คิดตามหนัง
ตระกูลหยาง [email protected]

เกมดีใจ
ก่อนจะเล่าเรื่องเกมดีใจ ขอแจ้งข่าวท่านที่ติดตามคอลัมน์นี้ และคิดจะไปยืมวิดีโอมาดู ว่าคงจะหายืม ได้ยาก หรือหาไม่ได้ เพราะเรื่องที่นำมาเล่าเป็นหนังเก่า เคยลองไปยืมตามร้านให้เช่าวิดีโอ หลายร้าน ไม่มีร้านไหนมีสักร้าน เขาบอกว่าเป็นหนังดรามา (drama) ไม่มีคนดู ก็เลยรู้ว่า รสนิยมเรานี่ ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นแฮะ

หนังเรื่องนี้สมณะแนะนำให้ดู ดูแล้วก็ประทับใจ ชื่อเรื่องจริงๆ คือ พอลลี แอนนา (Polly Anna) อันเป็นชื่อ ตัวเอก ของเรื่อง ผลิตโดย Trevor Hopkins จากบทประพันธ์ของ Eleanor H. Porter

พอลลี แอนนา วิทเทียส อายุ ๑๑ ปี เป็นลูกสาวของเจนนี น้องสาวของพอลลี แฮริงตัน เมื่อทั้งพ่อและแม่ เสียชีวิต ป้าพอลลี แฮริงตัน ก็รับพอลลี แอนนา มาเลี้ยงดู สิ่งที่เธอนำมาเผยแพร่ ทั้งที่บ้านป้าพอลลี และ เพื่อนบ้านใกล้ เรือนเคียงอีกหลายครอบครัว คือ เกมดีใจ

ป้าพอลลียังเป็นโสด มีคนทำงานในบ้าน ๓ คน คือทอม คนสวน เป็นคนเก่าแก่ รู้เรื่องราวเบื้องลึก ของป้าพอลลี ดีที่สุด ลูกชายของทอมชื่อทิม เป็นคนขับรถและทำงานทั่วไป และแนนซี แม่ครัว และ ทำงานบ้าน แนนซีเพิ่งมาทำงานแค่อาทิตย์เดียว ก่อนที่แอนนาจะย้ายเข้ามา ทิมเป็นคนขับรถม้า พาแนนซี ไปรับแอนนาที่ท่าเรือ แอนนานึกว่าแนนซีคือคุณป้า เธอแสดงท่าทีดีใจ พร้อมกับเอ่ยขอบคุณ ที่รับเธอ มาดูแล แม้เมื่อรู้ว่าป้าไม่ได้มารับ แอนนาก็ยังบอกแนนซีว่า "เธอเป็นญาติคนเดียวที่หนูมี โชคดีจัง ที่เธอยอมดูแลหนู"

ทันทีที่ถึงบ้าน แอนนาก็โผเข้ากอดป้าพอลลี พร้อมกับขอบคุณที่รับเธอมาเลี้ยง "หนูอาจไม่สวย เพราะหน้าเป็นกระ แต่เดี๋ยวก็หาย พ่อหนูบอกสวยดี เหมือนดอกไม้ในทุ่งหญ้า" นอกจากนี้ยังบอกว่า "ถ้าหนูมีบ้านแบบนี้ หนูจะเชิญคนมากินแซนด์วิชทุกวันเลย" ทว่าการต้อนรับจากป้าพอลลี กลับเป็น คำตัดรอนว่า "ฉันไม่สนหรอก ว่าพ่อเธอจะพูดว่าอะไร" พร้อมกับคำสั่งว่า "อาหารเย็นหกโมงตรง ฉันจะสั่นกระดิ่ง อยู่ในรัศมีที่ได้ยินนะ"

วันแรกแอนนาก็มาไม่ทันเวลาเสียแล้ว เธอปีนออกทางหน้าต่างห้องไปนอนร้องเพลงเล่น บนสนามหญ้า ที่มีธารน้ำไหลอย่างสบายอารมณ์ แนนซีมาตาม บอกว่าเป็นห่วงแทบแย่ แอนนาบอกว่า "ไม่ต้อง เป็นห่วงหนู แม่ก็ห่วงพ่อแบบนี้ จนมาตระหนักว่า พ่อกลับมาอย่างปลอดภัยเสมอ" ครั้นบอกว่า เธอจะต้อง กินขนมปังกับนม เป็นอาหารเย็นตามคำสั่งของป้าพอลลี เป็นการลงโทษ ที่แอนนา ไม่ไปรับประทาน อาหารตามเวลา แอนนาก็บอกว่าเธอดีใจเพราะเธอชอบขนมปังกับนม แอนนาเล่า ให้แนนซีฟังว่า พ่อเป็นคนสอนเกมดีใจให้ คือ ดีใจสำหรับทุกสิ่ง

