570123_พ่อครูที่เวทีป้อมมหากาฬ
เรื่อง ความขลังและความมีค่าแบบพุทธ


        ที่เราทำนี่ เป็นการประท้วงของอาริยะ อย่างคำว่า อารยะขัดขืน civil disobedience ที่ต้องขัดขืน เพราะกฎไม่เป็นกฎ ออกกฎแล้วมาเบี้ยว ออกมาเพื่อ ประโยชน์ของ พวกตนก็มี แต่กฎที่ดี แต่คนก็มาทำ ให้ผิดกฎ แต่เป็นความถูกต้อง ก็มีได้ ความถูกต้องกว่า หรือไม่ ก็อยู่ที่กาละ และพฤติกรรม ที่เป็นปัจจัย อยู่ที่พฤติกรรมคนด้วย

        พระพุทธเจ้าว่า ถูกผิดอยู่ที่ จิตของคนกำหนด สัญญายนิจจานิ คือกำหนด แล้วยึดว่าเที่ยง แต่ละคน ก็ต่างยึดกัน  ถ้ายึดในนัย ที่ถูกควร ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูก ความถูกความผิดนั้น กำหนดโดยมนุษย์ ซึ่งต่างกันได้ แม้แต่ที่สุด ก็กำหนดลงเป็น สัญชาตญาณ มันเกิดตามที่มันหยั่งลง ผนึกเป็นความจำ แม้ปัจจุบันนี้ เราก็ใช้สัญญา กำหนดหมาย

        สัญญามีหน้าที่สองอย่าง คือ กำหนดหมายรู้ กับการจดจำ

        พระพุทธเจ้า ให้เรียนรู้แต่ละอาการ ว่าเป็นอย่างไร ให้ศึกษาปฏิบัติ เอาสิ่งที่ดี ที่ควรมาใช้ ท่านตรัสรู้ ความเป็นมนุษยชาติ ไม่ได้กำหนดหมายตายตัว เพราะแต่ละคน แต่ละที่ ก็กำหนดต่างกัน แม้มาอยู่ร่วมกัน ในสังคมนี้ ยึดถืออย่างนี้ แต่อีกสังคม ก็ยึดถือ อีกอย่าง กลุ่มหนึ่ง ถือว่าดีมาก อีกกลุ่มหนึ่ง ถือว่าไม่ดีมาก ก็เป็นของแต่ละที่ กำหนดต่างกัน แต่ละประเทศ แต่ละรัฐ ก็แตกต่างกัน

        ถ้าเรามีปัญญารู้เท่าทัน การยึดถือเหล่านี้ ก็ไม่ไปคัดแย้ง ดึงดัน แย่งชิง ทะเลาะ วิวาทกัน เราไม่ยึดมั่น ถือมั่น ก็สบาย ถ้าไม่โลภกันมาก ก็อยู่กันอย่างอนุโลม ในหลวงว่า อยู่อย่างอลุ่มอล่วย มีสามัคคี เมตตากัน

         แต่ถ้ายึดถือยึดติด ก็เป็นโทษ จนเรามาประท้วง เป็นหมู่มวลที่มาก ไม่เคยมี มาก่อนเลย วันนี้พวกคน นักท่องเที่ยว ต่างชาติมากเลย เขาจะตื่นตัวกัน จะมาบอกว่า นักท่องเที่ยวจะลด ก็ไม่เลย เราสู้กัน ด้วยความถูกต้องดีงาม เราทำมาขนาดนี้ นักท่องเที่ยว ยังอยากดูเลย ว่าทำไมประเทศไทย ทำได้อย่างนี้ อยู่กับเรียบร้อย เป็นปึกแผ่น ดีงามด้วย เดือนแล้วเดือนเล่า สงสัย จะปีแล้วปีเล่า หรือเปล่านะ
       
        ต่อไปจะอ่านบทความ ของท่านขุนน้อย แห่งไทยโพสต์เรื่อง

        ขีดจำกัดของความหน้าด้าน
ฮื่ออ์อ์อ์...ไปๆ-มาๆ เห็นว่า ผอ.ศรส. หรือผู้อำนวยการ ศูนย์รักษาความสงบ ดันโดน ล้อมกรอบ ติดแหง็กอยู่ที่ กระทรวงแรงงาน ไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว!!! จริงๆ... ไม่จริง ก็ไม่รู้ ฟังจากที่ ผู้ใหญ่บ้านสาธิต ท่านเอามาปูดออกทาง บลูสกายทีวี ช่วงบ่ายวานนี้ เล่นเอาแทบ ก๊าบ...ก๊าบ...ก๊าบ ตามไปด้วย อย่างช่วยไม่ได้...

