ฉบับที่ 217 ปักษ์หลัง 16-31 ตุลาคม 2546

[01] บทนำข่าวอโศก:สลายภพแม่ค้า
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก...(๖)"
[03] งานมหาปวารณา ครั้งที่ ๒๒ วันที่ ๕ - ๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖
[04] จับกระแส ตอ. เหตุเกิดใน บจ.พลังบุญ

[05] กสิกรรมธรรมชาตb เกษตรกรคนเก่ง
[06] สกู๊ปพิเศษ: สัมภาษณ์ สมณะเดินดิน ติกขวีโร
[07] พ่อท่านเทศน์ งาน ๓๐ ปี ๑๔ ตุลาฯ ที่อุบลฯ
[08] ศูนย์สุขภาพ: อาหารต้านมะเร็ง โดย น.พ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์
[09] ชาวอำเภอไพศาลีรวมพลังเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เปิดตลาดพืชผักผลไม้ไร้สารพิษ
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11]ดร.สาทิส อินทรกำแหง บรรยายการดูแลสุขภาพองค์รวม
[12] นานาสาระ : รู้เรารู้เขา
[13]พรรษานี้...ที่ดงแหน่ง(ตอน ๒)
[14] ข่าวสั้นทันอโศก:
[15] นางงามรายปักษ์ นางประกาย อโศกตระกูล:
[16] ข่าว: เชียงรายอโศกพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตเกษตรกร
[17] ข่าว: สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำ อบรมเยาวชนคนสร้างชาติ

อ่านข่าวอโศก ฉบับย้อนหลัง



สลายภพแม่ค้า

ช่วงเทศกาลกินเจ (๒๖ ก.ย. - ๔ ต.ค.๒๕๔๖) ที่ผ่านไป มีร้านของชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย หลายสาขา เริ่มปรับเปลี่ยน การขายอาหารมังสวิรัติให้กับสมาชิก โดยการให้สมาชิกตักเอง หรือ บริการตนเอง

แม้หลังเทศกาลกินเจแล้ว ทางบ้านราชฯก็เปิดร้านมังฯบุฟเฟ่ต์ คือให้ลูกค้าตักอาหารเองเช่นกัน และ พอเปิดร้าน ได้ไม่นาน ก็มีการปรับเปลี่ยน ที่อุทยานบุญนิยม จากการตักอาหารขายให้ลูกค้า ก็เป็นลูกค้าบริการตนเอง

ซึ่งแต่ละร้านที่ได้มีการปรับเปลี่ยนแล้วในลักษณะให้ลูกค้าบริการตนเอง ก็ได้ข้อสรุปว่า มี ผลดีมากกว่าผลเสีย

รวมทั้งคนที่ติดภพว่า จะตักขายให้ลูกค้าเอง พอเราให้ลูกค้ารู้จักบริการตนเอง คนขายบางคนกลับรู้สึกว่า ตัวเองตกงาน ใคร ที่รู้สึกเช่นนี้ แสดงว่า ยึดติดกับการตักขาย เป็นการติดภพ ไม่มีวรรณะ ๙

ดังนั้นผู้ที่ติดภพดังกล่าว ควรฝึกหัดทำงานด้านอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมดูบ้าง ลองใช้ปัญญาพิจารณา ให้ดีๆเถิด ก็จะเห็นว่า ยังมีงานที่ควรทำอีกมากมาย อันจะช่วยให้ตนได้ทำประโยชน์ตน และท่านไปพร้อมๆกันอีกหลายงาน.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]



จับประเด็นจากหนังสือคนคืออะไร ?
คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก...(๖)

"วิริย สัมโพชฌงค์" ลงมือทำ
ปรับเปลี่ยนกรรม อย่างบากบั่น หมั่นศึกษา
พากเพียรจน พ้นมานะ ละอัตตา
มีชีวา ก็เพียรต่อ ไม่ท้อ...ทน
มี "ปิติ สัมโพชฌงค์" ไม่หลงติด
อิ่มเอมใจ เป็นนิจ เพราะเห็นผล
ลดมานะ ละอบาย ได้ด้วยตน
ยอมกล้าจน อย่างใจถึง จึงยินดี

ใจสงัด "ปัสสัทธิ สัมโพชฌงค์"
สงบลง จากกิเลส ตามวิถี
ทางของพุทธ รุดก้าวหน้า แกล้วกล้าดี
คุณค่ามี เก่งเชี่ยวชาญ มองการณ์ไกล
มี "สมาธิ สัมโพชฌงค์" องค์ตรัสรู้
จะเป็นผู้ คงมั่น ไม่หวั่นไหว
หลุดพ้นจาก กิเลส เหตุหมองใจ
ความคับแค้น ใดใด ไม่ค้างคา

"อุเบกขา สัมโพชฌงค์" องค์สุดท้าย
วางอารมณ์ ไม่กลับกลาย ไม่ถือสา
โลภโกรธหลง หมดลง รู้เวทนา
มีองค์ธรรม ถึงห้า เห็นอาการ
หนึ่งบริสุทธิ์ สะอาด สองมั่นคง
สามมุทุ อ่อนน้อมลง รู้ประสาน
สี่กัมมัญญ คล่องแคล่ว ในการงาน
ห้าปภัสสร แจ้งตระการ ในจิตตน

นี่แหละคือ การเกิด ของ"พระพุทธ"
เดินเจ็ดก้าว ก้าวรุด ไปทุกหน
เกิดจริง ในจิต วิญญาณตน
เกิดหลุดพ้น จากห้วง ปวงโลกีย์
ฝึกสติ เป็นประจำ กรรมฐาน
ต่อเนื่องนาน ฝึกหัด ปัฎฐานสี่
เป็นแรงเสริม เพิ่มพละ และอินทรีย์
เพิ่มบารมี กุศลกรรม ทำอดทน

การทนุ บำรุง ศาสนา
ต้องศึกษา ปฎิบัติ หัดฝึกฝน
ละมิจฉา สร้างสัมมา กล้าอดทน
มีหรือจน ล้วนปฎิบัติ ได้ทัดเทียม
เมื่อริเริ่ม ปฎิบัติธรรม ต้องจำหลัก
โพธิปัก-ขิยธรรม ทำทุกเหลี่ยม
ทุกทวาร ผ่านเข้า เราต้องเตรียม
ตรวจตราดู ผู้มาเยี่ยม อย่างพิจารณ์

แม้รู้ดี มีเกิด แล้วต้องดับ หากสิ่งดี
จะลาลับ ถูกล้างผลาญ
พระอรหันต์ มีตัณหา อุดมการณ์
เพราะใจพุทธ ใช่ใจพาล จึงเมตตา
อยากให้คน พ้นทุกข์ พ้นยุคเข็ญ
มุ่งหมายเป็น ธรรมทายาทสืบศาสนา
รักษาชีพ พุทธธรรม ทางสัมมา
แม้ชีวา สูญสิ้น ก็ยินยอม

ขอยืนยัน อรหันต์ ของพุทธแท้
ขยันแน่ แม้ใจพอ ถูกหล่อหลอม
ให้ขวนขวาย ให้ประหยัด หัดอดออม
ไม่ตรมตรอม แต่เบิกบาน รักงานดี
พระพุทธเจ้า อุบัติยาก มาจากเหตุ
เรียนรู้ทำ ปฎิเวธ พร้อมศักดิ์ศรี
จากบุคคล เพียรสะสม บารมี
ซับซ้อนลึก เหลือที่ จะพรรณา

- ธาตุดี -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


งานมหาปวารณา ครั้งที่ ๒๒
วันที่ ๕ - ๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖

วัน \. เวลา ทำวัตรเช้า
๐๓.๓๐-๐๕.๓๐น
หลังทำวัตรเช้า
๐๖.๐๐ -๐๘.๓๐ น.
ก่อนฉัน
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐น.
ภาคบ่าย
๑๓.๐๐ น.เป็นต้นไป
ภาคค่ำ
๑๘.๐๐-๒๐.๓๐ น
พุธ
๕ พ.ย.๔๖
มหาปวารณา มหาปวารณา มหาปวารณา มหาปวารณา มหาปวารณา
พฤหัสบดี
๖ พ.ย.๔๖
มหาปวารณา มหาปวารณา /
คกร.สัมมนา
การศึกษาบุญนิยม
มหาปวารณา /
คกร.สัมมนา
การศึกษาบุญนิยม
มหาปวารณา/
คกร.สัมมนา
การศึกษาบุญนิยม
การแสดง
ศุกร์
๗ พ.ย.๔๖
ธรรมะรับอรุณ ตักบาตรเทโว เปิดโผ...
สมณะอยู่หนใด?
คกร.สัมมนา บัญชี/การเงิน ประชุมกรรมการบริหารพรรค การแสดง
เสาร์
๘ พ.ย.๔๖
ธรรมะรับอรุณ ประชุม
ตลาดอาริยะ
ตอบปัญหา
ประชุมใหญ่พรรคเพื่อฟ้าดิน
และองค์กร บุญนิยม(๒ ชม.)
การแสดง
อาทิตย์
๙ พ.ย.๔๖
ธรรมะรับอรุณ ช่วยกันเก็บงาน สรุปงาน เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]



เหตุเกิดใน บจ.พลังบุญ

แว่นตาสายตายาววววว
ลูกค้า : ขอเปลี่ยนแว่นตา ซื้อไปให้เพื่อนแล้วเขาใส่ไม่ได้ค่ะ
พนักงาน : จริงๆแล้ว เวลาซื้อแว่นตาควรมาลองเอง
ลูกค้า : เพื่อนเขาใส่แว่นดิฉันได้พอดี ให้เอาสายตาดิฉันเป็นเกณฑ์วัด
พนักงาน : (ดูแว่น)สายตายาว ๒๒๕ แล้วทำไมจึงใช้ไม่ได้ล่ะคะ
ลูกค้า : ตอนซื้อลองแล้วใช้ได้ แต่สายตาเขายาวขึ้นเลยใช้ไม่ได้
พนักงาน : อ้าว! เอ๊ะ! คุณซื้อไปนานเท่าไรกันเนี่ย
ลูกค้า : ก็...ก้อ...หลายเดือนแล้ว
พนักงาน : อ๋อ...อย่างนั้นก็คืนไม่ได้หรอกค่ะ บริษัทเรารับเปลี่ยนสินค้าภายใต้เงื่อนไข สินค้าต้องอยู่สภาพสมบูรณ์พร้อมใบเสร็จรับเงิน และอยู่ในเวลาไม่เกิน ๗ วัน นับจากวันซื้อ
ลูกค้า : แต่สินค้าซื้อที่นี่นะคะ
พนักงาน : ก็ใช่ค่ะ แต่ซื้อไปนานแล้ว
ลูกค้า : ยังไม่ได้ใช้เลย
พนักงาน : (หยิบแว่นใหม่มาเปรียบเทียบ) ดูซิคะ มันต่างจากอันใหม่ อย่างนี้นำไปวางก็คงขายไม่ได้แน่
ลูกค้า : (ฉุน)ทิ้งไว้ที่นี่ก็แล้วกัน เพราะยังไงก็ไม่ได้ใช้
พนักงาน : เอากลับไปเถอะค่ะ เก็บไว้ให้ใครก็ได้ที่เขามีสายตายาว ได้บุญอีกด้วยนะคะ
ลูกค้า : (รับแว่นคืน)



- ตื้อไม่ครองโลกก็ได้นะ
ลูกค้า : (ชายหนุ่มร่างใหญ่)ผมขอคืนทุเรียนกวนที่ซื้อไปอาทิตย์ที่แล้ว
พนักงาน : เพราะอะไรคะ
ลูกค้า : ภรรยาผมไม่ให้กินของหวาน
พนักงาน : (ดูสภาพสินค้า) คุณนำไปแช่ตู้เย็น จนฉลากสีเลอะจางอย่างนี้ คืนไม่ได้หรอกค่ะ
ลูกค้า : ผมขอเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่น ผมกินไม่ได้จริงๆ
พนักงาน : ให้คนอื่นกินก็ได้นะ และนี่เป็นทุเรียนกวนแท้หวานธรรมชาติ
ลูกค้า : ผมเป็นลูกค้าที่นี่ประจำ น่าจะให้เปลี่ยนนะครับ
พนักงาน : ไม่ได้จริงๆค่ะ เพราะเรานำไปขายต่อไม่ได้ สินค้าของเราราคาบุญนิยม กำไรน้อยอยู่แล้ว
ลูกค้า : ผมขอเบอร์โทรผู้ส่ง ผมจะพูดขอคืนสินค้ากับเขาเอง
พนักงาน : ไม่ได้ค่ะ ตรงนี้เป็นความรับผิดชอบของบริษัทของเราไม่เกี่ยวกับผู้ส่งค่ะ
ลูกค้า : (ใบหน้าไม่สบอารมณ์)


ชาวพลังบุญน้อมรับขุมทรัพย์จากลูกค้า

*** บริการเกี่ยวกับสินค้าในการนำสิ่งของใส่ถุงพลาสติก ซึ่งสินค้าต่างๆเจ้าหน้าที่จะใส่ของโดยไม่แยกว่าสิ่งของบางอย่างไม่สามารถใส่รวมกันได้ เช่น

ซื้อปุ๋ยกับของกินนำมาใส่รวมกัน หรือถุงพลาสติกใส่ของที่นำมาใช้อีกครั้งไม่สะอาด ก็นำมาใช้แถมยังใส่ของกินโดยไม่ดูว่าถุงสกปรก ทำให้อาหารไม่น่าทาน บางครั้งก็ทานไม่ได้เลย

