ปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปและยุ่งยากขึ้น อานา มาริ กับซานติอาโก้ ตกลงเป็น คู่รักกัน เฟร๎มินหลบหน้าหลบตาฉัน และฉันก็เลี่ยงไม่พบมิเกล ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง ที่เบอิเรเชอา นี้ยังมีเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับฉันอีกสี่-ห้าคนที่เราเข้ากันได้ดี แต่มีอยู่สองคนที่มีคนรักแล้ว ที่เหลือ ก็เริ่มไปทำงานนอกหมู่บ้านและนานๆ ครั้ง จึงจะกลับมา

"ทางที่ดีพ่อว่า เธอน่าจะหาคนรักสักคน" บาทหลวงโฆเซ่ มาริ พูดกับฉันวันหนึ่ง เมื่อพบฉันนั่งอ่านหนังสือ อยู่ในสวน ท่านนั่งลงตรงหน้า ฉันพลางบอกว่าเป็นห่วง ที่เห็นฉันต้องอยู่โดดเดี่ยว ปราศจากเพื่อน วัยเดียวกัน

"เด็กสาวอย่างเธอไม่น่าจะต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ทำงานที่โรงเรียนและดูหนังสือในวันหยุด" (ท่านหยิบหนังสือ ของฉันไปพลิกดูผ่านๆ) "เธอบอกพ่อไม่ใช่หรือว่ากำลังทำปริญญาด้านปรัชญาอยู่ พ่อก็ว่าดีอยู่หรอกนะ แต่เธอก็น่าจะออกจากบ้านไปหาความเพลิดเพลินบ้าง...คิดดูสิ พ่อยังนึกว่าหนุ่มๆ เหล่านั้นซึ่งชอบไปไหน มาไหนกับเธอ มิเกลหรือ เฟร๎มิน... อ้าว เป็นอะไรไปล่ะ"

ฉันร้องห่มร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร และรู้สึกอายมาก

คุณพ่อรอคอยอย่างอดทนจนฉันหยุดร้องไห้ และบอกฉันว่าไม่ต้องกังวลใจไปหรอกที่ร้องไห้ออกมา ท่านเพียงแต่ เสียใจที่ทำให้ฉันสะเทือนใจโดยมิได้ระวังคำพูดเกี่ยวกับชายหนุ่มสองคนนั้น

"ทั้งสองคนนั้นอยากแต่งงานกับดิฉันค่ะคุณพ่อ..." ฉันพึมพำอย่างอายๆ ไม่กล้ามองหน้าคุณพ่อ

คุณพ่อเบิกตากว้างหลังแว่นหนาเตอะ

"คุณพระช่วย ! ทั้งสองคนเลยเหรอ เธอทำยังไงน่ะ"

ฉันห่อไหล่

"แล้วเธอล่ะ ไม่คิดจะแต่งกับใครสักคนหรือ"
"ไม่เลยค่ะ ทั้งสองเป็นคนที่วิเศษสุด แต่การจะรักใครสักคน ดิฉันต้องการบางสิ่งบางอย่างมากกว่านั้น และไม่ใช่เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องโรงเรียนก็ด้วย ดิฉันว่าไม่ก้าวหน้าเอาเลย"

"เรื่องนี้พ่อขอเถียง พ่อได้คุยกับพ่อแม่เด็กหลายคน และทุกคน ก็พอใจเธอมาก"

"คุณพ่ออย่าได้สับสนระหว่างความพากเพียรกับความชำนาญ ดิฉันไม่ได้คิดจะถอนตัวกลับ อย่างที่ พวกเขากลัวกันอยู่ ส่วนเรื่องที่ดิฉันจะสอนดีและประสบความสำเร็จนั้น เปล่าเลย ดิฉันคิดว่า ดิฉันล้มเหลว ...บางทีดิฉันคิดว่า ควรจะไปจากที่นี่"

