ปัจฉิมลิขิต

การปฏิบัติยังไม่ดีนัก ถ้าจะถามว่าพอใจ หรือภูมิใจในการปฏิบัติของตัวเองไหม ตอบได้เต็มคำว่า ไม่ภูมิใจ เลย เพราะกระแสสังคม รุนแรงมาก เพราะยังต้องแคร์สังคมอยู่ ยังต้องช่วยงานสังคม (ที่เต็มด้วยกิเลส) ที่อ้างบุญ-กุศลอย่างที่เขาเข้าใจ เพราะเราจะอยู่ อย่างโดดเดี่ยวไม่ได้ เพราะถ้า ไม่ทำอย่างนี้ เขาจะว่า ไม่ร่วมมือ กับองค์กร ชุมชน ทำให้เราและครอบครัว ลำบากไปด้วย ต้องจำใจทำ ทั้งที่บางสิ่ง รู้อยู่เต็มอกว่า เป็นสิ่งผิด ยั่วย้อมมอมเมา

หากจะถามว่าการปฏิบัติส่วนตัวเป็นยังไง ก็คงแยกไม่ออก ปฏิบัติกับสังคมอย่างไร ส่วนตัวก็เป็นอย่างนั้น เพราะมันเป็นเรื่อง ที่เกี่ยวเนื่องกัน แยกกันไม่ได้

ยังกินเนื้อสัตว์อยู่ เพราะยังไม่เน้นข้อนี้ (ส่วนตัว) คิดว่าความดีไม่ได้จำกัด ไม่กินเนื้อสัตว์เท่านั้น ถึงจะเป็น คนดี ความดีมีอยู่มากมาย แต่ก็มิใช่ ไม่เห็นความสำคัญ ต้องใช้คำว่า ยังไม่พร้อมมากกว่า

๒๕๙๓๒๖/ ชัยนาท

น่าเห็นใจจัง ประโยชน์ตนก็ต้องทำ ประโยชน์ท่านก็ต้องช่วยเหลือ ก็พยายามทำให้เหมาะให้ควร ให้เต็ม ความสามารถของเรา แต่อย่าให้ผิดศีลธรรม ก็แล้วกัน มิฉะนั้น จะเป็นการพล่าประโยชน์ตน

การงดเว้นเนื้อสัตว์ เป็นประโยชน์ตน ที่น่าจะพยายามรักษาไว้ อย่าปล่อยเลยตามเลย เป็นความดีใกล้ตัว ที่ไม่ควรมองข้าม เป็นบุญเป็นกุศล เป็นเมตตาธรรม ที่สามารถสะสมให้แก่ตน ได้ทุกมื้อทุกวัน

พยายามหาเหตุผล ให้ฝ่ายกุศลบ้าง อย่าจำนนกับเหตุผลของฝ่ายอกุศล ที่มีมากมายมหาศาล


ผมเป็นสมาชิกมา ๑๐ กว่าปีแล้ว ได้รับหนังสือมาราวๆ ๕๐-๖๐ เล่มแล้ว ในหนังสือดอกหญ้า ผมเคยอ่าน เจอคำว่า งานพุทธาภิเษก งานปลุกเสก ผมก็ไม่รู้ว่าทางสันติอโศก เขาทำอะไร มีกิจกรรมอะไร พิธีกรรม อย่างไร ทำทำไม

แต่ที่ผมเคยรู้ๆมา แถวๆ วัดทางภาคใต้ ถ้าเป็นงานพุทธาภิเษก หรือ งานปลุกเสก ก็คืองานปลุกเสก หรือ งานพุทธาภิเษก เครื่องรางของขลัง เช่น พระเครื่องต่างๆเท่านั้น แต่ผมก็เชื่อมั่นว่า ทางสันติอโศก คงจะไม่ทำสิ่งนั้น แต่เพราะเหตุอะไร จึงใช้คำว่าพุทธาภิเษก หรือ ปลุกเสก

ผมอยู่ไกล จึงไม่มีโอกาสมาในงานเช่นนี้ได้ จึงขอให้ดอกหญ้าได้เล่าให้คนรู้น้อยนี้ ได้รับทราบบ้าง จะเป็น พระคุณ อย่างสูง