ข้อเสนอแนะ ให้เจ้าหน้าที่สำรวจถุงพลาสติกที่จะนำมาใช้อีกครั้งว่าสะอาดหรือไม่ เพราะว่าการใช้ถุงพลาสติก ที่ใช้แล้วเป็นการประหยัด และช่วยสิ่งแวดล้อมจริงอยู่ แต่ถ้าเกิดความสกปรกแล้วไปปนกับอาหารที่ซื้อไปรับประทาน ทำให้เป็นโรคต่างๆได้ ซึ่งก็น่าจะดูแล ความสะอาด เป็นอันดับหนึ่งด้วย เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง


*** เจ้าหน้าที่จะนำสินค้าที่ซื้อใส่ในถุงใบเดียว โดยใส่รวมกันจนบางครั้งสินค้าในถุงไม่สามารถถือได้ ทำให้ของ ที่ซื้อเสียหาย ก็เข้าใจว่า ประหยัด และช่วยสิ่งแวดล้อม แต่ของที่ทุกคนซื้อ ก็อยากได้ในลักษณะของที่สมบูรณ์ไม่ใช้ซื้อไปแล้วต้องทิ้ง กินไม่ได้และใช้ก็ไม่ได้

ข้อเสนอแนะ ให้เจ้าหน้าที่ดูสินค้าที่ผู้ซื้อซื้อมาว่าสามารถใส่รวมกันได้ หรือไม่ ใส่สินค้าในถุงมากเกินไปหรือเปล่า ของที่ซื้อ เป็นขวดแตกง่ายหรือเปล่าสมควรใส่ถุงซ้อนอีกใบเพื่อกันถุงขาดหรือไม่


*** การตอบคำถามเกี่ยวกับสินค้าของเจ้าหน้าที่ เช่น

ผู้ซื้อสอบถามว่าสินค้าตัวนี้มีประโยชน์อย่างไรหรือทำไมสินค้าเหมือนกันแต่ราคาต่างกัน มีสินค้าตัวใหม่หรือไม่ สินค้าหมดเมื่อไหร่จะมา ก็จะได้คำตอบที่เหมือนกำปั้นทุบดิน สีหน้าของเจ้าหน้าที่ ที่ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม และคำพูดที่ฟังแล้ว ไม่อยากจะถามอีก

ข้อเสนอแนะ เจ้าหน้าที่ควรจะมีอัธยาศัยและมีข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าบ้าง มีวิธีตอบแนะนำเกี่ยวกับสินค้าบ้าง จะพูดว่า สินค้าแบบ บุญนิยม ไม่ใช่ธุรกิจจะต้องมายิ้มแย้ม ตอบคำถามหรือพูดจาดีๆให้กับผู้ซื้อ แต่ในเมื่อ เจ้าหน้าที่ ก็ถือศีล ๕ มีธรรมะ ฟังธรรมะ ก็น่าจะเข้าใจว่า ใครๆก็อยากได้เห็น หน้าตาที่ยิ้มแย้ม พูดจาดี ไม่มีอารมณ์หรือ พูดโดยไม่สนใจ อะไรทั้งนั้น.

- ต.อ.กลาง รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ตามรอยสัจธรรมชีวิต
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

เกษตรกรคนเก่ง
อาชีพหลักของผู้ใหญ่เทียว คือ ทำนา ๓๐ ไร่ แบ่งเป็นปลูกข้าวหอมมะลิ ๑๕ ไร่ และข้าวพันธุ์ กข.๖ อีก ๑๕ ไร่ ก่อนเข้าอบรมโครงการ สัจธรรมชีวิต ผู้ใหญ่เทียวใช้ปุ๋ยเคมีในนาข้าวถึงปีละ ๑๘ กระสอบ แถมยังใช้ยา ฆ่าแมลง อีกด้วย ค่าใช้จ่ายต่อปี ที่ต้องเสียรวม ๗,๐๐๐ บาท ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แต่หลังจากเข้าร่วมอบรมแล้ว ได้ทราบถึงผลดี ของการใช้นำหมักชีวภาพแทนปุ๋ยเคมี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิตแล้ว ตัวผู้ปลูก ยังไม่ต้องเสี่ยง กับสารเคมีที่นำมาใช้ด้วย

ผู้ใหญ่เทียว เล่าถึงวิธีการทำน้ำหมักชีวภาพว่า เริ่มจากการทำจุลินทรีย์ก่อน โดยนำข้าวเจ้าสุก ๑ หม้อ ใส่กะละมังแล้วนำไปวางไว้กลางกอไผ่ประมาณ ๓ วัน ๓ คืน เพื่อให้เกิดเชื้อจุลินทรีย์ เมื่อครบกำหนด ให้นำกากน้ำตาลมาผสมในอัตราส่วน ๑:๑ เสร็จแล้วปิดปากกะละมังด้วยกระดาษสีขาว นำไปวางไว้ในที่ร่ม ไม่ให้ถูกแดดประมาณ ๑๕ วัน ก็จะได้เชื้อจุลินทรีย์ แต่เชื้อจุลินทรีย์ที่ได้นี้ยังไม่สามารถนำไปรดพืชผักที่ปลูกได้ โดยตรงเพราะ ยังเข้มข้นเกินไป จะต้องนำไปผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วนเชื้อจุลินทรีย์ ๒ ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำเปล่า ๒๐ ลิตร เสียก่อน แล้วจึงนำเชื้อจุลินทรีย์ที่เจือจางแล้วไปผสมกับน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งจะมี ๒ แบบ คือ น้ำพ่อและน้ำแม่ สำหรับน้ำพ่อเกิดจากการหมักมะละกอสุก ฟักทองสุก และกล้วยน้ำว้าสุกอย่างละ ๓ กิโลกรัม นำผลไม้ทั้ง ๓ ชนิด มาสับเป็นท่อนๆแล้วผสมกับกากน้ำตาล ๓ กิโลกรัม หมักไว้เป็นเวลา ๑๕ วัน ส่วนน้ำแม่จะใช้พืชตระกูลถั่ว หน่อกล้วย หน่อไม้และผักสดสีเขียว ใช้ประมาณ ๔ ชนิดขึ้นไป นำมาหมักกับกากน้ำตาลเป็นเวลา ๑๕ วัน

ผู้ใหญ่เทียว อธิบายถึงวิธีการนำไปใช้ว่า หากต้องการให้พืชที่ปลูกมีลำต้นใหญ่ ให้ใช้น้ำแม่ ๓ ส่วน น้ำพ่อ ๑ ส่วน ผสมกับน้ำเชื้อจุลินทรีย์ แต่ถ้าต้องการให้ได้ผลใหญ่ก็ใช้น้ำพ่อ ๓ ส่วน น้ำแม่ ๑ ส่วน ผสมกับน้ำเชื้อจุลินทรีย์ แล้วนำไปรดพืชผักที่ปลูก

ทุกวันนี้ ผู้ใหญ่เทียว ดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง โดยปลูกข้าว ผัก ผลไม้ ทำน้ำยาอเนกประสงค์ ไว้เอง ทำให้ค่าใช้จ่าย ในครัวเรือนลดลงอย่างมาก ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่า เมื่อครบกำหนดโครงการพักชำระหนี้ ในปี ๒๕๔๗ จะมีเงินใช้หนี้ ธ.ก.ส. แน่นอน สำหรับคุณผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการทำเชื้อจุลินทรีย์และน้ำหมักชีวภาพ สามารถ ติดต่อสอบถาม ผู้ใหญ่เทียว ได้ที่ ๕๙ หมู่ ๑ บ้านผึ่งแดด ต.ผึ่งแดด อ.เมือง จ.มุกดาหาร ๔๙๐๐๐.
(จาก นสพ.เดลินิวส์ )

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สัมภาษณ์ สมณะเดินดิน ติกขวีโร

พ่อท่านย่างสู่วัย ๗๐ แต่ยังแข็งแรง พ่อท่านดูแลสุขภาพอย่างไร หัวข้อธรรมอะไรที่เน้นหลังออกพรรษา และนักปฏิบัติธรรมแบบไหน ที่ไม่มีสิทธิ์...บรรลุธรรม ขอเชิญพบคำตอบ จากสมณะเดินดิน ติกขวีโร ได้แล้วค่ะ...

*** ทุกวันนี้สุขภาพของพ่อท่านเป็นอย่างไรบ้างคะ

ในบรรดาผู้ที่มีสุขภาพที่แข็งแรง ในแวดวงของชาวอโศกก็ยังมองไม่เห็นใครว่า จะมีสุขภาพแข็งแรงเท่ากับ พ่อท่าน เหมือน อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนนี้พ่อท่านลองทำ Sit up ดู ได้ถึงร้อยกว่าครั้ง พวกเราสมณะหนุ่มๆ ทดลอง ไปทำดูบ้าง ขนาดพวกเราที่แข็งแรงที่สุดก็ยังได้สี่สิบห้าสิบครั้งก็ยังเต็มที่แล้ว ดังนั้นต้องยอมรับว่าสุขภาพของพ่อท่านแข็งแรง จริงๆ แล้ว พ่อท่านก็ตั้งใจว่า จะอยู่ให้ได้ ๑๕๐ ปีเหมือนเดิม ถ้าอายุถึง ๙๐ ปี คิดว่าน่าจะออกบิณฑบาตได้ แต่ท่านก็ไม่ให้พวกเราประมาทเหมือนกัน เพราะท่านบอกว่า กายขันธ์ของท่านในชาตินี้อยู่ได้เพียงแค่ ๗๒ ปีเองนะ พวกเราก็อย่าไปนอนใจว่า ยังไงๆพ่อท่านก็ต้องอยู่กับพวกเรา ๑๕๐ ปี แน่นอน เพราะวิบากขันธ์จริงๆ แค่ ๗๒ ปี เท่านั้น ก็คงขึ้นอยู่กับพวกเรา ลูกๆจะทำ ให้พ่อท่านต้องเหนื่อยกับเรามาก หรือลำบาก กับเรามาก กายขันธ์ก็คงไป ไม่ได้ถึง ๙๐ ปี

ทุกวันนี้พ่อท่านเองก็พยายามที่จะใช้ ๗ อ. ในทุกๆด้าน ท่านตั้งใจที่จะเดินออกกำลังกายให้ได้ทุกๆวัน อย่างน้อย วันละ ๔-๕ กิโล ไม่ได้เดินอะไรเลย ก็ตั้งใจจะเดินบิณฑบาตโปรดสัตว์อยู่ทุกวัน ดื่มน้ำฉี่วันละ ๒ ครั้ง เช้า-เย็น แล้วอาหาร ที่ขบฉัน ก็จะมีสมุนไพร สลัดผักสด ให้ฉันอยู่ทุกวัน พ่อท่านบอกว่าทุกวันนี้ระบบ ขับถ่าย ออกมาสวยงามมาก แทบจะไม่ต้องออกแรงเลย มันจะลื่นไหลออกมา ม้วนเดียวจบ เป็นการจัดสรรระบบขับถ่ายที่ลงตัวอย่าง สวยงาม

สิ่งที่น่าคิดสำหรับชาวอโศกก็คือ จริงๆ แล้วทุกวันนี้เราเหมือนมีพ่อท่านเป็นตัวอย่าง หรือเป็นแบบแผนในการดูแลรักษาสุขภาพอยู่แล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าชาวอโศกพยายาม ที่จะวิ่งหาแบบแผนในการรักษาสุขภาพอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวก็โฮละเล เฮละโล วิ่งไปหาแบบนั้นบ้าง วิ่งไปหา แผนนี้บ้าง เดี๋ยวก็มีแผนโน้นเข้ามา เราก็ฮือฮาไปตามแผนโน้นบ้าง ทั้งๆที่ตัวอย่างของจริง มีจริง เป็นจริง อยู่ใกล้ชิดกับเรา จริง ๆ เป็นตัวอย่าง มีแล้ว แต่เราก็เหมือนกับต้องวิ่ง ออกไปหาโน่นหานี่อยู่ตลอดเวลา เสร็จแล้วก็กลับมาสรุปกันว่า โอ้โห...แผนนั้นเขาดีจริงๆ เหมือนที่พ่อท่าน บอกไว้เปี๊ยบเลย แต่ไม่นานก็มีกระแสอื่นๆเข้ามา เราก็ไปกันใหม่ เป็นเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นเพราะความโต่งไปโต่งมาของเรา จึงทำ ให้ตกจากกระแสได้ง่าย โดยเฉพาะตกจาก กระแสโสดาบัน จนแนวร่วมของเรา อย่างเช่น คุณหมออารีย์ก็หนักใจการดีท็อกซ์ แบบพิสดาร ของพวกเรา ที่คุณหมอเอาเรื่องกาแฟ น้ำมะนาว น้ำมะขามมานำเสนอกับพวกเรา คุณหมอจะเน้น ๓ อย่างที่มีผลงาน การวิจัยมาเรียบร้อยแล้ว มาให้พวกเรา ทดลองทำดู แต่พอพวกเรารับไป เราเอาใช้อีกเยอะแยะมากมายเลย มีทั้งเอาโยเกิร์ต น้ำผลไม้ น้ำขี้เหล็ก น้ำอีกเยอะแยะไป ดีท็อกซ์

บางคนถึงกับบอกว่าถ้าได้น้ำเป๊ปซี่ โคล่าก็อยากจะลองเหมือนกัน ดีแต่ว่าหาในวัดไม่ได้ คือเราจะหายใจเข้าออกเป็นดีท็อกซ์อยู่ตลอดเวลา ดีไม่ดีจะทำกันวันละเป็นสิบๆ เที่ยว ซึ่ง ๗ อ. มีทั้งอาหาร อารมณ์ อะไรอีกเยอะแยะ แต่สุดท้ายจะดิ่งตกมาอยู่ที่ อ.เดียวคือ อ. เอาพิษออก