บาทหลวงมองดูฉันอย่างแปลกใจ ฉันเชื่อว่าท่านคงตกใจไม่น้อย

"เธอพูดจริงๆ หรือ"

ฉันยอมรับ

"เธอทำให้พ่อตกใจมากนะนี่ และพ่อคิดว่าเธอทำไม่ถูก พ่อรู้ว่าวันหนึ่งเธอก็ต้องไป อาจจะแต่งงาน หรือ ได้งานใหม่ที่ดีกว่า แต่พ่อแปลกใจ ที่เธอจะทิ้งงานเพียงเพราะเธอรู้สึกเศร้าใจ หรือเพราะเด็กๆ ไม่ฉลาด นักต่อหน้าผู้ตรวจการ เธอเป็นคนเข้มแข็ง มูริเอล และการหันหลังให้สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ ไม่ใช่ลักษณะ นิสัยของเธอเลย"

"ดิฉันมาเพื่อสอนเด็กๆ ให้รู้ว่า เบยิโด ดอลโฟส คือใคร แต่แทนที่จะเป็นอย่างนี้ ดิฉันกลับแน่ใจว่า การที่เรา รู้ว่าต้องใส่น้ำยาที่ทำจาก ต้นยูคาลิปตัสไว้ในเล้าไก่สำคัญมากกว่า" ฉันสั่งน้ำมูกอย่างแรงแล้วพูดต่อ

"ดิฉันไม่สามารถทำให้ 'เด็กของโรงเรียน' ของดิฉันแม้แต่คนเดียวเชื่อว่า ถ้าเขาเรียนหนังสือ ไม่ว่าเขา จะประกอบ อาชีพอะไร เขาจะทำได้ดีกว่าไม่รู้หนังสือ เพราะความรู้จะช่วยเขาได้ พวกเด็กๆ ก็ยังเชื่อว่า แม่วัว จะให้นมได้เท่าเดิม แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักกระจายคำกริยา 'รีดนมวัว' หรือไม่ก็ตาม บางครั้งดิฉัน ก็คิดว่า พวกเขา มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน"

"โง่จริงๆ ! ช่างโง่เสียจริงๆ ! ผู้หญิงที่รู้จักคิดอย่างเธอ สามารถจัดการกับเด็กๆ เหล่านั้นได้อย่างที่เธอ ปรารถนา ทีเดียว"

"อย่างไรคะ"

"โดยไม่ต้องรอสิ่งมหัศจรรย์แต่อย่างใด ทว่าเธอต้องรู้จักรอคอยอย่างสงบ ไม่ต้องไปคิดถึงโรงเรียน หรือ ผู้ตรวจการ พ่อรู้ว่าเธอทำได้ดีแล้ว เรื่องที่พ่อห่วงก็คือ การที่เธอต้องอยู่คนเดียวซึ่งพ่อได้พูดไปแล้ว พ่อว่า มันอาจจะทำให้เธอห่อเหี่ยวใจ อีกไม่นานก็จะปิดเทอมแล้ว ไปพักผ่อนเสีย ลองหาอะไรสนุกๆ ทำ อย่าอยู่บ้าน ทั้งวัน แล้วค่อยกลับมาเมื่อเธอได้เปลี่ยนบรรยากาศแล้วนั่นแหละ เธอถึงจะรู้ว่าควรเป็นครู อยู่ที่นี่ต่อไปหรือไม่ แต่อย่าด่วนตัดสินใจตอนนี้เลย"

ฉันเชื่อฟังคุณพ่อแม้จะไม่ค่อยเบิกบานใจนัก ฉันลงมือเช็ดจักรยานเพื่อนำกลับมาขี่ใหม่อีก ทุกๆ วันอาทิตย์ ฉันขี่ไปเที่ยวหมู่บ้านใกล้ๆ ที่พอจะมีเพื่อนอยู่บ้าง แต่ฉันก็ยังอดคิดถึงวันแรกๆ ซึ่งอบอวลไปด้วยมิตรภาพ ที่เบอิเรเชอาไม่ได้

