมพันธภาพ ระหว่างชาวบ้านราชฯ -ธ.ก.ส.- เกษตรกร และฝึกเกษตรกรให้เสียสละ ในปีหน้า จะระดมให้เกษตรกร ปลูกผักไร้ สารพิษ ถวายเป็น พระราชกุศลด้วย

*** ศาลีอโศก
ชุมชนศาลีอโศกร่วมกับวิทยุชุมชน-สัมพันธ์ไพศาลีและเทศบาลอำเภอไพศาลี ได้ร่วมกันจัด งานโรงบุญมังสวิรัติ ขึ้นที่หน้า ศาลเจ้ากลาง ตลาดไพศาลี งานเริ่มเวลา ๘.๐๐-๑๒.๐๐ น. เพื่อเชิญชวนประชาชน ให้มารับประทาน อาหารมังสวิรัติ ละเว้นชีวิตสัตว์ และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสครบรอบ ๗๕ พรรษา

บรรยากาศก่อนงานเริ่ม ก็เตรียมงานกันตั้งแต่วันที่ ๔ ธันวาคม เริ่มจากเตรียมสถานที่ตั้งเต็นท์ และทำอาหารเอาไว้ ประมาณ ๕ อย่าง ซึ่งปีนี้อาหารก็ทำเพิ่มขึ้น มากกว่าปีที่แล้ว เพราะได้ประกาศผ่านสื่อ วิทยุชุมชนไพศาลี เช้ามืดของวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕ เด็กนักเรียน สัมมาสิกขาศาลีอโศก และชาวชุมชน ก็ช่วยกันนำอาหาร ไปจัดเตรียมไว้ที่เต็นท์ และอีกส่วนหนึ่ง ก็เตรียมเรื่องไฟ และเครื่องเสียง เริ่มเปิดงานเวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. ประชาชนใน ต.โคกเดื่อ และ ตำบลใกล้เคียง ต่างก็เริ่ม ทยอยเข้ามา ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ก็เข้ามารับประทานอาหาร แต่ดูเหมือนที่เป็นสีสันของงาน ก็คงจะหนีไม่พ้นไอศกรีม เด็กๆ รอเข้าคิวยาว จนตักไม่ทัน ก็เลยมีรถไอศกรีม ที่ขายอยู่ในตลาดเป็นประจำ มาช่วยแจกฟรีให้อีก งานนี้พิธีกรของเรา ก็ต้องสอน วิธีล้างจาน ล้างแก้วน้ำ และนั่งรับประทานอาหาร ให้เรียบร้อย ไม่ยืนรับประทาน เพื่อที่จะเป็นตัวอย่าง และเป็น วัฒนธรรม ที่ดีงาม ของไทยเรา

ส่วนผู้คนในปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากสถานที่ ได้เปลี่ยนที่จัด ซึ่งปีที่แล้ว ได้จัดอยู่ท้ายตลาด ใกล้กับอำเภอ โดยมีท่าน นายกเทศมนตรี อ.ไพศาลี ได้ให้ความร่วมมือ เสนอให้เปลี่ยนมาจัดกัน ที่หน้าศาลเจ้ากลาง ตลาดไพศาลี และอีกส่วนหนึ่ง ประชาชน ก็ทราบข่าว จากวิทยุชุมชนสัมพันธ์ไพศาลี จึงทำให้สภาพบรรยากาศในปีนี้ ดูครึกครื้น มากกว่าปีที่แล้ว รวมทั้ง คณะอบต. ต.โคกเดื่อ อ.ไพศาลี ผู้ช่วยสาธารณสุข กรรมการวิทยุชุมชนสัมพันธ์ไพศาลี ก็มาร่วมงานนี้ และคณะครู พาเด็กนักเรียน โรงเรียนบ้านใหม่วารีเย็น มาช่วยงาน ด้านรักษาความสะอาด บริเวณหน้าศาลเจ้า พอสายๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานในอำเภอไพศาลี ก็มานั่งรับประทานอาหารร่วมกัน เวลาประมาณ ๑๑.๓๐ น. ก็เริ่มทยอยเก็บเครื่องมือ และอุปกรณ์ อาหารหมดพอดี เที่ยงตรงก็เดินทาง กลับพุทธสถานศาลีอโศก

สำหรับความรู้สึกของผู้ที่มาร่วมงานมีดังนี้
นายภานุวัฒน์ จันทร์ทับ อาจารย์ ร.ร.บ้านใหม่วารีเย็น "ได้พาเด็กนักเรียน มาบำเพ็ญประโยชน์ ทำความสะอาด บริเวณ หน้าศาลเจ้า ประมาณ ๑๐๐ กว่าคน รู้สึกว่าจัดงานได้ดี และพาเด็กมา รับประทานอาหาร คิดว่าอาหารที่นี่ มีคุณค่า ตามโภชนาการ ครบถ้วน และรสชาติอาหาร ก็ไม่แตกต่าง จากข้างนอกเลย"

กำนันสุรเดช "ก็คิดว่าอยากจะเชิญชวนประชาชนได้มาร่วมงานนี้ให้มากๆ เพราะนอกจาก จะได้รับประทานอาหารมังสวิรัติ ละเว้นชีวิตสัตว์ ในมื้อนี้แล้ว ยังอยากเชิญชวนให้ทุกๆคน ที่มาร่วมงานได้มา ลด ละเลิกอบายมุข เพื่อถวายเป็น พระราชกุศล แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ส่วนตัวผมเอง ก็ชอบรับประทานมังสวิรัติ เป็นประจำ ผมได้มาร่วมงาน โรงบุญฯ นี้ ทุกครั้ง ที่ชุมชนศาลีอโศกจัด และคิดว่า งานโรงบุญมังสวิรัติ จะเป็นประเพณีของชาวไพศาลี ตลอดไป"

ในปีนี้ก็มีหน่วยงานราชการที่ทำงานอำเภอไพศาลี มาร่วมงานน้อยกว่าปีที่แล้ว เพราะอาจจะยังขาด การประชาสัมพันธ์ ปีหน้า อยากให้ประชาชน มามีส่วนร่วมมากกว่านี้ วิทยุชุมชนสัมพันธ์ไพศาลี ก็มีส่วนช่วยได้มากพอสมควร ส่วนด้านญาติธรรมของเรา ก็นำกล้วยมา ๕ หวี ขนมสามเกลอ ๒ ถาด กล้วยทอด ๑ ถาด ส้มเขียวหวาน ๘ กิโลกรัม ส่วนอาหาร ของงานโรงบุญมังสวิรัติ ในครั้งนี้ ทางแม่ครัว ก็จัดเตรียมอาหารไว้ ตั้งแต่ตอนเย็น ของวันที่ ๔ ธันวาคม มีอาหาร ๕ อย่าง ก๋วยเตี๋ยว ๔ หม้อ แกงเขียวหวาน ๒ หม้อ น้ำยา ๑ หม้อ ลาบ ๒ หม้อ และข้าวอีกหม้อกว่าๆ ประชาชน นำอาหาร มาช่วยทำบุญบ้างเล็กน้อย เพราะอาจจะกำลัง อยู่ในช่วง ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว.

