561102_รายการสงครามสังคมฯ ที่สวนลุมฯ
พ่อครู สมณะโพธิรักษ์

เรื่อง ถ้ามาล้านคนเป็นสงครามครั้งสุดท้าย

 

        พ่อครูจัดรายการที่สวนลุมฯ เสาร์ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)...

เรื่องที่กำลังร้อนฉ่าคือ “การเมือง” เป็นคำดี ไม่ใช่คำเสีย แต่คนปฏิบัติ เรื่องการเมือง จนชั่ว เลว การเมือง เลยเป็นคำเสีย คนรังเกียจ ก็เลยพลอยรังเกียจ พฤติกรรม การทำการเมืองด้วย เพราะรังเกียจ ตัวนักการเมือง ที่ทำเลว ทำร้าย ทำเสีย คนเลยพาลเกลียดไป แม้แต่ชื่อการเมือง ความหมาย เรื่องการเมือง เลยเสียหมดเลย นี่คือความซวย ที่ทำสิ่งดี เป็นสิ่งเสียหาย บาปกินหัว เป็นสัจจะ

        และก็ไม่สามารถเปลี่ยนคำนี้ได้ ก็เลยต้องมาทำการเมืองให้ดี คืองานที่ทำให้ บ้านเมือง พลเมือง ดีขึ้น ไม่ใช่เลวลง ใครจะทำเสีย เราก็ต้องมากู้กลับ ให้ดีคืนมา ตั้งใจอย่างนั้นนะ 

        ที่จริง ไม่ว่าจะคอมมูนิสต์ หรือเผด็จการ หรือประชาธิปไตย คือเนื้อหาเหมือนกัน เป็นงานการเมือง ที่เนื้อหาเหมือนกัน คือให้ประชาชน อยู่เย็นเป็นสุข พวกเผด็จการ ที่มีคุณสมบัติ เช่นนี้ ทำให้ประชาชน อยู่เย็นเป็นสุข ก็เข้าเป้า จะมีวิธีการอย่างไรก็ตาม ประชาธิปไตยคอมมูน ก็ตาม เข้าใจได้ไม่สับสน จะไม่ทะเลาะกันว่า เป็นระบอบไหน แต่ดูเนื้อหาเป็นหลัก และ ของพระพุทธเจ้านี้ เยี่ยมยอดกว่าเผด็จการ หรือคอมมูน เป็นประชาธิปไตย ที่มีเนื้อหาสาระ สุดประเสริฐ พระพุทธเจ้า คือจอมเผด็จการ  ทุกคนยกให้ มั่นใจความซื่อตรง มั่นใจใน กายวาจาใจ ของพระพุทธเจ้า ที่มีพระกรุณาธิคุณ ปัญญาธิคุณ บริสุทธิคุณ ครบบริบูรณ์ ตรีมูรติ สามอย่าง มีพระกรุณาธิคุณ มีเมตตา ทำอย่างเห็นๆเลย กับมนุษยชาติ อย่างชัดเจนถูกต้อง จะอยู่ในชื่อ เรียกอะไรก็ตาม ท่านออกกฎหมาย ออกธรรมนูญ บัญญัติ ศีล วินัย ต่างๆ ท่านบัญญัติ ของท่านเอง ทุกคนยอมให้หมด มาถึงวันนี้ ก็แก้ของท่านไม่ได้ ของท่านสมบูรณ์สุด ultimate สุดยอดแล้ว ไม่ต้องแก้ไข เป็นคำสอนที่เก่าสมัย ใหม่เสมอ เมื่อไหร่ก็ของเก่า ทุกสมัย แต่ใหม่ไม่เคยเปลี่ยน นำสมัยด้วย ก้าวหน้ากว่า สังคมไหนๆเลย

        ขออภัยที่ต้องพูดยกยอมาก คือประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า เหนือชั้นกว่า ทุกประเทศ แม้อังกฤษ เป็นต้นตำรับ ประชาธิปไตย แม้อเมริกาที่ยอมรับกันว่า ประชาธิปไตย สุดยอด แต่ของพระพุทธเจ้า เหนือกว่า ที่เป็นประชาธิปไตยสองขา อเมริกาเป็นประชาธิปไตยขาเดียว แล้วไปหาว่า คอมมิวนิสต์ เป็นวัตถุนิยม