ฉันดีใจมากที่น้องชายของฉันมาเยี่ยม เขาจะมาอยู่กับเราสอง-สามวัน เพื่อพักฟื้นหลังจากถูกข้อสอบน็อค (ในสี่วิชาที่เขาตัดสินใจเข้าสอบ เขาผ่านเฉพาะวิชาพลศึกษาเท่านั้น) เขาว่าจะมาแสวงหาความสงบ แม้ฉันจะคิดว่าเขามาเพื่อหลบหน้าทุกๆ คนในบ้าน

อย่างไรก็ตาม การที่เขามาเยือนทำให้ฉันตื่นเต้นดีใจ เขาเอาผ้าคลุมผมน่าเกลียดมาฝากฉันผืนหนึ่ง ร้ายไปกว่านั้น ฉันต้องใช้มันทุกวันระหว่างที่เขาอยู่เพื่อเอาใจเขา และคลุมไปโรงเรียนด้วย เขาทำราวกับ มหาเศรษฐีโดยบริจาคเงินยี่สิบห้าเปเซต้า (เปเซต้า คือเงินสกุลสเปน ประมาณสาม-สี่เปเซต้า เท่ากับ หนึ่งบาท) ใส่กระป๋องที่เรารวมเงินกันเพื่อซื้อหนังสือ

ต่อมาเขาก็ยังกล่าวถึงเงินยี่สิบห้าเปเซต้านี้ในจดหมายทุกฉบับที่เขาเขียนถึงฉัน

สองวันแรกผ่านไปด้วยดี เราซ้อนท้ายจักรยานกันไปเที่ยว ว่ายน้ำเล่น และอาบแดด กันอย่างสำราญใจ อีกทั้งยังได้ปีนไปเก็บลูกพลัมกินบนต้นด้วย

เราสนุกกันมากตลอดวันเสาร์และวันอาทิตย์ แต่วันจันทร์ซึ่งฉันต้องไปทำงานนี่สิ ไฆเม่ต้องอยู่คนเดียว ดังนั้นบาทหลวงจึงชวนเขาไปเข้าร่วมการสนทนา อบรมเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณกับพวกหนุ่มสาวในหมู่บ้านของเราและละแวกใกล้เคียง ตามด้วยการ รับประทานอาหารว่างร่วมกัน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา น้องชายที่รักก็ลืมฉันเสียสนิททีเดียว

เขาจะคิดถึงเพื่อนๆ หนุ่มสาวในหมู่บ้าน หากจะคิดถึงพี่สาวก็เฉพาะตอนกระดุมเสื้อหลุด กางเกงขาด หรือจะขอยืมเสื้อกันหนาว

สรุปคือ วันที่ฉันฝันใฝ่ก็มลายหายไป เขาคิดกระทั่งอยากไปเก็บถั่วกับเปโย่และโตมัส เขาครอบครอง จักรยาน ของฉัน และขี่ไปเล่นน้ำกับบรรดาเพื่อนใหม่ของเขา

โชคดีที่เขากลับไปเสียก่อน

และแล้วก็ถึงวันโรงเรียนปิดเทอม ฉันจึงไม่ได้พบฆาเบียร๎อีก ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเศร้าใจหรือเปล่าที่ไม่ได้พบเขา ฉันยังไม่ลืมที่เขาลือว่าฆาเบียร๎ผลาญเงินพ่อโดยทำทีเป็นว่าไปโรงเรียน อีกทั้งเขากำลังคิดจะหลอกใคร สักคนอยู่ในขณะนี้ เขาเคยบอกฉันครั้งหนึ่งว่า เขาเชี่ยวชาญเรื่องการเกษตรและฉันก็เชื่อ ฉันรู้ดีว่า ชาวบ้านชอบนินทา ขี้อิจฉา และไม่เข้าใจผู้อื่น ฉันมั่นใจว่าฆาเบียร๎เป็นคนฉลาด น่าคบ อัธยาศัยดี เท่านี้ ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน

สิ่งที่ฉันไม่อาจลืมคือ เรื่องคู่รักของเขา การคิดถึงหล่อนทำให้ฉันเจ็บปวดทั้งหัวใจเลยทีเดียว

แล้ววันหนึ่งฉันก็จัดกระเป๋า ร่ำลา 'เด็กของโรงเรียน' ครอบครัวที่ฉันอาศัยอยู่ เพื่อนๆ และบาทหลวง ซึ่งสัญญาว่า จะสวดภาวนาให้ในมิสซาทุกวัน จากนั้นจึงขึ้นรถประจำทางสับปะรังเคคันเดิม ที่เต็มไปด้วย ตะกร้า กล่อง หีบห่อ ปุเลงๆ พาฉันเข้าเมืองอีกครั้ง

ฉันมาทันวันฉลองนักบุญเฟร๎มิน (นักบุญเฟร๎มิน เป็นนักบุญอุปถัมภ์ของเมืองปัมโปล๎น่า เป็นมรณสักขีในปี คศ.๒๘๗ งานฉลองมีขึ้นในวันที่ ๗ กรกฎาคมของทุกปี) พอดี ทุกคนที่บ้านต้อนรับฉันอย่างเอิกเกริก แม่บอก ให้ฉันไปหาหมอฟันและต่อด้วยร้านทำผม แถมยังซื้อชุดแสนสวยให้ฉันสองชุด เพื่อนๆ มาหาทันที ที่ทราบว่าฉันมาถึง พวกเขามีแผนการมากมายที่จะทำ ฉันมีหน้าที่เพียงแค่เข้าร่วมกิจกรรมเท่านั้น

ฉันคงจะคุ้นเคยกับการทำงาน จึงรู้สึกแปลกมากที่ตื่นนอนแล้วไม่มีอะไรทำ นอกจากออกไปเดินเล่น หรือ ว่ายน้ำ ครั้นค่ำลงพอเข้าบ้านฉันก็มองหาสมุดของ

นักเรียนเพื่อตรวจการบ้าน หรือไม่ก็หาหนังสือประวัติศาสตร์ หนังสือไวยากรณ์ เพื่อเตรียมการสอน สำหรับ วันต่อไป ฉันไม่ต้องซักผ้าเองเพราะที่บ้านมีเครื่องซักผ้า ก่อนเข้านอน ก็ไม่ต้องขัดรองเท้า เพราะมัน แทบไม่เลอะ อะไรเลย ไม่ใช่ว่าฉันไม่พอใจกับการได้หยุดพักผ่อน เพียงแต่รู้สึกแปลกๆ และคิดว่าตัวเอง ช่างไม่มีประโยชน์ เอาเสียเลย ขณะอยู่ที่บ้าน ไม่มีใครขอให้ฉันช่วยทำอะไร แย่ไปกว่านั้น พวกเขาทำแทน ฉันด้วย

"อย่างน้อยฉันก็น่าจะปรับปรุงห้องสมุดของโรงเรียนใหม่ได้ แม้ว่าจะอยู่ที่บ้านก็ตาม"

ฉันคิดแล้วจึงลงมือทำทันที

หลังจากเที่ยวขอหนังสือใครต่อใคร ฉันก็ได้บทกวีของรพินทรนาถ ฐากูร เทพนิยายของแอนเดอร์เส็น นวนิยาย ของเซน เกรย์ และ ผลงานฉบับสมบูรณ์ของ ฮูโก วาสท์

ผู้คนก็ช่างขี้ตืดเสียนี่กระไร ฉันผิดหวังมากถึงขนาดตัดสินใจไปหาป้ามาเรียน่าซึ่งอยู่ที่บิยามา เพราะไม่รู้ จะหันหน้าไปพึ่ง ใคร แม่บอกว่าป้าได้เข้าร่วมพิธีรับศีลล้างบาปของฉัน และบอกว่าฉันเป็นเด็กสวยงามที่สุด นอกจากนั้นแล้วฉันเคยพบป้าสี่หรือห้าครั้งเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นในงานศพ ถึงแม้ว่าเราจะส่งความสุข ให้กัน ทุกคริสต์มาสก็ตาม