สำหรับสถิติโรงบุญ ๕ ธ.ค.ในปีนี้ มีผู้แจ้งเข้ามารวม ๑๔๓ แห่ง กระจายทั่วทุกภาค ส่วนรายละเอียด ติดตามได้ ในหนังสือ สารอโศก.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


พ่อท่านร่วมงานเททอง
สร้างอนุสาวรีย์เจ้าเมืองพิมูลมังษาหาร
ผู้ว่าราชการจ.อุบลฯ เป็นประธาน

เมื่อวันที่ ๖ ธ.ค. ๒๕๔๕ พ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์ พร้อมปัจฉาสมณะ เดินทางไปร่วมงานเททอง ก่อสร้างอนุสาวรีย์ พระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี) เจ้าเมืองพิมูลมังษาหารคนแรก ปัจจุบันคือ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี

โดยเดินทางไปสมทบกับลูกๆ และญาติๆ ของคุณลุงสุรินทร์ พรหมพิทักษ์ ที่วัดสระแก้ว อ.พิบูลฯ หลังจากนั้น เวลา ๑๓.๓๐ น. เดินทาง ไปยังบริเวณปะรำพิธี ซึ่งอยู่บริเวณวงเวียน หน้าสถานีตำรวจภูธร อ.พิบูลฯ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลฯ นายไชยสิทธิ์ โหตระกิต เป็นประธานการจัดงาน มีประชาชนชาว อ.พิบูลฯ มาร่วมงานมากมาย หลังจากเสร็จพิธี ท่านผู้ว่าฯ, นายอำเภอพิบูลฯ และ ข้าราชการหลายท่าน ตลอดจนลูกหลาน และญาติๆของพ่อท่าน ได้มากราบนมัสการ พ่อท่านมากมาย จนหนังสือ ที่เตรียมไปแจก ไม่เพียงพอ เวลา ๑๖.๐๐ น.เดินทางกลับบ้านราชฯ

พ่อท่านสืบเชื้อสายโดยตรงมาจากพระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี) ดังนี้

ทางฝ่ายโยมแม่ คุณแม่บุญโฮม โยมแม่ของพ่อท่าน เป็นธิดาคนสุดท้อง ของท้าวพรหมสุรินทร์ จำปาแพง กับ นางบับภา หรือ ประภาวดี สุวรรณกูฏ (นามเดิม บับภาวดี) เป็นคุณตา-คุณยายของพ่อท่าน

ทางฝ่ายคุณตา ท้าวพรหมสุรินทร์ เป็นบุตรหัวปีของท้าวจันทร์จำปา กับนางจวง สุวรรณกูฏ เป็นคุณทวดของพ่อท่าน

นางจวงเป็นธิดาของพระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี) พระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี) จึงเป็นบิดาของคุณทวดจวง

ทางฝ่ายคุณยาย นางบับภาเป็นธิดาของท้าวโพธิสาราช (เสือ) อุปฮาด (อุปราช) คนแรกของเมืองพิมูลมังษาหารกับหม่อมผุสดี

ท้าวโพธิสาราช(เสือ) เป็นน้องชายของพระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี) ซึ่งเป็นบุตรของพระปทุมวงศา (กุทอง) เจ้าเมืองอุบลราชธานี คนที่ ๓ ท้าวโพธิสาราช (เสือ) เป็นบิดา ของคุณยายบับภา จึงเป็นคุณทวดของพ่อท่าน

พระปทุมวงศา (กุทอง) เป็นบุตรของพระปทุมวรราชสุริยะวงศ์ (ท้าวคำผง) เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนแรก

ท้าวคำผง เป็นบุตรของพระเจ้าพระตา

ซึ่งเขียนแผนผังได้ดังนี้ พระเจ้าพระตา (บิดา) มีบุตร คือ

ท้าวคำผง พระปทุมวรราชสุริยะวงศ์ เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ ๑ มีบุตรคือ

ท้าวกุทอง พระปทุมวงศา เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ ๓ มีบุตรคือ

พระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี) กับท้าวโพธิสาราช

พระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี) มีธิดาคือ นางจวง สุวรรณกูฏ ท้าวโพธิสาราช มีธิดาคือนางบับภา นางจวงมีบุตร คือ ท้าวพรหมสุรินทร์

ท้าวพรหมสุรินทร์ สมรสกับนางบับภา มีธิดาคือ นางบุญโฮม

นางบุญโฮม มีบุตรคือ พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เส้นใยอาหาร หัวใจของการกินเพื่อสุขภาพ

- กิ่งธรรม -

เส้นใยอาหาร เป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่เรากินเข้าไป แต่ ร่างกายไม่ย่อยและดูดซึม จึงไม่ทำให้เกิดพลังงาน เส้นใยอาหารมี ๒ ชนิด คือ ชนิดละลายน้ำ และชนิดไม่ละลายน้ำ

เส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ ส่วนใหญ่พบในรำข้าวและเมล็ดธัญพืช ที่ไม่ขัดขาว เซลลูโลสและส่วนประกอบของเส้นใย ที่ร่างกาย ย่อยไม่ได้ จะเพิ่มเนื้อ ให้กากอาหาร เร่งให้มีการขับออกนอกลำไส้ เชื่อว่าเป็นระบบของร่างกายที่ต้านมะเร็ง เพราะเป็นการเร่ง ให้ของเสีย ที่เป็นสารก่อมะเร็ง ออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น สารก่อมะเร็ง อยู่ในร่างกายสั้นเท่าใด โอกาสที่จะก่อมะเร็ง ก็น้อยลง เท่านั้น