เมื่อเร็วๆนี้ดร. สาทิส ก็มาเน้นที่สันติอโศกว่า จริงๆแล้วกระบวนการดีท็อกซ์ มันมีเป้าหมายเพื่อขับท็อกซิน หรือเอา พิษออก ถ้าพิษไม่มี เราก็ไม่จำเป็นต้องทำดีท็อกซ์ แล้วดร.สาทิสก็ย้ำว่าดีท็อกซ์ไม่ใช่การรักษาโรค ไม่ใช่การรักษามะเร็ง ไม่ใช่แก้การปวดท้อง แต่ดีท็อกซ์ มีเป้าหมายเพื่อการเอาพิษออกเท่านั้น ท่านก็เน้นว่าเราต้องมาทำความชัดเจนในเป้าหมายของดีท็อกซ์ว่าดีท็อกซ์เพื่ออะไร

แต่ปัญหาของชาวอโศกก็คือ ถ้ากระแส อะไรเข้ามา เราจะหลุดออกจากองค์รวม หลุดจาก ๗ อ. หรือตกไปอยู่กับ อ.ใด อ. หนึ่ง มันไม่ครบทั้ง ๗ อ. โดยเฉพาะพวกเราที่อยู่ในเมือง ค่อนข้างจะใช้อารมณ์ กันเปลือง อาจจะเป็นสถานที่คับแคบ ความ อัดแน่นค่อนข้างจะสูง เลยนำไปสู่อารมณ์ที่อัดระเบิดกันได้ง่าย เสร็จแล้วเราก็จะไปแก้ปัญหาโดยการมุ่งเอาพิษออกอย่างเดียวโดยลืม อ.อารมณ์ ที่อัดแน่น ที่มีต่อกันอย่างรุนแรง จริงๆ แล้ว เป็นเรื่องน่ากลัวกว่า

อยากจะให้พวกเราดูว่า พ่อท่านเองแข็งแรง เพราะว่าพ่อท่านใช้ ๗ อ. ได้อย่างสมบูรณ์ เรามีแบบแผนตัวอย่าง ที่ดีงาม ให้เราได้เห็นอยู่แล้ว เราก็น่าลองศึกษาของจริง ตัวอย่างจริง ที่เราได้สัมผัสใกล้ชิด จริง น่าจะเป็นหลักชัดเจนมากกว่าที่จะวิ่งไปตามกระแสอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือวิ่งไปตามแผนนั้นแผนนี้จนลืมแผนพุทธอันเป็นสุดยอดของการดูแลสุขภาพอยู่แล้ว ซึ่งพ่อท่านเป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ให้เราเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

*** ออกพรรษาพ่อท่านมีข้อคิดอะไรให้กับพวกเราบ้างคะ
อยากจะฝากว่า ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่ อย่าลืมสักกายทิฏฐิ เราต้องพิจารณาให้มาก พ่อท่านก็เน้นกับนักบวช สมณะ ในวันออกพรรษา โดยย้ำอยู่ว่า พยายามพิจารณากิเลสของเราให้มาก ตัวพิจารณาพ่อท่านบอกว่าคือตัวปัญญา แล้วตัวปฏิบัติฝึกฝนลดละจางคลาย ก็คือตัวเจโต ถ้าเราขาดการพิจารณาให้มาก จะทำให้จิตของเราไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส พุ่งเข้าไปสู่เนกขัมมะ หรือการออกจากกาม หรือออกจากสิ่งที่ติดยึด โดยเฉพาะที่เป็นสักกายะของเรา ถ้าเราไม่ได้พิจารณาบ่อยๆ แม้เราจะทำงานแทบเป็นแทบตายสักปานใดก็ตาม สุดท้ายงานการที่เราเอาชีวิต เข้าแลก จะเป็นการงาน ที่ทำเพื่อถวายให้สักกายะของเรา เป็นการเอางานทั้งหมดยกให้สักกายะ ถ้าคนมีสักกายะ จุกจิก จู้จี้ขี้บ่น ทำงานไปแล้วก็ยกผลงานให้กับความจุกจิกจู้จี้ขี้บ่นนั่นแหละ หรือคนที่มีสักกายะในการถือตัวถือตน มีดีแล้วเอาดี ฟาดคนอื่น หากเราไม่หาทางลดละสักกายะ สุดท้ายแล้วเราทำงานเยอะแยะมากมาย เราก็จะได้แต่อัตตาเพิ่ม มีแต่ตำหนิ ติเตียนคนอื่นเพิ่มเติม ไม่ได้ลดอัตตาตัวตนลงแต่อย่างใด

ถ้าเราไม่ได้พิจารณาสักกายะ จะเป็น การยกผลงานให้กับสักกายะเอาไปกินหมด ซึ่งเราทำงานแทบเป็นแทบตาย ก็ไม่สามารถ ทำให้เราก้าวไปสู่อาริยะภูมิได้ เหมือนแม่ชีเทเรซ่า ที่ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ มีคนเจ็บป่วย คนตาย มาตายอยู่ในอ้อมแขนนับเป็นพันๆ ศพ แต่พ่อท่านเอง ก็ยกให้ว่า ภูมิของแม่ชีเทเรซ่าเป็นเพียงแค่กัลยาณปุถุชน เท่านั้นเอง โดยหลักการของพุทธ ถ้าทำงานไปแล้ว ไม่ได้คิดลดละ ตัวตนลงไป โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นสักกายะ ยังไม่ถือว่าก้าวเข้าสู่กุศลโลกุตระ

*** ลักษณะของนักปฎิบัติธรรมแบบไหนคะที่ไม่มีสิทธิ์...บรรลุธรรม
ทุกวันนี้การงานเรามีมากมายก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันว่า ถ้าต่างคนต่างทำกันไป ต่างคนต่างอยู่ตามภพ ของตัวเอง ไม่พยายาม เข้ามาร่วมสงเคราะห์กัน ก็น่าเป็นห่วงว่า ดีไม่ดีจะพากันปฏิบัติธรรมจนไม่บรรลุกันไปทั้งหมด เพราะต่างคนต่างก็อาศัย ทำงานตามที่ตนชอบ ฆ่าเวลาไปวันๆ ยิ่งทุกวันนี้มีคนมาสรรเสริญเยินยออยู่ด้วย มันก็ยิ่งจะทำให้เราโถมชีวิตเข้าทุ่ม เอาชีวิตเข้าแลก ไปกับงานที่ตนเองชอบนั้นๆ ก็ยิ่งจะทำให้ไม่อยากเข้าหมู่ เข้ากลุ่ม เพราะว่าเข้าหมู่จะถูกสัลเลขธรรม ซึ่งมันไม่หอมหวานเหมือนโลกธรรม ยิ่งทำงานข้างนอกๆ จะมีโลกธรรม ให้กับเรา มากมาย แต่พอมา ทำงานข้างใน จะเต็มไปด้วยสัลเลขธรรม สุดท้ายแล้วก็จะกลายเป็นว่า ต่างคนต่างก็ทำกันไป ไม่พยายามที่จะเข้ามาร่วม สังเคราะห์กัน ถ้าจะพูดคุยก็แทบจะไม่มีเรื่องจะพูดคุยเหมือนกัน เพราะต่างคน ต่างก็อยู่ในภพงานของตัวเอง ถ้าชุมชนไหน กลุ่มไหนเป็นเช่นนี้ ก็ยากที่จะบรรลุธรรมได้ เพราะต่างก็ไม่มีใครที่จะช่วยเก็บรายละเอียดให้ ไม่สามารถได้ประโยชน์จากองค์ประกอบของการมีมิตรดี สหายดี ซึ่งเป็นทั้งสิ้นของการบรรลุพรหมจรรย์

คนที่ไม่มีสิทธิ์บรรลุธรรม จึงคือคนประเภทไม่อยากยุ่งกับใคร คนที่เบื่อหน่ายต่อการประชุม คนที่ไม่อยาก เข้าหมู่ เข้ากลุ่ม คนที่ชอบคิด คนเดียว ทำคนเดียว ลุยคนเดียว จะเรียกว่าสายเดี่ยวก็ได้ ถ้าอาการหนักกว่าเพื่อน ก็จะเป็นที่รับรู้ ทั่วกันว่า คนๆนี้กิเลสของข้า หรือว่าชีวิตของข้า ใครอย่าแตะ

อีกไม่นานพวกเราก็จะไปร่วมงานมหา-ปวารณากัน หัวใจของ งานปวารณา คือการประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นคนที่ผู้อื่นสามารถ บอกหรือว่ากล่าวได้ ซึ่งงานปวารณา ถือว่าเป็น งานที่ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นงานที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งของพุทธศาสนา ดังนั้นถ้าเราสามารถ ที่จะมีชีวิตที่ให้คนอื่นบอกได้ง่ายๆ ไม่ใช่ถ้ามีใครบอก ติงเตือนทีกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต คนนั้นก็ยังเรียกว่ายังอยู่ห่างไกล จากความสำคัญ และความศักดิ์สิทธิ์ ของศาสนา แต่ถ้าเราเป็นคนที่แตะง่าย บอกได้ง่าย ว่าได้ง่าย คนนั้นชื่อว่าเป็นคนที่สามารถ ที่อยู่ในหลักสำคัญ หรืออยู่ในความศักดิ์สิทธิ์ ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และถ้าจะให้ดี การประชุมในงาน มหาปวารณา น่าจะมีวาระที่ให้ว่ากล่าวติงเตือนกันได้ โดยเฉพาะผู้นำที่สำคัญๆทั้งหลาย

ค่ะ...พิษที่ควรดีท็อกซ์ด่วนที่สุด คืออารมณ์ร้ายของเรานั่นเอง พวกขยันทำงาน แต่ไม่ขยันลดละสักกายะก็ไม่ได้กุศลโลกุตระนะคะ หากเราเป็นประเภทแตะปุ๊บ ขึ้นปั๊บ นั่นยังไม่ใช่คนในศาสนา แต่ถ้า ติได้ติงได้ว่ากล่าวได้ ใช่เลย...คนของพุทธ แล้วพบกันที่งานมหาปวารณานะคะ.

- ทีมข่าวพิเศษ -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


พ่อท่านเทศน์ งาน ๓๐ ปี ๑๔ ตุลาฯ ที่อุบลฯ
แนวทางบุญนิยมและความเข้มแข็งของชุมชน

เด็กบ้านราชฯร่วมแสดงรีวิวภาคีร่วมจัดงาน ๓๐ ปี ๑๔ ตุลา วันประชาธิปไตย จ.อุบลฯ กราบนิมนต์พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์แสดงธรรมเรื่อง "แนวทางบุญนิยมกับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กรชุมชน ในแนวทาง กระแสทุนนิยมเสรี" เนื่องในงาน ๓๐ ปี ๑๔ ตุลา วันประชาธิปไตย ณ ศาลา ประชาคม จ.อุบลฯ และขอความร่วมมือ จากหมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก จัดส่งการแสดง ๓ ชุด ร่วมแสดงระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ ต.ค.๒๕๔๖

เมื่อวันที่ ๑๓ ต.ค. เวลา ๐๙.๔๐ - ๑๐.๔๐ น. พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์แสดงธรรม เนื่องในงาน ๓๐ ปี ๑๔ ตุลาฯ เรื่อง "แนวทางบุญนิยมกับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กรชุมชนในแนวทางกระแสทุนนิยมเสรี" ณ ศาลา ประชาคม จ.อุบลฯ ก่อนแสดงธรรมผู้ดำเนินรายการได้กราบนิมนต์พ่อท่านเล่าย้อนถึงภาพเดินบิณฑบาตของพ่อท่านและ พระภิกษุสงฆ์ หลังเหตุการณ์ ๑๔ ต.ค. สงบลง ซึ่งมีช่างภาพหนังสือพิมพ์ถ่ายไว้ และได้เผยแพร่ไปทั่วโลก หลังจากนั้น ด.ช.แดนไตร ศรีพันธวานุสรณ์ นักเรียนชั้น ป.๑ รร.สัมมาสิกขาราชธานีอโศก (กลุ่มสมุนพระราม) อ่านบทกวีของ พ่อท่าน ชื่อว่า "จงดิ้นให้แร้งดู" และกลุ่มสมุนพระรามร่วมขับร้องเพลงกระต่ายกับเต่าและแสงดาวแห่งศรัทธา ตลอด ๓ วันของการจัดงาน ในเวลา ๑๓.๐๐-๑๓.๑๕ น. นร.สัมมาสิกขาฯทั้งระดับมัธยมฯและประถมฯ ได้ร่วมร้องเพลงและเต้นรีวิว ชุดขยะ.