การไปเยี่ยมป้าเกือบจะเหมือนเรื่องนวนิยาย หูป้าไม่ค่อยได้ยินแล้ว ฉันต้องพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะทำ ให้ป้า เข้าใจว่า ฉันคือมูริเอล ลูกสาวของไฆเม่

แม้ว่าป้าจะเคยกล่าวชื่นชมฉันมากมายในวันพิธีศีลล้างบาป แต่ในขณะนั้นป้าไม่รู้แม้แต่น้อยว่า ฉันยังมี ชีวิตอยู่ มันเป็นภาวะที่น่ากระอักกระอ่วนใจซึ่งเราสองคนต้องเผชิญ ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้แข็ง ที่มีพนัก เป็นเหล็กดัด

เราต่างเงียบกันอยู่นานมาก ฉันไม่รู้จะหาทางดึงหัวข้อหนังสือมาสนทนาได้อย่างไร อีกทั้งเมื่อมองไปรอบๆ บ้านแล้ว ฉันก็แน่ใจว่าบ้านนี้ไม่มีหนังสือเลย ยิ่งเป็นวรรณกรรมเยาวชนด้วยแล้วยิ่งไม่น่าจะมี เพราะตามหิ้ง หนังสือมีแต่รูปปั้นนักบุญเท่านั้น

จู่ๆ ป้าก็สนใจเรื่องโรงเรียนขึ้นมา จึงทำให้ฉันเริ่มบทสนทนาไปในทิศทางที่ต้องการ เมื่อฉันบอกป้าว่า หนังสือ อะไรก็ตามจะมีประโยชน์ต่อฉันเป็นอย่างมาก ป้าก็พาฉันไปห้องใต้หลังคาที่มีแต่ฝุ่น และฉันก็ได้ หนังสือ ที่แปลกที่สุดสิบสองเล่มจากที่นี่ เริ่มตั้งแต่เรื่อง ฆัวนิต้าที่แสนดี จนถึงชุดสองเล่มที่ชื่อ ลูกธนูกับนักรบ และมีเรื่องของจูลส์ เวิร์น อีกสองเล่มซึ่งพิมพ์ก่อนที่ผู้เขียนจะเสียชีวิตคั่นอยู่ ฉันตื่นเต้น และดีใจมาก จนการจูบลาก่อนจากกับป้านั้น เป็นจูบที่ออกมาจากใจ อย่างแท้จริง

ฉันว่าป้าคงจะเอ็นดูฉันไม่น้อย เพราะวันต่อมาป้าโทรศัพท์มาหาฉัน และบอกให้ไปเอาลูกพีช ซึ่งป้า เตรียมไว้ให้ จากสวนของป้า บ่ายวันนั้นฉันตั้งใจจะไปดูภาพยนตร์กับเพื่อนๆ แต่ฉันก็ยกเลิก แค่หนังสือ สองเล่ม ของจูลส์ เวิร์น ก็คุ้มค่าแล้วที่จะไปเยี่ยมป้า

ป้าให้สมุดแบบฝึกหัด หนังสือเด็กสองเล่มของสำนักพิมพ์อาร์เจนติน่า และสีอีกหลายกระป๋อง พร้อมกับ ผลไม้ ป้าถามว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนของฉันไหม คุณลุงเอ็นริเก้ที่เสียชีวิตไปแล้วชอบทาสี ป้าจึงไม่อยาก ทิ้งสีเหล่านี้ ฉันตอบป้าว่าเป็นประโยชน์ต่อฉัน แม้ว่าจะเป็นสีที่ใช้กับพู่กันใหญ่ ฉันยังไม่รู้ว่า จะเอาไปทำอะไร

