คิดตามหนัง- ตระกูลหยาง -[email protected]
สู้อย่างแชมป์

ดูหนังฝรั่งหลาย ๆ เรื่องเข้า ชักจะคิดว่าพ่อแม่ ฝรั่งรักลูกมากกว่าพ่อแม่ไทยนะ ก็ดูจากที่หนังไทยสื่อ ออกมาแต่ละเรื่อง หาพ่อแม่ดีๆ ไม่ค่อยจะได้เลย ถ้าไม่มัวเมาอบายมุข ลำเอียง หรือบังคับลูกจนเกินเหตุ ก็ตรงกันข้ามคือตามใจจนเกินเหตุเหมือนกัน พ่อแม่ดีๆ ก็มีเยอะแยะ ทำไมไม่สื่อออกมาบ้างนะ เสียดายจริงๆ ที่เขียนนวนิยายหรือบทละครไม่เป็น ทำเองไม่ได้ ถึงได้ แต่บ่นอยู่อย่างนี้แหละ

เรื่อง fighting chance ถ้าแปลตามตัวคือ 'โอกาสของการต่อสู้' หรือ 'โอกาสที่จะต่อสู้' ได้ความแต่ไม่ถึงใจ ตั้งชื่อเรื่องใหม่ตามเนื้อหาในเรื่องว่า 'สู้อย่างแชมป์'

Jimi Petulla เขียนบทเรื่องนี้ขึ้นจากชีวิตจริงของพ่อคนหนึ่งที่เป็นโค้ชมวยปล้ำในโรงเรียน แล้วเขาก็แสดง เป็นพ่อเองด้วย ที่จริงแล้วพ่อเป็นผู้ช่วยโค้ชเพราะพ่อไม่ได้ปริญญา เขาขอให้เพื่อนที่เรียนมัธยมมาด้วยกัน รับงานเป็นโค้ช ตัวเขาเองเป็นผู้ช่วยและเป็นคนทำงาน ส่วนเพื่อนเป็นคนรับตำแหน่งและรับเงิน เด็กๆ ไม่รู้จักโค้ชตัวจริง ทุกคนคิดว่า เขาเป็นโค้ช เหตุที่เขาไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเพราะแต่งงานเสียก่อน

วันนั้นเขาไปหาเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่คบกันมาปีกว่าแล้ว พบว่าเธอร้องไห้อยู่เพราะถูกแม่ใช้สายยางฟาด แล้วก็ใช้ปลายท่อทองเหลืองตีหัว แม่อารมณ์ไม่ดีเนื่องจากไม่ได้รับเลือกเป็นกรรมการงานคืนสู่เหย้า (เหมือนแม่ในหนังไทย แต่เขาไม่เอามาสื่อเป็นเรื่องใหญ่นะ โปรดสังเกต) พ่อก็เลยรับเธอมาอยู่ด้วย แล้วก็มีลูก ด้วยกัน ๒ คน คนโตเป็นผู้ชายชื่อลีโอ คนเล็กเป็นลูกสาว ไม่มีบทบาทอะไรในเรื่อง

ดูเหมือนความเจ็บปวดในวัยเด็กจะทำให้แม่ของลีโอต้องใช้เหล้าเยียวยาหัวใจ ที่ใช้คำว่าดูเหมือน เพราะหนัง ไม่ได้สื่อตรงๆ เห็นภาพเธอหลับอยู่บนโซฟา มีเหล้าอยู่บนโต๊ะ แล้วตอนใกล้จะจบเรื่อง ลีโอถามพ่อว่า ทำไมพ่อไม่จากไป พ่อไม่รู้ คิดว่าคงเป็นเพราะลูกชาย ลูกสาว หรืออาจ เป็นเพราะ เขาเป็นคาทอลิก ไม่อยากตกนรก และที่สำคัญคือ พ่อไม่ใช่คนยอมแพ้ง่ายๆ พ่อบอกว่า แม่เป็นคนดี เพียงแต่ต้องการความช่วยเหลือ

ในสายตาพ่อ ใครๆ ก็เป็นคนดี แม้จะมีข้อผิดพลาดในเรื่องต่างๆ อยู่บ้าง เมื่อพูดถึงพ่อของพ่อ พ่อก็บอกว่า คุณปู่เป็นคนดี แต่ไม่เคยกระตุ้นให้พ่อทำอะไรกับชีวิต พ่อคิดเสมอว่าถ้าคุณตากระตุ้น ชีวิตพ่ออาจ จะต่างออกไป ด้วยความคิดนี้ พ่อก็เลยกระตุ้นลีโอมาตั้งแต่เด็ก พ่อบอกว่า อาจจะผลักดันลูกมากไป เพื่อที่ลูกจะได้ออกไปในโลก ผลักดันตัวเอง สร้างโอกาสดีๆ ให้ตัวเอง พ่อพยายามทำดีที่สุดแล้ว พ่อขอโทษ (ถ้าสิ่งที่ทำลงไปเป็นสิ่งที่ผิดพลาด)

