ธรรมะกับการเกษตร
- สมณะเสียงศีล ชาตวโร -


นตฺถิ ธฺญญสมํ ธนํ
ทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือกไม่มี (พุทธภาษิต)

มนุษย์ทุกคนต้องกินข้าวเป็นอาหารหลัก แม้ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง แต่ถ้ามีข้าวก็อยู่ได้ ไม่ตาย ทรัพย์สินเงินทองเป็นเพียงสิ่งแลกเปลี่ยน กินเข้าไปโดยตรงไม่ได้ มจ.สิทธิพร กฤษดากร บิดาแห่งการเกษตรแผนใหม่ยังกล่าวว่า "ทรัพย์สินเงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง" แต่กว่าจะได้ ข้าวเปลือกข้าวสารมาเป็นอาหารของมนุษย์ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน อยู่กลางแดดกลางฝน ทุกข์ทรมาน

ชาวนาทุกวันนี้ต้องสู้กับปัญหานานัปการ ยิ่งเป็นการทำนาแแบบเคมียิ่งต้องต่อสู้หนัก สู้กับราคา ปุ๋ยเคมี ที่นับวันจะแพงขึ้น ใส่ปุ๋ยเคมีนานๆ ดินก็เสีย ข้าวก็อ่อนแอ โรคแมลงก็รบกวน ต้องฉีดยา ฆ่าหญ้าฆ่าแมลง ฉีดยาคุมหญ้า ข้าวออกรวงก็ต้องจ้างรถเกี่ยว รวมค่าใช้จ่ายแล้วแทบไม่เหลืออะไร บางฤดูกาลขาดทุนด้วยซ้ำถ้าเจอภัยธรรมชาติ เช่น ฝนแล้ง น้ำท่วม ชาวนาจึงนับวันจะหมดเนื้อ หมดตัว ลงไปเรื่อยๆ

เมื่อเร็วๆ นี้ผู้เขียนได้มีโอกาสไปร่วมพิธี เกี่ยวข้าวไร้สารพิษที่ได้ผลผลิตถึง ๑๒๐ ถังต่อไร่ ที่นาของ อ.เชาว์วัช หนูทอง เจ้าของโรงปุ๋ยหมักชีวภาพเครือข่ายชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ในเนื้อที่ ประมาณ ๓๐-๔๐ ไร่ เป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่เป็นพิษ เราก็สามารถ ทำได้ด้วยการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพแทน เป็นการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต พิชิตความยากจนได้จริง

งานนี้ได้ประชาสัมพันธ์ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เชื้อเชิญให้เกษตรกรมาเยี่ยมชม และได้เชิญผู้หลักผู้ใหญ่ มาร่วมงานด้วย มีท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ลพบุรี เกษตรจังหวัด นายอำเภอ เกษตรอำเภอ อบจ. อบต. และยังมีแขกพิเศษผู้ใหญ่ ที่เป็นขวัญกำลังใจให้พวกเราเสมอมา คือ ท่าน อ.ชนวน รัตนะวราหะ อดีตรองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร มาร่วมเป็นกำลังใจให้เกษตรกร ผู้เขียนได้พา ญาติธรรมและนักเรียนสัมมาสิกขาปฐมอโศกประมาณ ๒๐ กว่าคน ไปช่วยเกี่ยวข้าวร่วมกับเกษตรกร และข้าราชการผู้ใหญ่ ที่มาร่วมงาน

ผู้เขียนไม่อยากเห็นชาวไร่ชาวนาต้องลำบากและเสี่ยงอันตรายอยู่กับสารพิษ สารเคมี เดี๋ยวนี้รัฐบาล ก็เริ่มตื่นตัวสนับสนุนเรื่องเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเคยทำมาตั้งแต่สมัย ปู่ย่าตายาย มาสมัยนี้เกษตรกร พึ่งพาแต่ภายนอก ทำอะไรเองไม่เป็นเลย ต้องซื้อ ต้องจ้างทุกอย่าง จึงเป็นหนี้สินทุกครอบครัว ปุ๋ยหมักง่ายๆ ก็ทำไม่เป็น ฟางในนาก็เผาทิ้งหมด ยุคนี้น้ำมันแพง ชาวนาเริ่มคิดถึงวัวควาย เพื่อนยาก ที่เคยได้อาศัยช่วยไถนาก็ฆ่ากินหมดแล้ว

ทุกวันนี้ชาวไร่ชาวนาเริ่มขายที่ดินใช้หนี้ ส่งลูกไปเรียนจบออกมาก็ไม่มีงานทำ ทำนาก็ไม่เป็น เงินกองทุน ที่รัฐบาลให้กู้ยืมถึงหัวบันไดบ้านก็เอาไปหมุนใช้หนี้บ้าง ลงทุนบ้าง ไม่มี เหลือ กลับเป็นหนี้และจนหนัก ยิ่งขึ้น จะเห็น ได้จากสถิติคนจนปีนี้จนมากกว่า ๒-๓ ปีก่อน