        พระพุทธเจ้าในยุคของท่าน ศาสนาท่านยิ่งใหญ่ ขนาดแคว้นที่ใหญ่ๆ ใหญ่กว่า แคว้นศากยะ ของพระพุทธเจ้า เขาก็ยกให้ท่านหมด ยกให้ท่าน เป็นเอกหมด ไปไหน ก็เหมือน มีธรรมนูญของท่าน ทุกคน ยอมหมดเลย มีประสิทธิภาพสุดยอด อาตมาดีใจมาก ที่สัจธรรมพระพุทธเจ้า บรรลุแล้ว คนนำมา ปฏิบัติตาม จนได้ผล มีคอมมูน ระดับ สาธารณโภคี ที่นำมาปฏิบัติได้

        มีลักษณะชุมชนหมู่ชน ที่เป็นหนึ่งเดียวกัน กินใช้ข้าวของร่วมกัน เป็นจริงนะ ท่ามกลาง สังคมโลก ที่แสนจะเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ รวยไม่เสร็จ ใช้ความรู้ความสามารถ ซับซ้อน หลอกกัน จนคนรวยคนจน มีช่องว่าง ห่างกันลิบเลย คอมมูนสาธารณโภคี จึงเหมือนใหม่มาก แต่ที่จริงของเก่า ของพระพุทธเจ้าเลย มันเหนือชั้นกว่าเขาเลย ยุคพระพุทธเจ้า ก็เหนืออยู่แล้ว ยิ่งยุคนี้ ยิ่งเหนือกว่า มากเลย เพราะคนใช้อำนาจซับซ้อน ในสมัยพระพุทธเจ้า จำกัดการใช้อำนาจ ในคนส่วนน้อย แต่ทุกวันนี้ เฉลี่ยไป มากคนหน่อย แต่คนที่อยู่สูง ก็ข่มคนที่อยู่ใต้อำนาจ มันเฉลี่ยคนข่มมากขึ้น ไม่ใช่ยุคทาส ในยุคทาส มีนายทาส จำนวนคนข่มน้อย บุคคลถูกข่ม เอาเปรียบกระจาย แต่ทุกวันนี้ คนข่มกัน มากขึ้น สมัยโน้น ทาสไม่มีสิทธิ์ ไปข่มกัน แต่ยุคนี้ ข่มกันหมดเลย ไล่เป็นลูกระนาดเลย  ข้างล่างแบน ตะแล๊ดแต๊ดแต๋เลย

        มาพูดในปัจจุบันธรรม ประชาธิปไตยของไทย กำลังดำเนินไป กำลังอภิวัฒน์ พัฒนาไป เห็นว่า กำลังยอดเยี่ยมจริงๆ เป็นแต่เพียงว่า คนไทยที่ยังไม่กระเตื้อง ติดอยู่ที่อัตตา ยึดเชิงนั้นเชิงนี้ มีอัตตา กับกาม

        กามนี่เสพรสอร่อย เสพรสทางรูป เสียงกลิ่น รสทางทวาร ๕ พอได้เสพสมใจ ก็ชื่นชมยินดี ในโลกียสุข ส่วนสุขของการบำเรออัตตา ไม่ได้บำเรอทวาร ๕ แต่บำเรอ การพอใจในอำนาจ นอกไปจาก รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ละเอียดมากมายกว่า เป็นนามธรรม เช่น ได้ลาภมาสุข มันก็เป็น อัตตาแล้ว ได้ยศได้สรรเสริญ ก็เป็นอัตตา หรือ ได้สมมานะ ก็เป็นอัตตา ขณะนี้ถ้าพวกเรา แก้ไขได้นะ เข้าใจได้ว่า อันนี้เป็นมานะ นะ

        เช่นว่า เราออกมานี่ ต้องชนะ ถ้าไม่ชนะไม่ออกมา เสียหน้า นี่แหละคืออัตตา  เสียเหลี่ยม ลูกกำนัน เสียเหลี่ยม ลูกขอทาน เป็นต้น ตั้งเป้าว่าต้องชนะ

        ถ้าบริบทของทหาร ต้องมีเป้าว่าจะชนะ ถ้าไม่ชนะเสียหายทั้งประเทศ หรือ เพชรฆาต ในบริบทเขาต้องทำหน้าที่ฆ่า ใครจะด่าว่า จะบาปบุญ เขาสมัครมาทำ ก็ต้องทำ ส่วนเรื่องวิบาก ก็เรื่องของเขา เขาต้องรับกรรมของเขา

        ๑.งานการเมืองต้องทำเพื่อคนส่วนใหญ่
        ๒.ต้องเป็นนิติธรรม เป็นความดีที่ลึกซึ้ง เข้าใจกันได้  มีความลึกซึ้ง ซับซ้อนด้วย เช่น ทำแล้วชนะ ต้องไม่รวย ดีไม่ดี เสียสละซ้อนด้วย ไม่รวยแน่ อย่างนี้เป็นต้น ที่บอกว่า คนชนะ ต้องได้ตอบแทนนั้น ไม่ใช่การเมือง แต่ถ้าได้มา เพื่อแก่ส่วนรวม ไม่เสีย แต่ถ้าได้มา เพื่อส่วนตัว จะเสีย