              ----------------------------------------------
     คือถ้าหากมันเป็นจริงอย่างว่า... งานนี้คงต้องยอมรับกัน อย่างตรงไป-ตรงมา นั่นแหละว่า ไอ้ที่พยายาม งัดมาตรการ งัดไม้ตาย ออกมาเล่นงาน มวลมหาประชาชน ภายใต้ การนำของ คุณพี่ เทพเทือก และพวกกัน ในวินาทีสุดท้ายนั้น มันดูจะออกไปทาง พ.ร.ก.ฉุกละหุก ซะมากกว่า คือไม่ได้ส่งผล ให้เกิดอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช อำนาจ บารมี ตามแบบที่ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ฉบับของแท้ แต่ดั้งเดิม ได้ส่งมอบไว้ให้เอาเลย แม้แต่น้อย หรือคล้ายๆ ความพยายาม ที่จะงัดเอาหนังเสือ มาคลุมร่าง แต่สุดท้าย... เมื่อยังคงเห่า บ๊ง...บ๊ง...บ๊ง  เหมือนอย่างเดิม คนเค้าก็เลยไม่กลัว ไม่รู้สึก หวั่นเกรงบารมี บรรยากาศของ สถานการณ์ฉุกเฉิน มันเลยกลายไปเป็น สถานการณ์ฉุกละหุก กันแทนที่...
               --------------------------------------

    อย่างที่ ป๋าเปลว สีเงิน ท่านได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ เมื่อวันวาน รวมทั้ง เสธ.น้ำเงิน ได้ แฉความลับ เอาไว้ในเฟซบุ๊ก ส่วนตัวนั่นแหละว่า โดยลักษณะ อาการของรัฐบาล ที่งัดเอา พ.ร.ก. ในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาใช้ในช่วงระยะนี้ ดูๆ มันคงไม่ต่างไปจาก ผู้ที่กำลังดิ้นพราดๆ หรือผู้ที่กำลังพยายาม สูดลมหายใจ เฮือกสุดท้าย ก่อนส่งเสียง ครอกก์ก์ก์ พร้อมกับการจากไป ในแบบไปไม่กลับ –หลับไม่ตื่น –ฟื้นไม่มี -หนีไม่พ้น อะไรประมาณนั้น คือมันไม่ได้สะท้อน ให้เห็นถึงความมีสติ การเตรียมการ ความสุขุม รอบคอบ ในการวางแผนยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี หรือแม้กระทั่ง การประเมินสถานการณ์ การข่าว อย่างละเอียด รอบด้าน...
                      --------------------------------

    เรียกว่า... แค่ต้องไปงัดเอา ดอกเตอร์เหลิม ก๊าบๆๆ มาเป็น ผอ.ศรส. แค่นี้ก็... หมดแล้ว!!! คือ ป่านนี้ยังไม่รู้ว่า จะต้องนั่งเถียงกับ รอง ผอ.ศรส. ว่า ชายชุดดำ ที่นั่งเล็งหัว ตำรวจและประชาชน อยู่บนยอดตึก กระทรวงแรงงาน เมื่อไม่กี่วันก่อนนั้น เป็นตำรวจแท้ๆ หรือว่า เป็นมือที่สาม ผู้สามารถไต่กระไดลิง ขึ้นไปซุ่มอยู่ บนยอดตึก โดยไม่มีใครรู้ –ใครเห็นเอาเลย แม้แต่น้อย และถ้าปล่อยให้ ผอ.ศรส. กับ รอง ผอ.ศรส. นั่งเถียงกัน ไม่เสร็จ บรรดา ผู้แทนเหล่าทัพ ทั้งหลาย ที่จำต้องกล้ำกลืน ฝืนทน เป็นแค่ กรรมการ อยู่ภายใต้การบัญชาการของ ร้อยตำรวจเอก และ พลตำรวจเอก อาจต้องลุกหนี เอาดื้อๆ เพราะการนำเอาเหล่าทัพ 3 เหล่าทัพ ไปอยู่ใต้ฝ่าตีนตำรวจ แถมยังเป็นตำรวจ ประเภทจับ ไอ้ปื๊ด ก็ไม่ได้ จับ ตั้ง อาชีวะ ก็ไม่ได้ แล้วใครจะไปทนหยามหยาบ เหยียดหยาม ไปได้ถึงปานนั้น...
              ------------------------------------

    สรุปง่ายๆ ว่า...โดยลักษณะอาการของรัฐบาล (เถื่อน) เมื่อมาถึง ณ ขณะนี้ คงเลี่ยง ไม่พ้น ที่จะต้องใช้คำว่า... เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ไปทั่วทั้งองคาพยพ เอาเลยก็ว่าได้ คือไม่มีมือ ไม่มีตัว ไม่มีหัว ไม่มีศูนย์รวม ที่มีปัญญา และบารมี มากพอที่จะช่วยพลิกฟื้น เยียวยา สถานการณ์ เท่าที่เห็นและเป็นอยู่ ให้พอทุเลา เบาบาง ลงไปได้บ้าง แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ สิ่งที่พอจะช่วย ประคับประคอง ช่วยต่อลมหายใจ ออกไปได้ เป็นห้วงๆ ก็เหลืออยู่เพียงแค่ ความหน้าด้าน ที่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า... ช่างเป็นอะไรที่ กินเนสส์บุ๊ก อยากจะเจอตัว และอยากขอ จดบันทึกเอาไว้ เป็นสถิติ ซะเหลือเกิน คือด้านชนิดที่ คอนกรีต เสริมใยเหล็ก ฉาบด้วยวัสดุนาโน ยังไม่อาจเทียบกับ ความหนาแน่น ทนทาน ของคณะรัฐบาล ชุดนี้ได้เลย แม้แต่น้อย...
             -----------------------------------------