ส่วนเส้นใยที่ละลายน้ำ พบมากในผลไม้สุกและผัก โดยเฉพาะในถั่วฝักและถั่วเมล็ดแห้ง ช่วยชะลอ การดูดซึม ของสารอาหาร ให้เข้าสู่ร่างกายช้าลง ช่วยให้ ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ป่วย ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือ ป้องกันโรคเบาหวาน ในผู้ที่ยังไม่เป็น ยังไปช่วยตัวกันคอเลสเตอรอลในอาหาร ให้ขับออกนอกร่างกาย ลดภาวะเสี่ยง ต่อโรคหัวใจ และนิ่วในถุงน้ำดี

จะเห็นว่าเส้นใยในอาหารนั้นสำคัญมาก ทั้งช่วยป้องกันและรักษาโรคได้สารพัด ซึ่งเป็นนิสัยการกิน ตั้งแต่โบราณ นานมา ปัจจุบัน นิสัยการกิน เปลี่ยนไป ไม่ค่อยใส่ใจกับการกินอาหารที่มีเส้นใย โรคภัยต่างๆจึงตามมา แถมคนในปัจจุบัน มักจะขาด เยื่อใยไมตรี มีเมตตาต่อกัน สังคมจึงอ่อนแอ และเจ็บป่วยไปด้วยเช่นคน.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เก็บมาฝาก
- นักข่าวเบอร์จู๋น -

ของฟรีไม่มีในโลก

หลังเลิกงานวันหนึ่ง เหรัญญิกประจำชมร.ช.ม.กลับบ้านค่ำกว่าทุกวัน ขณะที่ยืนรอรถโดยสารที่ประตูร้าน พลางโบกรถ ประจำทาง หลายต่อหลายคัน ก็ไม่มีใครรับ เพราะไปคนละเส้นทาง

ทันใดนั้นได้มีสตรีสาวสวยวัย ๔๕ เดินเข้ามาหา แล้วทักว่า

สตรีสาว..."คุณป้าจะไปทางไหนคะ?"
เหรัญญิก..."จะไปกาดหลวงค่ะ"
สตรีสาว..."ไปกับหนูนะคะ จะไปส่งค่ะ"
เหรัญญิก..."ขอบคุณค่ะ จะไปเอง

แต่สตรีสาวคนนั้น ก็พูดจาหว่านล้อม ในลักษณะต้องการจะให้ไปด้วย หลังจากเจรจาอยู่สักครู่ เหรัญญิกของเรา ก็ทนตื้อ และ คำอ้อนวอน ไม่ไหว ก็เลยนั่งรถ ไปกับสตรีสาวผู้นั้น ด้วยจิตที่ระลึกถึง คำพูดของลูกชาย ที่มีอาชีพเป็นนายตำรวจ ซึ่งเคยเตือน ด้วยความเป็นห่วงว่า "แม่อย่านั่งรถ ไปกับคน ที่ไม่รู้จักนะครับ เดี๋ยวอาจเจอกับ พวกมิจฉาชีพ จะมีอันตราย หรือ อาจจะติด ร่างแห ไปกับเขาด้วย"

แต่แล้วเหรัญญิกชาวเรา ก็ตั้งจิตมั่นว่า อะไรจะเกิด ก็คงห้ามไม่ได้ หลังจากคิดได้ดังนั้น รถเก๋งคันงาม กำลังแล่นไปตามถนน มุ่งตรง กาดหลวง พลันความทุกข์ใจทั้งหลาย ก็หลั่งไหลออกจากปาก ของสตรีสาวสวยผู้นั้น

"เป็นไปได้ยังไงกัน... แต่ก็เป็นไปแล้ว" เหรัญญิกคิด

สตรีผู้นี้ทุกข์ใจมาก ด้วยความรักของเธอ ถูกกีดกัน และเพิ่งกลับจากไปส่งชายคนรักที่สนามบิน ผ่านมาจึงแวะร้านซ่อมรถ ที่อยู่ใกล้ ชมร.ช.ม. จนมีโอกาส ได้พบกับเหรัญญิก ชาวเรานั่นเอง

เธอได้ระบายความทุกข์ออกจากจิต ประโยคแล้วประโยคเล่า พร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน ตลอดเวลา เป็นภาพที่น่าสงสารมาก ครั้นพอ ใกล้จะถึง จุดหมายปลายทาง เธอก็หยุดพูด เหรัญญิกคิดต่อไปว่า เธออาจจะหมดความทุกข์แล้วกระมัง

และในความเงียบนั้น เหรัญญิกพลันคิดถึง คำพูดของอาจารย์ ๑ ที่ภูผาฟ้าน้ำที่ว่า "น้ำเน่าที่ไหล ดีกว่าน้ำใสที่นิ่ง".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจริญธรรมสำนึกดี พบกับน.ส.พ. ข่าวอโศก ฉบับที่ ๑๙๖(๒๒๙) ปักษ์แรก ๑-๑๕ ธ.ค.๒๕๔๕ นำเสนอข่าวความ เคลื่อนไหว ในแวดวง ชาวอโศก

และเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนม พรรษา ๕ ธ.ค.นี้ ชาวอโศกทั่วประเทศได้ร่วมใจจัดโรงบุญมังสวิรัติ ๕ ธันวาฯ เพื่อเชิญชวน ให้ประชาชน ร่วมรับประทานอาหาร มังสวิรัติ ละเว้นจากการเบียดเบียนชีวิตสัตว์ทั้งหลาย และเพื่อถวาย เป็นพระราชกุศล แด่องค์ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชาวเราได้กระทำอย่างต่อเนื่อง มาหลายปีแล้ว

ฉบับนี้ข่าวอโศกจึงนำเสนอบรรยากาศของงานโรงบุญฯของพี่น้องชาวอโศกที่จัดกระจายไปทั่วประเทศ ซึ่งหากติดตาม อ่านข่าวดู จะเห็นว่า บางกลุ่มบางคณะ ได้จัดกิจกรรม เพื่อการณ์นี้ มิใช่เพียงครั้งเดียว หากแต่มีการย้าย ทำเลโรงบุญฯ เพื่อหวังจะให้เกิด ประโยชน์ ที่กว้างขวางขึ้น ซึ่งอาจเป็นเครื่องแสดง ให้เห็นถึงความปรารถนา อันแรงกล้า ที่จะบำเพ็ญบุญ ในวโรกาสนี้ อย่างเต็มกำลัง ได้อีกประการหนึ่ง