        ตอนแรก พวกแดงก็ว่า เขาเป็นประชาธิปไตย พอกฎหมายนิรโทษกรรม ออกลาย ก็เลยรู้ว่า เพื่อคน คนเดียวนี่หว่า ใช้เราเป็นเบี้ย เป็นลูกกะโล่ พวกฝ่ายแดง ที่ฉลาด ก็ชักรู้ตัว ว่าถูกหลอก ให้ทำเพื่อ คนๆเดียว ประเด็นที่ว่า จะนิรโทษให้คนฆ่า ใครฆ่า เขาก็ไม่ยอมให้นิรโทษทั้งนั้น ไม่ว่าฝ่ายไหน ต้องเอาเรื่องสิ เขาฆ่าญาติข้านะ กูไม่ยอมสิ ลูกเสธ.แดงก็ไม่ยอม จตุพรก็ไม่ยอม แต่ว่าอาจมีอะไร ซับซ้อนน่าดูเลย  เอามายกตัวอย่างนะ ใครทำชั่ว ก็ได้ชั่วเอง จิตอาตมา เป็นกุศลนะ ไม่โง่ทำจิตอกุศล แต่อธิบายสัจธรรม ดูเหมือนข่ม ติเตียนเขา แต่ถ้าตื้นๆก็ว่า ตำหนิข่มใคร ก็เพราะเกลียด แต่ที่จริง ไม่มีจิตข่ม คนชั่วก่ำต่ำอยู่แล้ว ไม่ต้องข่มให้เมื่อย ไม่ต้องข่มให้เสียแรง เขาต่ำอยู่แล้ว

        ขณะนี้การเมืองไทยเจริญขึ้น แต่คนก็ยังเห็นแก่ตัว ยึดตัวตน ไม่อยากเสียเวลา แรงงาน เสียเวลา ทำมาหากิน เป็นอัตตามานะ ทั้งสิ้น ถ้าเสียสละได้ เพื่อเหตุการณ์ร้ายแรง ที่เกิดเพิ่มเรื่อยๆ

        ประชาธิปไตยคือ ประชาชนออกมา แสดงคะแนนเสียง ๑ คน ๑ เสียง ๑๐๐ คน ๑๐๐ เสียง ล้านคน ล้านเสียง ไม่ต้องรอไปเลือกตั้ง ออกมาเป็นคะแนน สดๆเลย อย่างกฎหมาย นิรโทษกรรมนี่ ที่ผ่านวาระ ๓ แล้วนี้ แม้ไม่สมบูรณ์ ต้องผ่านอีกหลายด่าน มีบางคนว่า จบผ่าน ๓วาระแล้วก็เสร็จ แต่ว่าต่อให้จบแล้ว เขาก็แก้ได้ พวกแดงนี่แหละแก้ได้ ทีที่ศาลตัดสินแล้ว ยังแก้ได้เลย ให้ติดคุกไปแล้ว เสร็จฏีกาแล้ว ยังจะมาล้างผิดได้ เอ็งเอาเปรียบ มากไปไหมนี่ ใช่ไหม? คือทำอะไร น่าเกลียด ก็ไม่รู้ตัว เขาก็เห็นว่า พวกเรากินหญ้า

        ขณะนี้ ประชาชนก็ออกมามาก แต่ยังไม่พอ พวกเขาก็พยายามยุแยง ให้พวกเราแตกกัน พวกเรา อย่าเอาเรื่องเล็ก ให้งานใหญ่เสีย พวกเรามารวมตัวกันให้ดี อยู่ให้ได้ เขาให้ไปรวมตัวกันที่ไหน ก็ไปได้เลย เหมือนนินจา หายตัวได้ วับๆๆๆ เลย พวกเราเข้าใจแล้ว ก็ออกมากัน ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ... ไม่อยากพูดนะว่า... ที่จะพูดต่อไปนี้ ไม่ได้อยากพูดนะ ... อาตมาว่าคราวนี้ มันน่าจะเป็น สงครามครั้งสุดท้าย แต่เงื่อนไขมีว่า... ประชาชนต้องออกมาเป็นล้าน ถ้าออกมาเป็นล้านแล้ว ไม่ครั้งสุดท้าย ค่อยจับอาตมา ไปประหารชีวิต

