โบนี่ มารติน (เกือบจะ) โชคร้ายที่เกิดมารวย ตอน ๑๒
เขียนโดย โฆเซ่ หลุยส โอไลยโซล่า แปลโดย สว่างวัน ไตรเจริญวิวัฒน์ พิมพ์ครั้งที่ ๑ : ๒๕๔๒ ราคาเล่มละ ๗๕ บาท (รวมค่าส่ง) สั่งซื้อได้ที่ ธรรมทัศน์สมาคม ๖๗/๕๐ ถ.นวมินทร์ คลองกุ่ม บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ สั่งจ่าย ปท.คลองกุ่ม
ผลกำไร จะนำไปช่วยเด็กยากจนในชนบท เริ่มลงในฉบับที่ ๙๑

ครรภ์ของอิซาเบล มาร๎ติน มีขนาดใหญ่ขึ้น ทุกที และคุณแม่ยังสาว ก็ยิ่งงามเปล่งปลั่ง ราวกับมีรัศมี แห่งความสุข แผ่ไปทั่วร่าง มานูเอลไปๆ มาๆ ที่หมู่บ้าน เพื่อมีส่วนในความสุขนี้ ก่อนพ่อจะจากไปทุกครั้ง จะต้องสั่งโบนี่ว่า

"ดูแลแม่ด้วยนะ"

แต่เมื่อมีเรื่องยุ่งๆ จนหัวปั่นตลอดสัปดาห์ โบนี่ก็ลืมที่พ่อบอกไป เด็กชายใช้เวลาไปกับการดูแลธุรกิจ ขายขนม ทุกวันอาทิตย์ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่า แม่จะต้องการความช่วยเหลือ เฉพาะด้านการเตรียม เสื้อผ้าเด็กอ่อน แม่ใช้เวลาตลอดวัน ถักเสื้อสำหรับทารก และถ้าคุณป้าอังกุ๊สเตียส ไม่ได้ทำขนมเปรูนียัส ก็จะมาช่วยเหมือนกัน บางทีลูเซีย และกลาร่าก็ช่วยด้วย โบนี่รู้สึกว่าพวกผู้หญิงถักเสื้อหลายขนาด เพราะไม่ทราบว่า น้องที่กำลังจะเกิดมา ตัวโตหรือตัวเล็ก ขนาดไหน และที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อนบ้านคนอื่นๆ ต่างพากัน ถักเสื้อเป็นการใหญ่ เพื่อเตรียม เป็นของขวัญ ให้น้องของโบนี่

แม้ว่าแม่ของเด็กชายจะไม่อาจซ่อนความยินดีอันเนื่องมาจากการเตรียมเสื้อให้ลูกน้อย บางครั้งบางคราว อิซาเบล อดไม่ได้ ที่จะถอนใจ รำพึงว่า

เฮ้อ! คุณพระ ลูกคนนี้จะเป็นยังไงหนอ"

พอน้องโตขึ้นก็ให้เป็นพนักงานส่งโทรเลขสิแม่" โบนี่แนะนำ เขาตระหนักถึงความกังวล ของแม่ดีว่า มาจากการที่ ทางบ้าน ล้มละลาย จากนั้น เด็กชายอธิบายความคิดสุดวิเศษ ที่กามีโล่คิดจะสมัครเป็น ทหารอากาศอาสา

แม่ของโบนี่หัวเราะพลางกอดโบนี่ พร้อมกับเตือนเหมือนทุกครั้งว่า

"ระวังท้องของแม่ด้วยนะจ๊ะ !"

โบนี่กอดแม่เบาๆ เพราะเกรงว่าหากกอดแรงเกินไป น้องจะคลอดก่อนกำหนด ในที่สุด โบนี่ก็เล่าความกลัวของตน ให้กลาร่าฟัง เด็กหญิงหัวเราะ เยาะโบนี่ว่า

"อะไรกัน คิดโง่ๆ อย่างนี้ได้ยังไง คิดว่าเด็กจะออกมาง่ายๆ ขนาดนั้นในหมู่บ้านนี้น่ะเหรอ"

กลาร่าเปลี่ยนทีท่าจากเด็กขี้อายเป็นเด็กขี้โมโห ภายในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้น ระหว่างวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ โบนี่ชอบ คุณครูอาลีเซียมากกว่า เพราะคุณครูมักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอ นอกจากนี้ คุณครูยังมีวัยเหมาะสม กับการเป็นคนรัก ของใครสักคน อีกด้วย

