058 ธรรมปัจเวกขณ์
วันที่ -- พฤศจิกายน ๒๕๒๖

เอ้า! มีเรากระหยิบเดียว ที่พยายามที่สุด ที่จะเดินทางอย่างทรหด แต่อาจจะมีบางกลุ่ม ที่เขาทรหดยิ่งกว่าเรา ซึ่งก็น่าเห็นใจ และก็น่าอนุโมทนา ที่เขาก็ใฝ่ พยายามบุกเบิก พยายามฟันฝ่า แสวงหา ที่จะเป็นผู้ประสพจุดสำคัญ จุดสำเร็จของชีวิต โดยทางคิดที่ว่า เป็นทางคิดอันประเสริฐ ไม่ใช่ไปบุกบั่น อยู่ในทางโลกียะ ซึ่งเป็นผลสำเร็จ ทางชีวิตแบบโลกียะ ซึ่งมีแนวคิดว่า ควรจะมีอะไรที่ประเสริฐ ได้ทรมานตน ได้หนักหนา เหน็ดเหนื่อย ยิ่งกว่าเรามีอยู่ เราก็เป็นกระหยิบหนึ่งเท่านั้น ที่ก็ทรหดหนักหนา เหน็ดเหนื่อยเหมือนกัน อาจจะน้อยกว่าบางกลุ่ม ที่เขาเอาแรงกาย แรงสมอง ที่หนักเหลือเกิน ยิ่งกว่าเรานี้ไปทำ แต่ว่ามันก็ไม่ค่อยเข้าทิศเข้าทาง มันจึงต้องหนัก ต้องแรงเกินไป เป็นอัตตกิลมถานุโยค เขาได้กระทำมา อยู่ชั่วนาตาปี แต่ละลัทธิ แต่ละนิกาย แต่ละพวกหมู่กลุ่มศาสนา เขาก็มีการกระทำอยู่

เราเป็นลูกศิษย์ของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กระหยิบหนึ่ง ที่ได้เอาทฤษฎี ของพระพุทธองค์ ที่ท่านได้ไตร่ตรอง ทำไว้ดีแล้ว เรียงไว้ดีแล้ว ทำระบบไว้ดีแล้ว และท่านก็ได้พิสูจน์มา ตลอดพระชนม์ชีพ ๔๕ พรรษา สร้างกลุ่มหมู่ของศาสนาขึ้นมา เป็นหลักฐาน ที่ได้พิสูจน์ยืนยันว่า ท่านประสพผลสำเร็จที่ดีแล้ว และ ยังมีผู้นำพาเอา ทฤษฎีนี้สืบทอด ต่อร้อยมา จน ๒,๕๐๐ กว่าปี ก็ยังไม่มีใครล้มล้าง หรือว่า ยังไม่มีใครสามารถเหนือกว่า ความคิดนี้ไปได้ นอกจาก ผู้ที่ยังไม่ได้มาศึกษา อย่างแท้จริง เท่านั้น เขาติดอยู่ในลัทธิอื่นๆ ที่เขาได้ศึกษามาก่อน และเขาก็เชื่อมั่น ในลัทธินั้นๆ ซึ่งแต่ละลัทธิ ก็มีความดี มีความทำให้ตนเอง ผู้ปฏิบัติ ผู้ประพฤติเรียนรู้พัฒนา ได้บ้างเหมือนกัน เขาก็ยังพยายาม แม้แต่อยู่ในลัทธิอื่น ที่มีทฤษฎีของเขา เขาก็พัฒนาตนอยู่ แม้ที่สุด เขาว่าเขาสูง ของลัทธินั้น และเขาก็ยังไม่ได้มาศึกษา ลัทธิของพระพุทธเจ้า เขาก็ยังอยู่ในลัทธินั้น แล้วก็ยังทำงานของลัทธินั้นอยู่ ก็เป็นคนดี เป็นส่วนดี ของจำนวนประชาชน หลายพันล้านคน ดังกล่าวนี้ คนที่ใฝ่ดีอย่างนี้ เพื่อประโยชน์ตน และมันจะเป็นประโยชน์ท่าน ก็เป็นการดีอยู่ทั้งสิ้น

โดยเฉพาะ นี่เราเป็นผู้ที่มีโชค ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ด้วยว่า ผู้ได้พบพระพุทธศาสนานั้น เป็นคนโชคดี เป็นคนมีบุญดีแล้ว แม้จะมีกระหยิบมือหนึ่ง ขณะนี้ ก็คิดว่า คงไม่มีใครมีปัญหา เราได้มาพากเพียร ได้มากระทำการเรียนรู้ อบรมตนไป ชีวิตเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร แม้เราจะมีชีวิต อยู่ชั่ววัน ชั่วคืนไป เราก็ไม่ได้ทำตนให้ตกต่ำ หรือขาดทุน เราจะทำตนให้เป็นคนที่มีคุณค่า มีประโยชน์ทั้งแก่ผู้อื่น และทั้งตนก็ได้ขัดเกลา ได้เรียนรู้ศึกษา เดินทางไปสู่ความประเสริฐ ที่ปราชญ์เอกของโลก ได้ค้นพบแล้ว