        ใครมีอัตตา รู้ตัวว่ามีอัตตามาก ก็เอาอัตตาใส่เซฟ แล้วลงกุญแจไว้ ๘ ชั้นได้ไหม ใครเห็นด้วยปัญญาอันยิ่ง ก็ออกมาเลย มาสัก ๕ ล้านได้ ถ้าไม่ชนะ ให้ตัดคอเลย จริง

        ดูอาตมาทำลีลา ไม่ดูสงบเรียบ ไม่สุภาพ แต่ว่าอาตมาไม่ได้ถือตัวถือตน เรื่องนี้หรอก แต่ก่อน อาตมาก็ทำได้ เรียบร้อยสงบ สุภาพมาก แต่ว่าในบริบทนี้ มุ่งให้เกิด ประโยชน์สูง ประหยัดสุด ต้องประมาณ ให้ได้สองส่วน นี้เป็นสัดส่วนที่ดี เกิดคุณค่า พอเหมาะ เป็นปัญญา เป็นสัปปุริสธรรม ของแต่ละคน ทำอย่างไม่มีมานะ ไม่มีอุปกิเลส ทั้ง ๑๖ อย่าง ใครจะว่า อาตมาตกต่ำ ก็ไม่เป็นไร คุณเอา พฤติกรรมทางกาย มาวัดทางจิต คุณประมาณ ตามอาการเท่านั้น ในกาลามสูตร ที่พระพุทธเจ้าว่าไว้

        อาตมากำลังเขียนหนังสือ มีเรื่องของพระพุทธเจ้า ที่ท่านมีจิตที่บริสุทธิ์มาเก่า แต่ว่าท่านเกิดมา ก่อนตรัสรู้นั้น ก็เป็นไปตามโลก เขาพาเป็น ๒๙ ปี เป็นฆราวาสธรรมดา คนก็เห็นได้ว่า เป็นโลกๆ ก็จริง ยกตัวอย่าง อาตมาก็ไปเสียเวลาตั้ง ๓๖ ปี ที่เป็นลิงลม อมข้าวพอง

        ทำไมพระพาหิยทารุจริยะ ฟังธรรม ๔ ​ประโยค ก็บรรลุอรหันต์ แต่บางคน ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม มากมาย ทำไมไม่บรรลุ หรือพระยสะ ฟังธรรมสองกัณฑ์ ก็บรรลุอรหันต์ เป็นต้น เพราะคนเหล่านี้ เป็นอุคติตัญญู เป็นบัวพ้นน้ำ ส่วนพวกคุณ เป็นบัวใต้ตึก มันจึงต่างกัน

        บางคน แต่ก่อนเคารพอาตมา แต่ตอนนี้ แสดงออกมาว่า ความเห็น ชักไม่ตรงกันแล้ว ไม่อยู่ในร่อง ในรอยแล้ว แต่ก่อนเคารพดี แต่ว่าความเชื่อ พอไม่ตรง กับตัวเอง อาตมาก็เข้าใจว่า เป็นเดรัจฉานวิชชา ขนาดไหน เป็นเทวนิยม ขนาดไหน ก็เข้าใจเขา ไม่ได้ถือสา คนไหน พอติงเตือนได้ ก็บอกไป แต่คนไหน ไม่อยากให้บอก จะโกรธก็ต้องเว้นไว้ แต่คนมีปัญญา ของเขาแล้ว ก็ต้องยกให้เขา

        เป็นทาส ลาภยศสรรเสริญโลกีย์ แม้รู้ว่าผิด ก็ต้องยอม ยอมอยู่ใต้บาทาเขาก่อน เปลี่ยนสีก่อน แต่คุณถวิล ไม่ได้เปลี่ยนสีนะ

        การเมืองไทย ถ้าเราทำให้เป็นปึกแผ่นนะ คือเป็นโอกาสที่เราต้อง ออกมารวมตัวกัน ต่อต้าน สิ่งไม่ดีนะ เราทำปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นะ ขณะนี้ เสียหาย มากแล้ว แล้วจะไม่ ช่วยกันออกมา ก็ผิดรัฐธรรมนูญนะ มาตรา ๖๘ (การล้มล้าง การปกครอง ระบอบประชาธิปไตย) บุคคล จะใช้สิทธิและเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้าง การปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขมิได้

        แม้แต่ศาล ก็บอกมาแล้วว่า ทำไม่ได้ เข้าข่าวกบฎ กบฎรัฐสภา  ผิดตามรธน. มาตรา 68 (วรรคหนึ่ง) บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้าง การปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือ เพื่อให้ได้มา ซึ่งอำนาจ ในการปกครองประเทศ โดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไป ตามวิถีทาง ที่บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้  เราก็ออกมาต่อต้าน โดยสันติวิธี เราทำแล้ว