แต่เนื่องจากมีผู้แจ้งจัดโรงบุญฯในปีนี้ถึง ๑๔๓ แห่ง จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่อาจนำมาเสนอ ให้ท่านญาติธรรม ได้ร่วมรับรู้ ได้หมด ก็ต้อง ขออภัย และขออนุโมทนา กับทุกๆท่านมา ณ ที่นี้ด้วย

พินิจพิเคราะห์...ได้ฟังความคิดเห็นของเด็กๆสัมมาสิกขาศาลีอโศก ที่ไปช่วยงานโรงบุญฯในปีนี้แล้วนึกทึ่งที่นอกจาก จะทำงาน เป็นแล้ว ยังคิดเป็น รู้จักข้อบกพร่อง และคิดจะพัฒนา ลองๆฟังตัวอย่างดูนะฮะ

แคน..."ไปช่วยที่นครสวรรค์ ยินดีกับการได้ทำบุญ ที่คนอื่นมากินอาหารมังสวิรัติ ก็มีขอทานมาขออาหาร เขามาก็ตักให้ ดีใจ ที่เห็นเขา ได้กิน อาหารดีๆอย่างนี้ สักมื้อ ดีกว่าที่เขาจะไปเลือกกินอาหารในถังขยะ ได้ไปเที่ยวในห้างสรรพสินค้า รู้สึกเกิดกิเลส ที่ได้เห็น ของในห้าง"

นน..."รู้สึกว่าช่วยให้เขาลดบาปไปได้ชั่วขณะหนึ่ง ก็รู้สึกดี เด็กของเราควรจะกล้าพูดให้มากกว่านี้ ในเรื่องของ การล้างภาชนะ แม้จะบอก ก็ยากเป็นบางคน เราจึงต้องพูดให้บ่อยกว่านี้"

วุฒิ... "ได้เห็นคนหลายประเภท เรา แต่งตัวมอซอ คนข้างนอกบางคน มอซอกว่าเรา ขอทานก็มี ไปห้างสรรพสินค้า ตอนเลิกงาน เห็นของมากมาย แต่ก็ยังอายอยู่ คนที่นั่น เริ่มคุ้นกับเรา ก็ไม่มีคนมาถาม ไปแล้วเกิดกิเลส แต่ไม่มีเงิน ก็ไม่มีอะไร มากมาย ส่วนข้อบกพร่อง ตรงที่เวลาล้างภาชนะ คนข้างนอก ไม่ค่อยได้ล้างจานเอง จะให้เด็กเราล้าง ทำให้งานหนัก มากขึ้น ตอนทำงาน เด็กของเรา ทานข้าวกันช้า ทำให้ไม่ได้ช่วยล้างจานกันเต็มที่"

เหม..."รู้สึกภูมิใจว่าเป็นบุญกับเราแล้ว ที่มีคนเขามารับบุญจากเรา เพราะงานนี้มีทั้งผู้ให้และผู้รับ คนไพศาลี ไม่มีอะไร ที่ยุ่งยาก อาหาร ก็แจกหมด ไอศกรีมหมดก่อน เด็กเราก็ไปรับแจกด้วยหลายคน ก็ลงตัวดีแล้ว สำหรับที่ตลาดไพศาลี"

โมมิ... "การล้างจาน เราจะต้องบอกให้มากกว่านี้ มีหางเสียงด้วย มีบางคนบอกเขาแล้ว ไม่ยอมล้าง กลับมองหน้าเรา เราจึงต้อง ล้างให้"

เอก... "ข้อบกพร่องของพวกเรา คือเด็กเราไม่ค่อยพูด อยู่แต่ในภพของเราเอง เวลาเขาถาม ก็ไม่ค่อยกล้าตอบ ทำเหมือนไม่รู้ แต่ที่จริงรู้"

ชุมพล..."ไปแจกที่นครสวรรค์ งานลงตัวดี มีน้องไปช่วย ๒๐ คน รู้สึกทำงานได้เต็มที่ จนรู้สึกว่าไปช่วยมากไป งานไม่พอ ก็ไปทำงาน จุกจิก ซึ่งดูว่าทำไม่เต็มที่ มีอยู่วันหนึ่ง กินข้าวแล้ว เห็นน้องบางคน แอบไปนอนที่บ้านพัก เห็นแล้วก็รู้สึก ไม่สบายใจ น่าจะรู้ว่า เรามา ครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่ออะไร แต่ก็รู้สึกเห็นใจที่น้องๆ เขายังไม่ได้พัก หลังจากการเกี่ยวข้าวเลย งานปีนี้สนุกดี มีผู้มา ร่วมงานมาก..."

พร..."แต่ละแผนกของเด็กไม่ค่อยจัดวางไว้ก่อน เราน่าจะแบ่งเด็กให้เป็นสัดส่วน ระหว่างตอนกิน กับตอนทำงาน ไม่มีการประชุม ล่วงหน้า จึงดูไม่ค่อยลงตัว เด็กเราบางคน แต่งกายไม่สุภาพ พับแขนเสื้อ บางคน กินตะกละ น่าเกลียด ตักลูกชิ้นไปกินเล่น"

ไหม..."ที่ไพศาลี ให้โอกาสไปจัดแจกที่ใจกลางตลาดไพศาลี ไม่เครียด ไม่เบื่อ มีหลายคนเอาภาชนะ มาใส่อาหาร แม้ว่าโฆษก จะบอกว่า ควรมานั่งทาน ในโรงบุญฯ แต่ตอนท้ายๆของงาน มีอาหารเหลือ จึงตักใส่ถุงแจกให้ ข้อบกพร่องคือ เด็กเราทาน เสร็จแล้ว นั่งเป็นกลุ่ม ไปดูของต่างๆในตลาด นั่งมอง ไม่หางานทำ กินแล้วก็อยู่กับที่ นั่งไม่เรียบร้อย จะบอกตอนนั้น ก็เกรง คนนอก เขาจะได้ยิน เลยดูไม่ดี ผู้ใหญ่ทำงานแล้วร่าเริงดี อย่างแม่สัมฤทธิ์ ยิ้มแย้มแจ่มใสดี"

จิ้งหรีดฟังแล้วก็ต้องนึกชมเด็กๆเหล่านี้ แล้วขอชมเลยไปถึงฝ่ายการศึกษาของที่นั่นด้วย เพราะย้อนไปมองตัวเอง สมัยจิ้งหรีด ตัวเท่านี้ ยังคิดอะไร มีสาระแบบนี้ไม่เป็นเลย ไม่เสียแรงที่เรียนที่ ร.ร.สัมมาสิกขา... พวกเขาได้อะไร ติดจิตวิญญาณไปเยอะเลย สาธุ...จี๊ดๆๆ.....