    แต่ก็นั่นแหละ... ถึงแม้ว่า ความหน้าด้าน จะถูกนำมาใช้ เป็นทั้งยุทธศาสตร์ และยุทธวิธี หรือเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ที่จะทำให้รัฐบาลมีโอกาส ตะเกียกตะกาย ดิ้นรน ทุรนทุราย ต่อไปได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รัฐบาล สามารถดำรง คงสถานะ ความเป็นรัฐบาล ไว้ได้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์แบบ แม้แต่เพียง ความเป็นรัฐบาล รักษาการ ก็เถอะ เพราะรัฐบาลรักษาการ ที่ปกครองไม่ได้ บริหารจัดการใดๆ ไม่ได้ นำเอา ความสงบเรียบร้อย กลับคืนมาสู่บ้านเมืองไม่ได้ แถมยังเป็น รัฐบาลรักษาการ ที่ทำผิดกฎหมาย รวมทั้งหันไปใช้ กรรมวิธีนอกกฎหมาย มาใช้เป็นเครื่องมือ ในการเล่นงาน ฝ่ายตรงข้าม ฯลฯ อันนั้น... จะยังไปใช้คำเรียกว่า รัฐบาล คงลำบาก เพราะมันออกไปทาง ซ่องโจร หรือ แก๊งอันธพาล ซะมากกว่า...
                      ---------------------------------

    ยิ่งพยายามดิ้นรน เอาตัวรอด มากขึ้นเท่าใด ความเป็นโจร ยิ่งต้องถูกแสดงออก มากขึ้น เท่านั้น และสุดท้าย... ด้วยความหยาบ ความทราม ความต่ำช้าสามานย์ แห่งความเป็นโจร นี่เอง มันย่อมก่อให้เกิด ขีดจำกัดความหน้าด้าน ที่ไม่อาจยั่งยืน คงทน ถาวร ไปตลอด ชั่วนิรันดร์กาล ถึงแม้จะได้ชื่อว่า ด้านที่สุดในโลก ก็เถอะ เนื่องจาก ย่อมไม่มี มนุษย์หน้าไหน สังคมไหน ประเทศไหน ที่จะยอมอดทน อดกลั้น กับความชั่วช้า ต่ำทราม ไปได้ตลอด ชั่วนิจนิรันดร ถึงวันใด วันหนึ่ง วินาทีใด วินาทีหนึ่ง พลังแห่งความหน้าด้าน มันย่อมต้องพังทลาย ลงมาเอง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง เลยขีดจำกัด กว่าที่มนุษย์พันธุ์ใด เผ่าใด จะทานรับเอาไว้ได้ อีกต่อไป ซึ่งวันนั้น และ วินาทีนั้น มันอยู่ห่างไปอีก แค่ชั่ว ไม่กี่อึดใจ ดีไม่ดี... อาจไม่ถึงวันที่ 2 กุมภา. เอาเลยก็ไม่แน่!!!
                        ----------------------------------

    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Baron de Montesquieu... “Constant experience shows that every man who has power is apt to abuse it and to carry his power to the limit.- ประสบการณ์อันหนักแน่น แสดงให้เห็นว่า ผู้มีอำนาจ มักจะใช้อำนาจ ไปในทางที่ผิด และพยายาม ที่จะใช้อำนาจนั้นๆ ไปจนถึงขีดสุด...”.

        อีกบทความหนึ่ง ของคุณ ผักกาดหอม จากไทยโพสต์ เรื่อง
        ยังชั่วได้อีก!
มันฉุกละฉุก เสียมากกว่าฉุกเฉิน ไปแล้วครับ เมื่อทหาร ไม่ยอมถือปืนออกมา รัฐบาล ก็คลั่งนะซิครับ มีที่ไหน ปากบอกฉุกเฉิน แต่จะออกข้อห้ามโน้นเลย วันจันทร์ที่ 27  มกราคม

    ผิดปกติวิสัยจริงๆ ครับ หรือรัฐบาลมีเจตนาสร้างสถานการณ์ เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ที่ใหญ่กว่า
ระบอบทักษิณมี "ทัศนะ-ตรรกะ" ในการบริหาร ราชการแผ่นดิน ที่เป็นภัย ร้ายแรง ต่อความมั่นคง ของประเทศครับ ลับลวงพราง ปลิ้นปล้อน เป็นประวัติการณ์

ผมยกตัวอย่าง ให้เข้าใจง่ายๆ จำได้มั้ยครับ น้องตั๊น-จิตภัสร์ กฤดากร ของเรา เคยพูดถึง การรับรู้เรื่อง การเมืองการปกครอง ของคนในชนบทนั้น มีน้อยกว่า คนในเขตเมือง

หากมองในบริบท ที่ผ่านการใช้อำนาจรัฐ โดยรัฐบาล ที่มีฐานเสียง ส่วนใหญ่ ในชนบท มันปฏิเสธยากจริงๆ ครับว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