        มาตรา 70 ที่ประชาชนมีหน้าที่พิทักษ์ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และมาตรา 71 ในการป้องกันประเทศ

        พวกเราทำตามกฎหมาย อย่างถูกต้อง ที่เราทำมานี้ แม้แต่จนท.รัฐ ก็ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ส่งเสริมเลย จนท.มีหน้าที่ พิทักษ์กฎหมาย กลับทำผิดกฎหมายเสียเอง คนจะมาชุมนุม ตามกฎหมาย รธน. แต่มาต้านกั้นเสีย อย่างนี้ มันผิดกฎหมายไหม ข่มตี ทำเกินหน้าที่ สารพัด อันนี้ก็ผิด มาตรา ๑๕๑

        ถ้าเขาจะมาทำร้าย ทำอะไรเรา เราก็นั่งนิ่งๆ ใครจะเข้าเจโตสมถะเลย ให้มาเป็นล้าน อยากดู ธรรมฤทธิ์ อันนี้จริงๆ แต่ถ้าไม่ขนาดนั้น แต่ละวันที่ออกมา ก็มานับหัว แต่ละวัน มีที่นั้นที่นี่ รวมหลายที่ เป็นล้านเลยนะ ที่สวนลุมฯ มีห้าหมื่น ที่สามเสน มีแสนหนึ่ง ที่อุรุพงษ์ มีเจ็ดหมื่น ที่อื่นมีจังหวัดละหมื่น รวมเป็นห้าล้านเลยนะ แล้วพฤติกรรม อันเดียวกัน มุ่งหมายเดียวกัน คือไม่เอา พรบ. นิรโทษกรรมอันนี้ ถ้าทำได้ อยากดูนัก พลังประชาธิปไตย จะมีฤทธิ์พอไหม จะเป็นอิทธิฤทธิ์ ของประชาธิปไตย อำนาจของประชาธิปไตย คือเห็นรวมกัน แล้วมาแสดงออก

        ตอนนี้ ยิ่งมีหลายเรื่อง ก็ยิ่งดีใหญ่เลย จนจะทนกันไม่ไหวแล้ว หลายคนพูดไป ก็ร้องไห้ไป ข้างล่าง ก็ร้องไห้ ตามกันไปนะ จะให้มันต้องเดือดร้อน ลำบากลำบน กันไปถึงไหน ทำไมต้อง รอช้ากันขนาดนี้ ควรต้องเร็วไว ให้เกิดความเป็นอยู่ดี ของประเทศชาติ ออกมารวมเป็น พลังประชาธิปไตย ถ้าออกมา ก็จะช่วยดูแลบ้านเมือง พวกเราต้องรู้ว่า อันไหนดี อันไหนไม่ดี ยิ่งหยาบ ขนาดนี้ ไม่รู้ได้อย่างไร นอกจาก คนมีผลประโยชน์ มีกิเลส ก็แล้วไป แต่ส่วนใหญ่มองออก มันจัดจ้าน หยาบขนาดนี้แล้ว มองออกว่าชั่ว

        ถ้าไม่มาช่วยกำจัด ความไม่ดีงามแล้ว มันจะระงับของมันเอง ได้อย่างไร เราก็ต้อง มาช่วยกัน เป็นวิธีสากล ต่างประเทศ ก็ทำได้ คนไทยน่าจะทำได้ ไม่ใช่เรื่องยากเลย พล.อ.ปรีชา ออกมาพูดว่า ออกมามากๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย ออกมามากๆ ชนะ มันชัดเจนเลย ออกมา ไม่ต้องทำอะไร มานิ่งๆ  เป็นคำตอบ ที่ชัดเจนสั้น แต่ทำไม คนไม่เข้าใจกัน

        ตอนนี้ความจริง เปิดเผยมากแล้ว ขนาดฝ่ายแดง ที่ไปปักใจเชื่อเขาก่อน ยังเห็นได้เลย คนเห็นกลางๆ ก็น่าจะเห็นได้แล้ว ไม่น่าเห็นแก่ตัวเลย ออกมาช่วยกันหน่อย ถามกระซิบๆหน่อย ... คุณรู้ตัวไหมว่า คุณมีความเห็นแก่ตัวอยู่ กี่กก. คุณจะไป เพิ่มอีกทำไม มาลดลงหน่อยได้ไหม?