พ่อชักจูงใจลีโอให้ซ้อมหนักเพื่อที่จะได้เป็นแชมป์มวยปล้ำตั้งแต่เด็ก ไม่ได้บังคับ แต่สำหรับลีโอแล้ว พ่อก็เหมือน กระแสสังคมที่บังคับให้ทุกคนทำตามไปโดยไม่รู้เป้าหมายชีวิต หรือความต้องการที่แท้จริง ของตัวเอง คำพูดของพ่อเป็นคำสอนที่ดีเสมอ อย่างเช่นวันหนึ่ง เขาบอกนักเรียนของเขาซึ่งรวมทั้งลีโอด้วยว่า

พรุ่งนี้จะมีทีมมากมายมาที่นี่ นักมวยปล้ำแกร่งๆ มากมาย พวกเธอแกร่งกว่า พวกเธอทุ่มเทเสียสละ อย่างมาก พวกเธอเป็นทีมที่เยี่ยมที่สุดที่ฉันเคยมี เมื่อมองพวกเธอ ฉันไม่ได้เห็นนักมวยปล้ำ ฉันไม่ได้เห็น ผู้ชนะ ฉันเห็นสิ่งที่ดีกว่า ฉันเห็นลูกผู้ชาย รู้ไหมว่าทำไมฉันพูดอย่างนี้ เพราะทุกคนในห้องนี้มีหัวใจนักสู้ ทำให้ดีที่สุดทุกวัน ตลอดเวลา

ฉันไม่ได้พูดถึงการซ้อมอย่างเดียว แต่ฉันหมายถึงการเชื่อฟังแม่ ทำการบ้าน ให้อาหารสุนัข หรือเอาขยะไปทิ้ง ดูว่าเราต้องทำอะไร แล้วทำ โดยเฉพาะถ้าเธอไม่ชอบ

ไม่ชอบก็ต้องทำ ถ้าเป็นหน้าที่จะต้องทำ หรือเป็นสิ่งที่ควรจะทำ ว่างั้นเถอะ

พ่อกับลีโอฝึกหนักทุกวัน ออกจากบ้านตีห้า แม่ยังไม่ตื่น กว่าจะกลับบ้านก็ดึกดื่น แม่หลับไปแล้ว ลีโอจะหลับ อยู่ในรถระหว่างเดินทางกลับบ้าน แล้วพ่อก็อุ้มไปเข้านอน พ่อพูดว่า รู้ว่าลีโอตื่นอยู่ ทำไมต้องแกล้งหลับ ลีโอบอกว่าชอบให้พ่ออุ้ม และบอกอีกว่า จะพยายามคว้าถ้วยรางวัลมาให้พ่อ แต่พ่อกลับสอนว่า อย่าทำ เพื่อพ่อ จงทำเพื่อตัวเอง เพราะพ่ออุ้มลูกตลอดไปไม่ได้

กลางดึก ลีโอตื่นขึ้นมา เปิดตู้เย็น หยิบน้ำส้มมาดื่ม แต่แล้วก็บ้วนทิ้ง พ่อชื่นชมลูกชายมาก เขาบอกลูกชายว่า ผู้ชนะทำอะไรก็ได้

ลีโอเติบโตขึ้นมาด้วยการปลูกฝังจากพ่อ จนเรียนระดับมัธยมปลาย วัยรุ่นกำลังโต กินเยอะ ลีโอคุม น้ำหนักไม่ได้ พ่อยังคงมีถ้อยคำอันทรงพลังอย่างเช่น พวกที่คิดอย่างแชมป์ คิดล่วงหน้า ๔-๕ ชั้น ฝึกวันละ ๕-๖ ชั่วโมง พวกเขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่ต้องเดา ไม่มีปริญญาลูกก็ไม่มีค่า ถ้าต้องการทำงานใช้แรงงาน ก็ออกจาก ม.ปลาย ถ้าไม่อยาก ก็ควรควบคุมตัวเอง แล้วเริ่มทำตัวเองเหมือนแชมป์ ถ้าไม่อยากทำก็เลิก แต่ถ้าจะทำ ก็ทำให้สำเร็จ