แอนนาพูดถึงพ่อเกือบจะตลอดเวลา จนป้าพอลลีบอกว่า "ฉันไม่อยากฟังเธอพูดถึงพ่ออีก" แอนนาบอกว่า "หนูต้องพูด หนูคิดถึงพ่อตลอดเวลา" ป้าพอลลีจึงสั่งเป็นคำขาดว่า "จะต้องไม่พูดอีก" เมื่อกลับไปที่ห้อง แอนนา เอารูปพ่อขึ้นมาดูแล้วก็ร้องไห้

วันรุ่งขึ้น ป้าพอลลีกำหนดตารางประจำวันให้แอนนาว่า "เธอจะอ่านหนังสือให้ฉันฟังวันละ ๑ ชั่วโมง หลังอาหารเช้า แล้วศึกษาด้วยตัวเองจนถึงเที่ยง หลังอาหาร/ลางวันเรียนเย็บผ้ากับฉัน เรียนทำอาหาร กับแนนซี และหัดเดินให้สง่า เรียนดนตรี อาหารเย็น และเข้านอน" เป็นตาราง ที่เป็นประโยชน์ แก่ชีวิต อนาคตของแอนนาเป็นอย่างยิ่ง แต่แอนนาถามว่า "แล้วให้หนู ใช้ชีวิตตอนไหน" ป้าพอลลีบอกว่า "เธอจะได้ พักผ่อนเป็นช่วงสั้นๆ"

แล้วแอนนาก็ไม่ค่อยจะทำตามตารางนักหรอก บางทีก็คุยกับแนนซี บางทีก็คุยกับทอม ทอมเล่า ให้แอนนา ฟังว่า ตอนที่แม่ของแอนนาอยู่ที่บ้านนี้ ใครๆ ก็รักเธอ เมื่อเธอจากไป เหมือนใครบางคน มาปิดไฟ ป้าพอลลี คิดว่า พ่อของแอนนาไม่เหมาะกับแม่ของเธอ แอนนาบอกว่า "พ่อหนูไม่เก่ง เรื่องเงินนัก เขาบอกว่า น่าจะใช้ดอกไม้กับผีเสื้อแทนเงิน" เมื่อป้าพอลลีมาตามให้แอนนา ไปเรียนเย็บผ้า แอนนา ก็ยอมรับว่า เธอไม่ได้ทำตามตาราง แต่รับรองว่า "หนูเรียนรู้ตลอดเวลา"

ความรักที่ป้าพอลลีมีต่อแอนนามีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่น ในคืนวันหนึ่ง อากาศร้อนจนแอนนา นอนไม่หลับ ก็เลยออกมานอนที่ระเบียงห้อง กว่าจะหาแอนนาเจอ ก็เล่นเอาป้าพอลลีทั้งเหนื่อยทั้งตกใจ เธอก็เลยลงโทษ ให้แอนนานอนกับเธอในคืนนั้น แอนนา กลับขอบคุณด้วยความดีใจ และนอนกอดป้า สบายไปเลย อีกครั้งหนึ่ง ป้าพอลลีถามแอนนาว่าท่องบทพูดก่อนรับประทานอาหารหรือยัง แอนนาบอกว่า ยังไม่ท่องเพราะในห้องไม่มีเก้าอี้ ป้าพอลลีจึงจัดห้องใหม่ให้แอนนา ให้เตียงนอนใหม่ ให้เก้าอี้ที่นั่งสบาย สภาพห้อง ดีกว่าห้องเดิมที่จัดให้ก่อนแอนนาจะมา ไม่ใช่แต่แอนนาเท่านั้นที่ดีใจที่ได้ห้องใหม่ แนนซี ก็ยังดีใจด้วย