ในแต่ละวันวินาที ที่เราอยู่กับสิ่งอย่างนี้ เรายังสงสัยอะไรหรือ ที่เราเองได้เป็นผู้ที่มาประพฤติ ปฏิบัติ อบรมปล่อยชีวิต หรือว่าเอาชีวิตมาทิ้งอยู่กับสิ่งนี้ เมื่อผู้ใดไม่สงสัยแล้ว ก็มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น ก็คือ ความเพียร ความพยายามที่จะสังวร สำรวม ด้วยหลักการต่างๆ ซึ่งได้แนะนำไว้เสมอ ผู้ใดที่ได้มีสติสัมปชัญญะ ระลึกรู้ตัวทั่วพร้อม ให้ดียิ่ง และมีสัมมาวายามะ ที่จะกระทำให้ถูกร่อง ถูกรอย ถูกแนว ซึ่งเป็นวิธีการ เป็นทฤษฎีให้เราเอง สังวรสำรวม เขยิบผล เพิ่มสิ่งที่ควรขัดเกลา หรือสร้างสรร ให้แก่ตนเองยิ่งขึ้น และมันก็เป็นของผู้อื่น ได้ผลตามๆ ร่วมด้วย ถ้าพิสูจน์ให้จริงแล้ว จะเห็นประโยชน์ตน และประโยชน์ท่านนี่ มันสอดคล้อง ซ้อนอยู่ในตัวอันเดียวกัน ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ในตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้า

ผู้ใดที่อินทรีย์พละ ที่ยังไม่แข็งแรงเท่านั้น ที่จะต้องขออาศัยสถานที่ เวลาสิ่งสัมผัส ออกไป ทำประโยชน์ตน โดยที่มาทำประโยชน์ท่านก็ไม่ไหว กระทบสัมผัสแรงก็ไม่ได้ ทำอะไรต่ออะไร ก็ยังไม่สามารถ ที่จะประคับประคองตนได้ นั่นก็มีอยู่จริง ก็ต้องเห็นใจกันบ้าง และก็พยายาม ค่อยๆ ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ต้องไปลงโทษกันเกินการ เราจะไปเอาแต่ใจตัวเรานั้นไม่ได้ เราดีก็ดีแล้ว ทำได้ก็ดีแล้ว เราสามารถ ก็จงเดินทางไปให้เร็ว ให้ถึงที่จุดหมายสูงสุดเถิด ส่วนผู้ยังไม่ได้นั้น ค่อยดูกันบ้าง คนกิเลส มันแรงเกินไป มันน่าจะได้ ก็พยายามลองดู ลองกันดูว่า เออ! ก็ควรจะได้บ้างไหม และก็ให้สังเกต ถ้ามันไม่ได้จริงๆ เราก็ต้องรู้ที่สุดของผู้นี้ อินทรีย์พละของเขาเท่านี้ เราก็ต้องกำหนดลงไป เขาได้เท่านี้ ก็เป็นบุญแล้ว เขาไม่ตกต่ำยิ่งกว่านั้น ถ้าดูๆ ไปนานๆ ก็เห็นว่าเท่านั้น เขาก็ได้แต่อย่างดี ก็อยู่แค่เดิม ยิ่งกว่านั้น ก็ตกต่ำกว่าเก่าด้วย ก็ช่วยกันอีก แนะนำกันอีก ถ้ายังมีทางที่ยังเขยิบ ยังเจริญขึ้นมาอยู่เสมอ ก็เรียกว่า เรายังเดินก้าวหน้าไปอยู่ ถ้าเผื่อว่า เราจะทำให้เขาเจริญยิ่งนั้น ได้ด้วยความสามารถ ก็ช่วยกันอุ้มชู

สิ่งอย่างนี้ เรากระทำอยู่ ไม่ได้เป็นความเลวทรามอะไร ในสังคมมนุษยโลก เราทำดี เราได้ใฝ่เพียร และเราก็รู้ผลประโยชน์ ที่เราได้ เราเป็น เรามี พร้อมกันนั้น ก็ไปถึงสังคมมนุษย์อื่น ด้วยอย่างแท้จริง นี่เป็นการพูดในวงกว้างมาก ให้พวกเราได้พิจารณาพิสูจน์ และก็กระทำ ได้เกิดความมั่นใจว่า เราเองนี่ อยู่ที่ไหนของโลก อยู่ที่ไหนในจักรวาล เราอยู่ที่อย่างนี้ในโลก หรือ ในจักรวาลของมนุษยชาติ เราถ้าแน่ใจว่า เราไม่ได้ผิด ไม่ได้ทำอะไรนอกรีตนอกทาง และเราก็ได้มาเป็น ผู้ที่พยายามที่จะกระทำดี ให้แก่ตนและโลก และพร้อมๆ กันอยู่ ดังกล่าวแล้ว ก็ขอให้ทุกคนได้มั่นใจ และเติมความเพียร ดังที่ได้กำชับกำชานั้น ให้สังวรระวัง ตามทฤษฎีที่ได้แนะนำ เสมอๆ มีอปัณณกธรรม ๓ อย่างเจริญ ที่มีอยู่ทรงอยู่ เป็นภาคปฏิบัติ ที่ไม่ตกหล่น ว่าเราจะสำรวมอินทรีย์ทั้ง ๖ พยายามปรับกาย และก็พยายามปรับกรรม กายกรรม มโนกรรม พยายามปรับกิริยา กิริยากาย กิริยาจิต พยายามปรับอารมณ์ ให้มีอารมณ์ ที่สู่จุดสูงของเรา ให้ได้มากที่สุด เราก็จะเป็นผู้ที่เดินทางได้เร็ว และถึงจุดหมาย จะเป็นประโยชน์แก่ตน สมบูรณ์ และจะเป็นประโยชน์แก่ท่าน ได้มากที่สุด

สาธุ

*****