จ่าย พรหมวาส / ยะลา

งานพุทธาภิเษก สุดยอดปาฏิหาริย์ และ งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ เป็นงานประจำปี ของชาวอโศก งานละ ๗ วัน เป็นงานอบรมธรรม ปฏิบัติธรรม ถือศีล ๘ กินอาหารมังสวิรัติ วันละ ๑ มื้อ ฝึกเดินถอดรองเท้า ฝึกนอนอย่างเรียบง่าย กางกลด กางเต็นท์นอนตามพื้นดิน ตื่นฟังธรรมตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง ตอนสาย บ่าย ค่ำ ก็ฟังธรรม เป็นช่วงๆ ตลอดวัน แล้วนอนหัวค่ำ ประมาณ ๓ ทุ่ม

เป็นงานที่ผู้ที่ไปร่วม จะต้องตั้งใจไปฝึกฝน ขัดเกลาตัวเอง ลดละเลิกกิเลส ที่ตัวเอง นี่คือ สุดยอดปาฏิหาริย์ ของพุทธ ในการปลุกเสกตนให้เป็นพระ (ผู้ประเสริฐ) แท้ๆปลุกเสกที่ตน ขัดเกลาที่ตน ไม่มีการปลุกเสก เครื่องราง ของขลังใดๆเลย


ประโยชน์ข้อที่ ๑ "ดอกหญ้า" ทำให้ผมได้เรียนรู้แนวทางการปฏิบัติธรรม ของชาวอโศก

อีกทั้งการที่ผมได้ร่วมงาน พุทธาภิเษก ที่ศาลีอโศก นครสวรรค์ เมื่อช่วงวันมาฆบูชา ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ผม เกิดความรู้สึกว่า แท้จริงแล้ว คำสอนของพ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์ เป็นของจริง เป็นพุทธแท้ๆ ที่ประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ

ข้อที่ ๒ "ดอกหญ้า" ให้ความรู้ในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้จักที่ใด มาก่อนเลย นั่นคือ "เกษตรธรรมชาติ" และ การทำงาน แบบ "บุญนิยม" ซึ่งผมคิดว่า น่าจะสอดคล้องกับ สภาพเศรษฐกิจ ของประเทศไทย ทีเดียว และ ยังเอื้อต่อ ความเป็นอยู่ แบบเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย

ข้อที่ ๓ ได้รับความรู้เกี่ยวกับ การรับประทาน อาหารมังสวิรัติ

ข้อที่ ๔ ได้ฝึกสมาธิด้วยการอ่านหนังสือ "ดอกหญ้า" ที่มีสาระหลากหลาย

ข้อที่ ๕ ได้ศึกษาพุทธจริยา จากชาดก ซึ่งเป็นคอลัมน์แรก ที่ผมจะเปิดอ่านก่อน เพราะชอบที่สุด

ข้อที่ ๖ "ดอกหญ้า" มีคอลัมน์เด่นๆ ที่มากล้นด้วยเนื้อหา เช่น นกอินทรีย์เลี้ยงลูก อุปสรรคของ การปฏิบัติธรรม โดยอุบาสิกา คุณรัญจวน อินทรกำแหง ฯลฯ ดีเยี่ยมจริงๆ

นอกจากประโยชน์ ๖ ข้อ ที่เขียนมาแล้ว ผมยังได้ "ดอกหญ้า" เป็นเสมือนเพื่อน ที่คอยเป็น กำลังใจ ให้เกิดความเพียร ที่จะพยายามแก้ไข ให้ตัวเองเป็นคนดี อย่างแท้จริง ด้วยการมีสติ งดเว้นจาก ทุจริต ทางกาย และ วาจา คือ เป็นผู้มีศีลไม่พร่อง

โดยตั้งจุดมุ่งหมายว่า จะยกระดับคุณความดี ให้มีอยู่ภายในจิตใจให้ได้ ทั้งนี้เพราะ บาปทุจริตต่างๆ ล้วนมีบ่อเกิด มาจากใจ ของเรานั่นเอง

และหากวันใดที่ผมบรรลุเป้าหมายนี้แล้ว วันนั้นจะเป็นวันที่ผมเชิดหน้า มองฟ้า อย่างไม่อายใคร ผมเชื่อนะครับว่า ขอเพียงเรามี กัลยาณมิตร กับสติ เพื่อการสังวร ทางอินทรีย์เท่านั้น ผมต้องไปถึง จุดนั้น ได้แน่นอน

ท้ายที่สุดนี้ ผมเคยแอบฝันไว้ว่า โลกเราคงจะเปี่ยมล้นด้วยน้ำใจแห่งความรัก ที่เอื้อเฟื้อแบ่งปัน ให้กัน อย่างไม่ถือเขา ถือเรา และทุกชีวิต ต่างก็ลดละเลิก ความเห็นแก่ตัว เพื่อโลกกลมๆ ใบนี้ จะได้มีแต่สันติสุข และ สันติภาพตลอดไป...