        ถามหน่อย คุณเอง ใครก็แล้วแต่ โดยเฉพาะ คนที่ไม่ได้มา แต่รู้อยู่ว่า มาชุมนุมนี่ดี แต่ฉันไม่มา  อาตมาขอยืนยันว่า คุณยังเห็นแก่ตัวอยู่ ก็ถามตรวจตัวเองหน่อย ว่าความเห็นแก่ตัว คุณมีอยู่ไม่น้อย แล้ว ทำไม ไม่ลดความเห็นแก่ตัวซะ ลดความเห็นแก่ตัว ของตัวเอง แล้วออกมา ง้อแล้วนะ ขอซักงานน่า

        ที่เราทำนี่ เป็นการเมือง ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ประชาธิปไตยคือ เสียงที่ต้องออกมาประท้วง เป็นการดูแล บ้านเมือง ไม่ใช่มอบอำนาจ ให้ผู้แทน เขาริบอำนาจไปหมด คุณจะเข้าใจ อำนาจคุณแค่นี้ ก็ไม่สากลหรอก ของอาตมา ไม่ใช่แบบนั้น มันประชาธิปไตย คนละฉบับ กับของอาตมา เรายังมีสิทธิ์ แม้เลือกผู้แทนแล้ว แต่เอ็งทำไม่ถูก แสดงไม่เข้าตาเรา เรามีสิทธิ์เชิญออกได้ ในกฎหมาย มีเขียนไว้

        เขาสัญญาว่า จะให้อย่างนั้นอย่างนี้ แล้วไม่ให้ ก็ผิดแล้ว สัญญาว่า จะลดราคาน้ำมัน ทำอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วทำไม่ได้ เรามีสิทธิเอาออกได้ ไม่ต้องเอาอะไรมาหรอก เอาแต่ว่า ดญ.บิวตี้ อ่านคอนกรีตออก แต่ว่านายกฯ อ่านคอ-นก-รีด มันอย่างไร ดญ.บิวตี้ ยังรู้เลยว่า แทงกิ้ว ทรีทาม คืออะไร? เพราะฉะนั้น เราก็เห็นว่า ถ้าให้บริหารประเทศ ต่อไป ก็เอาแต่เที่ยว ในสภาฯ กำลังมีเรื่องสำคัญ แต่นายกฯ ไปปล่อยนก ปล่อยปลา เขาจะพิจารณา กฎหมาย สำคัญขนาดไหนก็ let it be แหม เอากำนันเชย มาเป็นนายกฯ ดีกว่า ยังรู้หน้าที่ดีกว่านะ คือเห็นโต้งๆชัดๆ ก็ไม่รู้ความสำคัญ ในความสำคัญ ไม่รู้สาระ ในสาระนะ มันเกินอินโนเซ้นต์ มันอีเดียดนะ พูดหนักหน่อย เพราะอธิบายธรรมะ ยิ่งเรื่องอื่นอีก ไปนับถือศรัทธา ในบุคคลที่ ไม่ควรศรัทธา ไปละเมิด ในบุคคล ที่ไม่ควรละเมิด อย่างน้อยที่สุด ต้องเคารพกฎหมาย เราอยู่ในสังคม ก็ควรให้เกียรติ เช่น บุคคลที่สมมุติ ของสังคม เขาเคารพ แม้เราไม่ได้นับถือจริง แต่ตามระเบียบสังคม เราต้องเคารพ ยกตัวอย่าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีระเบียบว่า ภิกษุที่บวชก่อน แม้ผู้บวชทีหลัง จะมีคุณธรรม มากกว่า ผู้บวชทีหลัง ก็ต้องกราบ ผู้บวชก่อน แม้จะเป็น ปุถุชนก็ตาม ต้องกราบ ตามสมมุติ แต่นี่ ไม่ได้เคารพเลย ไม่รู้จักคุณวุฒิ วัยวุฒิเลย โง่ที่ไม่รู้จักสัจธรรม ไม่รู้จักคารโว ไม่รู้จักคุรุกรณะ ที่ต้อง ทำความเคารพกัน โดยวัย โดยสมมุติ ตามสังคม แค่นี้ก็ไม่เข้าใจกัน ถ้ามีคุณธรรมบ้าง ก็จะรู้จัก ยิ่งมีปรมัตถ์ จะรู้จักสมมุติได้ดี ลึกซึ้งมากเลย

        พูดถึงปรมัติแล้ว ภูมิใจที่ยุคนี้ ยังเป็นอกาลิโก ยังมีคนฟังธรรมพระพุทธเจ้า แล้วปฏิบัติ จนเกิด มรรคผล เป็นธัมมานุธัมมปฏิปัตติ น่าอนุโมทนากับคน แม้ยุคนี้ มีสนามแม่เหล็กแห่งโลกีย์ อบายมุข โลกธรรมสูงมาก แต่ก็มีคน หลุดจาก แรงเหนี่ยวนำของ พลังแม่เหล็กของสังคมได้ เป็นสุดยอด ของการชนะ เป็นคนมีความสามารถยิ่ง