แต่ระบอบทักษิณ โดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง นำประเด็นนี้ ไปโจมตีว่า กปปส. ดูถูกประชาชน ในชนบทว่า เป็นคนโง่

มาดูอีกกรณีเทียบเคียงกันครับ

รัฐบาลหมดหนทางเติมเงิน ในโครงการรับจำนำข้าว เพราะโกงกันเยอะ ปัญหานี้ มิได้เกิดขึ้นมา วันสองวัน แต่เป็นมาต่อเนื่อง หลายเดือนแล้ว

ชั่วร้ายอย่างรุนแรงครับ อ้างเป็นเพราะมีม็อบ ไปปิดกระทรวงการคลัง มาจนถึง การปล่อยข่าวว่า ม็อบปิดธนาคารออมสิน จึงไม่อาจจ่ายเงิน ให้ชาวนาได้

นักการเมือง ในรัฐบาลเองก็รู้ว่า ความจริงคืออะไร และคิดว่า ปล่อยข่าว ลักษณะนี้ ออกไป ชาวนาจะเชื่อตามนั้น

ถามนิดเถอะครับ ใครกันแน่ที่คิดว่า ประชาชนในชนบทโง่ แล้วนำมาใช้ เป็นเครื่องมือ?

ถ้ารัฐบาลเห็นแก่ผลประโยชน์ของชาวนาจริงๆ ควรจะจัดการ ด้านงบประมาณ ให้เสร็จ เสียก่อน ที่จะยุบสภาฯ แต่ในความจริงคือ โครงการนี้ มันโกงกัน จนเน่าเฟะ และสุดท้าย รัฐบาลจนมุม ในความชั่ว ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา

เช่นเดียวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครับ อย่างที่ "พล.ร.ต.วินัย  กล่อมอินทร์" พูดเอาไว้ "ประชาชน คนไทย เขากินข้าว เขาไม่ได้กินอย่างอื่น"

    ประกาศพระราชกำหนดหาอะไร?
วันที่ ๒๖ มกราคมนี้ เลือกตั้งล่วงหน้า ประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะต้อง ออกไปใช้ สิทธิ์เลือกตั้ง ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ ๒ กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นอีกวัน ที่ต้องเลือกตั้ง ในบรรยากาศ แบบเผด็จการฉุกเฉิน

ในหลักสากล ถือเป็นการเลือกตั้ง ที่ไร้ความชอบธรรม อย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นการ ใช้สิทธิ์ ในทางประชาธิปไตย ภายใต้บรรยากาศ กฎหมายเผด็จการ

วาทกรรม รัฐบาลอภิสิทธิ์ ตั้งในค่ายทหาร ที่ระบอบทักษิณ สร้างขึ้นมา หากนำมา เทียบกับกรณีนี้ กลายเป็นเรื่องเล็กน้อย ไปเลยครับ

    จับตาดูให้ดีครับ เพราะคนชั่ว มักทำเรื่อง ที่ชั่วกว่าเดิมเสมอ!

        ต่อไปเป็นบทความของ เปลว สีเงิน ในไทยโพสต์..
        บท 'ปลงอำนาจ' ของทรราชหญิง
ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ อะไรที่เป็น "ของปลอม" ใช้หลอกลวง –หลอกต้มผู้คนได้พักเดียวก็ ....เสื่อม!
    เหมือน "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" เวลานี้ ไม่ต่างกับ "ยันตระ-เณรคำ" ที่ครั้งหนึ่ง ประชาชน หลงใหลได้ปลื้มว่า เป็น "อริยะมาโปรด"
มีเงิน ให้เงิน, มีทอง ให้ทอง, ข้าวปลาเอามากองให้กิน ครั้นถูกจับได้ว่า เป็นแค่หมาขี้เรื้อน ขนเพนต์สี ไม่มีคุณวิเศษ ตามอวดอ้าง...เสื่อมทันที

    ความเคารพนับถือ ที่ชาวบ้านเคยมี ก็หมดไป เหลือแต่ความเกลียด แค้น ชิงชัง เป็นไอ้เดียรถีย์ สถุล ถูกชาวบ้าน ตามไล่กระทืบ
    "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ก็ประมาณนั้น....!
    ตัวทักษิณ ที่หนีไปเลียต่อมลูกหมาก ก่อนหน้าแล้ว ไม่ต้องพูดถึง เอาเฉพาะ ตัวร่างทรง นางสาว ยิ่งลักษณ์ พื้นที่ให้ซุกไปวันๆ ตอนนี้ เหลือพื้นที่น้อยกว่า ของหลินฮุ่ย
    "อำนาจ-บารมี"...หมดแสง!
นอกจาก "หลง" ว่ามี จากทาสข้างตัว ๔-๕ คนหลอกว่ามี ให้สั่งโน่น-สั่งนี่ ที่ตอนนี้ แต่ละหน่วยราชการ เชื่อฟังคำสั่ง "กำนันสุเทพ -ทนายนกเขา" มากกว่า ฟังที่นางนายกฯ เพ้อเจ้อสั่ง

พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั่นก็เพ้อเจ้อ!?