มานพ ไตรเจริญวัฒนะ/กทม.

สาธุ ! ขอแอบปลื้มคนดี ที่กำลังฝึกฝนตน ให้เป็นคนดี ยิ่งๆขึ้นต่อไป ดีใจที่ดอกหญ้า มีประโยชน์ต่อคุณ ขนาดนั้น


อ่านหนังสือดอกหญ้า ได้ประโยชน์หลายอย่างมาก เช่น ได้รู้ว่ามีอีกหลายคน ที่แย่กว่าเรา แต่เขาก็ยังสู้ต่อไป แล้วเรายังดีกว่าเขา ทำไมเราจะท้อแท้ล่ะ ทำให้มีกำลัง ลุกขึ้นสู้ต่อไปอีก

ข้อปฏิบัติคือ เวลาโกรธใคร ก็จะบอกตัวเองว่า โกรธแล้วได้อะไร แถมยังเสียอีกต่างหาก เช่น เสียเวลา เสียการคิดเรื่องอื่น และยังทำให้หน้าตา ไม่แจ่มใสเบิกบาน

หนังสือดอกหญ้า มีทั้งเรื่องการทำใจ และเรื่องอารมณ์ เด็ก วัยรุ่น และวัยทำงาน ทำให้เข้าใจ คนรอบข้าง มากขึ้น และ รู้ว่าเขาเป็นยังไง เราต้องทำใจ ยอมรับเขาให้ได้ และรู้อีกว่า เราต้องปรับตัวอย่างไร จึงจะอยู่ กับเขาได้ และ ทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด และ รู้จักการให้คนอื่นบ้าง

หนังสือดอกหญ้า ทำให้หนูใจเย็น และสงสารผู้อื่น ที่ไม่ใช่ครอบครัวเรา และ เข้าใจธรรมชาติว่า ทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นได้ ต้องดับลงได้เสมอ เราไม่ควรยึดมั่น กับอะไรมากเกินไป ควรหัดทำใจเอาไว้บ้าง จะทำให้เรา ไม่เสียใจมาก เวลาที่บางอย่าง มันเสียไป

บุญโฮม ช่างเกวียน / กทม

นี่แหละคือ เข้าใจโลก เข้าใจธรรม เข้าใจตน


เคยลองนั่งสมาธิดูนะคะ นั่งไม่ได้นานเลย ใจไม่สงบเลย คิดอะไรร้อยแปด แต่ก็จะทำให้ได้ ในวันหนึ่ง ข้างหน้า ถ้าอ่านหนังสือเข้าใจแล้ว ได้รับดอกหญ้าดีใจมากค่ะ แต่ก็อดคิดไม่ได้ ว่าเราเอง เอาแต่ได้ ไม่เคยส่งอะไร ไปตอบแทนดอกหญ้าเลย

จันเพ็ญ บุญทังที / อุบลราชธานี

ขอเพียงตั้งใจฝึกฝนตน ให้เป็นคนดีของสังคม นี่แหละยิ่งกว่า การตอบแทนใดๆ ทั้งปวงเลยนะ


ประโยชน์ที่ได้รับจากการอ่าน ทำให้ได้เข้าใจ สิ่งรอบข้างมากขึ้นกว่าแต่ก่อน อารมณ์ที่เคยร้อนรุ่ม ขุ่นเคือง ก็รู้ได้มากขึ้น ทำให้ใจเย็นลงได้บ้าง ไม่โกรธเคืองนาน เหมือนแต่ก่อน สิ่งรอบข้าง คนรอบข้าง มีปัญหาตลอด คิดแก้ไข แต่คนอื่น จึงเจ็บปวดตลอดมา เพราะต้องการ ให้เขาเป็นคนดี เห็นโทษภัยได้ว่า ความคิดของเรา คือ ความต้องการ ให้คนอื่นเป็นคนดี (คนในครอบครัว) ตามอุดมการณ์ จึงทุกข์มาก ตอนนี้ ทำความเข้าใจ ตัวเอง ได้มากกว่าแต่ก่อน จึงใจเย็นลง สบายกว่าครับ จะพยายามเข้าใจ ตัวเองให้มาก อ่านดอกหญ้า กว่าจะเข้าใจ ก็ใช้เวลานาน พอสมควร ผมจะพยายามต่อไปครับ