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


อาหารต้านมะเร็ง
โดย น.พ.ดร.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนบำบัด

- นำบุญ ถอดเทปและเรียบเรียง -
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

ตั้งแต่ปากถึงทวารหนัก ในท้องเรามีเชื้อโรครวมกันหนักครึ่งกิโล พูดแล้วอย่าหาว่าผมมองโลกในแง่ร้าย ทุกอย่างมีดีมีร้ายปนกัน อย่างโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวๆที่ใช้แล็คโตบาซิลลัสสร้าง ตอนแรกเขาใช้แบคทีเรียจริง แต่พอเขาจะเอาออกมาขาย เพื่อให้มันมีอายุ อยู่ในตู้เย็นตามร้านประมาณ ๓ อาทิตย์ เพื่อไม่ให้มันเปรี้ยวต่อ มีรสชาติคงที่ คือไม่ให้มันบูดต่อ แล็คโตบาซิลลัส ที่มีอยู่ในโยเกิร์ต หรือยาคูลท์ จะถูกฆ่าตายไป ๙๐% เชื้อที่ไม่ตาย แต่ไม่โตต่อ เราเรียก ว่าเชื้อโรคจำศีล อีกประมาณ ๑๐% เรากินเข้าไป ก็อาจได้ประโยชน์ ไม่เต็มที่ แต่ถ้ากินทุกวัน ใช้ได้ฝรั่งทำเป็นแคปซูล แต่จริงๆแล้ว ไม่ต้องไปหาที่ไหน มีอยู่ในท้องเรา ถ้าเราอยากให้เชื้อเจริญ เติบโต มีประสิทธิภาพ ก็ต้องกินอาหาร ของมันเข้าไปคือ ขิง กระเทียม หอมแดง หอมใหญ่ หน่อไม้ฝรั่ง ผักทุกชนิด ที่มีมากที่สุดก็คือกระเทียม หอมแดง หอมใหญ่ ขิง ขมิ้น

ทุกวันนี้คุณหมอนำเอากระเทียม หอมแดง ขิง ขมิ้นขาว อย่างละเท่าๆกัน สับเป็นชิ้นเล็กๆคลุกเข้ากันให้ทั่ว ตอนเช้า จะกินเครื่องเทศ พวกนี้วันละ ๑ ช้อนโต๊ะ ถ้าวันไหนอยู่บ้านแล้วคิดว่าไม่ต้องพูดกับใครอีกเลยจะตัก ๒ ช้อน ทีนี้ปากจะเหม็นกระเทียมพวกนี้อยู่ประมาณ ๑ ช.ม.โดยเฉลี่ย กลิ่นตัวจะมีอยู่ประมาณ ๑ เดือนแรกที่กิน แล้วหลังจากนั้นจะหายไป ทุกวันนี้คุณหมออาบน้ำไม่ใช้สบู่

หลังจากกินเครื่องเทศพวกนี้ตอนแรกปากจะเหม็น เพราะร่างกายไม่ชิน ขับออกทางเหงื่อ แต่พอร่างกายชินแล้ว จะไม่มีการขับทิ้ง ทางเหงื่อ กินยังไงก็ไม่เหม็น ใครขี้เต่าเหม็นๆ กินกระเทียม หอมแดง ขมิ้นขาว ไป ๑ เดือน รับรอง ทีนี้ดมได้สบายเลย ทั้งเต่าทั้งขี้เต่าหายหมด นี่เรื่องจริง ขี้เต่าเหม็นเป็นเพราะว่ารักแร้เป็นที่อับ แล้ว ถ้าผิวหนังบริเวณ นั้นเป็นกรด เชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง โดยเฉพาะกลุ่ม แสตปออลเรียส มันจะทำปฏิกิริยาหมักกัน ทำให้เกิด กลิ่นเหม็นเปรี้ยว อันนี้เกิดจาก เชื้อแบคทีเรีย ถ้าเรากินพวกเครื่องเทศบ่อยๆ ความเป็นกรดร่างกายเราจะลดลง และหากเรา ไม่กินหวานด้วย กรดในร่างกายจะลดลง พอผิวหนังเป็นกรดลดลง แบคทีเรียพวกนี้ ก็ไม่สามารถอยู่ได้ หรือไม่สามารถ เจริญเติบโตได้ กลิ่นตัว ก็จะลดลง หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องใช้สบู่เปลือกมังคุด

(อ่านต่อฉบับหน้า)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชาวอำเภอไพศาลีรวมพลังเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
เปิดตลาดพืชผักผลไม้ไร้สารพิษ
บริเวณร้านค้าชุมชนศาลีอโศก แห่งแรกของอำเภอไพศาลี

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๙ ต.ค.๔๖ ชุมชนศาลีอโศกใช้สถานที่บริเวณร้านค้าชุมชนเป็นสถานที่จัดตั้งตลาดนัดพืชผักผลไม้ไร้สารพิษ วันแรกของ การเปิดตัวตลาด ได้รับการตอบรับอย่างสูง ตลาดนัดแห่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพ

และสร้างสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น ผู้ที่จะมาค้าขายต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่คณะกรรมการได้วางไว้ สินค้าของ ผู้นำมาจำหน่าย อาจจะมีการสุ่มตรวจหาสารพิษ ผู้ที่มาค้าขายทางเจ้าของสถานที่ไม่คิด ค่าบริการ และอนาคต จะให้มีการสมัคร เป็นสมาชิก

บรรยากาศวันแรกของการเปิดงาน แม่ค้าที่อยู่นอกชุมชนเริ่มให้ความสนใจนำพืชผักสวนครัวที่ปลูกเอาไว้มาร่วมวางขายร่วมกับสินค้าของชุมชน ศาลีอโศก ทางด้านผู้บริโภคก็ทยอยมาเป็นช่วงๆ ตลาดนัดแห่งนี้เริ่มเปิดบริการตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐-๑๒.๐๐ น. โดยจะถือเอาวันอาทิตย์เป็นหลัก

จากการสังเกตการณ์ของทีมข่าว แม้จะเป็นอาทิตย์ที่สอง (๒๖ ต.ค.๔๖) ของการเปิดตลาดพืชผักไร้สารพิษ ผู้คนที่มาซื้อสินค้า ก็ยังคงให้ความสนใจต่อการ จับจ่ายใช้สอยสินค้าไม่ต่างจากวันแรก เท่าไหร่นัก เพียงแต่วันแรก ของการ เปิดงานมีมวลของลูกค้า ธ.ก.ส. มาร่วมซื้อสินค้า จึงทำให้ดูคึกคักเป็นพิเศษ

งานเปิดตัวตลาดนัดแห่งนี้ มีวงดนตรี คณะยากเข็ญมาร่วมสร้างบรรยากาศแปลกใหม่อีกแบบหนึ่ง ทางด้านสื่อวิทยุชุมชน เป็นกระบอกเสียง ของกิจกรรมนี้ได้ดีทีเดียว เช่น มีการสัมภาษณ์สดรายงานบรรยากาศและสินค้าเป็นระยะๆ ทางด้านหน่วยราชการ บางท่านก็อยากให้จัดตลาดนัดในวันศุกร์เพื่อจะได้ซื้อสินค้ากลับบ้าน "ผมยินดีด้วย ที่ตลาดนัด แบบนี้เกิดขึ้นในเขตอำเภอไพศาลี" เป็นคำพูดของ ส.ส.เมธี ฉัตรจินดา ที่ได้มาเยี่ยมชมตลาดนัดในวันแรกของการ เปิดงาน

"ตลาดนัดพืชผักไร้สารพิษแห่งนี้ มิใช่เป็นตลาดขายพืชผักเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงการเปิดตัวของชาวไพศาลี ที่เริ่มตื่นตัวด้านสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคเป็นสายสัมพันธ์ที่มิใช่ มีเม็ดเงินเป็น ตัวกำหนด มาร่วมกันสร้างตลาดนัด แบบนี้ให้เกิดขึ้นเถอะญาติโยม..."

นี่เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณที่ท่านเพื่อพุทธ ชินธโร ได้พูดผ่านสื่อของวิทยุชุมชนสัมพันธ์ตลาดนัดพืชผักไร้สารแห่งนี้ แม้จะยังดู ไม่ยิ่งใหญ่แต่แฝงไว้ ซึ่งความหมาย ที่ชาวเราควรร่วมใจกันสร้างกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อเกื้อกูลซึ่งกันและกัน.

- แดนสะเดา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

หน้าปัดชาวหินฟ้า

เจริญธรรม สำนึกดี พบกับ นสพ.ข่าวอโศก ๒๑๗(๒๓๙)ปักษ์หลัง ๑๖-๓๑ ต.ค.๔๖

ฉบับนี้ขอนำเรื่องราวสารพันในแวดวงชาวเรามาฝากกัน ดังนี้

สุขภาพบุญนิยม...เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ตุลาคม ที่ผ่านมา คณะทำงานองค์กรสุขภาพบุญนิยม และคณะทำงานสุขภาพบุญนิยม จาก บ้านราชฯ, ศีรษะอโศก และคุรุนิสิตพลาภิบาลที่จะเดินทางไปไต้หวัน รวมถึงผู้สนใจกว่า ๒๐ ชีวิต ได้ร่วมฟังการบรรยายในช่วงเช้าเรื่อง "อายุรเวท...ศาสตร์จากอินเดีย" ซึ่งถ่ายทอด ในภาคเช้าโดย คุณธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์ ส่วนช่วงบ่ายมีการประชุมเพื่อเตรียมหลักสูตรงาน ค่าย ๗ อ. ที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคมและหลังงานปีใหม่ž๔๗ โดยได้มีการร่วมกันวางแผนโครงการฯแบบคร่าวๆ อาทิเรื่อง เนื้อหา สาระ,ผู้ที่จะมาเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้, กลุ่มเป้าหมายผู้รับสาระ, วันเวลาที่เหมาะสม รวมทั้ง ทำความเข้าใจ ให้ตรงกันในข้อตกลงตาม นโยบายของสุขภาพบุญนิยม บุญญาวุธหมายเลข ๔ ได้ข่าวว่าบรรยากาศ ในที่ประชุม ได้ความมีส่วนร่วมดี มีการนำเสนอ มีการรับฟังความเห็นที่แตกต่าง มีการเปิดโอกาส ให้ผู้ที่ปฏิบัติจริง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ได้แสดง พร้อมทั้งแลกเปลี่ยน ทัศนะและประสบการณ์ เพื่อสนับสนุนหรือค้านแย้งประเด็นต่างๆในการจัดค่ายสุขภาพ บุญนิยม ๗ อ. สำหรับชาวอโศกต่อไป ซึ่งแม้ว่าจะต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการทำความชัดเจนและทำความเข้าใจ เพื่อปรับให้ตรงกัน คณะทำงานทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่า เป็นเรื่องที่ควรได้ร่วมเรียนรู้ ปรับทิฐิในที่ประชุมร่วมกัน เพราะบุญญาวุธหมายเลข ๔ มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับชีวิตคนและวิถีการดำเนินชีวิตอย่างสำคัญ โดยตลอดจาการประชุม คณะทำงาน สุขภาพบุญนิยมได้รับความกรุณาจากสมณะเดินดิน ติกขวีโร(ซึ่งได้เดินทางมา แวะที่สันติอโศก เพื่อไปทำกิจธุระ ที่ปฐมอโศก) มาเป็นประธานการประชุม ซึ่งจบเรียบร้อยในเย็นวันนั้น

ก็ขอให้กำลังใจกับการประชุมในฝันที่ทุกคนจะได้ร่วมกันคิดร่วมกันทำ แม้จะต้องเสียเวลาหน่อย แต่ผล จะทำให้ ได้พัฒนา (ทางจิตวิญญาณ)กันแบบยกคณะนะเนี่ย สาธุ

เรื่องของสุขภาพบุญนิยมตอนนี้กำลังขานรับกันกว้างขวางในหมู่ชาวเราแล้ว ช่วงที่ผ่านๆมา หลายๆชุมชน ได้ทยอยกันจัดคอร์สสุขภาพกันอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่พ่อท่านได้ประกาศให้สุขภาพบุญนิยม เป็นบุญญาวุธ หมายเลข ๔ ของชาวอโศกคราวงานฉลองหนาว ที่ภูผาฟ้าน้ำเมื่อต้นปี ตอนนี้ได้คืบหน้ามีการจัดสรรการทำงาน ในลักษณะ แม่ข่าย-ลูกข่ายในระดับภาคแล้ว ดังนี้

๑. ปฐมอโศก แม่ข่ายของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ (อบรม ๒๗ ก.ค.-๓ ส.ค.๔๖)
๒. ราชธานีอโศก แม่ข่ายด้านอีสานตอนใต้ (อบรม ๒๒-๒๖ ส.ค.๔๖)
๓. หินผาฟ้าน้ำ แม่ข่ายด้านอีสานตอนเหนือ (อบรม ๕ - ๙ ก.ย.๔๖)

ส่วนชุมชนฮอมบุญ จ.แพร่ ก็ได้จัดอบรมแกนนำสุขภาพ ๗ อ.เมื่อวันที่ ๓-๗ ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าทางคุณน้อมบูชาที่เป็นวิทยากร จะติดขัดอยู่อบรมให้ได้เพียง ๒ วันเท่านั้น (เพราะต้องไปอบรม แกนนำสุขภาพ ๗ อ.ที่ หินผาฟ้าน้ำ) แต่ทางชุมชนฮอมบุญก็ยืนหยัดยืนยันขอดำเนินการอบรมตามกำหนดการเดิม แม้กระนั้นก็ยังได้ประโยชน์ไปไม่น้อย และยังฝากขอบคุณที่ได้ให้คณะนิสิต ม.วช.ฐานพลาภิบาลฝึกงานและพาสมาชิกชุมชนดำเนินกิจกรรมต่อจนครบทุกรายการ สาธุ...จี๊ดๆๆ....