น่าอัศจรรย์...จิ้งหรีดเกาะอยู่ริมรั้วที่ ชมร.เชียงใหม่ มีโอกาสได้พูดคุยกับท่านดวงดี ฐิตปุญโญ ได้ซักถามถึงสุขภาพ ของคุณยาย จันทร์ จันวัน อายุ ๘๖ ปี โยมแม่ของท่าน ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งมดลูก ขั้นที่ ๔ ทราบว่า ไปฉายแสงแล้ว ๓๐ ครั้ง ฝังแร่ ๓ ครั้ง (จิ้งหรีด ก็ไม่มีความรู้ว่า การฝังแร่ มันเป็นอย่างไร) แต่การไปฉายแสง หรือฝังแร่ แต่ละครั้งนั้น คุณยายไม่เกิดอาการแพ้ ไม่มีอาการผมร่วง ทานอาหาร ไม่ค่อยได้ หรือมีอาการข้างเคียง เหมือนผู้ป่วยทั่วไป แต่ประการใด กลับจากฉายแสงแล้ว อาการปวดเจ็บก็หาย น้ำที่ไหล ออกจากช่องคลอด ก็หยุดไหล แถมก้อนเนื้อ ที่ตรวจเช็คล่าสุด ก็ไม่มีแล้ว
-
อย่างนี้จิ้งหรีดว่า น่าจะตั้งให้เป็นคุณยาย "อัศจรรย์" แห่งปีนะ และขอให้หายป่วยเร็วๆด้วยฮะ...จี๊ดๆๆ.....

ชาวนาตัวจริง...ป้าดาวเพชร ลามุงคุณ คนวัดบ้านราชฯ ได้รับการยกย่องว่า ลวกผักฝีมือระดับ ๕ ดาวทีเดียว นอกจาก ฝีมือ ในการเกี่ยวข้าว ก็ไม่เป็นรองใคร ช่วงนี้ ป้าหยุดลวกผักชั่วคราว ปักหลักเกี่ยวข้าวส่วนกลาง อยู่ที่นาหนองหว้า จิ้งหรีด เกี่ยวข้าวเป็น ก็เพราะ ป้าดาวเพชร นี่แหละสอนให้...จี๊ดๆๆ.....

เคี่ยวเรา... เคี่ยวเราเพื่อแข็งแรงสู่นึกนบ ๗ วัน ๗ คืนกับการเข้าค่ายฝึกหนัก เคี่ยวตัวเองของเตรียมนิสิต และนิสิต ม.วช. บ้านราชฯ รวม ๓๐ ชีวิต เพื่อเตรียมพร้อม รับงานอบรม ธ.ก.ส. หลังจากว่างเว้นไป ในช่วงน้ำท่วม และฝึกรับมือ กับงานปีใหม่ ตลาดอาริยะ ที่จะมาถึง บรรยากาศ คล้ายๆ หลักสูตรมหัศจรรย์ของภูผาฯ หารสอง มีสมณะเดินดิน ติกขวีโร และ สิกขมาตุ กล้าข้ามฝัน เหน็ดเหนื่อย กับการ สร้างบารมี ครั้งนี้ สาธุ...จี๊ดๆๆ.....

ปฐมอโศก...เปิดเทอมต้อนรับเด็กด้วยการเข้าค่าย  "รวมพลัง สานฝัน  สามัคคี" วันที่  ๒๗-๓๐ พ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยปณิธาน "แข็งแรง เข้มข้น ทนทาน ยืนนาน แน่นลึก นึกนบ" จิ้งหรีดแอบให้คะแนนผ่าน ๒ ตัวแรกฉลุย งานนี้ทั้งงานเด็กๆ ไม่รู้โปรแกรม ล่วงหน้า  รูปแบบค่อนไปทางอบรมของ ธ.ก.ส.โดยมีคุรุและผู้ใหญ่เป็นน้องเลี้ยง มีเสียงกระซิบบอกว่า  อบรมครั้งนี้ คุรุได้ใจเด็กคืนสันทนาการ เรียกเสียงฮา จากเด็กได้รอบทิศทาง   อย่างมาดของยายแจ่ม  จ๊าบไม่ใช่เล่น  ไม่เชื่อ ถามอาจารย์ไก่ ดูเถอะ, มาดนักรบจากฟ้า  จริงจังมาดทหาร หัวใจสาวๆหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ช่างเหมือนหนุ่มน้อยวัน  ๑๖ ปี ยังไงยังงั้น (จริงๆ เหรอ...จิ้งหรีด), บิ๊กมาม่า อ้าฮา! จำไม่ได้ สาวญี่ปุ่นมิตซูบิชิ  เด็กๆก็กรี๊ดกันไม่หยุด เลยได้รางวัลที่ ๑ ไป  งานนี้ โฆษกบอกว่า เป็นญี่ปุ่นพันธุ์ใหม่, กะเหรี่ยงหลงดอยก็มาด้วย (น่าจะส่งไปเข้าหลักสูตรมหัศจรรย์ที่ภูผาฯซะ)  แล้วยังมีทั้ง นางฟ้า เจ้าสาวแสนสวย ชายกลาง ฯลฯ ภาพเหล่านี้มีผู้บอกว่า ถ้าเอาวิดีโอมาฉายทุกวัน ก่อนกินข้าว มีหวังข้าวหมดจาน ไม่รู้ตัวเลยแหละ...จี๊ดๆ