บุญรมย์ แก้วดวงแสง /หนองคาย

โรคอกหักมักจะเกิดขึ้นเสมอ กับคนที่คาดหวังผู้อื่น ช่วยเหลือเขาแล้ว ต้องเข้าใจเขาด้วย อย่าเรียกร้อง ขนาดตัวเราเอง ยังยากเลย ไฉนจะไปคาดหวัง จากผู้อื่นได้เล่า เคร่งครัดที่ตน ผ่อนปรนผู้อื่น จะดีกว่า สบายกว่าเนาะ !


ผมชอบอ่านหนังสือดอกหญ้ามาก อ่านทุกเรื่อง โดยเฉพาะคอลัมน์ที่เกี่ยวกับ เกษตรธรรมชาติ เพราะขณะนี้ ผมก็ได้ทำ เกษตรธรรมชาติ โดยใช้จุลินทรีย์ ที่มีประสิทธิภาพ (EM) หากใครสนใจ อยากรู้เรื่องจุลินทรีย์ (EM) ก็ขอเอกสารจากผมได้ (สำนักงานประถมศึกษา อำเภอสุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ๙๖๑๔๐)

อุทัย อินทนิล / นราธิวาส

ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ใครมีวิชาความรู้เกษตรธรรมชาติ อยากจะเผยแพร่ ก็ส่งมาทางดอกหญ้า ได้เลยนะ ขอขอบคุณล่วงหน้า


ทุกครั้งที่ผมได้รับหนังสือ ก็จะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะอ่านแล้ว ทำให้เกิดปัญญา เกิดความเข้าใจ ในชีวิตมากขึ้น รู้ที่จะอยู่กับอุปสรรค และ ปัญหาได้มากขึ้น ที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งก็คือ จิตใจ ที่เคยร้อนรน ว้าวุ่น ก็รู้จักระงับโกรธ รู้จักการทำใจปล่อยวาง รู้จักให้โอกาส สิ่งที่พลาดผิด และมีสติ ในการคิด ทบทวน แก้ไขปัญหา และอุปสรรค มากขึ้นกว่าแต่ครั้งก่อนนี้มาก

ซึ่งผมคิดว่า นี่คืออานิสงส์อย่างแรง ที่ผมได้รับจากหนังสือดีๆ เล่มนี้ ผมก็จะพยายามพัฒนา ปฏิบัติตน ให้ดีที่สุด ตามแนวทาง ที่ได้รับจากหนังสือ

สุพเดช ชอบมี / นนทบุรี

อนุโมทนากับผู้ฝึกฝนตน จนเห็นผลในตน พยายามต่อไปนะ เพราะยิ่งฝึกฝนได้มากเท่าไร จิตใจก็จะเบา สบายมากขึ้น เท่านั้น ถ้าถือศีล ๕ ได้แล้ว ก็ลองฝึกถือศีล ๘ ถือศีล ๘ ได้ ก็ลองฝึกถือศีล ๑๐ แล้วจะเห็น ด้วยตน รู้ได้ด้วยตนเลยนะว่า ความเบาสบายจากการลดละเลิกกิเลสได้เป็นเช่นใด ยิ่งลดละมาก ก็ยิ่งเบา สบายมาก


ข้อคิดจากการอ่าน ทำให้เป็นคนที่มีสมาธิมากขึ้น ทำสิ่งใด ต้องคิดก่อน แล้วปฏิบัติ จึงจะทำให้ ไม่เกิดปัญหา ตามมา ต้องวางแผน มองหาเหตุและผล ที่ตามมา

เป็นสมาชิกมานาน แต่ไม่เคยเขียนตอบเลย ต้องขอโทษด้วย ที่ไม่ได้ตอบ อยากให้เพื่อนได้อ่าน หนังสือดีๆ จะทำอย่างไรคะ หมุนเวียนคงไม่ไหว เพราะเพื่อนเยอะ เนื้อสัตว์ยังรับประทานอยู่ พยายามลดลงให้ได้ เพื่อสุขภาพเราเอง
สุปราณี คงดำรงสกุล / กทม