คนอุบลฯ...แม้จะออกพรรษาแล้ว อุทยานบุญนิยมของชาวบ้านราชฯก็ยังขายดีเหมือนเดิม รายได้ก็ยังเหมือนในช่วงเช้าพรรษา แถมตอนนี้ ก็เปิดให้ลูกค้าบริการตนเอง ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แม้แต่กลุ่มแสวงบุญของ นร.สัมมาสิกขาฯ ที่ออกขายอาหารทุกวันพระก็ยังขายดีเหมือนเดิม ที่ประทับใจเห็นจะเป็นนักเรียนที่อยู่ใน จ.อุบลฯ ที่แม้จะปิดเทอมแล้ว แต่เมื่อถึงวันพระก็กลับมาช่วย ขายอาหาร เหมือนเดิม สาธุ

ส่วนบรรยากาศทั่วไปหลังน้ำลด กลุ่มกสิกรรมก็ลงมือเนรมิตบ้านราชฯให้เขียวสดใสทันที ปีใหม่พี่น้องมาร่วมงานคงจะได้ตื่นตา ตื่นใจกับพืชผักหลากหลายชนิด ตอนนี้ก็ระดมปลูกกล้วย ทั่วบ้านราชฯ เรียบร้อยแล้ว

ส่วนหนังสือ "เราคิดอะไร" ฉบับครบรอบ ๘ ปี ที่บ้านราชฯส่งข่าวมาว่า ยามนี้ขายดีสุดๆ ประมาณว่า วางปุ๊บ หมดปั๊บ เพราะบรรดาคุณแม่ ของสมุนพระรามต่างจับจองกันคนละเล่ม เพราะสนใจหนังสือ "เกิดกลางผัก" ที่แถมมา นั่นเอง...จี๊ดๆๆ....

ไม่เสื่อม...หลังจากนิสิตพลอยไพร เข้าคอร์สอบรมธรรมะที่สันติอโศก ล่าสุดก็ได้รับรายงานว่า ผลจากการที่รับการอบรมธรรมะ นับตั้งแต่วันนั้น "...ดิฉันจึงได้ค้นพบตัวเอง สาเหตุของความไม่เจริญขึ้น ทางด้านจิตใจตัวเอง คือความยึด ทำอะไรกับใคร จะยึดโดยอัตโนมัติทันทีเลย พอยึดก็ตั้งภพ คาดหวัง แล้วก็ไม่สมหวังตามมา ทุกข์ ไม่ยินดีในการปฏิบัติธรรม ซึ่งจากการประเมินผลตัวเอง จึงได้ตั้งตบะ ๒ ข้อ คือ
๑. ยินดีกับทุกๆเรื่องราวที่เกิดขึ้น
๒. ทำใจให้รักงานที่ทำ

ซึ่งก็สามารถทำได้เฉลี่ย ๓๐-๕๐ % ทำให้เกิดผลต่อเนื่องคือ จิตใจมีกำลังในการรับผัสสะ(สู้กับกิเลส), บรรยากาศ รอบข้าง- ทีมงานมีความสุขด้วย, ทำงานตามระบบบุญนิยมได้ประสิทธิภาพมากขึ้น,การประเมินผล
ตัวเองชัด แม่นและมั่นใจขึ้น..."สาธุ...จี๊ดๆๆ....

ออกจากรู...งานอบรม การสร้างผู้นำ ที่สันติอโศกที่ผ่านมา ผ่านพ้นไปอย่างงดงาม ได้เห็นพลังเงียบ ของชาว สันติอโศก ที่เมื่อถึงวาระอันควรก็ออกมาช่วยงานกันถ้วนหน้า ใครที่เคยบอกว่า ชาวสันติอโศกชอบอยู่ในรู เห็นทีต้องเปลี่ยน คำพูดแล้วล่ะ เพราะงานนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้จะชอบรู (อยู่กับงาน,อยู่กับตัวเอง ไม่สนใจใคร) แต่พอมีงานที่ต้องช่วยกัน ก็ออกจากรูกันเป็นแถวๆ แถมพอจบงานก็รีบประชุมวางแผนเตรียมงานอบรม ครั้งต่อไปกันต่อ เรียกว่า ไฟลุกกันพรึบพรับทีเดียว จัดสรรแบ่งงานรับผิดชอบกันเสร็จสรรพภายในเวลาไม่นาน จิ้งหรีดเห็นแล้วซาบซึ้งใจในความเสียสละของพวกเราจัง สาธุ...จี๊ดๆๆ....

ประสานงาน...จิ้งหรีดที่สีมาอโศกหลายตัว แจ้งมาด้วยความดีใจว่า ท่านดินไท ธานิโย ได้อยู่ช่วยชาวสีมาอโศกหลังออกพรรษา เพราะในช่วงเข้าพรรษามีหลายปัญหาที่ท่านได้ช่วยประสานให้เกิดความรู้ความเข้าใจร่วมกัน
พอท่านไปทำอะไร พูดอะไรมา ก็จะไปรายงานภันเตให้รับทราบ ทำให้ไม่เกิดช่องว่าง ญาติโยมก็ได้อานิสงส์จากการที่ผู้ใหญ่เข้าใจกัน รับลูกกันถูก

ข้อสำคัญ เวลามีปัญหาเกิดขึ้น ท่านจะนำปัญหามาพูดคุยปรึกษากับทีมงานทันที ทำให้ปัญหาไม่ลุกลาม ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกินของใช้ การค้าการขาย เป็นต้น ส่วนใหญ่ก็มาจากคนที่จะทำตามใจ หรือตามความเห็น ของตัวเอง ไม่ยอมตามหมู่หรือมติส่วนรวมนั่นแหละ พอมีการปรับความเข้าใจกันเร็ว ปัญหาก็ไม่ลุกลามออกไป

จิ้งหรีดก็ขออนุโมทนากับหมู่สมณะที่สีมาฯด้วยนะฮะ ที่เป็นกำลังใจด้วยดีกับผู้ทำงาน รับผิดชอบ ผู้ทำงานก็ไม่ยึด อยากทำอะไรตามภพของตัวเอง ญาติโยมก็เลยพลอยมีกำลังใจไปด้วย แต่ที่ไหนผู้ทำงานยึดว่าจะทำตามหลักกู มากกว่าหลักการล่ะก้อ ย่อมขาดการประสานงาน ที่ดีนะฮะ ดีไม่ดีจะเกิดมวยวัดให้อายเปล่าๆ ด้วย...จี๊ดๆๆ....

รถแตงโมชน...คุณแตงโม ญาติธรรมที่ จ.ร้อยเอ็ดเกิดเหตุการณ์เฉียดตายถูกรถบรรทุกแตงโมชน คนในรถบรรทุก ไม่เป็นอะไร แต่คนในรถคุณแตงโมบางคนหัวแตกต้องเย็บถึง ๗ เข็ม หลายคนก็ฟกช้ำดำเขียวกันไปตามวิบากของแต่ละคน

ในรถญาติธรรมที่มีคุณแตงโมเป็นคนขับในวันนั้น ที่หัวแตกแน่ๆก็คือ คุณเล็ก ส่วนลูกแตงโมในรถบรรทุกของอีกฝ่าย แตกมากน้อยเพียงใด ยังไม่มีรายงาน

นี่ก็เป็นมรณัสสติให้ทุกคนได้ระมัดระวัง ไม่ประมาทต่อความตาย ที่สามารถมาถึงเราได้ในทุกวินาที การนั่งรถ ไปไหนมาไหน ต้องเตรียมใจ ให้พร้อมทุกเมื่อ เพราะแม้เราจะขับรถดีแล้วก็ตาม แต่เขาอาจจะมาชนรถเราได้เสมอ เรื่องแบบนี้ เคยมีมาแล้ว ไม่เชื่อก็ลองไปสอบถาม คุณศรีฟ้า ที่บ้านอโรคยาได้เลยนะฮะ

ดังนั้นเวลาขับรถไป-กลับงานของชาวอโศกเอง ก็ต้องช่วยกันระมัดระวัง อย่าเอาแต่นอนจนไม่มีใครตื่น รถอาจขอโอกาสลงข้างทาง หลับไปด้วยกัน ก็ได้นะฮะ...จี๊ดๆๆ....

อยู่วัด... ตอนนี้ก็มาถึงคิวบุญอีกระดับของคุณน้อมยอม ได้ออกจากบ้านมาฝึกอยู่วัด แต่พอมาอยู่วัดได้ สุขภาพก็ชัก จะไม่เอื้ออำนวยซะแล้ว จึงต้องพักที่สันติอโศกบ้าง ไปเข้าคอร์ส สุขภาพ ๗ อ.ที่ศรีสงคราม หรือไปพักที่ สีมาอโศก บ้าง แต่ละที่ที่ไปอยู่ ส่วนใหญ่ก็จะให้คุณน้อมยอมช่วยทำน้ำผลไม้ หรือไม่ก็งานการที่เกี่ยวกับเรื่องน้ำๆเสมอ จะเป็นด้วยดวงชะตาชักนำ หรือด้วยฉายา แหม่ม เสาวรส ที่รู้จักกันกว้างขวางในหมู่ญาติธรรมกรุงเทพฯ หรือ เป็นทั้ง ๒ เหตุ ก็มิอาจด่วนสรุปได้ แต่ที่แน่ๆคือเพราะทำเป็น เขาจึงให้ทำ นี่ก็ได้ข่าวว่า เตรียมไปช่วยทางปฐมฯ ทำน้ำเต้าหู้ ขายถุงละ ๑ บาท ในช่วงงานมหาปวารณา เพราะได้รับการทาบทาม จากผู้ใหญ่ ก็ไม่รู้ จะมีแรงทำไหวไหม เพราะมีอาการเวียนหัวตลอดทั้งวัน คลื่นไส้เป็นช่วงๆ ท้องผูก ปัสสาวะกลางคืนบ่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ยกของ ก็ไม่ไหว รู้สึกทรมาน อาการเหล่านี้ก็ไม่แน่นอน หนักบ้างเบาบ้าง บางทีตอนเช้าดีๆอยู่ กลางวันป่วยซะแล้ว

นิสัยของคุณน้อมยอมช่วงนี้จึงเปลี่ยนไป ไม่ค่อยพูด เพราะพูดแล้วเหนื่อย หายใจไม่ค่อยทัน เสียงบางทีก็หายไปเฉยๆ การทักทายปฏิสันถารก็ไม่เหมือนเดิม บางครั้งอยากอยู่เงียบๆคนเดียว ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนก่อน

เอ๊ะ! นี่จิ้งหรีดสงสัยว่า กำลังมีอาการน้อมยอมหรือเปล่า ใครจะไปสร้างหนี้ก็เป็นเรื่องของเขา เพราะเราบอกแล้ว ก็ไม่เชื่อ เราทำงานปลดหนี้ให้ทุกคนแล้วก็ถือว่าหมดภาระ ตอนนี้ก็มาสร้างหรือสะสมบุญใหม่ๆที่มีคุณค่า ต่อชีวิต ยิ่งๆขึ้นต่อๆไป ยังไงๆก็ขอเป็นกำลังใจให้ฝึกมีสติอยู่กับลมหายใจเข้าออกยาวๆ แค่นี้ก็สุขได้แล้ว แม้กายจะไม่ยอม แต่ใจยอมเป็น ก็เย็นได้นะฮะ...จี๊ดๆๆ....

ลาบวช...ช่วงนี้ถ้าใครจะติดต่อลุงไพร จริยา ที่ภูผาฯ ก็คงไม่พบ เพราะลุงได้ลาบวชเป็นพระ ในวันเลิกทาสพอดี เป้าหมาย ก็เพื่อพักกาย พักใจ ตามที่ปรารถนา ช่วงนี้ขอเก็บชาวอโศก ไว้บนหิ้งบูชา

ลุงไพรยังบอกกับจิ้งหรีดอีกว่า "ผมรู้ว่าชีวิตผมที่ยังมีลมหายใจอยู่นี้ ชาวอโศกช่วยชีวิตผมไว้ ผมจะพยายาม ตอบแทนพระคุณ อย่างสุดอัตภาพ ถ้าผมหายร้อนเมื่อไร ผมจะกลับไปสู้ใหม่ครับ"

จิ้งหรีดก็ฝากข่าวมาให้ญาติสนิทมิตรสหาย ได้ทราบนะฮะ และฝากบอกพระไพรว่า แม้ยังไม่หายร้อน หรือร้อนมากกว่าเดิม ก็มาพักผ่อน ที่ห้องเย็นภูผาฯ ได้เสมอนะฮะ...จี๊ดๆๆ....

การทำงานคือการปฏิบัติธรรม...ช่วงเทศกาลกินเจในปีนี้ ญาติธรรมกลุ่มปากช่องได้รวมพลัง(เท่าที่มี) ทำอาหารเจขาย นับว่าเป็นปีที่ ๑๑ ที่กลุ่มปากช่องดำเนินการมา และเป็นปีที่ ๘ ที่ รร.สัมมาสิกขาศีรษะอโศก พานักเรียน มาฝึกงาน

การทำงานร่วมกับเด็กๆศีรษะอโศก คุณพัชรี ตุลาบดี หนึ่งในทีมงานปากช่องให้ความเห็นว่า ก็เหมือนทุกๆปี คือได้รับความประทับใจ ซึ่งกันและกัน มีการขัดเกลา แนะนำบอกกล่าวกันบ้างอย่างพอเหมาะพอควร

สำหรับการทำงานก็ย่อมเจอปัญหาเป็นธรรมดา ปีนี้ก็เช่นกัน อันเป็นโอกาสให้ได้ฝึกปฏิบัติธรรมเต็มที่ คุณพัชรีพูดถึงการปฏิบัติธรรม ในการทำงานให้ฟังว่า "...ดิฉันก็พยายามทำใจให้หนักแน่น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เมื่อแก้ไขไม่ได้ก็ต้องยอมรับสภาพ อยู่ในความสงบ และยอมรับความจริงตามความเป็นจริง..."