การแก้ปัญหาความยากจนต้องพัฒนาจิตวิญญาณของคนก่อน ให้ชาวบ้านลดความ ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย อุดรูรั่วเรื่องอบายมุข รู้จักพึ่งตนเอง เรียนรู้ดูจากชุมชนที่เขาเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ ตัวอย่างก็มีให้ดู ถ้ามีใครอ้างว่าเป็นไปไม่ได้หรือทำไม่ได้ เรามีตัวอย่างและประกาศเชิญชวนให้มาดู ไม่เคยปิดบัง ถ่ายทำเป็น VCD มากมายหลายชุด ทั้งวิธีทำนา ทำปุ๋ยหมักชีวภาพ และอยากรู้ว่าท่านเสียงศีล สอนคนอย่างไรจึงหมดหนี้หมดสิน พ้นจากความยากจน ก็มีตัวอย่างหลายครอบครัว เราได้จัดทำเป็น VCD และบันทึกเป็น MP3 ไว้นับร้อยเรื่อง สนใจขอรายละเอียดได้ที่ ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน


อนิพฺพินฺทิยการิสฺส สมฺมทตฺโถ อิปจฺจติ
ทำเรื่อยไปไม่ท้อถอย ผลที่ต้องการจะสำเร็จสมหมาย

ไม่มีอะไรพ้นความพยายามของมนุษย์ ไปได้ ถ้าเขาไม่ท้อถอย เมื่อเร็วๆ นี้ผู้เขียนได้ไปร่วมงาน วันเกี่ยวข้าว ที่นาของ อ.เชาว์วัช หนูทอง ซึ่งได้ผลผลิตถึง ๑๒๐ ถังต่อไร่ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมี ใดๆ เลย อ.เชาว์วัช ได้ทดลองปุ๋ยมหัศจรรย์เพื่อนช่วยเพื่อนที่ผลิตเอง เป็นปุ๋ยชนิดเม็ด ซึ่งกว่าจะทำ สำเร็จ ก็ต้องอดทนดมฝุ่นอยู่หลายวันกว่าจะปั้นเม็ดได้สำเร็จ เพราะปุ๋ยของเราใช้อินทรียวัตถุ ที่ค่อนข้าง ปั้นยาก มีแกลบจากละอองข้าวและมูลไก่ ต้องป่นให้ละเอียด เราไม่ใช้ดินหรือหิน มาเป็นส่วนผสม ทุกอย่างต้อง เข้าสู่กระบวนการหมักด้วยน้ำชีวภาพ จน อินทรียวัตถุย่อยสลาย พร้อมที่จะเป็นอาหารของพืชได้ ขณะปั้นเม็ดก็ต้องสเปรย์ด้วยน้ำชีวภาพตลอดเวลา เราใช้อินทรียวัตถุ ชั้นดีกว่า ๑๐ ชนิด คือ เค้กอ้อย ซึ่งมีฟอสฟอรัสสูงถึง ๖.๗๗% มีโปแตสเซียม ๔.๒๔% มีแคลเซียม ๒๑.๔๙% และซีลิก้า ๔๖.๘๖% มีละอองข้าว ขี้เถ้าแกลบดำ ขี้เถ้าเค้กอ้อย มูลไก่ รำละเอียด ขี้แดดนาเกลือ มูลค้างคาว และแร่ธรรมชาติหลายชนิด เช่น เพอร์ไลท์ โดโลไมท์ ฟอสเฟต ซีโอไรท์ ฮิวมิคแอซิค ผสมกับใบก้ามปู และใบกระถินซึ่งเป็นพืชตระกูลถั่ว เพื่อเพิ่มไนโตรเจนอีกด้วย เมื่อทำเสร็จแล้วก่อนจะจำหน่ายก็ได้ทดลองใช้เอง และมีเกษตรกรนำไปทดลองใช้ โดยทีมงานของเรา ไปคอยติดตามผล ก็ปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด ที่เห็นชัดก็คือ พืชทุกชนิดที่ใช้ไม่ว่าจะเป็นข้าว ผัก ผลไม้ ล้วนเจริญเติบโต แข็งแรง โรคแมลงไม่มารบกวน เหมือนคนแข็งแรงก็ไม่มีโรคเบียดเบียน ผลผลิต สูงกว่าเดิมมาก รสชาติของผลไม้ก็ดีขึ้น เพราะเรามีขี้แดดนาเกลือและแร่ธรรมชาติหลายตัว ที่มีฟอสฟอรัส และโปแตสเซียมสูง ช่วยให้ผลไม้มีรสหวานขึ้น