คึกคัก...ทางเก้าไร่ก็คึกคักน่าดู   คอร์สสุขภาพ  ขยันทำดีจริงจริ๊ง   ส่วนใครจะเป็นแชมป์ก็ไปสืบกันเองนะฮะ จิ้งหรีด ไม่บอกว่า ที่ว่าชนะเลิศน่ะ เขาทำสถิติกี่ครั้งต่อวัน  สุดปลื้ม!ผู้ป่วยของเราทั้งขยันทำดี มีสัมมาคารวะ กราบพระได้งดงาม งานนี้สนุกสนานมาก   เพิ่มทั้งศรัทธา  แข็งแรงทั้งกายใจ จนเหงื่อแตก เหงื่อแตนไปตามๆกัน...จี๊ดๆ

เร็วกว่าใคร...ทราบมาว่า  คุณขวัญบุญ ดีรัตนา ที่แม้ปัจจุบันจะไม่ได้เป็นนางฟ้าบนเครื่องบินแล้ว  (เพราะผันตัวเอง มาทำงาน ที่เป็นบุญมากกว่า) แต่พอทราบข่าวงานศพโยมแม่ของ  สม.พูนเพียร ชาวหินฟ้า ก็เดินทางพร้อมคุณเล็ก (ดาบบุญ) น้องชาย ไปถึงงานศพก่อนใคร  (คราวงานศพของคุณสุเมธ  ซึ่งเป็นคุณพ่อของคุณแจ๋วและคุณเล็ก ที่ปฐมอโศกนั้น สม.พูนเพียร ได้มาร่วมงาน เป็นท่านแรก) จิ้งหรีดเคยฟังสมณะเทศน์บอกว่า ความเป็นผู้มีกตัญญู เป็นข้อหนึ่งในมงคลชีวิต สาธุ...จี๊ดๆ

ก่อนจาก ขอฝากคติธรรม-คำสอนของพ่อท่านที่ว่า
"ยักษ์  คือ  ความกระด้าง ไม่อดทน ไม่ละอายต่อบาป มีมานะ  ชอบยกตนข่มผู้อื่น สำคัญตนว่า เลิศกว่าใคร มีจิตหยาบกร้าน ลามก ฯลฯ"

พบกันใหม่ฉบับหน้า
จิ้งหรีด

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


นักเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศก เกี่ยวข้าวที่ จ.สุรินทร์

เมื่อวันที่ ๒๗ พ.ย.-๒ ธ.ค.๔๕นร.สัมมาสิกขาสันติอโศก(สส.สอ.) ระดับชั้น ม.๓-ม.๖ (จำนวน ๓๖ คน) ศิษย์เก่า สส.สอ. นิสิต ม.วช. และคณะอา รวมทั้งหมด ๔๖ คน นำโดย สมณะกล้าตาย ปพโล ได้เดินทาง ไปเกี่ยวข้าว ที่บ้านเกาะแจนแวน ต.แจนแวน กิ่ง อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ ซึ่ง อาจารย์วิเชียรและอาจารย์รุจี บุญกล้า ผู้ปกครองของนร.สส.สอ.เยาวทัศน์ บุญกล้า นร.ชั้น ม.๕ ได้นำมา มอบให้ทางโรงเรียน จำนวน ๑๐ ไร่ และผู้ปกครองของ นร.สส.สอ. สุรศิลป์-กมลชนก สระแก้ว ได้ให้ที่นา ให้อาจารย์วิเชียร และ อาจารย์รุจี นำมามอบให้โรงเรียนอีก ๑๒ ไร่ รวมทั้งสิ้น ๒๒ ไร่ ใช้เวลาเกี่ยวข้าว ๔ วันเต็มๆ รวมทั้ง ได้ช่วยเกี่ยวข้าว ในที่นาของ ผู้ปกครอง รวมทั้งช่วยนวดข้าว ทั้งของโรงเรียน และของผู้ปกครองด้วย แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่า เมื่อเสร็จแล้ว น่าจะได้ข้าว โดยประมาณ ๗๐-๘๐ กระสอบ

การไปเกี่ยวข้าวครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเรียนนอกสถานที่ นอกจากนักเรียนจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตเรียบง่าย ของชาวนาแล้ว ยังได้สัมผัส ความลำบาก และความอดทน ในการทำนา และเกี่ยวข้าวด้วยตัวเอง ทำให้นักเรียนได้เห็นความสำคัญ และซาบซึ้ง ในคุณค่า และบุญคุณ ของชาวนา ที่สำคัญ จะไม่รังเกียจ หรือดูถูก อาชีพชาวนา

นอกจากนั้นนักเรียนยังได้ฝึกกระบวนการกลุ่มไปด้วย และได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ปกครอง ที่อยู่ห่างไกล

สำหรับบรรยากาศ ของการเกี่ยวข้าวครั้งนี้ นักเรียนคึกคัก สนุกสนานและลุยงานกันดี.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ดีเดย์จับคนสูบบุหรี่ในร้านติดแอร์

ตั้งแต่ ๘ พ.ย.๒๕๔๕ ใครเผลอสูบบุหรี่ ในร้านอาหารติดแอร์ถูกจับแน่ สิงห์ขี้ยา ฝ่าฝืนปรับ ๒,๐๐๐ บาท เจ้าของร้าน ๒๐,๐๐๐ บาท ด้านหมอประกิตเผย มีที่ปรึกษาบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ประกาศผ่านเว็บไซต์ รับเป็นที่ปรึกษา ให้ร้านอาหารไทย ฟ้องร้อง กระทรวงสาธารณสุข.
(ไทยโพสต์ ๘ พ.ย.๔๕)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

แจกฟรี ครั้งที่ ๙ ก้าวหน้า
ชมร.เชียงใหม่แจกอาหาร ฟรี ๓ วันรวด

เมื่อวันพุธที่ ๒๗ พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นวันรวมญาติธรรมเชียงใหม่ ประจำเดือน เพื่อร่วมกันทำอาหารแจกฟรี ให้กับลูกค้า ที่มารับบริการที่ ชมร.ช.ม.

การแจกอาหารครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากญาติธรรม ที่มาเข้าหลักสูตรมหัศจรรย์ รุ่นชัดเจน   ๙   คน รุ่นศีลปรึกษา ๗  คน  นร.สัมมาสิกขา ภูผาฟ้าน้ำ ๑๒  คน นร.สัมมาสิกข าศาลีอโศก ๓ คน นร.สัมมาสิกขา ศีรษะอโศก ๘ คน (มัธยมฯต้น) ซึ่งส่วนใหญ่ ได้มาช่วยเตรียมงาน ล่วงหน้า ๑ วัน

ช่วงเช้าได้รับความเมตตาจากสมณะเดินดิน   ติกขวีโร  กรุณาให้โอวาทและกำลังใจ (สายตรง) จาก ราชธานีอโศก สมณะ จากภูผาฯ ก็ได้มาโปรด ๖ รูป ทำให้ทุกๆคน ที่มาช่วยงาน มีกำลังใจแข็งขัน เป็นพิเศษ ในวันนี้

บรรยากาศทั่วไปอบอุ่นมาก มีความเป็นกันเองดี ลูกค้าก็บริการตัวเอง เหมือนการจัดทุกๆครั้ง ที่ผ่านมา

สำหรับอาหารที่ปรุงแจกวันนี้ ทำจากพืชผักไร้สารพิษจากดอยแพงค่า และ จากบ้านญาติธรรม เมื่อเสร็จงานแล้ว ผักต่างๆ ที่ใช้ประกอบอาหาร ยังเหลืออยู่ กอปรกับ มีผู้นำจิตวิญญาณที่ดี ได้พา ญาติธรรม ไปเก็บผักบุ้ง ที่ลานนาอโศก มาเสริมไว้ ในตอนบ่าย ของวันเดียวกัน ดังนั้น ในช่วงประชุม สรุปงาน จึงได้มี ผู้เสนอว่า ถ้ามีญาติธรรม ที่มีจิตใจเป็นกุศล  อยากจะให้ จัดโรงบุญฯ อย่างนี้ ต่อเนื่องไปอีก โดยเขา จะลงทุนให้ ซึ่งในที่สุด ก็ได้ข้อสรุปลงตัวว่า ถ้าบริจาคเข้ากองทุน บุญนิยมระดับ ๔ ไม่ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ บาท ก็สามารถตั้งโรงบุญฯ แจกอาหารได้  จึงได้มีการแจกอาหารฟรี อย่างต่อเนื่อง ในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาถึง  ๓ วันรวด ซึ่งนับเป็นการแจกอาหารฟรี ให้กับลูกค้า เป็นครั้งที่ ๑๐ ในวันพฤหัสบดีที่  ๒๘ พ.ย.๔๕ ตามลำดับ ซึ่งบรรยากาศ ในวันที่ ๒๘ พ.ย.และ วันที่ ๒๙  พ.ย.นั้น ทำให้ลูกค้าหลายคนงง และ มีคำถาม ถามไถ่ตามมา เช่น แจกทำไม? ใครเป็นเจ้าภาพ? ใช้งบประมาณเท่าไร จึงจะแจกได้?  ถ้าใช้งบ มากกว่านี้ จะได้ไหม? และรู้สึกเกรงใจ ที่ต้องรับประทานฟรี ต่อเนื่องกัน หลายวัน เป็นต้น

ในงานนี้มีญาติธรรมบริจาคเท็ปธรรมะ  ๑๐๐ ม้วน ทางชมร.ช.ม. จึงได้ขายต่ำกว่าทุน (ม้วนละ ๑๐ บาท) นอกจากนี้ ทางร้าน ยังได้สั่งเท็ป ของคุณหมออารีย์ มาจำหน่าย ในราคาต่ำกว่าทุน ให้กับลูกค้าด้วย

สำหรับบรรดาสมาชิกชาวอโศก(ผู้ให้)  ต่างก็เบิกบาน ไม่เหนื่อย สนุกและรู้สึกเป็นสุขใจ โดยทั่วหน้า

ลูกค้าหลายท่านที่มารับประทานอาหารในวันนี้ได้แสดงความคิดเห็น ดังนี้

น.ส.ฟาติมา อกผาย จ.ลำปาง "การมารับประทานอาหารในวันนี้ มีความรู้สึกว่าเป็นการได้ทำบุญไปด้วย จิตใจ ก็สงบ รวมทั้ง บรรยากาศ ภายในร้านวันนี้ มีความร่มรื่น สงบ ก็ถือว่า เป็นการผ่อนคลาย ไปในตัว และ อยากจะขอขอบคุณ ผู้ที่มีความอนุเคราะห์ เลี้ยงอาหาร ในวันนี้ด้วยค่ะ"

น.ส.วิภาวรรณ ไชยน้อย จ.เชียงใหม่ "อาหารอร่อยมากค่ะ รับประทานแล้วรู้สึกสบายใจ ได้บุญจาก การงดเว้น เนื้อสัตว์ และ ขอขอบคุณ ผู้ที่เลี้ยงอาหารในวันนี้ เป็นการส่งเสริม ให้คนรับประทาน อาหาร มังสวิรัติ ไม่ไปรับประทาน เนื้อสัตว์ อย่างน้อยก็ ๑ มื้อค่ะ"

ผศ.ดร.ประพันธ์  เขมดำรง ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม  คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ "เป็นสมาชิกประจำ มาตลอด ตั้งแต่เปิดร้าน จนถึงปัจจุบัน ขอสนับสนุน กิจกรรมที่เป็นกุศล อย่างนี้ ตลอดไป เพราะเป็นกิจกรรม ที่ไม่เกิดการฆ่าสัตว์"

นายสมชาย  เปี่ยมสุข  จ.เชียงใหม่  "มาทานที่นี่เป็นประจำ  เพราะเป็นอาหารธรรมชาติ และปลอดสารพิษ ซึ่งเดี๋ยวนี้ หารับประทานได้ยาก วันนี้ได้มาพบเห็น การแจกอาหารฟรีแล้ว รู้สึกอบอุ่นมาก  ทุกคนหน้าตา ยิ้มแย้ม เป็นมิตร พร้อมที่ จะเป็นผู้ให้  เห็นหน้าผู้แจก ก็อิ่มไปครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ ภายนอก หาไม่ค่อยได้แล้ว ผมรู้สึกภูมิใจ ที่ปัจจุบัน สามารถชักจูงให้ญาติๆ รับประทานผัก เพิ่มมากขึ้น และ เห็นโทษภัย ของการรับประทาน อาหารจากเนื้อสัตว์".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ปฏิทินงานอโศก

งานตลาดอาริยะ ปีใหม่'๔๖
ณ หมู่บ้านราชธานีอโศก วันที่ ๒๙ ธ.ค. ๔๕ - ๑ ม.ค. ๔๖

งานฉลองหนาว ธรรมชาติอโศก
ณ ชุมชนภูผาฟ้าน้ำ ศุกร์ที่ ๒๔ - จันทร์ที่ ๒๗ ม.ค. ๔๖

งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์
ณ พุทธสถานศาลีอโศก วันที่ ๑๖ - ๒๒ ก.พ. ๔๖

งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ
ณ พุทธสถานศีรษะอโศก วันที่ ๖ - ๑๒ เม.ย. ๔๖

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ชื่อ น.ส.สุมาลี แซ่เตียว
เกิด ๑๓ กันยายน ๒๔๗๕ อายุ ๗๐ ปี
ภูมิลำเนา จันทบุรี
การศึกษา ป.๔
สภานภาพ โสด
ส่วนสูง ๑๖๐ ซ.ม.
น้ำหนัก ๔๕ กก.