ตัวเองนั่นแหละ ตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน จะลาออกไปตายบ้าน หรือจะถูกไล่ ออกไปตาย นอกบ้าน ตรงนั้น... ตรองให้หนักก่อนวันตรุษจีน ๓๑ มกรา

    ไม่ต้องไปขีดเส้นเป็น-เส้นตาย ให้กำนันสุเทพ หรือใครๆ คนไหนใน กปปส.หรอก... ได้ยินมั้ย
    "ทนายนกเขา" ขีดเส้นตาย จะจับตัว "นายกฯ เถื่อน" ใน ๒-๓ วันนี้!
แต่ทนาย นกเขา ต้องระวังนะ ทิดเหวง หยิบไมค์แบบหวาดๆ ด้วยกลัวเมียสวย ตวาดแหว คร่อกๆ แถลงข่าว เมื่อวาน...

บอก...ไม่ว่าที่ไหนในโลก นายกฯ ต้องมีหน่วยคุ้มกัน ใครจับตัว หรือทำร้ายนายกฯ

ให้ยิงทิ้งทันที!

แหม... เหวงหวังเหวิดช้าจัง น่าจะพูดแบบนี้ ตั้งแต่ตอนปี  ๕๒ หน่วยคุ้มกันนายกฯ อภิสิทธิ์ จะได้ยิงกระบาล พวกหมอเหวง ที่รุมทุบรถ นายกฯ อภิสิทธิ์ถึง ๒ ครั้ง ๒ หน คราวนั้น

มันหมดแล้ว...ยิ่งลักษณ์!

ตัวเองหมด ลูกน้องก็พลอยหมดไปด้วย เหมือนยันตระ-เณรคำ หมดขลัง พวกลูกศิษย์ ก็หมด ที่ทำมาหากินไปด้วย และพากัน "หน้ามืด"

คืนวานซืน "ขวัญชัย ไพรพนา" ผู้มีโควตา จากทักษิณ แต่งตั้งผู้ว่าฯ ผู้บัญชาการ ผู้กำกับ หลายจังหวัด ในอีสาน นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ อยู่บ้านที่อุดรฯ

จะจัดฉาก หรือสร้างสถานการณ์กันเอง หรือใครจะสั่งสอนใคร ก็ไม่ทราบ เจอเอ็ม ๑๖ แบบการุณยฆาต

ต้องไปนอนให้หมอแคะลูกกระสุน ที่โรงพยาบาล!

    เหล่านี้คือสัญญาณบอกให้รู้ว่า ขาลง...คือมันลง จนไม่มีเหลืออะไร ไปรั้งอยู่ ขืนประทับทรง ทักษิณอยู่ หรืออยู่ในอำนาจ ที่ตัวเองไม่มีต่อไป นั่นต้องเลือกเอาคำ ระหว่าง
"หน้าด้าน" กับ "คนบ้า"!

กปปส.-คปท.-กองทัพธรรม เขาตระเวนไปยึด ไปปิด สถานที่ราชการ เกือบหมด ประเทศแล้ว และรู้มั้ย จดหมายคนราชการ ที่มีไปถึงกำนันสุเทพ เป็นปึกๆ มีไปด้วย ข้อความว่าไง... ยิ่งลักษณ์?

มีไปบอกว่า...."ลุงกำนัน ช่วยมาปิดกรมนั้น.. หน่วยนี้... ให้หน่อย จะได้มีเงื่อนไข หยุดราชการ ไปร่วมมวลมหาประชาชน ชัตดาวน์ บางกอก"!

    ชัดเจน จนสิ้นสงสัยใดๆ มันหมดแล้วจริงๆ ไม่เพียงมวลมหาประชาชน เท่านั้น เวลานี้ มวลมหา ข้าราชการ ทั้งพลเรือน ทั้งทหาร ทั้งตำรวจน้ำดี ก็ "ไม่เอาระบอบ ทักษิณ"    
เอา "ปฏิรูป ก่อนเลือกตั้ง ๒ กุมภา" กันทั้งนั้น!

ฉะนั้น ตื่นจากนิยายที่ เฉลิม ปึ้ง อดุลย์ นิพัทธ์ ภราดร  เล่าหลอนประสาท ให้เชื่อได้แล้ว เจ้าหล่อน ไม่ใช่นายกฯ เจ้าหล่อนไม่มีอำนาจอะไร ในฐานะนายกฯ

เป็นแค่ "นาแบก" ให้สมุนบางคน ปักกล้า-ดำนาเล่น เท่านั้น!