ข้อความอย่างนี้ เคยอยากพูดกับวัยรุ่นไทยทั้งหลายที่เรียนอยู่ในสถาบันการศึกษาต่างๆ แต่ไม่ได้เอาใจใส่ การเรียนเลย ผู้หญิงก็สนใจแต่ดารา การแต่งตัว การเที่ยวเตร่ ผู้ชายก็เที่ยวอย่างผู้ชาย หรือไม่ก็เป็นนักเลง แถมผู้ชายเดี๋ยวนี้ยังวุ่นวายกับการแต่งตัวเพิ่มขึ้นอีก อยากจะบอกว่า ถ้าไม่อยากเรียนก็ลาออกเสียเถอะ ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องเสียทรัพยากรมหาศาลจัดการศึกษาให้ ถ้ากลัวเด็กจะว่าง แล้วไปก่อเรื่องวุ่นวาย ก็เอาเงินที่ใช้จัดการศึกษาไปจ้างเด็กพวกนี้ทำงานใช้แรงงานอาจจะดีกว่า เขาจะได้มีเงินไปใช้จ่าย เที่ยวเตร่ ตามต้องการ ส่วนเด็กที่ตั้งใจเรียนก็จะได้รับการส่งเสริม เต็มที่

นี่คิดแบบรำคาญสุดๆ แล้วนะนี่ ขนาดตัวเองไม่ได้มีวินัยควบคุมตัวเองได้ดีเหมือนพ่อของลีโอเลย ทำได้แค่เศษเสี้ยว ยังอยากจะจับเด็กพวกนี้มาผ่าสมอง ดูเลยว่าเขาคิดอะไรกันบ้าง คนที่เขาคุณภาพ สูงกว่าเรา ก็คงจะต้องทำใจมากกว่าเราอีกมากเลย

วันหนึ่ง น้องชายของแม่มาเยี่ยมที่บ้าน น้าแลรี่ เป็นนักจัดรายการวิทยุ น้าแลรี่คิดว่าเรื่องทีมเป็นเหมือน สงครามเผ่า การกีฬาเป็นการสอนลูกหลานให้ฆ่า ถ้ามีมีด มีระเบิด การแข่งขันในสนามกีฬา ก็คือสงคราม นั่นเอง และสำหรับแม่ กีฬาก็เป็นเกมงี่เง่า ไม่มีความหมายต่อใคร น้าแลรี่ถามลีโอว่า เคยมีใครถามเธอ ไหมว่า เธอต้องการอะไร ลีโอบอกว่า ไม่เคย แต่เขาก็เคยอยากให้ใครถาม เขาชวนลีโอให้ออกไปหาโลกกว้าง มีชีวิตที่อิสระรออยู่

ลีโอก็เหมือนผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมที่ทำตามๆ กันไป โดยไม่เคยคิดเลยว่า จริงๆ แล้วชีวิตตัวเองต้องการอะไร

สำหรับพ่อของลีโอ เขาใช้กีฬาเป็นเพียงเครื่องฝึกจิตใจลูกชายและเด็กอื่นในทีมของเขา เขาบอกว่า ไม่ว่าจะไปได้ไกล แค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต เธอกล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง บอกได้ว่า เธอไม่ล้มเหลวเพราะพยายามแล้ว และที่สำคัญที่สุด จากประสบการณ์เหล่านี้ เธอจะนำสิ่งนี้ไปใช้ เพื่อบรรลุเป้าหมายในชีวิต

นอกจากน้าแลรี่แล้ว เพื่อนสาวชื่อชอว์ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สั่นคลอนจิตใจของลีโอ เมื่อลีโอน้ำหนักเกิน ๕ ปอนด์ เขาบอกพ่อว่าลดน้ำหนักไม่ไหวแล้ว พ่อให้กำลังใจว่า ลูกทำได้ เป็นแชมป์ก็ต้องเป็นอย่างนี้แหละ ลีโอถามว่า ถ้าผมไม่อยากเป็นแชมป์ล่ะ คำตอบก็คือ ลูกน่าจะถามตัวเองด้วยว่า ถ้าไม่อยากหายใจล่ะ มันส่อถึง ความกลัว เป็นคำถามของพวกยอมแพ้ง่ายๆ อีก ๔ ปี อนาคตลูกก็เปิดกว้าง ลูกเลิกตอนนี้ไม่ได้

ลีโอเลิกไม่ได้จริงๆ แม้ชอว์จะชวนเขาไปงานสังสรรค์ เขาก็ปฏิเสธเพราะต้องอดอาหารและออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก เธอบอกว่า คุณพูดถึงแต่สิ่งที่ต้องทำ ไม่เคยพูดถึงสิ่งที่อยากทำ เธอรักลีโอ รักจริงๆ แต่ลีโอไม่มีเวลาให้เธอ ไม่มีเวลาให้แม้แต่ตัวเอง เธอยุ่งอยู่กับการเป็นพระเอกของพ่อ เธอถามเขาว่า คุณชนะเขา แล้วก็อดอาหารอีก ๒ เดือน แล้วก็เล่นมวยปล้ำมหาวิทยาลัยอีก ๔ ปี อดอาหารและปฏิเสธทุกอย่างอีก ๔ ปี คุณดำรงชีวิตแบบนั้นได้อย่างไร