คุณครูมีวัยที่เหมาะสมมาก จนกระทั่ง วันจันทร์แรกของเดือนมิถุนายน ทุกคนที่โรงเรียน ก็ทราบข่าวว่า คุณครูอาลีเซีย จะแต่งงาน กับอาจารย์คนหนึ่ง ที่มหาวิทยาลัย โบนี่รับรู้ข่าวอย่างงงๆ ในขณะที่คนอื่นๆ โดยเฉพาะบรรดาเด็กหญิง ต่างรู้สึกยินดี ประหนึ่ง ถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ และไม่คุยเรื่องอื่นใดเลย นอกจากเรื่อง การแต่งงานของคุณครู

บ่ายวันนั้น คนรักของคุณครูอาลีเซีย ขับรถยนต์ค่อนข้างดี มารับคุณครู ที่ประตูทางออก ของโรงเรียน เด็กนักเรียนหญิง ถอนใจอย่างมีความสุข เพราะรถที่แล่นเข้ามา หรูเหมือนกับรถ ในภาพยนตร์เลย และ นี่คือสิ่งที่ น้อยที่สุด ซึ่งคุณครูคนสวย ของพวกเขา สมควรจะได้รับ

วันต่อมา คุณครูขึ้นรถประจำทางมาโรงเรียน แทนที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ โบนี่จึงถามว่า

"มอเตอร์ไซค์เป็นอะไรไป สตาร์ทไม่ติดหรือครับ"

แทนที่คุณครูจะตอบ กลับหัวเราะหน้าแดง เอียงอายอย่างไม่มีเหตุผล รีบเดินเข้าห้องเรียนไป

โบนี่ไม่ประหลาดใจ ที่คุณครูหน้าแดง เพราะสตาร์ทรถไม่ติด ทั้งๆ ที่เรียนตั้งหลายครั้งแล้ว

วันที่สามที่เห็นคุณครูขึ้นรถประจำทางมาโรงเรียน โบนี่คาดคั้นถามคุณครูอีกครั้งว่า

"เกิดอะไรขึ้นกับรถของครูกันแน่"

คุณครูอาลีเซียเป็นคุณครูที่ลงโทษ นักเรียนชอบโกหกมากที่สุด จึงไม่มีทางเลี่ยง นอกจากสารภาพว่า

"คือว่า แฟนของครู ไม่ชอบให้ครูขี่มอเตอร์ไซค์"

นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โบนี่รู้สึกใจหายลึกๆ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เขาสูญเสียคนรัก ที่มีวัยเหมาะสม หมดโอกาส ขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วยังอดเป็นผู้ดูแล ยานพาหนะ ของคุณครู ซึ่งถือเป็นหน้าที่อันทรงเกียรติ ที่เพื่อนๆ พากันอิจฉา

โบนี่จำต้องยอมรับความจริงด้วยความรู้สึกรันทด หลังจากใคร่ครวญอย่างดีแล้ว เด็กชายตัดสินใจว่า กลาร่ามีข้อดี หลายประการเหมือนกัน เมื่อโบนี่เชื่อมั่นว่า จะต้องตกหลุมรักจริงๆ จึงถามกามีโล่ อย่างไม่อ้อมค้อมว่า

"ถ้าหากอยากจะตกหลุมรักสุดๆ จะต้องทำยังไงเหรอ"

"ไอ้หนูเอ๊ย ! คิดอะไรบ้าๆ วะ" กามีโล่ย้อน

หลังจากสับสนนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง กามีโล่พยายามอธิบายให้โบนี่ฟัง สักพักโบนี่ก็พูดขึ้นว่า

"นี่ กามีโล่ ที่นายพูดมาทั้งหมดนี้ ฉันไม่เข้าใจสักนิด"

กามีโล่หยุดคิดก่อนตอบว่า

"ฉันว่านายอาจจะเด็กเกินไป อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ"

"สิบสอง แต่ฉันไม่คิดว่าเพราะฉันเป็นเด็กหรอก หลักฐานก็มีอยู่ อย่างกรณีคุณครูอาลีเซียไง ฉันรู้ว่า ฉันตกหลุมรัก คุณครู"

"ตลกน่ะ" กามีโล่บอก "ใครๆ ก็หลงรักคุณครู กันทั้งนั้นแหละ"

สิ่งเดียวที่โบนี่แน่ใจก็คือ เขาตกหลุมรักทั้งคุณครู และกลาร่า ในเวลาเดียวกัน

"ความโชคร้ายไม่เคยมาเยือนเพียงหนเดียว" เป็นประโยคที่อิซาเบล มักพูดเสมอ แม้ว่าระยะหลัง จะพูดน้อยครั้งลง

