015 ธรรมปัจเวกขณ์
วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๒๖

การปฏิบัติธรรม ที่เราปฏิบัติธรรม ในแง่ใดมุมใดปัจจัยใด ปัจจัยก็ตามปัจจัยใด ปัจจัยหนึ่งแล้ว เราก็พยายามที่จะให้ได้ความชัดแจ้ง มีความละเอียดซ้อนลึก ตั้งแต่ หยาบกลางละเอียด เป็นเหตุตั้งแต่ต้นข้างนอก ไปจนกระทั่งถึงข้างใน เราจะค่อยๆ รู้จักอารมณ์จิต เพราะเหตุปัจจัยอย่างนั้น อย่างอาหารนี่ เป็นเหตุปัจจัยที่เราจะต้อง เกี่ยวข้องคลุกคลีสัมพันธ์ ตั้งแต่เราเป็นฆราวาสอย่างหยาบๆคายๆ เป็นพวกชาวอบายมุข ในเรื่องอบายมุขของอาหารนี่ มันมีทั้งลักษณะต่ำลักษณะสูง ลักษณะสูงที่เขาเรียกว่า เป็นผู้ดีในสังคม ก็หยาบคายอย่างแบบนั้น ที่ใช้ภาษาคำว่า หยาบคายนี่ ก็หมายความว่า มันปรุง มันสร้าง มันสังขาร มันมีศักดินา มันมีความอร่อย มันมีความเสีย เสื่อมอยู่ในนั้นตั้งเยอะตั้งแยะ แต่เขาก็มองในรูปของความสวยงามบ้าง ความประดับประดาบ้าง ความยกย่อง ด้วยค่านิยมอะไรต่างๆบ้าง ก็กลายเป็นอาหารที่มีมลพิษ หรือมีตัวเฟ้อตัวเกินตัวร้าย ไปทิศทางอย่างหนึ่ง เรียกว่า หยาบคาย เรียกว่าไม่ดี นัยนั้น เหมือนกัน

ทีนี้มองในขั้นต่ำๆ เป็นอาหารที่เหมือนหมูเหมือนหมา ที่เหมือนที่คลานกินสี่ตีน เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านว่า ให้แก่สุนัขขัตตมาณพ ที่ไปเห็นนักบวชคลานสี่ตีน กินอาหารบูดอาหารเน่า เป็นของตามขยะ แล้วก็หลงว่า ผู้นั้นเป็นพระอรหันต์ ดังนี้เป็นต้น นั่นก็เกินไป ต่ำหยาบสุดโต่งไปอีกด้านหนึ่ง

อีกอันหนึ่ง ก็สุดโต่งไปในด้านที่ปรุงสร้าง เสียจนเลิศลอย อีกอันหนึ่งเสื่อมต่ำ จนกระทั่ง กลายเป็นของทั้งหยาบ แล้วก็มีเชื้อสกปรก เลอะเทอะเกินการไป อีกอย่างหนึ่ง เราจะเห็นความสุดโต่งสองข้างนี้ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อว่า ผู้ใดรู้ปานกลาง และถ้าเผื่อว่า เราเข้าใจในส่วนใด ที่ยิ่งหนัก จะเอาไปสุดโต่ง ด้านความสกปรก สามัญมนุษย์รู้

ก็นี้ไปในด้านที่ตกแต่ง ชูเชิด ห้อมพอก หุ้มพอก สารพัด ที่จะลวงพราง ให้เป็นค่านิยมโลกๆ อันนี้ซิหยาบมาก หรือสังขารมาก หนักมากยุ่งมาก เพราะฉะนั้น น้ำหนักของการปรุงนี่ มันมีส่วนมากกว่า เราจึงต้องโต่งไป ในทางค่อนข้างจะไม่ปรุงให้มาก ให้มันดูมอซอ ให้มันดูเหมือนค่อนมาอีกด้านหนึ่ง ให้มากอย่างนี้ เราก็จะต้องรู้รายละเอียด ของผู้ที่จะกระทำ เพื่อยืนอยู่จุดกลาง หรือจุดสมดุล ของการเป็นอยู่ ทั้งรูปแบบพฤติกรรมสภาพ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม และเราก็ได้ ปฏิบัติซ้อน อยู่ในกรรมกิริยา เหล่านั้น ด้วยพิจารณาออก เราพยายามลดละ จางคลาย ในสัจธรรมทางจิตวิญญาณ เมื่อเราเอง เราหลงติดนิยม ค่านิยมแบบมานะ หรือแม้แต่รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส แบบกาม เราหลงมันอย่างไร เราติดมันอย่างไร แล้วก็พิจารณาออกๆ เราจะเป็นผู้บรรลุ เราก็ยังจะต้องกิน เพราะฉะนั้น เราจะรู้เลยว่า เราจะอนุโลมได้แค่ไหน และเรายังเหลือค้าง ติดอยู่แค่ไหน เรายังสอดซ้อน ซ่อนแฝง พรางลวงอยู่รูปของอาหารนี่ แม้แต่กินอาหารทุกมื้อ เราจะรู้เลยว่า ท่าทีอย่างงั้นอย่างงี้ อ่านจิตอ่านใจของเราพวกนี้ มันจะเห็นจิตละเอียด อย่างมากมาย

การปฏิบัติธรรม ด้วยเรื่องของอาหาร ปฏิบัติได้ตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่ง เป็นพระอรหันต์ เพราะเรื่องของอาหาร บอกแล้ว แม้แต่พระพุทธเจ้า ก็ยังต้องฉันอาหาร พระอรหันต์ทุกองค์ ก็จะต้องรับประทานอาหาร แม้บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์แล้ว ต้องรับประทานอาหาร ละขาดจากกันไปไม่ได้เลย แล้วมีเหลี่ยมมีมุม ที่ทำให้เราอ่านจิต ละเอียดลึกซึ้งซับซ้อนได้อย่างมาก

ความสำคัญของการปฏิบัติธรรม ด้วยเรื่องอาหาร ไม่ใช่เรื่องเล่น ขอยืนยัน ด้วยหลักการต่างๆ ทั้งแม้แต่หัวข้อธรรมที่ลึกซ้อน ที่ได้เอามาประกอบเสมอๆ ให้ฟัง คนที่ไม่เข้าใจการปฏิบัติธรรม จึงดูถูกพฤติกรรมที่ปฏิบัติธรรม ด้วยหลักการ วิธีพิจารณาออก ละเว้น แม้แต่โภชนะ โภชนาอาหาร อย่างที่กล่าวนี้ เขาก็เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องของการปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้น พวกเราพิสูจน์ และขอให้พยายาม ปฏิบัติ ให้เห็นจริงเห็นจังให้ได้ และก็เชื่อว่า เราก็ปฏิบัติกันมาพอสมควร เห็นจริงเห็นจังอยู่ ได้ขึ้นมาตามฐานะ แล้วก็อย่าประมาท ขอให้ทำให้ละเอียดลออ จนกระทั่ง เราสนิทเนียน หมดอารมณ์ หมดอาการของกิเลส หยาบ กลาง ละเอียด ถอนอนุสัย จนเราจะรู้ว่า เราสบายแล้ว กินอยู่เราสบาย

แต่แม้สบาย พ้นทุกข์แล้วก็ตาม เศษเสี้ยวของอาสวะอนุสัย ยังมีซุกซ่อนซุกซ้อน อยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเหล่านั้น เราจะเรียนรู้ความซุกซ่อน ในสังโยชน์เบื้องสูง ในสิ่งเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง ขอให้เราพิจารณา

สาธุ.

*****