        ยุคพระพุทธเจ้า ไม่ยากเท่า ไม่จัดจ้านเท่ายุคนี้ แต่ยุคนี้คนหลุดมาได้นี่ ราคาแพงมาก ในอุปสงค์ อุปทาน ในค่าทางเศรษฐกิจ ยิ่งราคาคุณธรรมโลกุตระด้วย ตีราคาแพง ลิบลิ่วเลย ภูมิใจที่ชาตินี้ เกิดมาได้อาริยะ แต่ละคนมานี่ เทียบล้านคน ยังน้อยไปนะ ถ้าเทียบ ๖๕ ล้าน ได้อาริยะมา ๖๕ คน คุณว่า อาตมาจะภูมิใจ ขนาดไหนนะ อาตมาว่า เอาอาริยะ ๖๕ คน สังคมจะเป็นสุข ความเป็นมนุษยชาติ จะดีขึ้นเยอะเลย ไม่ได้พูดลบหลู่ ดูถูกใคร แต่อธิบายสัจธรรม

        ยังเชื่ออยู่ว่า คนไทยเป็นพุทธ ๙๕ ใน ๑๐๐ ยังมีคนได้คุณธรรม พุทธอันประเสริฐ เป็นสิ่งที่ ต้องเอื้อมเอาให้ได้ อย่าให้เสียชาติเกิด ที่ได้เป็นมนุษย์มา อย่าเป็นโมฆะบุรุษเลย ที่จะไปล่า ลาภยศ คุณเกิดอีกกี่ชาติ ก็ไม่มีปัญหาหรอก คุณไปชนะ ได้เอาเปรียบเขา มากเท่าไหร่ คือตกต่ำ มากขึ้น เท่านั้น แต่ได้โดยธรรม ก็อีกอย่างหนึ่ง แต่ที่คุณได้โดย เอาเปรียบเขา โกงเขา คุณยิ่งซวย โลกธรรม มันหลอกคน งมงาย จนปล่อยไม่ไปเสียที เมื่อไหร่ จะรู้เสียที พระพุทธเจ้า สอนอย่าง มีลำดับขั้นตอน มีทฤษฎีสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว

        ต่อไปเป็นการตอบประเด็น

  • คนที่มี ซิกเซนส์ sixth sense ไสยศาสตร์มีจริงไหม?

ตอบ... ซิกเซนส์ คือความรู้เกินปกติ พิเศษ เกินกว่าทวาร ๕ เป็นความรู้ยิ่ง ของใจ ทำไมเอา ๕ เพราะใจ เป็นหน่วยหนึ่ง แล้วคนรู้เกินนั้น ต้องเกิดจาก การสัมผัส ทางทวาร ๕ แต่ถ้าไม่มีสัมผัส ใจคุณก็บ้าไปเอง ก็ไม่ถือว่า สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งจริง ที่เกิดจริงสดๆ คือการเห็น พิเศษกว่าคนอื่นเห็น ซิกเซนส์คืออะไร เช่น ดอกไม้นี้สีแดง ตาคนทั่วไป ก็เห็นสีแดง เหมือนกันทุกคน แต่คนที่มองได้เกินกว่า สีแดงนี้ได้ คือรู้จิตตนเอง หรือ จิตคนอื่น ว่ามีอารมณ์ ชอบหรือชัง แต่ที่เขาเห็น อาเทสนาปาฏิหาริย์ อิทธิปาฏิหาริย์ นั้นไม่ใช่เป้าหมาย ของศาสนาพุทธ เป็นศาสนาอื่น อาจนิยมชมชอบ แต่พระพุทธเจ้า เบื่อหน่าย เกลียดชัง ระอา คนไปเข้าใจ sixth sense แบบนอกรีต คนใช้ไสยศาสตร์ ซิกเซนส์ มีจริงไหม ก็มีจริง หลวงปู่มี ซิกเซนต์ไง รู้จักเจโตปริยญาณ ๑๖ ไง เป็นอุตริมนุสธรรม

  • คนชั่วทำร้ายคนชั่ว กับคนชั่วคนเดิม ทำร้ายคนดี ความรุนแรงของบาป ต่างกันหรือไม่

ตอบ... คนทำชั่ว เราก็บอกว่า เขาทำชั่วไม่ดี ไม่ให้เขาทำไม่ดีได้ก็ดี คุณไปทำร้ายคนดี ก็บาปกว่า ไปทำร้ายคนชั่วแน่ 