พยายามอีกนิดนะ เพื่อสุขภาพ ชีวิตของสัตว์ผู้ด้อยโอกาสกว่าเรา

ส่วนหนังสือดอกหญ้า ถ้าใครสนใจมาก ก็เขียนจดหมาย ขอสมัครเป็นสมาชิกมาได้เลย ตามที่อยู่ ตรงหน้า สารบัญ และ หมุนเวียนเล่มที่มีอยู่ด้วย จะได้เกิดประโยชน์สูง ประหยัดสุด


ผมเป็นสมาชิกดอกหญ้ามาก็นาน หลายปีแล้ว แต่ไม่เคยได้พบกับชาวอโศกสักที ผมพึ่งได้ไปงาน ตลาดอาริยะ ที่ราชธานีอโศก ได้พบพ่อท่าน และชาวอโศกหลายพันคน ผมประทับใจมาก ล้วนแล้วแต่ คนดีทั้งนั้น ตอนนี้ผมเลิกดื่มเหล้า บุหรี่และการพนันทั้งหมดแล้ว ความโกรธลดลงบ้าง ความโลภ พอมีบ้าง แต่น้อยลง เพราะผมได้อ่าน ดอกหญ้านี้แหละ จึงได้เปลี่ยนแปลงไป

สำรอง ราชาแสง /อุดรธานี

อนุโมทนาสาธุ กับผู้กล้าหาญ กล้าตัดใจทิ้งกิเลสต่างๆนานา


ขอขอบคุณทุกท่านที่นำเสนอแต่สิ่งดีๆให้ ข้าพเจ้าได้รับดอกหญ้าแล้ว ต้องรีบอ่านทันที ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อย ได้ตอบมา เป็นความบกพร่องของตัวเอง ที่ต้องแก้ไข ฉบับนี้ จึงลงมือตอบรับกลับมา และ ส่งแสตมป์มาด้วย จำนวน ๕๐ ดวง

ส่วนการต่อสู้กับกิเลสในตัวเอง ก็ยังปฏิบัติอยู่ แม้ว่าบางครั้ง จะมีอุปสรรคบ้าง ก็จะต่อสู้ต่อไป จะไม่ยอมแพ้ เด็ดขาด และ จะไม่ให้เสียชื่อ ผู้ปฏิบัติธรรม เด็ดขาด

เพ็ญศรี จันทร์หอม / สมุทรปราการ

ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเด็ดขาด และอาจหาญในการต่อสู้อย่างนี้สิ


เริ่มกินมังสวิรัติ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๙ เรื่อยมา งดเว้นเนื้อสัตว์ ไข่ โดยเด็ดขาด ตอนเริ่มกินใหม่ๆ ถูกคนอื่น ค่อนขอดมาก (เข้าทำนอง "มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ") แต่ก็ไม่เลิกนะคะ เพราะถือว่า ไม่ได้รบกวนใคร และ พยายามไม่ไปว่า คนที่กินเนื้อสัตว์ด้วย ไม่สร้างศัตรู ตอนหลังคนอื่นเห็นว่า ดิฉันมีสุขภาพดี หน้าตา แจ่มใสขึ้น ก็เริ่มหันมารับประทานตามบ้าง ดิฉันกินข้าวกล้อง เมล็ดธัญพืชหลายชนิด (ถั่วดำ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ หุงรวมกันกับข้าวกล้อง ข้าวมันปูแดง) ลูกเดือยด้วยค่ะ กินอย่างนี้ เป็นประจำ ทานงาดำด้วย ไม่ค่อยกินขนมหวาน ไขมัน สาเหตุที่สามารถกิน มังสวิรัติได้ยั่งยืน ไม่ล้มเลิก กลางคัน เพราะเรามีเหตุผล ต้นปลาย ที่ชัดเจน ว่าเรากินเพื่ออะไร และ ควรจะกินอย่างไร จึงจะไม่ขาด สารอาหาร ศึกษาข้อมูล มาอย่างดี กินด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยศรัทธา อย่างเดียว เหมือนคำคม ที่ว่า "คนเราจะมั่นคง เพราะชัดเจน" พอรากฐานมันมั่นคงเสียอย่าง โดนอะไรกระทบ ก็ไม่คลอนแคลน ง่ายๆ จริงไหมคะ

ปัทมา แขวงโสภา / กทม

จริงแท้ทีเดียว ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนางมงาย ต้องมีทั้งการปฏิบัติ และมีปัญญา ประกอบครบพร้อม นี่คือศรัทธา ที่มีปัญญา ของพุทธศาสนิกชน

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๑ พฤษภาคม - มิถุนายน ๒๕๔๕ ฉบับ จุดเทียนพรรษา)