อย่างไรก็ตาม โบนี่ มาร๎ติน มีโอกาสพิสูจน์ว่าคำพูดของแม่นั้นเป็นความจริง เพื่อขจัดความสลด หดหู่ในใจ ที่สูญเสีย รถมอเตอร์ไซค์ เพราะคุณครูมีคนรักแล้ว โบนี่จึงหันมาทุ่มเท ความรู้สึกดีๆ ให้กับกลาร่า แต่ก็เกิดเรื่อง เลวร้ายที่สุด ขึ้นมาจนได้

ตอนแรกทุกอย่างวิเศษมาก ทุกวันอาทิตย์ หลังจากกลับจาก "ลา เปญ่า" โบนี่ก็ทำอย่างเดียว กับที่กามีโล่ ทำกับลูเซีย คือจับมือ ของกลาร่า เข้าประชิดตัว กอดคอจนเด็กหญิง หายใจแทบจะไม่ออก ขัดขาให้ล้มลง ดึงผมและอื่นๆ ขนาดนี้แล้ว ก็ยังหอมแก้มกลาร่าไม่ได้ เด็กหญิงพูด อย่างโกรธเกรี้ยวว่า

"โอ๊ย! เชยสุดๆ เลย อย่ามาหอมแก้มฉันนะ"

แทบไม่น่าเชื่อว่าเด็กหญิงที่ตัวเล็กผอมบาง จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สูงเกือบเท่าโบนี่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ที่โรงเรียน กลาร่าสอบได้คะแนนเฉลี่ยดีมาก เป็นศิษย์โปรดของคุณครูหลายๆ คน เมื่อโบนี่รู้สึกตัวอีกครั้ง ก็ช่วยอะไร ไม่ได้แล้ว เด็กชายไม่อาจจะไปไหน โดยปราศจากกลาร่าได้ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ "ลา เปญ่า" กลาร่าเป็น ยอดนักขาย เด็กหญิงคนเดียว ขายขนมเปรูนียัส ได้เก่งกว่าเพื่อน อีกสามคนรวมกัน เวลาลูกค้าหญิง สูงอายุ ซื้อขนม มักจะให้เงินทิปทุกครั้งไป แล้วยังชอบจับแก้มเด็กหญิง อย่างเอ็นดู กลาร่าจะยิ้มแย้ม ขอบคุณ เพราะตั้งแต่ มีฟันขาวสะอาด เธอจะยิ้มเสมอๆ

"เด็กอะไร โหดซะไม่มี" โบนี่พูด เมื่อเห็นกลาร่า จัดการกับบรรดาลูกค้าทั้งหลาย โบนี่ว่า แต่ไม่จริงจังอะไร เพราะสิ่งใดที่กลาร่าทำ โบนี่ก็เห็นดีไปหมด

แล้ววันแห่งความโชคร้ายก็มาถึง วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ มีเหตุทำให้กามีโล่ และลูเซีย ไม่สามารถ ขึ้นไปบนเขาได้ เพราะสังฆราช มาทำพิธีศีลกำลังให้เด็กหนุ่มสาวทั้งสอง ลุงเอร๎เนสโต้ จึงไปเป็นเพื่อนกลาร่า และโบนี่แทน การขายขนม ได้ผลค่อนข้างดี เพราะลุงมีพรสวรรค์ ในด้านการขายไม่น้อย ขากลับ แทนที่ทุกคน จะลงจากภูเขา โดยใช้ทางลัด เหมือนเคย พวกเขา นั่งรถบรรทุกเล็ก ของหลานชายคุณลุงลงมา กาเนโล่ ตามทุกคนไปด้วย เช่นเดียว กับทุกครั้ง สุนัขน้อยเดินขาลากๆ ไปด้วยความชรา ตามกลาร่า ไปอย่างจงรัก มันไม่เคยละสายตา จากเด็กหญิงเลย เป็นที่ทราบกันดี อยู่แล้วว่า เห็นกลาร่าที่ไหน ก็ต้องเห็นกาเนโล่ที่นั่น

ทุกคนกลับลงมาอย่างมีความสุข คงจะเนื่องมาจากความสุขของลุงเอร๎เนสโต้ เผื่อแผ่มาถึงเด็ก ทั้งสองด้วย คุณลุงไม่เคยคิด มาก่อนเลยว่า จะพบธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ในวัยชราเช่นนี้ ทุ่งหญ้ายังเป็นสีเขียวขจี แซมกอ ดอกไม้สีเหลือง เสียงรถบรรทุกเล็กแล่นเบาๆ ลงจากยอดเขา