ป้าออกมาส่งฉันถึงสถานีรถโดยสาร

ฉันได้หนังสืออีกเล่ม คราวนี้เป็นเรื่อง แม่ครัวหัวป่า พิมพ์เมื่อปี ค.ศ.1829 ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ และริบบิ้น สีชมพู ฉันสะดุดตาในรูปลักษณ์ของมันมาก

ป้าดึงตัวฉันออกมาเพื่อจะพูดอะไรด้วย ป้าถามว่าในหมู่บ้านที่ฉันจะไปน่ะ ไม่มีเด็กสาวที่ซื่อสัตย์ และ ขยัน สักคนเชียวหรือ ที่จะมาอยู่กับป้า ตั้งแต่มาเรีย โรซ่า ที่ซื่อสัตย์ออกบวชและไปอยู่คอนแวนต์ ป้าก็ไม่ถูกใจ คนไหนอีกเลย คนสุดท้ายที่มีก็แย่เอามากๆ ป้านอนป่วย อยู่บนเตียงถึงสิบวัน พอหายไข้ ก็พบว่า รูปปั้น นักบุญมาร๎ติน เด ปอร๎เรส มีฝุ่นจับหนาถึงสองนิ้วทีเดียว แม้ขณะนี้มีคนมาช่วยทำความสะอาด เป็นราย ชั่วโมง แต่ป้าก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาสวดสายประคำ เพราะไม่มีผู้ ตอบรับบทสวด มันทำให้ป้ารู้สึกเศร้ามาก

ฉันสัญญาว่าจะลองถามๆ ดู แล้วฉันก็ขึ้นรถกลับ

ฉันกลับมาหมู่บ้านอย่างมีความสุขพร้อมด้วยหนังสือ ลูกอมที่จะแจกเด็กๆ ในชั้นเรียนวันแรก และพลังชีวิต ที่จะเริ่มต้นทำงานอีกครั้ง ฉันต้องการทราบข่าวใหม่ๆ ในหมู่บ้าน ฉันอยากรู้ว่า ลูกอุปถัมภ์ของฉัน มีฟันหน้า ขึ้นสองซี่แล้วหรือยัง แผลที่ขาของผู้ใหญ่บ้านอิซาเอียส๎ดีขึ้นหรือเปล่า ต้นองุ่นที่บ้านมีลูกสุกหรือยัง แล้วลูกแฝด ของมาเรีย โฆเซฟ่า ยังคงหล่อเหลา แต่ขี้แยอยู่หรือไม่

โตมัสและเด็กๆ ในบ้านคอยฉันอยู่ พวกเราเดินไปยังหมู่บ้านด้วยกัน สุนัขของที่บ้านก็ออกมาเห่ากระโดด โลดเต้น ต้อนรับการกลับมาของฉัน คุณย่าเข้าสวมกอดฉันเป็นสัญญาณแห่งการต้อนรับ

อิซาเบลทำงานอยู่ในครัวอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย ดูหล่อนจะภูมิใจที่ได้พิสูจน์ให้บรรดาเพื่อนบ้านเห็นว่า ครูที่มา อยู่บ้านหล่อนไม่ได้จากไปถาวร บ้านอื่นๆ เขาต้อนรับแขกกันอย่างไร จึงจากเจ้าของบ้านไป อย่างรวดเร็ว เช่นนั้น

และจริงๆ แล้วฉันก็มีความสุขกับพวกเขามาก ฉันชอบบรรยากาศ อบอุ่นรอบโต๊ะอาหาร ชอบเวลาพวกเขา กล่าวราตรีสวัสดิ์ เมื่อฉันจะเข้านอน รู้สึกว่ามันมีไมตรีจิต เป็นกันเองราวกับเป็นการพักผ่อน หลังจากวัน อันเหน็ดเหนื่อย จากหน้าที่การงาน เหมือนเช่นเคยสิ่งแรกที่ฉันทำ หลังจากทักทาย และดื่มช็อกโกแลต ถ้วยหนึ่งแล้วคือ ออกไปยังระเบียงที่เต็มไปด้วยดอกไม้ และเป็นจุดที่ฉันสามารถมองเห็นทั่วทั้งหมู่บ้านได้