  • ทักษิณเป็นเหตุให้คนแตกแยกกันใช่ไหม

ตอบ...ใช่ เราพยายามไม่ให้แตก แต่สัจจะมันมีแตก เราก็เห็นใจเขา

  • ทำอย่างไร ให้คนออกมามากพอ ที่ออกมาไม่ได้ เพราะหนี้สิน มัดคอเขาอยู่ เป็นไปได้ไหมว่า จะเอานโยบาย ปลอดหนี้ให้เขา เป็นพลังออกมา

ตอบ...เราได้พากันทำแล้ว เบื้องต้นให้ลดอบายมุข หลายครอบครัว ปลดหนี้ได้ ถ้าลดอบายมุข

  • เสนอ ให้ใช้น้ำกลั่นแทนน้ำกรด ให้ใช้สันติภาพ แทนสงคราม ใช้คุณภาพ แทนปริมาณ ใช้ความจริง แทนความเท็จ เป็นต้น
  • ศาสนาพุทธ ธรรมะของพุทธองค์ คือธรรมชาติที่เป็นตรรกะ ผู้เห็นได้ เปรียบเหมือน บัวพ้นน้ำ (รมยาณีย์)

ตอบ...เป็นขั้นตอน ธรรมชาติ  คุณก็ต้องรู้ ถ้ารู้แล้ว คุณก็ยังหลงธรรมชาติ ก็คือคนโลกๆ เสพธรรมชาติ อย่างพวก ออกป่าเขาถ้ำ ไปเสพธรรมชาติ นี้ไม่ได้เลิกเสพติด ปฏิบัติไม่ถูก มีแต่จมกับลอย สายจมคืออัตตา สายลอยคือสายกาม มีสองสาย ถ้าศึกษาไม่ดีแล้ว คุณจะไม่สามารถ รู้จักธรรมชาติ แล้วจะจมหรือลอย กับธรรมชาติ ติดธรรมชาติ ทำลายสังคม น้อยกว่าติดกาม ศาสนาพุทธ ไม่ให้ติดกาม ติดธรรมชาติ ศาสนาพุทธ ให้เหนือธรรมชาติ รู้ธรรมชาติ แล้วล้างความติดธรรมชาติ เช่น สีแดงเหลือง คุณก็รู้ แต่ไม่ติดมันได้ อย่างเงินล้าน เอาไปทำทุจริต จ้างคนมาทุจริต ผลาญบ้านเมือง เราก็รู้ธรรมชาติ เงินล้านก็คือเงิน เราก็ไม่ติด เราเหนือธรรมชาติได้ ธรรมะ พระพุทธเจ้า รู้ธรรมชาติ แล้วเหนือธรรมชาติได้ การหลุดพ้น ไม่ใช่แค่ ธรรมะคือธรรมชาติ แต่โลกุตระ คือเหนือธรรมชาติ

  • อยากทราบว่า พระอรหันต์ที่ตายไป แต่ไม่ปรินิพพาน ยังมีวิบาก แล้ววิบากพาเกิด แต่พระอรหันต์ ท่านหมดความเป็นสัตว์แล้ว เหลือแต่วิบากท่าน ท่านตายแล้ว เรากราบท่าน ท่านจะรู้ได้หรือไม่ว่า มีคนระลึกถึง

ตอบ... ก็ถ้าท่านปรินิพพานแล้ว ก็ระลึกไม่ได้ แม้แต่พระอรหันต์เป็นๆ คุณระลึกถึงท่าน ก็ไม่ได้หมายความว่า อรหันต์จะมีจิต หยั่งรู้คุณได้ คำว่า ปรสัตตานัง ปรปุคคลานัง นั้นไม่ใช่ว่า ไปรู้จิตอื่น ของคนอื่น แต่ที่จริงคือ รู้ความเป็นสัตว์ ในจิตของเรา แต่ก่อน เราเป็น ปุถุบุคคล แต่ตอนนี้ เราไม่ได้เป็นแบบเก่าแล้ว เราเป็นสัตว์พรหม สัตว์เทวดาแล้ว ไปเรียนผิดที่ ผิดหทยรูป เขาไปแปลผิดอีกว่า คือหัวใจเป็นก้อนๆ สูบฉีดโลหิต แต่ที่จริงคือ อาการของจิต ที่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คือ หทยรูป สรุปคือ คุณจะกราบ เคารพนั้น จิตคุณดี แม้เป็นๆก็ตาม ระลึกถึงสิ่งดี มันก็ดีแล้ว ถ้าระลึกสิ่งชั่ว แล้วจิตคุณไม่ดี ก็ไม่ดี เราระลึกสิ่งดี ด้วยอิทธิบาทยิ่งดี ขยันทำไป..

จบ  

 
เสาร์ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ที่ สวนลุมพินี กทม.