คำอธิษฐานของดวงดาว - ชินะกานต์ แสงอำนาจ

นานมาแล้วที่มนุษย์ได้พึ่งพาอาศัยดวงดาว บ้างก็ใช้ในนามวิชาดาราศาสตร์ ในการคำนวณ ทางวิทยาศาสตร์ บ้างก็ใช้ดูเวลา (นาฬิกาดาว) บ้างใช้แผนที่ หรือบางครั้ง กล่าวขานเป็นตำนาน ของเทพ แต่ละองค์ ฯลฯ แต่ที่มนุษย์ ทุกชาติทุกภาษารู้จักปฏิบัติต่อดวงดาว ประการหนึ่งก็คือ การขอพร หรือ ตั้งจิตอธิษฐาน ยามที่เห็น "ดาวตก"

ดังนั้นคืนนี้ ๑๔ กันยายน ๒๖๗๗ จึงมีคนมากมายเดินทางมาจากทั่วประเทศเพื่อชมฝนดาวตก ณ หอดูดาว แห่งชาติ (รัตนโกสินทร์สมโภช ๓๕๐ ปี) ครอบครัวของเด็กหญิงลูกหมูอยู่ตรงกลางพอดี เป็นทำเลที่สามารถ มองเห็นดวงดาว ได้ชัดเจน เธอตื่นเต้นและดีใจมาก ที่พ่อกับแม่พาเธอมาดู ฝนดาวตก เป็นของขวัญ วันเกิดปีที่ ๘ ของเธอ คุณครูเคยเล่าให้ฟังว่า แท้จริงนั้น ดวงดาวเป็นเจ้าหญิงที่สวยมาก เธอจึงอยาก เป็นดวงดาว ใครๆ ก็รัก ใครๆ ก็ชมขนาดดวงดาวที่เธอเห็นเป็นจุดเล็กๆ สีเงินยังดูสวยขนาดนี้ ถ้าหากเธอ ได้เป็นเจ้าหญิงดวงดาว ก็ยิ่งต้องสวยมากแน่ๆ อยู่บนท้องฟ้าเห็นแต่สิ่งสวยงาม ไม่ต้องกินผัก ไม่ต้อง ทำการบ้าน ไม่โดนครูตี วิ่งเล่นได้ตามใจชอบ นั่นคือ "ดวงดาว" ในความคิดของเด็กหญิงลูกหมู

คุณครู ยังบอกอีกว่า ถ้าเห็นดาวตกแล้ว รีบอธิษฐาน คำขอนั้นจะเป็นจริง ดังนั้นในใจของลูกหมู จึงมีแต่ รายชื่อ สิ่งที่เธอจะขอ เมื่อเห็นดาวตก "ขนม... ของเล่น...ว้า! ไม่เอาดีกว่า ของพวกนี้ให้พ่อกับแม่ ซื้อให้ก็ได้ งั้นขออะไรดีนะ ใช่แล้ว...ขอน้องไง...น้องสาว จะได้เป็นเพื่อนเล่นกับเรา" ลูกหมูจึงตกลงใจ จะอธิษฐาน ขอน้องสาวทันที ที่เห็นดาวตก

"แม่คะ...แม่ ทำไมดาว มันไม่ตกซะทีล่ะคะ หนูเงยหน้าจนเมื่อยแล้วนะคะ" ลูกหมูร้อนใจ อยากเห็น ดาวตกไวๆ

แม่ของลูกหมู ชำเลืองดูนาฬิกาแล้วตอบ "อีก ๕ ชั่วโมงจ้ะลูก นี่เพิ่ง ๓ ทุ่มเอง หนูนอนก่อนนะ ถ้าดาวตก เมื่อไร แม่จะปลุกนะ"

"แม่ต้องปลุกจริงๆนะคะ หนูจะได้มีน้องสาวเหมือนเพื่อนๆ บ้าง"

แม่ยิ้ม หันไปสบตากับพ่อของลูกหมู ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ และหันกลับมาพยักหน้า ประคองลูกให้ หนุนตัก
เป็นเวลานาน เท่าใดก็ไม่ทราบ ที่ลูกหมูเคลิ้มหลับไป และพบว่า เบื้องหน้าของเธอนั้น มีหญิงสาว
ผู้งดงามมาก คนหนึ่ง ยืนยิ้มอยู่