"สวัสดีครับ" โฆเซโช่ อาราน่า พ่อของโฆเซ่ซึ่งกำลังทาสีหน้าบ้านอยู่โบกมือที่ยังถือแปรงยิ้มทักทายฉัน

ฉันมองเขาทำงานครู่หนึ่ง เขาทาสีอย่างคล่องแคล่วขึ้นลง ขึ้นลง ...ไม่น่าจะยากและก็ดูดีด้วย ฉันคิดว่า ฉันก็คงทาสีเอง ได้อยู่หรอก

ความคิดแล่นวาบเข้ามาในสมองของฉันทันที

ฉันจะทาสีภายในห้องเรียนก่อนโรงเรียนจะเปิดเทอม ฉันว่ามันไม่น่าเป็นงานหนักเกินไป หากจะมีใคร เอาบันไดมาให้ฉัน ห้องเรียนสีขาว จะกลายเป็นห้องเรียนใหม่และฉันมั่นใจว่าเด็กๆ จะเรียนหนังสือ อย่างมี ความสุข ยิ่งคิดฉันก็ว่ามันยิ่งเข้าทีดี

ฉันต้องเริ่มเดี๋ยวนี้ และต้องเก็บเป็นความลับด้วย จะให้เด็กๆ รู้ไม่ได้ เพื่อที่ว่าเมื่อเปิดเทอมเด็กๆ จะได้ตื่นเต้น ดีใจกันยกใหญ่

ฉันรีบก้าวลงบันไดไปและเดินไปบ้านอาราน่า

ฉันอยากทราบว่าจะไปซื้อสีขาวได้ที่ไหน และหากเขาไม่ใช้บันได เขาจะให้ฉันยืมสักสาม-สี่วันจะได้ไหม

เขาตอบรับด้วยความเต็มใจ เขาจะให้ฉันยืมบันไดและแปรงทาสี ส่วนในเรื่องของสีนั้น ฉันก็ไม่ต้องเป็นธุระ แต่อย่างใดเพราะสีที่เขาทาจะเหลือพอสมควรทีเดียว เขายินดียกให้ฉันเพราะเขาเอง ก็ทาสีบ้าน เสร็จวันนี้แล้ว

ฉันดีใจมาก แน่ละ ฉันมีความฝันอันบรรเจิดที่จะเนรมิตโรงเรียนใหม่ นักเรียนของฉันจะมีห้องเรียน ที่สวยงาม สำหรับการเริ่มต้นในเทอมใหม่นี้ และพวกเขาจะได้อยากมาเรียนหนังสือมากขึ้น

ฉันกลับมายังเบอิเรเชอาอีกครั้ง หมู่บ้านเล็กๆ ที่พระเจ้าเท่านั้นจะทรงทราบว่าส่งฉันมาทำไม แต่หมู่บ้านนี้ ก็ต้องการฉัน


เขียนโดย ลูเซีย บาเกดาโน่ แปลจากภาษาสเปน โดย รัศมี กฤษณมิษ พิมพ์ครั้งที่ ๒ : ๒๕๔๒
ผลกำไรจะนำไปช่วยเด็กยากจนในชนบท ราคาเล่มละ ๘๐ บาท (รวมค่าส่ง) สั่งซื้อได้ที่
นางรัศมี กฤษณมิษ ๒๐๒๙/๑๗๖ ถ.เจริญกรุง ๗๗ วัดพระยาไกร บางคอแหลม
ปท.วัดพระยาไกร กรุงเทพฯ ๑๐๑๒๐ โทร. ๒๑๖-๙๑๕๐ โทรสาร ๒๑๖-๙๑๕๑

- ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๒๐ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๔๘ -