จะหลอกชาวบ้าน ไม่ว่าเสื้อแดง เสื้อดำ เสื้อขาว ชาวรากหญ้า -ยอดยาง ก็ไม่ได้อีกแล้ว อย่างที่ว่า  

ผมรวยแล้วไม่โกง... จะมาช่วยให้พ่อแม่พี่น้อง พ้นจากความยากจน... จะมากระชาก ค่าครองชีพ พ่อแม่พี่น้อง ให้ถูกลง เป็นต้น

ผลเป็นไง... วันนี้-นาทีนี้ ชาวบ้านที่เคยหลงเชื่อ ไม่ใช่แค่ตาสว่าง หากแต่ "ตาค้าง" ลุกโพลงกันไปเลย

ที่ว่ารวยแล้วไม่โกง ไม่ใช่แค่ไม่โกง แต่มันเอาถึงขั้น "ขายประเทศ" รวยเฉพาะโคตร

จำนำข้าวเปลือก ผลาญงบประมาณไปแล้ว ร่วม ๘ แสนล้าน แต่ขายข้าว คืนคลังได้แค่ แสนกว่าล้าน นอกนั้น ไม่รู้เงินหายไปไหน?

ชาวนาที่จำนำข้าวไว้ ได้แต่ใบประทวน เริ่มแห่กันปิดถนน ถามหา...

"ไหนมึงว่ารวยแล้วไม่โกง เอาข้าวกูไป แล้วเงินของพวกกู อยู่ที่ไหน หา...นังสำส่อน?"

    แล้วค่าครองชีพ มันจะถูกลงได้ไง ในเมื่อประเทศทั่วโลก กระทั่ง สหรัฐอเมริกา ซึ่งรายได้ ประชากร ต่อหัว สูงกว่าไทย   น้ำมันเบนซิน ๙๑-๙๕ ลิตรละไม่ถึง ๓๐ บาท ส่วนของไทย ซึ่งมีทั้งก๊าซ และน้ำมันเองแท้ๆ
    นังตอแหล กระชากขึ้นไป ลิตรละร่วม ๕๐ บาท
    ทั้งที่มาเลย์ฯ ซึ่งค่าแรง วันละพันกว่าบาท ยังไม่เกิน ๒๐บาท/ลิตรเลย!
    นี่คือ ความเสื่อม อันเกิดจาก การหลอกลวง-ต้มตุ๋นของ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" แล้วอาศัยศรัทธา ของชาวบ้านนั้น คอร์รัปชัน จนทรราช สองพี่น้องคู่นี้
    ติดอันดับ โกงที่ ๑ ของโลก!
ที่ระยำร้ายกาจ คือโกงชาวนา นั่นดูจะเป็น ฟางเส้นสุดท้าย ต่อจาก ออกกฎหมายล้างโทษ ให้ทักษิณ

เมื่อกำนันสุเทพ เป็นผู้กล้าคนแรก ชูกำปั้น กระโดดออกมาตะโกน... กูจะปฏิรูป สังคมประเทศใหม่ ล้างระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้นไป จากไทยประเทศ

เท่านั้นแหละ สังคมโลกได้ทฤษฎีใหม่ "มวลมหาประชาชนปฏิวัติ"!

ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรงด้วยทัศนะ ปฏิปักษ์ประหัต-ประหาร ใช้สันติ-อหิงสา กางกฎหมาย รัฐธรรมนูญ เป็นคัมภีร์ นำทางปฏิวัติ!

มวลมหาประชาชนออกมา วันเดียว ๕-๖ ล้านคน บอกชัดถึงเจตนา ล้มล้าง ระบอบทักษิณ เฉดหัวยิ่งลักษณ์ "นังน้องสาวร่างทรง" ให้พ้นจาก ตำแหน่งนายกฯ

ตั้งสภาประชาชน ร่างกฎกติกา สังคมใหม่ ในโครงสร้างประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ ฉบับที่ใช้ปัจจุบัน ไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ด้วยกฎกติกา มวลมหาประชาชน เห็นชอบ

พ้นกรอบ-พ้นเงา "ระบอบทักษิณ" ครอบงำ!

พูดในหลักประชาธิปไตย มวลมหาประชาชนเฉียด ๑๐ ล้าน ออกมารวมตัว วันเดียว "ไล่รัฐบาลทรราช"

ถ้ากำนันสุเทพ นำด้วยแนวทาง เผด็จการอำนาจ อย่าว่าแต่ล้มรัฐบาล ยิ่งลักษณ์เลย ด้วยจำนวนคน มากขนาดนั้น ถ้าเกิดในสหรัฐ โอบามา ก็ล้มได้

ล้มได้เพราะ เขามีสปิริตประชาธิปไตย ไม่หนังหนา -หน้าด้าน อย่างนักการเมือง ตระกูล "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"

เสือกลอยหน้า บอกซะด้วยนะ... ไม่ลาออก เพราะต้องอยู่ ทำหน้าที่รักษา ประชาธิปไตย!