ปุ๋ยมหัศจรรย์เพื่อนช่วยเพื่อนสูตรนี้ เราได้พิสูจน์ทดลองใช้มานานหลายปีแล้ว โดยทดลองทำที่คลีนิค รถยนต์ของ ณรงค์ สิทธิพันธุ์ น้องชายผู้เขียน และทดลองใช้ที่แปลงผักที่สวน และที่นาข้าว ได้จัดทำ ขวัญข้าว เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี (ท่านปลัดจังหวัดไปแทน) ท่านนายอำเภออินทร์บุรี และ ผู้หลักผู้ใหญ่อีกหลายท่าน เช่น ท่านรองฯเอ็นนู รองผู้จัดการใหญ่ ธกส. อ.ชนวน รัตนวะราหะ อดีต รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ฯลฯ ไปร่วมเป็นพยานพิสูจน์ว่าผลผลิตข้าวอินทรีย์ ดีกว่าเคมี ต้นทุน ก็น้อยกว่าและได้ผลผลิตมากกว่า มีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ เรื่องข้าว ดร.บุญหงษ์ จงคิด ได้พิสูจน์กันถึงรากถึงโคน โดยถอนต้นข้าวขึ้นมาพิสูจน์ ดูรากเปรียบเทียบกันเลย ข้าวอินทรีย์ กอใหญ่กว่า จำนวนต้นมากกว่า ข้าวอินทรีย์นับได้ถึง ๙๔ ต้น ข้าวเคมีนับได้ ๖๔ ต้น พิสูจน์กันต่อหน้า ผู้นำชาวนากว่า ๔๐ จังหวัดทั่วประเทศที่ไปขอศึกษาดูงานที่ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน อินทร์บุรีมาแล้ว เราได้บันทึกเป็น VCD ไว้ทุกขั้นตอน

ต่อมาโรงปุ๋ยชนิดสมบูรณ์แบบก็ได้มาสานต่อที่ โรงสีธีรโชติเจริญกิจ ของ อ.เชาว์วัช หนูทอง หลังจากที่ อ.เชาว์วัชได้ไปศึกษาดูงานที่ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนอินทร์บุรีมาหลายครั้งและสนใจเรื่องปุ๋ยมาก ผู้เขียน จึงแนะนำและส่งเสริมให้เปิดโรงปุ๋ยหมักที่สมบูรณ์แบบขึ้นที่โรงสีของ อ.เชาว์วัช เพราะที่นี่มีเครื่องไม้ เครื่องมือครบ วัตถุดิบก็มาก ผลการพิสูจน์ก็เร็วเพราะทำได้ผลมาแล้วที่ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อนอินทร์บุรี นาข้าวของ อ.เชาว์วัช ปีนี้ได้ข้าวถึง ๑๒๐ ถังต่อไร่ วันเกี่ยวข้าวก็ได้เชิญท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เกษตรจังหวัด นายอำเภอ เกษตรอำเภอ และแขกผู้มีเกียรติ รวมทั้งเกษตรกรนับร้อยไปช่วยกันเกี่ยวข้าว

ตอนนี้ปุ๋ยมหัศจรรย์เพื่อนช่วยเพื่อนชนิดเม็ดกำลังเป็นที่นิยมจนลูกค้าต้องรอคิว เราต้องการให้เกษตรกร ได้ใช้ของดี ราคาถูก เพื่อช่วยเกษตรกรในยุคน้ำมันแพงช่วงนี้ด้วย สนใจวิธีทำเรามี VCD การทำปุ๋ยหมัก ทั้งแบบง่ายๆ แบบครอบครัว การทำปุ๋ยหมักแบบชาวบ้าน (แบบรวม กลุ่มกันทำ) และการทำปุ๋ยหมัก ปั้นเม็ดแบบโรงงาน ถ้าเกษตรกรทำเองได้จะประหยัดรายจ่ายมาก


เอตํ ปฏิกิฏฺฐํ ปริหานีนํ ยทิทํ ปญญาปริหานิ
ความเสื่อมแห่งปัญญา ชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งปวง