จิ้งหรีดเองเห็นด้วยกับคุณพัชรี ๑๐๐ % และที่ประทับใจมากๆกับกิจกรรมนี้ เพราะทั้งกลุ่มปากช่อง และกลุ่มนักเรียน จากศีรษะฯ ต่างเสียสละสร้างสรรงานบุญ และยึดมั่นอุดมการณ์ ในการปฏิบัติธรรมจริงๆ ไม่เช่นนั้น คงไม่สามารถ สร้างประวัติ การทำงานบุญนี้จนขึ้นปีที่ ๘ หรือปีที่ ๑๑ ได้หรอก สาธุ...จี๊ดๆ

ประทับใจ...เนื่องจากงานศพคุณแม่ของหนึ่งในทีมงานข่าวอโศก เมื่อช่วงกลางเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ที่เจ้าภาพเก็บเงียบ เพราะความเกรงใจ แต่พอถึงวันงาน ปรากฏว่ามีสมณะ สิกขมาตุ คนวัด ชาวพลังบุญ และญาติธรรม ที่ทราบข่าว ไปร่วมงานชนิด เหนือความคาดหมาย ทำให้เจ้าภาพรู้สึกประทับใจ ในความเป็นญาติ ทางธรรม อย่างยิ่ง และฝากกราบ ขอบพระคุณ และขอบคุณทุกๆท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะฮะ...จี๊ดๆๆ....

ก่อนจากขอฝากคติธรรม-คำสอนของพ่อท่านที่ว่า
ถ้าเคารพนับถือ "อาตมา"
ต้องรู้ว่า "อาตมา" มีจุดดีอะไร? อย่างไร?
อย่าเคารพนับถือดายไปเป็นอันขาด

(๔ ส.ค.๒๑)
(จากหนังสือ โศลกธรรม สมณะโพธิรักษ์ หน้า ๕๐)

พบกันใหม่ฉบับหน้า
- จิ้งหรีด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ดร.สาทิส อินทรกำแหง บรรยายการดูแลสุขภาพองค์รวม
ณ พุทธสถานสันติอโศก

วันอาทิตย์ที่ ๑๙ ตุลาคม ที่ผ่านมา ดร.สาทิส อินทรกำแหง ได้มาบรรยายเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพในหัวข้อที่ว่า "การดูแลสุขภาพองค์รวมอย่างไร จึงไม่โต่ง" ไม่ว่าจะเป็นคำถามยอดฮิต เกี่ยวกับการ ดีท็อกซ์หรือการเอาพิษออก ด้วยวิธีต่างๆ เกี่ยวกับการทำดีท็อกซ์ ไม่ได้เฉพาะแค่สวนเท่านั้น มีกระแสเลือดถึงไหน ก็มีท็อกซิน (พิษในร่างกาย) ถึงนั่น การเอาท็อกซินออก มีอยู่ทั้งหมด ๕ วิธีด้วยกัน

๑. สวนทางทวารหนัก ๒. การขับของเสียออกทางเหงื่อโดยใช้ความร้อน ๓. การรับประทานน้ำเอนไซม์จากน้ำผักผลไม้ต่างๆปั่น ๔. การออกกำลังกายและสวนทวารควบคู่กัน และ ๕. ถ่ายเลือดที่โรงพยาบาล การล้างพิษในร่างกายไม่มีอะไรนอกจาก ๕ วิธีนี้

และยังกล่าวถึงเรื่องของภูมิชีวิตชีวจิตก็ย่อมาจาก การดำรงชีวิต+จิต+ชีวิต คือการดำรงชีวิตที่ประกอบไปด้วย การหายใจ การกิน การนอนหลับพักผ่อน การทำงานฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร ทำอย่างไรภูมิชีวิตจะดี ก็งดอาหารแดกด่วน (ฟาสต์ฟูด) ลดการกินหวานมัน กินอาหารไม่ขัดขาว เช่นน้ำตาลทรายแดง แป้งโฮลวีท ข้าวกล้อง อาหารที่มีกากใยไฟเบอร์สูง เช่น ตำลึง ขี้เหล็ก จะช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น ไม่แนะนำโปรตีนจากเนื้อสัตว์ นอกจากเมล็ดธัญพืชเช่น ถั่ว กรดอะมิโนแอซิด แร่ธาตุจากสาหร่าย ทะเล เมล็ดพืชอัลมอนด์ ทานตะวัน และฟักทอง ผลไม้ไม่หวาน มะละกอ ฝรั่ง มะม่วง ฯลฯ ปรับการกินให้ถูกตามลักษณะร่างกายของเรา การนอนนอนอย่างไร ก็นอนให้ถูก หลับสนิทหลับลึก ร่างกายก็จะหลั่ง โกร้ธฮอร์โมนออกมา การทำงานทำงานให้ถูก พักผ่อนให้ถูก ไม่ใช่ว่า ลางาน ๑๕ วันไปเที่ยวยุโรปหรือกู้เงินก่อนไป นั่นไม่ใช่การพักผ่อน รวมไปถึงการหายใจและสมาธิ ไม่ใช่หายใจยาวเฮือกเดียว ออกกำลังกายเช่นกัน ต้องให้ถูกให้ได้จุดสูงสุด มีคำถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าร่างกายมีท็อกซิน ดร.สาทิสตอบว่า ดูจากภายนอกทั่วไป ก็ดูจากปากคอหูตาจมูกอารมณ์ผิวพรรณ แต่ถ้าดูด้านวิชาการ ก็ต้องที่การ เจาะเลือด ทำอย่างไร ให้หลับลึก ก็ต้องทำให้ร่างกาย ผ่อนคลายซะก่อน แก้เรื่องเครียด เรื่องเกร็ง คิดมาก การผ่อนคลายทางกาย แล้ว ทำดีท็อกซ์ลดความอ้วนได้หรือเปล่านั้น ดร.สาทิสบอกว่า การทำดีท็อกซ์ ไม่ใช่การลดความอ้วน แต่เป็นการทำ เพื่อสุขภาพ ไม่ได้รักษามะเร็งแต่เป็นการนำเอาท็อกซินออก อีโมซิสเท็มจะดีขึ้น การทำดีท็อกซ์ไม่ได้รักษาลูคิเมีย (มะเร็งเม็ดเลือด) การทำดีท็อกซ์เพื่อจุดประสงค์เหล่านี้ทำได้ แต่ไม่รับรองผล ไม่แนะนำกาแฟผสมมะนาว ดร.สาทิสยังกล่าว ต่อไปว่าอะมิโนแอซิดก็มีความสำคัญมากเช่นกัน มีอยู่ในอาหารมังสวิรัติด้วย รวมถึงเรื่องการแนะนำไม่ให้กินของหมักของดอง

สุดท้ายก่อนจบการบรรยาย สมณะเพาะพุทธหรือท่านจันทร์จากรายการทุกข์ปัญหาชีวิต แจกมะพร้าวกับขนุนเป็นยวงๆ ให้กับดร.สาทิส ครั้งนี้ ตัว ดร.สาทิสเองกล่าวติดตลกว่า ต้องกิน ผลไม้เหล่านี้ทั้งเปลือกก็จะดีมากๆ อย่างไรก็ตาม การมาบรรยาย ที่พุทธสถานสันติอโศก ครั้งนี้ลดชั่วโมง เพราะตัว ดร.สาทิสเอง ติดภารกิจที่ จ.กระบี่ ต้องเดินทางไปดอนเมือง ภายในเวลา ๑๖.๐๐ น.

สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ คงจะหายสงสัยกันสักทีว่า การทำดีท็อกซ์ทำเพื่ออะไร และจะปฏิบัติตนให้มีสุขภาพดี ได้อย่างไรโดยไม่โต่ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า การดำรงชีวิตประจำวันของแต่ละคนเป็นอย่างไร หนักไปทางด้านไหน อารมณ์ อาหาร อิทธิบาท พอเหมาะ และเหมาะสมหรือยัง "สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง" สุขภาพของคุณจะดีหรือแย่ขนาดไหน ขึ้นอยู่กับตัวเอง วันนี้คุณหันมาใส่ใจ กับสุขภาพของตนแล้วหรือยัง?

ด้วยความปรารถดีจากคนรักสุขภาพ

* Detox (ย่อมาจาก Detoxification) แปลว่า การเอาพิษออก

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


รู้เรารู้เขา

- เก็บมาฝากโดย เศษเหล็ก -

ป้ายโลโก้ลูกโลกสีเขียวสลับสีน้ำเงินที่ติดอยู่หัวเสาตรงประตูทางเข้าหน้าร้าน One World Cafe บนถนน ๔๑ สตรีต ๓๐๐ อีสต์ เมืองซอลต์ เลก ซิตี้ รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่าคุณได้มาถึงร้านอาหารคุณภาพของแท้ ที่เปิดให้บริการในคอนเซปต์ "ไม่มีเมนูให้เลือก ราคาตามอำเภอใจ (คนกิน)" แล้ว ซึ่งเจ้าของร้านยืนยันว่าร้านแบบนี้มีที่นี่ เพียงที่เดียวในโลก

ร้านอาหารที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย บรรยากาศสบายๆ เลือกรับประทานอาหารทั้งคาวหวานใดใดก็ตามที่ เดนิส เซอร์เรตา ชาวรัฐโอไฮโอเดิม วัย ๔๑ ปี ผู้เป็นทั้งแม่ครัว เจ้าของร้าน คิดเมนู และปรุงขึ้นใหม่ชนิดวันต่อวัน ทั้งขนมปัง, ซุป, สลัด ๑-๒ ชนิด, กีเช่, อองเทร่, พาสต้า, มะกะโรนี และ ชีส ของหวาน เค้กชนิดต่างๆ และผลไม้ แต่ไม่สามารถสั่ง รายการอื่นใด ที่ไม่มีตั้งอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ได้

หัวใจหลักสำคัญของรายการอาหารแต่ละอย่างที่เดนิสปรุงขึ้นเสิร์ฟนั้น อยู่ที่วัตถุดิบมีคุณภาพ สดใหม่ปราศจากการผ่าน กระบวนการ ปรุงแต่งสารใดๆ ถือเป็นกำไรอันสูงสุดของลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคเอง

เดนิสบอกว่า ลูกค้าจะตักอาหารกินมากเท่าใดก็ได้ แล้วแต่วิจารณญาณและกระเพาะของลูกค้าที่บรรจุได้ เมื่อทานอิ่มแล้ว ลูกค้าต้อง พิจารณาว่าอาหารที่รับประทานเข้าไปมื้อนั้น ควรจะมีราคาเท่าไรดี หรืออยากจะจ่าย มื้อนั้นเท่าใด ให้ไปจ่ายและก็หยิบเงินทอนเอาเอง ในตะกร้าสีน้ำตาล ที่ตั้งไว้ให้

แม้ One World Cafe เพิ่งเปิดให้บริการเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ก็มีลูกค้าแวะเวียนมาไม่ขาดสาย ด้วยติดใจในไอเดียที่แปลก แตกต่าง ของร้านอาหารแห่งนี้

เดนิสเผยถึงแรงบันดาลใจทำร้านอาหารไร้เมนู จ่ายในราคาตามใจคนกินแห่งนี้ว่า ต้องการให้ลูกค้าได้ทานสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย นี่จึงเป็นภารกิจคัดสรรวัตถุดิบในการประกอบอาหาร ที่มีคุณภาพ สดใหม่ ไร้การปรุงแต่งสารที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคแล้ว ยังต้องคำนึงถึง กำลังทรัพย์ในกระเป๋าของชุมชนแห่งนี้ที่มีระดับกำลังที่แตกต่างกันด้วย

แม้แนวคิดการทำร้านอาหารแบบนี้จะมีกลุ่มไม่เห็นด้วยที่คิดว่าเธออาจถูกลูกค้าเอาเปรียบ กินเยอะ กินของเหลือ จ่ายแต่น้อย

แต่จากประสบการณ์เปิดร้านมา เดนิสพบว่าสิ่งที่คนกลุ่มนั้นหวั่นเกรงกันไปไม่เป็นเช่นนั้น เธอกลับทึ่ง ในสิ่งที่ลูกค้าปฎิบัติ อย่างตรงไปตรงมา ไม่ฉวยโอกาส แม้มีโอกาสก็ตาม

เดนิสดำเนินธุรกิจในรูปแบบที่ดูเหมือน ไม่แสวงหาผลกำไร แต่เธอก็ยังเป็นผู้ประกอบการที่ยังคงต้องการ ผลกำไรอยู่บ้าง...

เมื่อร้านปิด เดนิสยังนั่งนับเงิน หักลบกลบต้นทุนแล้ว เธอยังมีเงินซื้อวัตถุดิบ มาปรุงอาหารและมีเหลือพอทำให้ One World Cafe ที่เธอเชื่อว่า ให้บริการแบบนี้ หนึ่งเดียวในโลกอยู่ได้ต่อไป.

(จาก นสพ.มติชน คอลัมน์ มอง(มุม)ผู้หญิง ฉบับวันเสาร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๔๖)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]



พรรษานี้...ที่ดงแหน่ง(ตอน ๒)
เสน่ห์ดงแหน่ง...