นอกจากทุกคนในบ้านจะรักแอนนาแล้ว คุณนายสโนว์ คุณเพนเดิลตัน หมอชิลตัน บาทหลวง และ ใครต่อใคร ทั่วทั้งละแวกก็รักแอนนาทั้งนั้น เธอใช้ เกมดีใจที่พ่อสอน ทำให้ผู้คนทั้งหลาย เปลี่ยนแปลง ชีวิตให้มีความสุขขึ้น โดยที่ป้าพอลลีไม่รู้จักเกมนี้เลย เนื่องจากไปห้ามแอนนาไม่ให้พูดถึงพ่อ

วันหนึ่ง แอนนาพบเด็กผู้ชายวัยเดียวกันชื่อจิมมี บีน กำพร้าทั้งพ่อและแม่ เพิ่งออกมาจาก สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า เพราะที่เต็ม ไม่มีที่เพียงพอให้เด็กอยู่ แอนนาพาจิมมีไปหาป้าพอลลี ขอให้ป้าพอลลี รับเลี้ยงจิมมี เพราะคิดว่า ป้าเป็นคนใจดี เมื่อป้าปฏิเสธด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรงจนจิมมี บีน โกรธ ผลุนผลัน ออกจากบ้านไป แอนนาต้องตามไปขอโทษ เธอบอกว่า "ป้าเป็นคนใจดี แต่ฉันคงอธิบายให้ป้าฟังไม่ดีเอง" แอนนา เปรียบป้าพอลลี เหมือนถั่วแห้งๆ ที่ต้องปอกเปลือกออกจึงจะเจอของดีข้างใน

เมื่อป้าไม่ยอมรับจิมมีมาเลี้ยงดู แอนนาก็เลยต้องขวนขวายไปที่ชมรมสตรี ซึ่งมีนโยบายช่วยเหลือคน แต่สุภาพสตรี เหล่านั้น กลับไม่สนใจเธอเลย แอนนาเสียใจมากที่ช่วยเพื่อนไม่ได้ แต่ความพยายาม ที่จะช่วยเหลือ จิมมีก็ยังอยู่ในใจเธอเสมอ

คุณนายสโนว์ป่วยเป็นโรคอะไรไม่ปรากฏ ไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียง ได้แต่นอนอยู่ในห้องมืดๆ วันหนึ่งป้าพอลลีให้แอนนาเอาซุปไปฝากคุณนายสโนว์ แอนนาพยายามสอนให้คุณนายสโนว์เล่นเกมดีใจจนสำเร็จ เมื่อคุณนายบอกว่าเมื่อคืนไม่ได้หลับเลย แอนนาตอบว่า "คุณโชคดีมาก หนูว่าคนเราหลับมากไปจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น" เพียงแค่วันแรกที่พบกัน แอนนาก็ทำให้คุณนายสโนว์สั่งเปิดม่านเพื่อจะได้เห็นหน้าแอนนาชัดๆ มิลลีลูกสาวคุณนายสโนว์ ยังต้องแปลกใจ แถมเมื่อแอนนาลากลับ ทั้งสองยังโบกมือบ๊ายบายกันด้วย วันนั้นแอนนากลับไป พร้อมกับ ปัญหา ของคุณนายสโนว์ที่ว่า "ได้แต่นอนบนเตียงอย่างฉัน ฉันควรดีใจ เรื่องอะไร" เพราะแอนนาเอง ก็ตอบไม่ได้ในทันที วันรุ่งขึ้น จึงมีคำตอบมาให้ว่า "คุณควรดีใจ ที่คนอื่น ไม่เหมือนคุณ ที่ต้องนอนป่วย แบบนี้" สำหรับปัญหาที่ว่า คุณนายสโนว์ไม่เคยนึก อยากจะกินซุป ที่ป้าพอลลีฝากมาให้ เอาซุป อย่างหนึ่งมา ก็อยากกินซุปอีกอย่างหนึ่ง แอนนาก็เลย เอาซุป ทุกชนิดมาให้ พร้อมกับบอกว่า น่าจะอยากกินอะไรสักอย่าง

ความสัมพันธ์พัฒนาไปจนกระทั่งคนต่างวัยนั่งเล่นเกมดีใจกัน เช่น แอนนาถามว่า ในหมู่บ้าน มีงานประจำปี แต่แล้วกลับฝนตก ไม่มีใครได้ไปเที่ยวงาน มีอะไรให้ดีใจ