ก็อยากบอกส่งท้ายว่า ประชาธิปไตยน่ะ ไม่ได้มีสัญลักษณ์ จากเลือกตั้ง เท่านั้น การเคารพ กฎหมาย เคารพเสียงมหาชน ที่ออกมาไล่ เป็นสิบๆ ล้าน นั่นก็ประชาธิปไตย

เลือกตั้ง ๒ กุมภามันไม่มีหรอก เพราะตามกฎหมายบอก ต้องอยู่ในภาวะปกติ ดำเนิน ขั้นตอน ด้วยบริสุทธิ์ และยุติธรรม

ตอนนี้มัน "ไม่ปกติ" เป็นภาวะฉุกเฉิน ซ้ำขั้นตอนรับสมัคร ก็ไม่บริสุทธิ์ -ยุติธรรมหลายๆ ปัญหา-อุปสรรค ตามที่ กกต.บอก เลือกไปเสียงบประมาณเปล่า เปิดสภาฯ ไม่ได้ ตั้งนายกฯ ก็ไม่ได้ ฟ้องร้องตามมา มากมาย

    ที่สำคัญ ขืนเลือกตั้ง นอกจากประชาธิปไตย จะไม่ได้ แต่จะได้ตับ ไต ไส้พุง ประชาชนแทน!
ศพสวยที่สุด สำหรับนักการเมืองทรราช คือการ "ลงเอง"

ถ้าไม่ยอมลงเอง ก็ศึกษาทางเดิน นักการเมืองอสัตย์ –ทรราช -ขี้โกงทั้งหลาย ขึ้นต้น -ลงท้าย "...ล้วนไปตาย นอกประเทศ"

เป็นแบบนี้มา ตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ โน่นแล้ว!

 

        พ่อครูว่า... เรื่องของความขลังนี่ อาตมาก็เป็นนักบวช ที่เขาพูดถึงเณรคำ หรือยันตระ ก็มี เขาว่าดัง เรื่อง ความขลังกัน แต่อาตมาไม่ได้มาดัง หรือขลัง แบบเณรคำ อาตมา ไม่ได้เป็นนักบวช ที่ขลัง เหมือนสองคนนั้น แต่สังคม มองอาตมาว่า เฉียดๆ เหมือนเณรคำ หรือยันตระ บางคนบอกว่า อาตมาตกร่วง จากศาสนา เถรสมาคม อัปเปหิ อาตมามา ซึ่งอาตมาว่า อาตมาไม่ได้ถูก อัปเปหิ ออกจาก มหาเถรสมาคม เพราะว่า อาตมา ลาออกมาเอง ด้วยหลักวินัย ของพระพุทธเจ้า เรียกว่า นานาสังวาส (ทำได้สองนัยคือ หมู่ใหญ่ให้ออกมา กับหมู่เล็ก ขอแยกออกมา) คำว่า นานา คือต่างกัน นานาสังวาส คือความเห็น ทิฏฐิต่างกัน ศีลต่างกัน อย่างชาวอโศกเรา นับถือจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เป็นหลัก และวินัย ๒๒๗ ข้อ เราก็รักษาด้วย แต่ว่าของกระแสหลักนั้น เขาไม่ถือใน จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ซึ่งเราก็เลย อยู่กันยาก

        วันที่เกิด สมณะชาวอโศก คือวันที่ ๗ ส.ค. ๒๕๑๘ เราลาออกมาจาก มหาเถรสมาคม ซึ่งตอนแรก เขาก็ยอมรับ ให้เราแยกออกมา มีหลักฐานด้วย แต่ว่า เขาใช้อิทธิพล ในการฟ้องร้อง จนเราแพ้คดีความ ซึ่งเป็นการทำผิดวินัยเยอะเลย ที่มาฟ้องร้อง 

        คนเข้าใจความถูกของเราว่าผิด อย่างประชาชน เข้าใจเราผิด ซึ่งเสียหาย ไม่ดี เพราะไปเข้าใจ ความถูกเป็นความผิด ความดีเป็นความชั่ว เราก็เลยต้องยืนยัน ความถูกต้อง เราไม่มีสิทธิ์บังคับ ให้ใครเชื่อ พระพุทธเจ้า ให้สิทธิ์เลือกว่า อันไหน เป็นธรรมวาที อันไหนอธรรมวาที ก็เลือกเอง ด้วยปัญญา

        นานาสังวาส นี่เป็นสุดยอดของ ประชาธิปไตย ก็พิสูจน์กันไป อย่ามาฆ่ากัน อย่าตีรัน ฟันแทง เอาระเบิดมาใส่กัน มันชั่ว อย่าทำเลย

        อาตมาบวชก่อนเณรคำ หรือยันตระ ก็ไม่ได้ออกไปต่างประเทศที่ไหน ก็อยู่ทำงาน ในประเทศ พูดถึงความขลัง อาตมาไม่ขลังเลย แต่มีความเป็นคุณ อาตมาพยายามสร้าง ความเป็นคุณ สร้างให้คน เป็นคนมีคุณ คือ คุณค่า คุณประโยชน์ คุณแปลว่า สิ่งดีความดี คนที่มีคุณ เป็นคนอย่างไร จะใช้ความขลังมาเรียก แทนคุณก็ได้

        ขลังเพราะเขาเป็นคน มีศีลธรรม ก็คือเป็นคนมีคุณ นั่นเอง คนที่ปฏิบัติกับอาตมา จะขลังมีคุณได้ เช่นมีศีล ๕ เป็นต้น เป็นพื้นฐานเลย อาตมาก็พยายาม เผยแพร่ และ สอนให้คน เป็นคนเช่นนี้ ก็ได้คนมาอยู่กัน เป็นหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้าน เป็นคนมีศีล ๕ ทุกคน ไม่ได้อวดโอ่นะ แต่มายืนยันว่า อาตมาทำงาน มีผลได้จริง