ร้อยเอ็ดอโศกมีภูมิประเทศคล้ายๆ บ้านราชฯ บ้านราชฯมีน้ำมูลไหลผ่าน ร้อยเอ็ดอโศกก็อยู่เกือบติดแม่น้ำชี มีที่ดิน ๗ ไร่ ของชาวบ้านกันอยู่ ซึ่งเจ้าของ เขาก็ถามเราอยู่ว่าสนใจไหม จะขายให้ ไอ้เรื่องสนนี่เราสนใจอยู่แล้ว แต่เงินนี่สิ ยังไม่มี

ตอนนี้เรามีที่ส่วนกลาง เกือบ ๑๐๐ ไร่ แต่คิดว่าอาณาเขตของเราคงไม่หยุดอยู่แค่นี้ ต้องขยายเพิ่มอีก เพราะที่มันถูกน่าซื้อมาก ขนาดคุณ คำเดื่อง ปราชญ์ชาวบ้านผู้โด่งดังมาเห็น ยังบอกว่า คุ้มเกินคุ้มไร่ละหมื่นได้ทั้งดินดีได้ทั้งป่าไม้ หน้าเห็ดมีเห็ดออกให้เก็บอีกต่างหาก อย่ารอช้าถ้าเงินมีรีบซื้อเลย

ช่วงปลายพรรษาฝนตกหนัก น้ำเลยมาก ไหลหลากท่วมนาชาวบ้าน แต่โชคดีร้อยเอ็ดอโศกตั้งบนโคกสูง น้ำท่วมยังไง ก็ไม่ถึง จึงท่วมได้เฉพาะทางเข้าด้านวัดเกาะแก้ว เวลามีผู้มาเข้าอบรมต้องจอดรถไว้ที่บ้านเหล่าแขม จากนั้นก็นั่งเรือต่อซึ่งเป็นเรือท้องแบน ที่ทางจังหวัดส่งมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมหนึ่งลำ พี่เลี้ยงชาวชุมชนเป็นผู้คอยพายเรือส่งสองเที่ยวสามเที่ยวก็หมดพอดี ก็ได้บรรยากาศแปลกๆไปอีกแบบ

สีสันงานอบรม...
ทางเข้าชุมชนลำบากขนาดนี้ คง ไม่มีใครหนีกลับบ้าน งานนี้ปิดประตูเลี้ยงแมวได้เลย แต่...พระเจ้า!เชื่อหรือเปล่า ยังมีคนหนีกลับบ้านอยู่ดี อบรมเกษตรกรจาก อ.เกษตรวิสัยรุ่นที่ผ่านมาโชคดีมาก มีปฏิบัติกรพิเศษ มาบรรยายให้ฟัง เช่น ครูระเบียบ ผู้รวมตัวก่อตั้งโรงปุ๋ยอัดเม็ด เงินล้าน บ้านตากแดดสุวรรณภูมิ มี อ.ขวัญดินคนเก่งคนดังเมืองศรีสะเกษ บรรยายเรื่องหมดหนี้แล้วรวย มีคุณวีระศักดิ์ เจ้าของร้านคลังยาอีสาน แห่งเสลภูมิบรรยายเรื่องสิทธิของชาวบ้านในการเขียนโครงการ ของบประมาณ จาก อบต. และยังมีคุณคำเดื่อง ภาษี ปราชญ์ ชาวบ้านผู้โด่งดังแห่งภาคอีสาน เป็นผู้คักแนเรื่องการทำนาฟาง นาสวนผสม และการปลูกป่า คุณคำเดื่อง เป็นญาติธรรมเก่า ซึ่งตอนหลัง หายหน้าหายตาไปจากหมู่กลุ่ม มาพูดเที่ยวนี้ จึงได้รับคำแซว จาก ผอ.ศูนย์กิจจา ว่าครูเปิ้ม ลุงอู๋ คุณคำเดื่อง หลายปีก่อนเคยไป ดูงานที่เกาหลีด้วยกัน พอกลับมาจากดูงาน ต่างคนต่างทำ มาเจอกันเที่ยวนี้ ทุกคนต่างได้ดิบได้ดีไปตามๆกัน แม้ขนาดคุณตะวันธรรม ผู้เคยร่วมลงสมัคร ส.ส.เมืองร้อยเอ็ด สมัยพลังธรรมฟีเวอร์ เจอคุณคำเดื่องเที่ยวนี้ต้อง ดูแล้วดูอีกที ไม่ได้เจอกันนาน เปลี่ยนไปเยอะเลย

สีสันด้านสุขภาพ
ร้อยเอ็ดอโศกบรรยากาศเป็นป่าอากาศดี หมอฟ้ารักจากสันติอโศกยังแอบหลบมาพักอยู่บ่อยๆ แต่มาทีไร ก็ไม่เคย เสียเที่ยว นอกจากจะมีรายการบรรยายพิเศษให้กับผู้เข้าอบรมแล้ว ยังช่วยดูแลเยียวยาพี่เลี้ยงชาวชุมชนที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ช่วยหมอนิ่มนวล อีกด้วย แถมเวลาว่างยังติวพิเศษเรื่องยาสมุนไพรให้ครูวรรณ เผื่อจะเอาไปสอบเอาใบประกาศรับรองเภสัชฯ เผื่ออนาคตข้างหน้า ชุมชนอาจมีโรงพยาบาล นอกจากหมอฟ้ารักแล้วยังมีแม่ครูหนูผู้คักแนเรื่องล้างจาน ญาติธรรมเก่ากลางใหม่คงรู้จักกันดี นอกจากครูหนู จะเชี่ยวชาญ ชุดเล็กชุดใหญ่แล้ว ยังมีคน ตั้งฉายาใหม่ให้อีกว่า ฝ่าเท้าอรหันต์ เพราะมีวรยุทธ์ในการนวดผู้ปวดเส้น ปวดเอ็น ปวดข้อ ปวดกระดูกด้วย ฝ่าเท้า หายมานักต่อนักแล้ว มาเที่ยวนี้ก็กำลังถ่ายทอดวิชาให้กับลูกหลานคนรุ่นใหม่ แตงไทย อาคมและกานต์ ซึ่งได้สอบผ่านหลักสูตรการนวดแผนไทย จากคุณน้อมบูชาด้วยคะแนนอันดับต้นๆเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ยังคุยกันอยู่เลยว่า ร้อยเอ็ดอโศก มียาสมุนไพร มากมายในป่ามีหมออยู่หลายคน ถ้าหากมีทุนน่าจะมีโรงซ่อมสุขภาพที่เป็นกิจจะลักษณะมีเตียงนอน มีห้องอบสมุนไพร จะได้ช่วยซ่อมแซม ดูแลชาวชุมชนที่เมื่อยล้าจากการทำงาน และเผื่อจะได้ดูแลพี่น้องญาติธรรมของเรา ที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียน จะได้มีสุขภาพที่ดี และแข็งแรงไว้ลุยงานต่อไป

- เคียงโคน รายงาน -




พฤ.๑๖ - พ่อท่านให้โอวาทพิเศษและตอบปัญหาแก่ชาวชมร.สาขาหน้าสันติอโศก เนื่องในโอกาสฉลอง ครบรอบ ๒๑ ปี (ตรงกับวันอาหารโลก) มีการทำบุญเหมาอาหารแจกฟรีทั้งร้าน

- ประชุมสุขภาพบุญนิยม มีตัวแทนจากชุมชนต่างๆ มาร่วมราว ๓๐ คน แลกเปลี่ยนประสบการณ์อายุรเวท เตรียมหลักสูตร อบรมค่ายสุขภาพ ๗ อ.

- กระเทียมแคปซูล ของชุมชนศีรษะอโศกได้รับคัดเลือกเป็นสินค้าดีเด่น หนึ่งตำบลหนี่งผลิตภัณฑ์ OTOP (One Tambon One Product) ลงหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ ๑๖ ต.ค. ๔๖

ศ.๑๗-ศ.๓๑ ตัวแทนสุขภาพบุญนิยมจากชุมชนต่างๆเดินทางไปอบรมเชิงปฏิบัติการด้านสุขภาพ ณ ประเทศไต้หวัน

ส. ๑๘ - ความคืบหน้าของการประชุมอาคารสันติมา จะก่อสร้างเป็นอาคาร ๕ ชั้น โดยแบ่งพื้นที่ใช้สอย ดังนี้ ชั้น ๑ ร้านค้า และโกดัง บจ.พลังบุญ ชั้น ๒ กลุ่มสัจจะออมทรัพย์สันตินาคร บุญนิธิ โครงการถอดเท็ปธรรรมะและแผนกบัญชี ชั้น ๓ ศูนย์ข้อมูล สำนักงาน องค์กรบุญนิยม ที่พักผู้มีอุปการคุณ ชั้น ๔ ที่พักพนักงาน บจ.พลังบุญ ชั้น ๕ ห้องประชุม

- สูตรสำเร็จของมนุษย์อาริยะ ๑. มักน้อย ๒. สันโดษ ๓. สมรรถนะ ๔. ขยัน ๕. สร้างสรร ๖. เสียสละ

อา. ๑๙ - ดร.สาทิส อินทรกำแหง บรรยายพิเศษ การดูแลสุขภาพองค์รวมอย่างไรให้ไม่โต่ง การกิน การทำงาน การพักผ่อน การนอน การออกกำลังกาย การดีท็อกซ์(เป็นการเอาพิษออกจากร่างกาย ไม่ใช่การรักษามะเร็ง) ณ ชุมชนสันติอโศก กรุงเทพฯ

จ. ๒๐ - พ่อท่าน ทำวัตรเช้า ฉลองสนาม เป็นการเปิดใช้สนามหญ้าบ้านดอกไม้ครั้งแรก และเป็นวันแรกของการเปลี่ยนแปลง วันทำวัตรเช้า เป็นวันจันทร์ (แทนวันเสาร์) ซึ่งบ้านราชฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นวันจันทร์แล้วเช่นกัน เพื่อให้ผู้ทำงานในองค์กรต่างๆ ได้มีโอกาสได้มาร่วมฟังธรรมพร้อมเพรียง กัน ณ บ้านดอกไม้ ชุมชนสันติอโศก (ทำวัตรเช้าจะเป็นวันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พฤหัส)

- มีข่าวดีมาบอก กำหนดงาน คืนสู่เหย้า เข้าคืนรัง นศ.ปธ. ส.๑๗ - อา.๑๘ ก.ค. ๒๕๔๗ (ปีหน้านะจ๊ะ) ณ ชุมชนสันติอโศก กรุงเทพฯ ศิษย์เก่า นักศึกษาผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่าน อย่าพลาด และช่วยกันบอกต่อเพื่อนๆด้วย

- แจ้งหมายเลขโทรศัพท์พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ จ.เชียงใหม่ ๐-๕๓๒๒-๘๕๕๘ ถึง ๙

- กำหนดการประชุมองค์กรต่างๆในงานมหาปวารณา ครั้งที่ ๒๒ วันที่ ๕-๙ พ.ย. ๒๕๔๖ ณ พุทธสถานปฐมอโศก

พฤ. ๖ พ.ย. - คกร.สัมมนา, การศึกษาบุญนิยม
ศ. ๗ พ.ย. - คกร. บัญชี/การเงิน , กรรมการบริหารพรรค
ส. ๘ พ.ย. - ตลาดอาริยะ, พรรคเพื่อฟ้าดิน , องค์กรบุญนิยม / * ตอบปัญหา "หนังสืออโศกพันธุ์แท้"

- ขอเชิญชวนสมัครสมาชิกสั่งจองหนังสือชุด (๗ เล่ม) "องค์กรบุญนิยม" (โพธิรักษ์-โพธิกิจ ภาค ๒) ประกอบด้วย ๑.ศาสนาและการสื่อสาร ๒.การศึกษา ๓.เศรษฐกิจ และการเงิน ๔.กสิกรรม ๕.การเมืองและอุตสาหกิจ ชุมชน ๖.สุขภาพและการบริโภค ๗.ชุมชน สังคมและ สิ่งแวดล้อม ราคา ชุดละ ๕๐๐ บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ นางสาวสุพิณทอง นิ่มนวล หรือ อุบาสิกาน้ำคำ ป้องกันภัย พุทธสถาน สันติอโศก กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐, ๐-๒๗๓๓-๖๒๖๘

- ขอเชิญฟังพ่อท่านบรรยายพิเศษเรื่อง วิถีชุมชนกับการพัฒนาสุขภาวะจิตวิญญาณ วันที่ ๑๑ พ.ย. ๑๕.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ในงาน รวมพล คนสร้างสุข ๑๐-๑๒ พ.ย. ๒๕๔๖ เนื่องในโอกาสสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ครบรอบ ๒ ปี ณ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี



ชื่อเดิม นางประกาย อโศกตระกูล
ชื่อใหม่ ประกายฟ้า
เกิด พ.ศ. ๒๔๘๐ อายุ ๖๖ ปี
ภูมิลำเนา นครราชสีมา
การศึกษา ป.๔
สถานภาพ หย่า บุตร ๔ คน
ส่วนสูง ๑๕๓ ซ.ม.
น้ำหนัก ๔๘ กก.