คุณนายสโนว์ตอบว่า ดีใจที่ทุกคนเปียกปอนหมด แต่ฉันไม่เปียกเพราะนอนอยู่บนเตียง แอนนาบอกว่า นี่ไม่ใช่ เกมดีใจ คุณนายสโนว์คิดใหม่จึงได้คำตอบที่ถูกต้องว่า ดีใจที่ปีหน้า จะได้สนุก มากกว่าเดิม เป็นสองเท่า เพราะปีนี้ไม่มีใครได้ไปเที่ยว

คนที่อาการหนักกว่าคุณนายสโนว์ คือ คุณเพนเดิลตัน แอนนาพบคุณเพนเดิลตัน ระหว่างทาง ที่เดินไป บ้านคุณนายสโนว์ เธอทักทายด้วยท่าทีร่าเริงแจ่มใส แต่ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ ในครั้งแรก ครั้งต่อมา ก็ยังคง เหมือนเดิม แต่แอนนาไม่ปล่อยให้เดินหนีไป อย่างครั้งแรก เธอเดินตามไป ชวนคุยจนเขา ต้องพูดด้วย โดยบอกว่า ให้ไปหาเด็ก รุ่นเดียวกันคุยดีกว่า แอนนาบอกว่า แถวนี้ไม่มีเด็กเลย แล้วเธอ ก็ชอบคุยกับ คนแก่ด้วย คุณเพนเดิลตันก็เลยต้องเอ่ยขอบใจ

แอนนาเล่าเรื่องที่พบคุณเพนเดิลตันให้แนนซีฟัง ก็เลยได้รู้ว่าคุณเพนเดิลตันเป็นเศรษฐีขนาดที่ว่าจะกินทองคำก็ยังได้ แต่เขาไม่เคยพูดกับใครเลย เขาอยู่ คนเดียว ในคฤหาสน์หลังใหญ่ แล้วก็เดินทางไปต่างประเทศบ่อยมาก แอนนามารู้เหตุผล ที่คุณเพนเดิลตัน ไม่พูดกับใคร ก็เมื่อเขาประสบอุบัติเหตุขาหัก แอนนาเป็นคนช่วยตามหมอชิลตัน มาให้ ตามคำขอร้อง ของคุณเพนเดิลตัน เขาเล่าให้แอนนาฟังว่า ใครๆ ก็อยากมาที่บ้านเขา ช่วยตบหมอน ช่วยทำโน่น ทำนี่ แต่เขากลับหงุดหงิดเพราะกลัวเงินหาย แอนนากลับถามซื่อ ๆ ว่า "คุณจะเก็บเงินไว้ ทำอะไร" เป็นคำถามที่เขาตอบไม่ได้

ช่วงที่คุณเพนเดิลตันป่วยนี่เอง ที่ทำให้แอนนาคุ้นเคยกับคุณเพนเดิลตันและหมอชิลตัน จนได้ค้นพบ ความสัมพันธ์ ในอดีตของผู้ใหญ่ ที่แวดล้อมเธออยู่ เริ่มจากคุณเพนเดิลตันเล่าว่า เขารักเจนนี แม่ของแอนนา แต่แม่ของแอนนาไม่รักเขา เมื่อเธอหนีไปกับพ่อของแอนนา เขาก็ทำตัวเป็นตาแก่ ขี้หงุดหงิด อย่างที่เป็นอยู่ ส่วนที่คุณเพนเดิลตันกับป้าพอลลีทะเลาะกัน และโกรธกันมานาน ถึงสิบกว่าปี ก็เพราะ คุณเพนเดิลตันเข้าใจว่า ป้าพอลลีเป็นคนพูดยุยง ไม่ให้เจนนีชอบเขา

หมอชิลตันก็เปิดเผยกับแอนนาว่า รักกับป้าพอลลี แต่ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง (หมอใช้คำนี้) แล้วก็เลย ไม่พูดกันมา สิบกว่าปีเหมือนกัน

กว่าจะได้ความสามัคคีของผู้ใหญ่กลับคืนมา ต้องแลกด้วยการเจ็บตัวของแอนนา แอนนาถูกรถชน ประสาทถูกทำลายไปมาก จนหมอวอเรนและหมอมี้ดที่ป้าพอลลี เชิญมารักษาแอนนาที่บ้าน บอกว่า แอนนาจะเดินไม่ได้ ตลอดไป ผู้คนต่างแวะมาที่บ้านป้าพอลลี ในช่วงแรก ที่คนในบ้านยังเศร้าใจ จนไม่อยาก จะรับแขก ทุกคน ก็จะวางดอกไม้และของฝากไว้ที่หน้าบ้าน ที่โบสถ์ คุณพ่อบาทหลวง กล่าวถึงการป่วย ของแอนนาว่า

"บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจการกระทำของพระองค์ และมันอาจจะเป็นตัวอย่างที่ดี เธอเป็นเด็กแสนวิเศษ แต่จิตใจที่เข้มแข็ง ก็อาจจะสูญสลาย เมื่อต้องเจอเหตุการณ์โหดร้ายเช่นนี้ และความจริง เธอก็เป็น แค่เด็กน้อย มาร่วมกันอธิษฐาน ให้เธอเดินได้อีกครั้ง"

เมื่อป้าพอลลีเปิดบ้านต้อนรับแขกที่มาได้ เธอจึงได้ฟังผู้คนเล่าถึงความดีของหลานสาว

คุณนายสโนว์ซึ่งลุกออกจากเตียงได้แล้ว มาพร้อมกับลูกสาว ขอบคุณแอนนาที่ "เธอทำให้เราดีใจ ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ" อีกคนหนึ่งซึ่งเคยจมอยู่กับความเศร้าโศกที่สามีเสียชีวิต และแต่งดำ ตลอดเวลา ฝากบอก แอนนาว่า เดี๋ยวนี้เธอใส่เสื้อผ้ามีสีสันแล้ว อีกคนหนึ่งเล่าว่า "ฉันกับจอร์จ ทะเลาะกันเสมอ แต่เธอทำ ให้เราหัวเราะ เธอสอนเกมดีใจให้เรา เมื่อเธอต้องพิการแบบนี้ ก็อยากจะบอก กับเธอว่า เธอควรดีใจ เพราะฉันกับจอร์จ ตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันตลอดไป"

ส่วนคุณพ่อบาทหลวงบอกว่า "เมื่อพ่อมีปัญหากับชมรมสตรี ที่อยากเปลี่ยนโรงเรียนวันอาทิตย์ ไปเป็น วันอังคาร ซึ่งจะทำให้โรงเรียนวันอาทิตย์หมดความหมายไป ตอนนั้น พ่อเบื่อมาก พ่อจึงเทศน์ ด้วยความโกรธ และประณามทุกๆ คน แต่พอลลี แอนนา บอกพ่อถึงคัมภีร์ แห่งความยินดี ซึ่งเป็นชื่อ ที่พ่อเธอ ใช้เรียกบทในพระคัมภีร์เริ่มต้นด้วย จงดีใจและจงยินดี"

แนนซีเป็นคนอธิบายวิธีเล่นเกมดีใจให้ป้าพอลลีฟัง แอนนาบอกเธอว่า หนูอยากให้ป้าเล่นเกมนี้ มากกว่า ใครอื่น

คุณเพนเดิลตันก็อยากให้แอนนาดีใจ จึงรับเลี้ยงดูจิมมี บีน เขาปรึกษากับหมอชิลตันถึงการรักษาแอนนา หมอชิลตันเสนอทางเสี่ยงให้ไปรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ แต่แอนนาต้องเจ็บตัว ระหว่าง การรักษา สิ่งที่เขากังวลคือ การพาแอนนาไปรักษาทำให้เธอมีความหวัง ถ้าการรักษา ไม่ประสบ ความสำเร็จ จะทำให้เธอผิดหวัง เขาไม่อยากให้เสียใจ เช่นเดียวกับคุณเพนเดิลตัน ที่ไม่อยากเสี่ยง จิมมี บีน ออกความเห็นว่า ทำไมพวกเขาไม่ให้โอกาสแอนนา

หมอชิลตันรีบไปที่บ้านป้าพอลลี บอกเธอว่า "เราสองคนเหมือนคนที่เดินขึ้นไปบนภูเขาลาดชัน แล้วตัดสินใจ หันหลังกลับ แต่น้องสาวคุณวิ่งต่อไป และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยากให้แอนนา มีโอกาส อย่างนั้นบ้าง"

การรักษาเป็นผลสำเร็จ แอนนาได้กลับมาเล่นเกมดีใจกับทุกๆ คนอีกครั้ง

(ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๐๘ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๔๖)