เมื่อมาถึงทางแยกรถก็จอด ทุกคนลงจากรถ หลานของคุณลุงสตาร์ทรถอีกครั้ง

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้อย่างไร ที่แน่ๆ คือเมื่อคุณลุง และเด็กทั้งสอง เดินข้ามถนนหลวง ไปเพียงครู่ ก็ได้ยินเสียง รถบรรทุกขนาดใหญ่มาก คันหนึ่งติดตามมา ด้วยเสียงร้องโหยหวน ของกาเนโล่ รถบรรทุกคันนั้น แล่นทับกาเนโล่ แล้วก็จากไป

กลาร่าเอามือปิดหน้าไม่กล้าเข้าไปใกล้สุนัขที่บาดเจ็บ คุณลุงเอร๎เนสโต้เข้าไปดู และจากประสบการณ์
ในการเลี้ยงสัตว์ คุณลุงส่ายศีรษะ สิ้นหวัง หันไปบอกโบนี่ว่า

"ต้องฆ่ามันแล้วล่ะ โธ่! หมาน้อยที่น่าสงสาร"

กลาร่าตะโกนขึ้นว่า "ไม่นะ!" เด็กหญิงไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้สุนัขของตน เธอเดินถอยหนีออกไป เพราะไม่อาจทนฟัง กาเนโล่ ร้องโหยหวนได้

"ไอ้หนู เราต้องฆ่ามันนะ" ลุงเอร๎เนสโต้ย้ำกับโบนี่

ลุงเอร๎เนสโต้เป็นชายชราที่ป่วยด้วยโรคไขข้ออักเสบ แทบจะยกแขนไม่ขึ้น ต้องเดินขาลาก โดยใช้ไม้เท้าพยุง ไม้เท้าที่ใช้ เป็นไม้ตะปุ่มตะป่ำ มีด้ามจับบอบบาง แต่ตรงปลายหนาหนัก ชายชรายื่นไม้เท้าให้โบนี่ พร้อมกับพูดว่า

"เอาเลย ทุบหัวมันแรงๆ โธ่! น่าเวทนาจริงๆ!"

โบนี่รำลึกได้ว่าครั้งหนึ่ง ในอดีตที่ดูเหมือนจะห่างไกลจากตอนนี้มาก สมัยที่ครอบครัวของเขา ยังมีฐานะดี อยู่บ้านหรู ราวกับวัง ก็เคยเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันกับสุนัขตัวหนึ่ง ที่ประสบอุบัติเหตุ ทำให้มันเสียขาไป สุดท้าย ต้องตาม สัตวแพทย์ มาฉีดยาให้สุนัขตัวนั้นตาย เพื่อช่วยให้มัน พ้นจากความทรมาน

"เราตามหมอมาไม่ดีกว่าหรือครับ" โบนี่ถามอึกๆ อักๆ ไม่กล้าหยิบไม้เท้า ลุงส่ายหน้าด้วยความสงสาร

โบนี่เข้าใจดีว่า หมู่บ้านนี้ไม่มีสัตวแพทย์ แม้แต่คนเดียว

เด็กชายไม่มีทางเลือกนอกจากจะรับไม้เท้าไว้ เขามองสุนัขอย่างเวทนา เสียงร้องโหยหวนกลายเป็นเสียงครางแผ่ว มันผงกหัวมาทางโบนี่ ราวกับขอให้ช่วยมันให้หลุดพ้น จากความเจ็บปวด เด็กชายตัดใจ ทำสิ่งเดียว ที่สามารถทำได้ ยังดีที่เขาเป็นเด็กแข็งแรงมากคนหนึ่ง เพียงหวดไม้เท้า อย่างแม่นยำ ครั้งเดียว กาเนโล่ ตายทันที

"ไอ้หนู ทำได้ดีมาก" ลุงเอร๎เนสโต้ชม แต่ไม่อาจทำให้โบนี่รู้สึกดีขึ้น

เด็กชายสะอึกสะอื้น ไม่ยอมหยุดด้วยความเครียด

"พอแล้ว พอแล้ว ไอ้หนู" ลุงเอร๎เนสโต้พยายามปลอบโยน "ไม่มีทางอื่นเลย ถ้าลุงมีแรงล่ะก็ ลุงทำเองแล้ว"

จากนั้น ลุงก็เล่าเรื่องลาอีกตัวที่ ลุงรักมากกว่าตัวปัจจุบันนี้ ลุงต้องจำใจ ฆ่ามันไปเหมือนกัน

เมื่อคุณลุงเตรียมจะฝังกาเนโล่ ทั้งลุงและโบนี่เพิ่ง จะสังเกตเห็นว่า กลาร่าไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว

"กลาร่าคงกลับไปบ้านแล้วล่ะ เป็นธรรมดา" ลุงเอ่ย

อ่านต่อฉบับหน้า

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๐ มี.ค. - เม.ย. ๒๕๔๕)