"พี่...พี่เป็นเจ้าหญิงดวงดาวใช่ไหมคะ"

หญิงสาวผู้นั้นหัวเราะเล็กน้อย ก่อนตอบ "ฉันเป็นดวงดาวจ้ะ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงหรอก"

"แต่ถึงยังไงพี่ก็สวย... สวยมากเลยค่ะ"

"ขอบใจจ้ะ แต่ความจริงแล้ว นี่ไม่ใช่ตัวตนของฉันหรอกนะ ที่หนูเห็นมันเป็นเพียงมโนภาพ ที่หนูอยาก ให้ฉันเป็น เท่านั้นเอง"

ลูกหมูเดินเข้าไปใกล้ ส่ายหน้าช้าๆ "หนูไม่เข้าใจค่ะ"

"ไม่เป็นไรจ้ะ เมื่อหนูโตขึ้น หนูก็จะเข้าใจเอง" แล้วพี่ดวงดาวก็พาเธอไปเที่ยวในดินแดนที่เธอไม่รู้จัก รู้แต่เพียงว่า มันสวยงาม อย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เมื่อผ่านไปยังโขดหินริมธารน้ำใส เธอก็รั้งมือ ให้พี่ดวงดาวนั่งลง เพื่อพูดคุยกับเธอ "สนุกจังเลยค่ะเป็นดวงดาวเนี่ย หนูอยากเป็นดวงดาว อย่างพี่บ้างจังเลยค่ะ"

"เด็กน้อยเอ๋ย หนูไม่รู้หรอกว่าการเกิดเป็นดวงดาวนั้นเราต้องรับภาระหนักเพียงใด เรามีหน้าที่ คัดเลือก ความปรารถนา ของคนมากมาย เพื่อให้เหลือเพียงข้อเดียวเท่านั้น ที่กำลังของพวกเรา แต่ละดวง จะทำให้มันเป็นจริง เราต้องอุทิศพลังชีวิตทั้งหมดที่มี เพื่อแลกกับพรข้อนั้น"

"แล้วพวกพี่จะอยู่ยังไงคะ ถ้าไม่มีพลังแล้ว" ลูกหมูถามขึ้น ด้วยความประหลาดใจ

"ก็ร่วงหล่นลงไป เพื่อรอการจุติลงมาใหม่นะสิจ๊ะ"

"จูดติ-จูดติ คืออะไรคะ แล้วหล่นลงมาก็เจ็บแย่สิคะ"

"จุติก็คือ การดับไปแล้วลงมาเกิดใหม่ไงจ๊ะ และหลังจากที่อุทิศพลังชีวิตไปแล้ว พวกเราก็หมดความรู้สึก ไปชั่วขณะ เหมือนหลับไปนั่นแหละ ดังนั้นเราจึงไม่เจ็บ"

"แล้วพวกพี่จะตื่นขึ้นมาอีกไหมคะ"

"ตื่นสิจ๊ะ แต่มันนานมาก นานนับล้านปีบนโลกมนุษย์ของหนูเลยนะ"

"แล้วพี่ก็จะตกอีกหรือคะ"

"ใช่จ้ะ พวกเรามีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น นานแสนนานมาแล้ว ที่เราได้แต่บันดาล ให้ความฝันของมนุษย์ คนแล้ว คนเล่า เป็นความจริง โดยที่ไม่อาจ ทำเช่นนั้น กับความฝัน ของตัวเองได้เลย"

"อ้าว...ทำไมล่ะคะ ในเมื่อทีความฝันของ คนอื่นๆ ยังทำให้เป็นจริงได้เลย"