คืนนั้นชอว์ไปงานสังสรรค์ ส่วนลีโอออกกำลังกายอย่างหนัก เป็นการเปรียบเทียบการใช้เวลา ที่แตกต่าง อย่างสิ้นเชิง ค่ำคืนจบลงด้วยความเศร้า ชอว์ประสบอุบัติเหตุ รถคว่ำขณะขับรถกลับบ้าน เธอเสียชีวิต ส่วนลีโอเป็นลมหลังกลับจากการฝึกมาถึงที่บ้านแล้ว

หมอบอกว่าปริมาตรเลือดน้อย โปแตสเซียมในเลือดน้อย กระเพาะอักเสบ ภาวะหัวใจเสียจังหวะ สาเหตุ เป็นเพราะลีโออดอาหารอย่างหนัก ร่างกายขาดน้ำจึงเป็นลม ร่างกายเขาเตือนว่าพร้อม จะเกิดเรื่องแย่กว่านี้ ต่อไปผมจะร่วง ฟันหลุด อาจต้องตัดลำไส้ เขาจะต้องมีถุงขจัดของเสีย แล้ววันหนึ่งหัวใจจะวาย หรือ หยุดหายใจ หมอพบยาระบายที่ตัวลีโอ ลีโอใช้ยาระบายเพื่อลดน้ำหนัก เมื่อไม่มีอาหาร ก็ขับสิ่งที่เคลือบ กระเพาะออกมา เป็นการทำลายที่ถาวร

การกระทำของลีโอเป็นความผิดร้ายแรงสำหรับพ่อ เขาดุลีโอว่า ลูกรู้ว่าการลดน้ำหนักทำได้ทางเดียว โดยผ่านการฝึก ไม่ใช่ใช้ทางลัด ลูกหาทางออกง่ายๆ นี่ไม่ใช่การฝึก นี่คือการโกง ถ้าต้องการโกงก็เลิกซะ ถ้าไม่อยากทำสิ่งที่ถูกต้อง ลูกก็ไม่คู่ควร

วันที่พ่อมารับลีโอออกจากโรงพยาบาล ลีโอเล่าให้พ่อฟังถึงชอว์ เขาคิดว่าคืนนั้นน่าจะไปกับเธอ เขาอยาก อยู่กับเธอ แม้ตอนนี้ก็ยังอยากอยู่กับเธอ หัวใจของเขาสูญสลายไปพร้อมกับซากรถคันนั้น เขาไม่อยากเป็น อย่างพ่ออีกแล้ว

แต่แล้วเขาก็กลับไปฝึกอีกเพื่อที่จะเอาชนะเอลลิส แชมป์มวยปล้ำระดับรัฐ จนกระทั่งได้รับ ชัยชนะ แต่เขา กลับบอกเอลลิสว่า เขาไม่เอาอะไรอีกแล้ว ยกทุกอย่างให้เอลลิส

เช้าวันต่อมา พ่อเอาตั๋วเครื่อง-บินไปลอสแองเจลิสมาให้ ลีโอถาม ว่าได้ตั๋วมาอย่างไร พ่อยืมเงินเพื่อน ที่โรงงาน ถึงเวลาที่ลูกจะต้องไปค้นหาหนทางของตัวเอง วันที่ไปส่งลูกชายขึ้นเครื่องบิน เขาบอกลูกชายว่า พอลงจากเครื่องบินให้โทรศัพท์มาบอกพ่อด้วยว่าเครื่องบินเป็นยังไง เพราะพ่อไม่เคยขึ้นเครื่องบิน เขาพูดถึงชีวิตที่ผ่านมาว่า ลูกอยู่กับพ่อมาตลอด ขอให้เรียนรู้จากความผิดพลาดของพ่อ ต่อไปลูก จะทำความ ผิดพลาดด้วยตัวเอง การแข่งขัน ถ้วยรางวัล และชัยชนะต่างๆ พ่อไม่เคยภูมิใจ เท่าสิ่งที่ลูกกำลังทำ

พ่อลูกกอดอำลากัน ลูกชายบอกว่า ผมรักพ่อ พ่อว่า พ่อรักลูกมากกว่า เขามองดูเครื่องบินของลูก จนลับ สายตา เหมือนกับว่ากำลังมองดูความก้าวหน้าของลูก เมื่อทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ลูกก็ แข็งแรงพอ ที่จะเผชิญชีวิตได้อย่างกล้าหาญ

อย่างนี้แหละที่เรียกว่า เลี้ยงลูกให้รู้จักโต

หนังเรื่องนี้บอกไว้ตอนท้ายว่า อุทิศให้พ่อทุกคน


-ดอกหญ้าอันดับที่ ๑๐๙ กันยา-ตุลา ๒๕๔๖-