คุณป้าสุมาลีเป็นญาติธรรมเก่าแก่อีกคนหนึ่ง ปลูกบ้านอยู่ที่ชุมชน ปฐมอโศก สมัยก่อนหากเจอป้าทีไร วันนั้นรับรองว่า ได้กินก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย เส้นจันท์ฝีมือของคุณป้าแน่นอน และรสชาติดีอีกด้วย

* แต่หนหลัง
มีพี่น้อง ๔ คน ป้าเป็นคนเล็ก เสียชีวิตไป ๒ คนแล้ว พ่อแม่มาจากเมืองจีน ตั้งรกรากอยู่ที่จันทบุรี แล้วย้ายไปอยู่ตราด พ่อแม่ค้าขาย พอจบ ป.๔ แล้วก็ไปเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า และช่วยทางบ้านค้าขายด้วย ตอนนี้เหลือพี่ชายอีกคน อยู่ที่ฮ่องกง อายุ ๙๐ ปีแล้ว และส่งเงิน มาให้ป้าใช้ จนทุกวันนี้

* บนเส้นทางใหม่
ป้าชอบแต่งตัวตามแฟชั่นมาก ก็เราตัดเย็บเสื้อผ้าเป็น อยากจะแต่งแบบไหนก็ตัดได้ตามใจชอบ พอปี ๒๕๒๓ ตอนนั้นอายุ ๔๘ ปีแล้ว มีญาติธรรม ชวนมาที่สันติอโศก ซึ่งตรงกับวันเกิด ป้าก็มาปฏิบัติธรรมอยู่ที่สันติฯ ๓ วัน ต่อมาก็มาทุกเสาร์-อาทิตย์ เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทานมังสวิรัติ แต่งตัวเรียบง่าย เท้าเปล่าขึ้นรถเมล์ด้วย ป้าประทับใจในความเรียบง่ายของที่นี่

* แดนศิวิไลซ์
หมอดูเคยทำนายป้าว่า ปี ๒๕๒๒ ชีวิตจะเปลี่ยนไป, ปี ๒๕๒๗ จะได้ไปอยู่เมืองศิวิไลซ์ ป้าก็คิดว่าคงไปอยู่อเมริกามั้ง แต่คำตอบ ก็คือ ได้รู้จักกับอโศก เปลี่ยนแปลงตัวเอง และได้ไปอยู่ปฐมอโศก ปี ๒๕๒๗ ป้าก็มาปลูกบ้าน ที่ปฐมอโศก ปลูกหลังแรก อยู่ข้างๆ ภูเขา ต่อมา เขาเวนคืนที่ ป้าเลยย้ายมาปลูกที่นี่ ชื่อบ้านร่มรื่น มุงด้วยหญ้าคา มีต้นไม้เต็มไปหมด เลื้อยขึ้นหลังคาก็มี "อยู่มาได้ ๑๘ ปีแล้วค่ะ" ป้าชอบ ธรรมชาติที่นี่มาก

* ผัสสะต้องสู้
เมื่อก่อนช่วยงานในครัว ตอนนี้ ก็ช่วยพับ-เช็คหนังสือสารอโศก ดอกหญ้า ก่อนนั้นเจอผัสสะป้าก็หนี ตอนนี้ไม่หนีแล้ว "สู้ค่ะและก็ให้อภัย" ป้ามีความรู้สึกว่า เราตั้งใจมาทำดี ทุกวันนี้ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เคยป่วยเลย ป้าไปเช็คสุขภาพทุก ๖ เดือน มีความสุขดี ป้าไม่เครียด แต่โวยวาย นิดหน่อย ทานอาหารวันละ ๒ มื้อ อยากทานมื้อเดียวเหมือนกัน แต่ป้าทานได้น้อย

* คนโสด คือ บัณฑิต
ตอนสาวๆมีหนุ่มๆมาจีบเยอะ มาทีละหลายคน มีให้เลือกเยอะ ป้าก็เห็นแต่ละคน บางคนคบกันมาเป็นสิบปี เขาเปลี่ยนไป ทางเตี่ย ก็ไม่เคยบังคับ เรื่องแต่งงาน บอกว่า "ชีวิตเป็นของเรา พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงลูกไว้ขาย" ป้าประทับใจมาก แล้วตอนสาวๆ ป้าเป็นเหมือน ศิราณี มีแต่คนที่แต่งงาน มาปรึกษาเรื่องครอบครัว จากสุขกลายเป็นทุกข์แทบทั้งนั้น

เป็นโสดนี่แหละดี ไม่ต้องไปทุกข์ กับเรื่องลูก เรื่องสามี ไม่ต้องคอยห่วงใคร ป้ามั่นใจในสังคมนี้ ตั้งใจจะอยู่ที่นี่ตลอดไป

* ก่อนจาก
การปฏิบัติธรรม ขอให้อดทน ตั้งมั่น ก็จะถึงที่หมาย ขอให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ผู้ประพฤติตนเป็นคนโสด เขาเรียกว่าบัณฑิต" ขอให้กำลังใจทุกคน ที่กำลังปีนขึ้นคาน ป้าสุมาลี ขึ้นคานเพชรไปแล้ว เอ้า... สาวและไม่สาวทั้งหลาย ที่เป็นอิสระแล้ว เตรียมตัวขึ้นคานกันนะคะ.

- บุญนำพา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

มุมกล้อง

"ไหว้ไปแจกไป นี่คือวัฒนธรรมของ ชาวอโศก ฮะ"

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

www.asoke.info

[กลับหน้าสารบัญข่าว]