        สมาชิกจริงในชุมชน ต้องถือศีล ๕ เป็นอย่างต่ำ นอกนั้น ก็มีถือศีล สูงขึ้นกว่านั้นก็มี
        มีศีลคือมี ๑.มองกันในกายวิญญัติ รูปนอกพฤติกรรมทางกายกรรม เห็นได้ว่า เป็นคน ไม่ฆ่าสัตว์ เวรมณี ไม่ฆ่าสัตว์ แม้สัตว์เล็ก สัตว์น้อย ไม่ขโมย ไม่ทุจริต ไม่ผิดผัวเขา เมียใคร ไม่พูดปด ไม่มีอบายมุข ทั้งหมู่บ้าน ทุกหมู่บ้าน ชาวอโศก ไม่มีคนกินเหล้าสูบยา แม้คนทาลิปสติก ก็ไม่มีสักคน ในหมู่บ้าน แต่งตัวก็นิยมไทย นุ่งผ้าถุง เป็นหลัก ไม่เป็นแบบคนโลกๆ ซึ่งผู้ศึกษาธรรมะ จะเข้าใจ เป็นสามัญสำนึก เป็นคนมีศีล มีธรรม

        ข้างนอกเห็นได้ แต่อาจกดข่มไว้ก็ได้ ละเว้นกายกับวาจา ได้ในศีล แต่ใจยังฝืน นี่คือ ยังไม่บรรลุ แต่ถ้าบรรลุแล้ว จิตจะสบาย ไม่ฆ่าสัตว์ ก็จิตสบาย ไม่ขโมย ก็ทำได้ อย่างสบาย จิตเป็นตัวชี้บ่งว่า เป็นผู้มีศีล ที่ไปสอนกันว่า ศีลจะฝึกกายกับวาจา ส่วนสมาธิ ก็ไปนั่งสมาธิเอา อย่างนั้นไม่ใช่

        แต่ศีล ต้องทำให้ถึงจิต อย่างยุงมากัด เราก็ฝืนไม่ตบมัน แต่ใจก็ยังโกรธ เคือง อยากฆ่า นั่นคือ จิตยังไม่บรรลุ แต่ถ้าทำได้ จนจิตก็ไม่โกรธเลย ก็ถือว่าบรรลุ อย่างโสดาบัน ก็อาจมีในจิตนิดหน่อย แต่กายกับวาจา ไม่ละเมิดแน่

        ในพระไตรปิฎก เล่ม ๒๔ กิมัตถิยสูตร​ ท่านตรัสไว้ชัด ศีลที่เป็นกุศล จะยังความเป็นอรหันต์ได้ เป็นลำดับ ศีลจะพาลดละ กิเลสไปเรื่อย จนบรรลุสูงสุด เป็นอรหันต์ โดยลำดับ มีอานิสงส์อย่างนั้น ที่สอนว่า ศีลฝึกได้แค่กายกับวาจา เป็นความเห็นที่ผิด เป็นความเห็น แบบแยกส่วน ในการทำ ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อสอนแยกส่วน จึงทำให้ไม่เกิดมรรคผล ของพุทธศาสนา เขาถือศีล อย่างกดข่มไป ซึ่งเขาแยกทำสมาธิ คนละส่วนกัน

        ซึ่งที่จริง ต้องทำไปด้วยกัน ศีลข้อ ๑ ให้ลดความโกรธ ก็อ่านรู้ผัสสะ แล้วมีอาการ โกรธ เป็นของแท้ ว่าจิตเกิดกิเลสอย่างใด ผู้ถือศีลข้อ ๑ ไม่ทำร้ายสัตว์ ก็ระวัง ตั้งแต่สัตว์เล็ก จนถึงคน ยิ่งเป็นคน ต้องระมัดระวังยิ่งกว่า คนทำอย่างนี้ มีศีลจริง จะไม่ทำร้าย อาตมาอบอุ่นใจว่า ชาวอโศก ไม่ไปทำร้ายใคร ไม่ไปฆ่าแกงใคร เขาทำจริง มีผลจริง มีญาณปัญญาเข้าใจ และมีจิตหยั่งลง เรียกว่า โอกกันติ จนเป็น นิพพัตติ เรียกรู้ โอปปาติกะ เรียนรู้การเกิด ๕ อย่าง
        ชาติ ๕ อย่าง (ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ)
        ชาติปิทุกขา การเกิดใดๆเป็นทุกข์ แม้พระอรหันต์ แม้หมดอุปาทาน ในขันธ์ ๕ แล้วก็ตาม พระอรหันต์ ที่ไม่ตาย ยังไม่ปรินิพพาน ท่านก็ยังมี กายยิกทุกข์ แต่หมด เจตสิกทุกข์ ท่านหมดทุกข์ ที่เลี่ยงได้แล้ว
       

 
๒๓ มกราคม ๒๕๕๗ ที่ เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ กทม.