ถ้อยคำสิริมงคล - สุวลี -
ฉันเป็นเขื่อน


สัมมาทิฏฐิประดุจหางเสือแห่งนาวา การแล่นย่อมถึงเป้าหมายไม่ช้าก็เร็ว

แต่หากไร้ทิศทาง ยิ่งแล่นกลับจะยิ่งห่างไกล

"ถ้อยคำ" หลากหลาย พลิกมุมมองซ้ายขวาหน้าหลังบนล่าง เจตนาเพื่อแจ่มชัดตัวตน

แต่เราต้องการผ่อนคลายอารมณ์ บำบัดชั่วครู่ชั่วยาม หรือขุดรากถอนโคนซะเลย จะดีไหม?

การบำบัดอาจเดินทางได้ยาวไกล แต่ก็มีจุดตัน เหตุการณ์ที่แรงขึ้น การตั้งรับยิ่งอ่อนแอ

อุปสรรคยิ่งมาก กูจะทนไปทำไม?

เพราะทุกข์นั้นไม่มีใครทำให้ มีแต่เราผู้เป็นเจ้าของชีวิต ลิขิตนรก-สวรรค์ เพียงชั่วลัดนิ้วมือ

เหตุการณ์หนึ่ง ทำไมคนรับกระทบจึงทุกข์ไม่เท่ากัน บางครั้งเขายังหัวเราะ บางทีเขามองเป็นเรื่องจิ๊บจ้อย

มันแปลกดีนะ !

เมื่อสามเณรถกเถียงกัน ธงโบกหรือลมโบกกันแน่ ท่านเว่ยหล่างผ่าทางตัน "ใจเธอซิโบก!"

หยุดที่ใจจึงจบสิ้นทุกกระบวนการ !

เมื่อชัดเจน เสือร้ายซ่อนอยู่ในดวงใจ เป็น"แขกจร" แต่อยู่นานจนเลื่อนฐานเป็น "แขกประจำ" และสุดท้ายกลายเป็น "เจ้าบ้าน"

การขับไล่จึงต้องอาศัย "ผัสสะ" อาศัยเหตุการณ์สารพัด เพื่อกระทุ้งให้มันปรากฏตัว

ไม่มีโจทย์ก็ไม่มีแบบฝึกหัด ปิดประตูโอกาสบรรลุ ๑๐๐%

ดีใจเถิดที่ถูกยั่วยุ คนไม่มีบารมีไม่มีวันเจอ !

"ฉันเป็นเขื่อน" เตือนตนเตือนจิต รับผิดชอบทุกอย่างในสิ่งที่พูดที่ทำออกไป

ฮ่องเต้ เพียงชมลูกสาวชาวบ้าน เหล่าพลทหารรับใช้กลับฉุดคร่ามาประเคน!

คำพูดมีพลัง

คำพูดมีอำนาจ

มิใช่รอเป็นฮ่องเต้ แต่คำพูดทุกคนล้วนมีผลกระทบต่อคนข้างเคียง

"ฉันเป็นเขื่อน" เตือนตนเตือนจิต คิดก่อนจะเอ่ย คิด ๑๐ อาจพูดสัก ๓ มิใช่ขาดสติเรื่อยเจื้อยเป็นนกแก้ว !

มีหลายอย่างที่อยากเล่า อยากบอก แต่คิดสักนิด พูดไปแล้วจะได้อะไร ?

หรือแค่อร่อยปาก ?

หรือแค่สะใจ ?

หรือแค่หายท้องอืดเฟ้อ ?

หรือแค่สบายใจไปวันๆ ?

ส่วนใครจะฉิบหาย ไม่สนใจ !

"ฉันเป็นเขื่อน" เตือนตนเตือนจิต เราทุกคนต้องช่วยกันสกัดกั้นอารมณ์ร้อนของคนรอบข้าง อย่าปล่อยผ่านไปโดยไม่รับผิดชอบ

อย่าทำเป็นนักข่าวที่รายงานแค่ตาเห็น รายงานตามเนื้อผ้า เพราะอาจมีผู้คนอีกมากที่รับผลกระทบจากการบอกเล่าของเรา !

วันนี้หนังสือพิมพ์เป็นชนชั้นแห่งการยุแหย่ที่รุนแรงที่สุด พอๆ กับการให้ข่าวสารประชาชน !

เมื่อไม่สำเหนียกในพิษข้างเคียง ผู้คนจึงกินใจ ทะเลาะวิวาทบาดหมาง

"ฉันเป็นเขื่อน" ฉันไม่ใช่วัสสการพราหมณ์ จึงไม่พูดทุกอย่างที่เห็นที่รู้

ฉันจะเก็บข้อมูลมาตกตะกอนในบางเรื่อง เปิดเผยให้น้อยลง

"ฉันเป็นเขื่อน" เตือนตนเตือนจิต เรามิใช่ลวดทองแดงที่ปล่อยให้กระแสไฟผ่านไปอย่าง หน้าตาเฉย

เรามิใช่แค่คนกลาง แต่เราเป็น กบว.!

"ฉันเป็นเขื่อน" เตือนตนเตือนจิต หน้าที่ของเขื่อนคือการโอบอุ้ม สกัดกั้น

แบกไว้ก่อน พ่อสอนไว้ !

เก็บไว้สักระยะ ดองไว้สักพัก รอตกตะกอน แล้วค่อยส่งน้ำใสๆ ให้ผู้คน

หากทุกคนระลึกถึงความเป็นเขื่อนในตัวเอง ครอบครัวจะร่มเย็นกว่านี้ ที่ทำงานก็คงจะมีความสุขมากขึ้น

"ฉันเป็นเขื่อน" เตือนตนเอง เพื่อเป็นผู้ใหญ่ที่สง่างามกว่านี้ กว่าจะถึงปลายทาง เรื่องก็อาจเลิกรา สงครามพลันยุติ !

เมื่อผู้คนไม่ยอมเป็นเขื่อน เรื่องก็จะยิ่งร้าวราน !

สกัดกั้นทุกกระแส อย่าด่วนตีแผ่เปิดเผยผู้คนต่างคิด มีภูมิหลังที่ต่างกัน ข้อมูลจึงกลายเป็นยาพิษไปโดยปริยาย

"ฉันเป็นเขื่อนนะ" เตือนตนเพื่อสกัดกั้นตัวเอง แม้หนักหนาก็ขอเสียสละแบกไว้ก่อน เหมือนร้านขายส่ง แม้ต้นทางขึ้นราคา แต่ยี่ปั๊ว ยืนหยัด ลูกค้าก็จะได้ราคาเดิม

คิดแบบไม่สกัดกั้น เพียงต้นทางขึ้นราคา ๑ บาท กว่าจะผ่านยี่ปั๊วซาปั๊ว..กว่าจะถึงหน้าร้านขายปลีก พลันจะกลายเป็นหลายบาทไปอย่างน่าช้ำใจ

บ้านเมืองต้องการ "เขื่อนชีวิต" เพื่อพัฒนา

ครอบครัวต้องมีเขื่อนเพื่อความสงบสุข

ธุรกิจต้องมีเขื่อนเพื่อตรึงราคา

หากทุกคนตระหนักในศักยภาพของตัวเองบ้านเมืองจะล่มจมได้อย่างไร ?

ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๖ พฤศจิกายน- ธันวาคม ๒๕๔๗