พุทธภาษิตบทนี้แสดงให้เห็นว่า คนมีปัญญาย่อมรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี จะไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ แต่การโฆษณาชวนเชื่อของสื่อต่างๆ ทำให้คนไม่มีปัญญาเห็นผิดเป็นชอบ สิ่งมอมเมาของอบายมุข ก็ทำให้คนปัญญาเสื่อม จิตใจเสื่อม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความยากจน ปัญหาสังคม ปัญหา อาชญากรรมก็จะตามมา ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ เกษตรกร ส่วนใหญ่มีโอกาสศึกษาน้อย เพราะความยากจน ทั้งๆ ที่แต่ก่อนภูมิปัญญาไทยดั้งเดิม ช่วยให้เกษตรกร สามารถพึ่งพาทรัพยากร ธรรมชาติ ได้อย่างสบาย แต่ก่อนชาวนาเคยพึ่งวัวควายไถนา ทำระหัดวิดน้ำโดยไม่ต้องใช้เครื่องจักร เครื่องยนต์ ไม่ต้องเปลืองน้ำมัน แต่ปัจจุบันเกษตรกรทิ้งภูมิปัญญาดั้งเดิมอย่าง หมดสิ้น หันมาใช้ เครื่องจักรเครื่องยนต์แทน ปุ๋ยหมักก็ไม่รู้จัก รู้จักแต่ปุ๋ยเคมี พันธุ์พืชพื้นบ้านดีๆ แข็งแรงต้านทานโรค ก็สูญหายไปหมดสิ้น มีแต่เมล็ดพันธุ์ที่ปลูกทีก็ต้องซื้อที เงินจากเกษตรกรซึ่งไม่ค่อยมีอยู่แล้ว ก็ไหล ออกไปสู่พ่อค้ามากขึ้น พ่อค้ายิ่งรวย เกษตรกรยิ่งยากจน เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง

เมื่อเร็วๆ นี้ผู้เขียนได้ไปดูน้องชายทำนาที่อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ปรากฏว่าปีนี้น้องชายไม่ต้องทำอะไรเลย ปล่อยน้ำให้แช่หมักฟางทิ้งไว้เฉยๆ นานๆ จะไปดูที เนื่องจาก ช่วงนี้ผลิตภัณฑ์ของชมรม เพื่อนช่วยเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพและสมุนไพรไล่แมลง ปุ๋ยหมักชนิดเม็ด ชนิดผง เริ่มติดตลาด วิ่งส่งลูกค้าจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น เพราะผลดีที่ปากต่อปาก ผู้นำไปใช้แล้ว บอกว่าคุ้มค่า ไม่ผิดหวัง เราเน้นคุณภาพ และราคาถูก ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จึงยืนหยัดอยู่มาได้จนทุกวันนี้

ผู้เขียนได้ไปดูนาข้าวกับน้องชาย เห็นต้นข้าวขึ้นสูงใหญ่จนเลยหัวคนที่สูงขนาด ๑๗๔ ซม. กอหนึ่ง นับได้ถึง ๑๑๕ ต้น ออกรวงเกือบทุกต้น ข้าวขึ้นโดย ไม่ได้หว่านข้าว ไม่ได้ใส่ปุ๋ย เรียก ว่าไม่ได้ลงทุน ทำอะไรเลย แต่ข้าวกลับขึ้นเองเต็มทุ่งนา ๕๐ ไร่ ยังความแปลกใจและดีใจให้แก่เจ้าของนา
เป็นอย่างยิ่ง เราได้เชิญเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ ไปดู ก็แปลกใจและได้ข้อสรุปว่า เนื่องจากดินดีขึ้น เพราะเราไม่เผาฟาง เราหมักฟางด้วยปุ๋ยหมักชีวภาพและน้ำสกัดชีวภาพมา ๒ ครั้ง พอครั้งที่ ๓ ดินสมบูรณ์เต็มที่ ข้าวที่ตกหล่นอยู่เดิมหรือข้าวเรื้อก็ขึ้นเองโดยธรรมชาติ ต้นแข็งแรง ไม่มีโรค แมลงก็ไม่กวน

เราอยากให้ชาวนาพิสูจน์ เพียงไม่เผาฟางและใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพแทนปุ๋ยเคมีก็จะได้ผลผลิต มากกว่าเดิม ต้นทุนก็น้อยลง จนแทบไม่ต้องลงทุนเลยอย่างที่เราทำ และไม่ต้องเหนื่อยยากอีกด้วย เราได้บันทึกภาพอย่างละเอียดเป็น VCD สำหรับนาไร้สารพิษ ชนิดไม่ต้องลงทุน และวิธีทำนา ไร้สารพิษ ที่เราทำมาก่อนหน้านี้ทุกขั้นตอน สนใจติดต่อได้ที่ ชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน ตู้ปณ.๖๗ ปทจ. นครปฐม ๗๓๐๐๐ ราคาแผ่นละ ๕๐ บาท

ขอให้ผู้อ่านทุกๆท่าน จงมีความสุขสวัสดีตลอดปีตลอดไป

- ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๑๗ ม.ค. - ก.พ. ๒๕๔๘ -