คุณป้าประกายฟ้า เป็นญาติธรรมเก่าแก่รุ่นกองทัพธรรม ตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ ประสบการณ์ชีวิต มากมายทีเดียว อยู่ช่วยงานที่สีมาอโศก ตั้งแต่ปี ๒๕๓๒ ไปรู้จักคุณป้ากันค่ะ

*** ชีวิตฉากที่ ๑
มีพี่น้อง ๔ คน ป้าเป็นคนที่ ๓ เป็นลูกสาวคนเดียว พ่อหวงมาก เป็นเด็กแก่น พ่อแม่เป็นชาวนา ทำไร่ทำนา อยู่บ้าน หนองเลียบ เรียนจบ ป.๔

แต่งงานตอนอายุ ๑๗-๑๘ ปี เจอกันเมื่อเขามาเยี่ยมยายของเขาที่จักราช แล้วติดต่อมาทางผู้ใหญ่ ตอนเขามาขอ ก็ร้องไห้ ไม่อยากแต่งงาน แต่พ่อแม่อยากให้เป็นฝั่งเป็นฝา จะได้ตายตาหลับ พ่อบ้านเป็นลูกครึ่ง ฮินดู-จีน จบจากมหาวิทยาลัย บอมเบย์ ทำงานในแคมป์ เฟรนด์ชิฟ อยู่ด้วยกัน ๒๐ ปีก็แยกทาง

*** ชีวิตฉากที่ ๒
หลังจากหย่าป้าเข้ากรุงเทพฯ ชีวิต ต่อสู้มากมาย โดนกลั่นแกล้ง ทำงานหลายแห่ง เป็นแคชเชียร์ร้านจิวเวลลี่
ที่ดอนเมือง เป็นช่างเสริมสวย เป็นรีเซฟชั่นที่ตึกคราวน์ที่สีลม เป็นโอปะเรเตอร์ที่ซาวน่าเฮลท์คลับ ไปทำงานต่างประเทศ เป็นแม่บ้าน สถานฑูต อังกฤษ อเมริกัน สวิสฯ เป็นแห่งสุดท้าย ตอนนั้นแต่งตัวเฟี้ยวมาก ชอบเต้นรำ ชอบซิ่ง ชอบสังคม รู้จักคน ระดับสูงๆ

แม้จบ ป.๔ แต่ป้าเรียนภาษาอังกฤษ ด้วยตนเอง พูด-อ่าน-เขียนได้ ทำงานกับคนต่างประเทศ จึงพูดภาษาอังกฤษ รู้เรื่อง แต่ไม่ได้พูดมานานแล้ว

*** ชีวิตฉากที่ ๓
ปฏิบัติอยู่ที่ธรรมกายมาก่อน ได้ ไปเยี่ยมลูกสาวคนเล็กซึ่งเรียนรามคำแหง ที่หอพัก เจอชาวอโศกแต่งตัวมอซอ ไม่ใส่รองเท้า ก็สนใจ ลูกสาวจึงนัดให้ญาติธรรมมาคุย เมื่อเจอหน้ากันเขาเข้ามากราบ จึงคิดว่าอุ๊ย! ทำไมพระโพธิรักษ์ สอนลูกศิษย์ดีอย่างนี้ ประทับใจ น้ำตาซึม

มีโอกาสไปกองทัพธรรม ปี ๒๕๒๕ ที่พัทลุง เห็นคนปฏิบัติธรรมเกิดศรัทธา เห็นคนมากราบพ่อท่าน ประทับใจจน น้ำตาไหล เริ่มกินมังสวิรัติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ช่วงนั้นยังทำงานที่สถานฑูต สวิสฯ เสาร์-อาทิตย์ก็ไปนอนค้างที่บ้านป้าสำอางค์ ที่สันติฯ ปี ๒๕๓๒ ก็ลาออก ไปอยู่ช่วยขายอาหารมังสวิรัติที่ ชมร. โคราช ปลูกบ้านที่สีมาฯเมื่อปี ๒๕๓๔ มาอยู่ตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ จนถึงทุกวันนี้

ทุกวันนี้ช่วยงานอบรม ทำครัว ร้องเพลง รำบ้าง ช่วงหลังสิกขมาตุท่านเตือนว่า ป้าแก่แล้วไม่ต้องไปเต้นไปรำ กับเขาหรอก ป้าเคยร้อง เคยเต้น อดีตเท้าไฟ ก็เพลาๆลง ใจไม่ไปแล้ว จิตไม่มีแล้ว แต่ปรุงให้เขา ก็ปรุงไม่ออก เราฝึกมาทางนี้ จนชินแล้ว

*** ชีวิตเปลี่ยนแปลง
ชอบแต่งตัว ชอบความสวย แล้วยังเป็นช่างเสริมสวย ก็ลดการแต่งตัวได้ สภาวจิตก็ดีขึ้น เมื่อก่อนห่วงลูก ห่วงหลาน ตอนนี้ก็ไม่ห่วงมากเหมือนก่อน ทุกคนช่วยเหลือตัวเองได้ มีความสุขอยู่กับการฟังธรรม การปลูกผัก ปลูกต้นไม้

*** ก่อนจบฉากชีวิต
ตั้งแต่สมัยท่านมนาโปมาอยู่ที่สีมาฯ ป้าเคยบอกลูกว่า ถ้าแม่ตายก็เผาแม่ที่นี่ ไม่กลัวตาย ทำใจได้ ทรัพย์สมบัติยกให้ลูกหมดแล้ว บอกลูกทั้ง ๔ คนว่า อย่าแย่งศพแม่นะ ต้นโพธิ์ที่สีมาฯคือที่เผาศพ ของแม่ พาลูกมาดู ตายที่ไหนก็เผาที่นั่น เอาศพไว้คืนเดียวก็พอ ลูกหลานคนไหนไปไม่ทันก็ไม่ต้องรอ ตายก็ไม่บอกญาติ ทางโลก

อายุจะ ๗๐ แล้ว จะตายวันไหนก็ไม่รู้ นึกถึงความตายวันละหลายครั้ง น้องชายเขาก็ว่า ทำไมพูดอย่างนั้น ป้าก็เลยบอกไปว่านี่คือนักปฏิบัติธรรมของสมณะโพธิรักษ์

*** ฝากสุดท้าย
ผู้ที่ยังทำใจไม่ได้ขอให้ทำใจ ทรัพย์สมบัตินั้นก็ไม่ใช่ของเราหรอก เราตายไป เราเอาไปไม่ได้ ขอให้เอาธรรมะ ให้ปฏิบัติธรรมให้ดีที่สุด ให้เคร่งในศีล ให้เป็นคนดีมีศีลบริสุทธิ์เช่นของพ่อท่านป้าชัดเจนว่าทรัพย์สมบัตินั้นไม่สามารถติดตัวข้ามชาติ มีแต่กรรมดี-ชั่วเท่านั้นที่ติดตัวไปทุกชาติ แล้วท่านล่ะ! วันนี้...สะสมอะไรให้กับตัวเอง ระวัง!ชักช้าจะหมดโอกาสนะ.

- บุญนำพา รายงาน -


เชียงรายอโศกพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตเกษตรกร

ก่อนนั้นกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมเชียงรายอโศก เงียบเหงามาก ไม่มีกิจกรรมอะไรอื่น นอกจากการพัฒนาบ่มเพาะตัวเอง
ประหนึ่งว่าอยู่ในครรภ์ ญาติธรรมมาเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์และวันประชุมประจำเดือน สมณะก็จรมาเป็นครั้งคราว
ฟังธรรม กินข้าวแล้วฮอมแฮงทำงานและกลับบ้าน

พอมีโครงการนี้เกิดเท่านั้น หลายคนทำงานตัวเป็นเกลียว ทำจนสุดความ สามารถและเกินความสามารถ ต้องพัฒนาตัวเองทุกด้าน เสียสละทั้งแรงกาย แรงทรัพย์ แรงสติปัญญา ญาติที่ยังทิฐิไม่เหมือนกัน อีกทั้ง ความสุขโลกีย์ ก่อเกิดทีมวัวงานพลังหนุ่มสาวเข้ามาอยู่ประจำที่ชุมชน ผู้อายุยาวมาเป็นกำลังใจ และเป็นกองเสบียง โดยเฉพาะพระคุณเจ้าท่านสมณะเลื่อนฟ้า สัจจเปโม ท่านหินเพชร ธัมมธีโร คอยให้ความเมตตาสั่งสอนธรรมะแล้วยังพาลุยงานก่อสร้าง วางแผน กิจวัตร กิจกรรมและกิจการ หลายครั้ง เริ่มตั้งแต่ตี ๓ เลิกเที่ยงคืน และสมณะจากพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ ญาติธรรมจาก ฮอมบุญอโศก ลานนาอโศก ญาติธรรม แทบจะทั่วประเทศให้การสนับสนุน พวกเราเหนื่อยแต่ก็มีความสุขใจ

และแล้วการอบรมหลักสูตรสัจธรรม ชีวิต รุ่นที่ ๑ ก็เริ่มขึ้นในวันที่ ๖-๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ สมณะและ ญาติธรรม ทั่วประเทศ โดยเฉพาะหมู่เฮาจาวเหนือมาช่วยกันมากมาย ท่านรุ่งฤทธิ์ มกรพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็มาให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน และบรรยายพิเศษให้กับคนของแผ่นดินด้วย พวกเราฟุ้งซ่าน ห่วงไปแทบทุกอย่าง บรรยากาศระหว่าง การอบรมสนุกสนานและมีสาระ งานจบลงด้วยความปีติทั้งสองฝ่ายเพราะความสามัคคีของหมู่เราแท้ๆ

มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างปี ๒๕๔๔-๒๕๔๖
๑. โรงเห็ด
๒. แปลงกสิกรรม ๑๑๐ ไร่ - สวนส้ะป๊ะ /สวนง่ายงาม / สวนดอยงาม / สวนอิทธิบาท / สวนพละ ๕ / สวนดอยรายปรายฟ้า
๓. ญาติมาปลูกบ้านในชุมชนเพิ่มขึ้น
๔. ร้านค้าฮ่วมใจ๋
๕. โฮงสีข้าวกล้อง
๖. โฮงปุ๋ยชีวภาพ
๗. ที่พักชาย-หญิง
๘. โรงเรียนสัมมาสิกขาเชียงรายอโศก (สสร.)
๙. เครือข่ายตลาดไร้สารพิษ
๑๐. หลังออกพรรษามีสมณะมาดูแล ให้คำปรึกษา
๑๑. อื่นๆที่เป็นเครื่องอยู่อาศัยอีกมากมาย

นี่เป็นเพราะการทำงานโดยนำ พุทธศาสนาหรือเรียกว่าระบบบุญนิยมที่พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์พานำ ชาวชุมชนเชียงรายอโศก กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

- ต้นเสียงธรรม รายงาน -


 

สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำ
อบรมเยาวชนคนสร้างชาติ

เมื่อวันที่ ๑๒-๑๖ ต.ค.๔๖ ชุมชนหินผาฟ้าน้ำได้จัดอบรมค่ายเยาวชนคนสร้างชาติ ในโครงการพลังกู้ดินฟ้าประชาเป็นสุข ให้กับนักเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ จำนวน ๑๔๒ คน จาก ๙ โรงเรียนของจังหวัดขอนแก่น ทำให้พวกเราชาวชุมชนนักเรียนสัมมาสิกขา ตลอดจนสมณะ ได้มีโอกาสสั่งสมบุญ กันอีกครั้ง ด้วยการจัดกิจกรรมให้เขาได้ซึมซับเอาวัฒนธรรม ความเป็นอยู่และวิถีชีวิตเรียบง่าย ของชาวอโศก โดยแทรกไปกับการบันเทิงสนุกสนานอย่างมีสาระ แม้ธรรมะรับอรุณในภาคเช้าและก่อนฉัน สมาชิกก็ตอบรับ ด้วยการมีส่วนร่วมถาม-ตอบปัญหากันอย่างร่าเริงยินดีสนใจและเข้าใจสัจจะความจริง หลายอย่าง เพิ่มขึ้น เด็กมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ในเชิงพัฒนาจิตใจและจริยธรรมพื้นฐานในทิศทางที่ดี จากการสรุปประเมินผลของครูที่นำมาและรับผิดชอบดูแลเด็กนักเรียน ทำให้ทราบว่าการเข้าค่ายครั้งนี้ ได้ผล ดีมาก "บรรลุเป้าหมายเกินคาด" ครูผู้นำนักเรียนมาเข้าฝึกอบรมกล่าว

สำหรับพวกเราเองก็ได้กำไรอาริยะกันมากน้อยตามอินทรีย์พละของแต่ละคน ที่จะเก็บเกี่ยวเอาประโยชน์ จากการทำงาน ครั้งนี้ แต่อย่างน้อยก็ได้พัฒนาศักยภาพพัฒนาคุณธรรมจิตใจแข็งแกร่งมั่นคงยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีและเป็นที่พึ่งของสังคมให้ได้จริงๆ

วันที่ ๑๘-๒๐ ต.ค.๔๖
นักศึกษาชาวต่างประเทศจากอเมริกาจำนวน ๑๕ คน มาศึกษาดูงานในเรื่องศาสนาพุทธ วิถีชีวิตของชุมชน ยั่งยืน เกษตรไร้สารพิษ ทางชุมชนได้จัดกิจกรรมโดยแบ่งกลุ่มให้เข้าฐานงานอาชีพ ๓ กลุ่ม คือ ๑.กสิกรรม ๒.โรงสีข้าว (ซ้อมมือ, ครกกระเดื่อง) ๓.ทำอิฐดินบ้านดิน ภาคเช้าของทุกวันตื่นทำวัตร สมณะเทศน์อธิบายเนื้อหาธรรมะแนวคิดคำสอนของศาสนาพุทธ มีการถามตอบปัญหาแลกเปลี่ยน ความคิดเห็น ด้วยเหตุผลและประสบการณ์ของ นักศึกษา และได้รับการชี้แจงตอบปัญหา ในประเด็นต่างๆที่สงสัยได้อย่างชัดเจน ทำให้ได้รับประโยชน์สูงทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการได้ประสานสัมพันธ์จิตวิญญาณ ที่เป็นแนวร่วมอุดมการณ์ ที่จะทำให้โลกนี้ เกิดสันติธรรมอย่างแท้จริง

จากการสรุปประเมินในรายการเปิดใจ ได้ทราบสิ่งที่เขาสะท้อน ออกมาจากใจว่า

-การได้ถอดรองเท้าเดินได้สัมผัสดินเป็นสิ่งที่วิเศษสุดที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน-ประทับใจน้ำใจของชาวชุมชน ในการต้อนรับ การให้บริการช่วยเหลือ การเป็นเจ้าของบ้านที่ดี

-เด็กๆบริสุทธิ์ มีน้ำใจมีมนุษยสัมพันธ์ ร่าเริงแข็งแรง ชุมชนอโศกเป็นชุมชนที่น่าอยู่ที่ประเทศเขาไม่มี เขาจะนำชีวิตแบบนี้ไปปรับใช้กับตัวเอง ทุกคนพอใจทึ่งกับชีวิตแบบนี้.


 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๒,๐๐๐ ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]