"มันเป็นกฎของธรรมชาติจ้ะ เป็นการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างมนุษย์กับดวงดาว มนุษย์ขอพร จากดวงดาว และดวงดาวเอง ก็ต้องการพลังความดีจากมนุษย์ แต่มนุษย์ในปัจจุบัน รู้จักการให้น้อยมาก พวกเขามัวแต่ดีใจ ที่เห็นดาวตก แล้วรีบอธิษฐาน ในสิ่งที่ปรารถนา แต่เมื่อเขาได้รับสิ่งที่ต้องการ เขาก็ลืม ที่จะขอบคุณพวกเรา ฉันจึงเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นเพื่อนๆ แต่ละดวง สละชีวิตตัวเอง เพื่อความฝันของมนุษย์ โดยที่มนุษย์ ไม่เคยเห็นค่าเลย วันแล้ววันเล่าผ่านไป เพื่อนของฉันก็เหลือน้อยลงทุกที เช่นเดียวกับ ชีวิตของฉัน"

"พี่จะตายหรือคะ...หนูหมายถึงพี่จะตกจากฟ้าหรือคะ"

"ใช่จ้ะ ฉันเหลือเวลาอีกไม่นานนัก"

"หนูไม่อยากให้พี่ตายเลยค่ะ หนูสงสารพี่ค่ะ"

"สงสารรึ หนูเป็นคนแรกนะที่สงสารฉัน ไม่อยากให้ฉันตาย มนุษย์ส่วนมากคิดตรงข้ามกับหนู พวกเขา อยากให้ฉัน และเพื่อนๆ ตายไวๆ ทุกครั้งที่เขามองดวงดาว เขาก็อยากให้ดาวตก หนูเองก็เช่นกันนี่จ๊ะ"

พอได้ยินเช่นนั้น ลูกหมูก็แทบจะร้องไห้ออกมา เพราะคิดไม่ถึงว่า เพียงความอยากเห็น ดาวตกของเธอ หมายถึง เธออยากเห็นการจบชีวิต ของดวงดาวดวงนั้น "หนูขอโทษค่ะ หนู...หนูไม่รู้ว่ามัน..." ลูกหมูรู้สึก ราวกับมี ก้อนแข็งๆ มาจุกที่คอ จนเธอมิอาจพูดต่อไปได้

ความเงียบก่อตัวขึ้น เป็นเวลานานพอสมควร อีกเสียงหนึ่งจึงดังขึ้น "ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ หนูไม่ได้ผิดอะไร มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว หนูเป็นเพียงมนุษย์ ที่ต้องหมุนตามโลก ตามพ่อแม่ และตามสังคมของหนู แต่วันนี้ หนูได้ทำสิ่งดีงามอย่างมหาศาลให้แก่ฉัน และดวงดาวทั้งปวง หนูเป็นคนแรก ในรอบหลายล้านปี ที่รักฉัน ไม่อยากให้ฉันตาย ความรู้สึกอันบริสุทธิ์ของหนู มากพอที่จะทำให้ฉันได้รู้ว่า สิ่งที่ฉัน และเพื่อน ดวงดาวได้ทำ มันไม่ได้ไร้ค่า ในสายตามนุษย์อีกต่อไป ที่จริง ยังไม่ถึงเวลาของฉันหรอก แต่ตอนนี้ ฉันพร้อมแล้ว สิ่งหนึ่งที่ฉันคิดว่า มนุษย์และดวงดาว มีเหมือนกันก็คือ ถ้าได้รู้ว่า ความรักของเรา ได้รับ การตอบสนองแล้ว การตายเพื่อคนคนนั้น หรือสิ่งสิ่งนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียใจเลย อธิษฐานสิจ๊ะ ฉันจะทำให้ความฝัน ของหนูเป็นจริง"

"ไม่ค่ะ หนูไม่อยากขออะไรแล้ว"

"ทำไมล่ะ หนูอยากมีน้องสาวมาก ไม่ใช่หรือจ๊ะ"

"ค่ะ...แต่ถ้าต้องแลกกับชีวิตพี่ หนูไม่เอาแล้ว"

"โธ่ เด็กน้อยเอ๋ย อธิษฐานมาเถอะนะ ถึงหนูไม่ขอพรฉัน สักวันหนึ่ง ฉันก็ต้องให้พรนั้น แก่มนุษย์คนอื่นอยู่ดี"

"ก็ได้ค่ะ หนูขอให้...ความฝันของพี่เป็นจริง"

"ลูกหมู ตื่น...ตื่นเร็วลูก ดูนั่นสิ"

ลูกหมูงัวเงียลืมตาขึ้น มองตามสายตาของผู้เป็นแม่ ภาพที่เห็นนั้นสะกดสายตา และหัวใจของ เด็กหญิง จนหายง่วงงุน ในทันที ดวงไฟสีส้มปนเขียวดวงหนึ่ง พุ่งลงมาผ่านขอบฟ้า เป็นเส้นทแยง แล้วหายลับตาไป ณ เส้นขอบโลก เด็กหญิงลูกหมูตกตะลึง กับภาพที่เห็น มันเกิดขึ้นไวมาก เสียจนเธอไม่สามารถ จับความรู้สึก ของตัวเองได้ว่า เธอรู้สึกอย่างไร ไวเกินกว่าเด็กอายุ ๘ ขวบจะแยกได้ว่า สิ่งใดคือความจริง และสิ่งใด เป็นเพียงความฝัน พี่ดวงดาว ลำธาร ดาวตก แต่เธอก็ไม่มีเวลาคิด อะไรมากนัก เมื่อเสียงโห่ร้อง ดังขึ้น เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงไฟสีส้มปนม่วง ก็เกือบลับตาพอดี เสียงเฮดังขึ้น เป็นระยะ ตามเวลา ที่ดวงดาว แต่ละดวง ทยอยตกลงมา นั่นเป็นครั้งแรก ที่เธอเห็นฝนดาวตก

๗ ปีผ่านไป เมื่อย้อนถึงวันนั้น แม้ความเป็นเด็กจะทำให้เธอไม่สามารถอธิบาย ความประทับใจ ครั้งนั้น ออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณ เธอรับรู้ถึงพลังแห่งความรัก ความเสียสละ ของดวงดาว ที่มีต่อมวลมนุษย์ นับเป็นก้าวแรก ที่หล่อหลอมให้เธอรู้จัก การพึ่งตัวเอง เพราะไม่อยากเป็นภาระ ของดวงดาวอีก

จากวันนั้น ยามใดที่เธอมีความปรารถนา ในสิ่งต่างๆ เธอก็จะลงมือทำสิ่งนั้น ด้วยตัวเอง ด้วยความมุ่งมั่น พยายาม ไม่ย่อท้อ เธอเชื่อว่าในตัวเธอ มีพลังแห่งดวงดาว ที่สามารถทำความฝันของเธอ ให้เป็นจริงได้ ด้วยตัวเอง ทั้งยังสามารถแบ่งปันความสุข ให้คนอื่นๆ ด้วย

ทุกครั้งที่เธอมองเห็นดวงดาว อวดโฉมอยู่บนฟากฟ้า เธอก็จะยิ้มกับตัวเอง ด้วยความหวังว่า รอยยิ้มนั้น จะสื่อความรู้สึกอบอุ่น และคำขอบคุณ ถึงดวงดาวบนฟากฟ้าทุกดวง โดยเฉพาะ พี่ดาวดวงนั้น ที่เธอได้ฝันถึง ได้สัมผัสด้วยใจ เธอเคยถามตัวเองหลายครั้งว่า นั่นเป็นเพียง ความฝัน จากจินตนาการ วัยเด็กของเธอ หรือเป็นความฝัน ที่เป็นโทรจิต สื่อระหว่างเธอ กับพี่ดวงดาว และถ้าเป็นจริง คำอธิษฐาน ของพี่ดวงดาว คืออะไร

แม้คำถามนี้ จะค้างคาใจเธอมานาน แต่ถ้าเธอลองคิดกลับไปว่า เมื่อ ๗ ปีที่แล้ว เธอเคยใฝ่ฝัน อยากเกิดเป็น ดวงดาว แล้วจะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือ หากจะมีดวงดาวสักดวง ใฝ่ฝันที่จะเกิดเป็นมนุษย์ เพียงแค่คิด เธอก็ทราบคำตอบ และไม่ต้องประหลาดใจ อีกต่อไปว่า ใบหน้าและแววตา ของน้องสาว คนเดียวของเธอ คล้ายกับใคร ที่เธอเคยพบมา เมื่อหลายปีก่อน แม้เพียงชั่วเวลาค่ำคืนเดียว

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๒ ก.ค. - ส.ค. ๒๕๔๕)