บันทึกข้างโต๊ะทำงาน - ละไม อโยธยา -

ชีวิตก็เท่านี้ จะเอาอะไรกันนักหนา


เมื่อวานนี้ไปงานศพแม่ผู้อำนวยการวัฒนธรรมจังหวัด มีแขกมากมายตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ส.ส. และหัวหน้า หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งประชาชนทั่วไป เต็มวัดไปหมด ต้องยกเก้าอี้มาเสริม ๒-๓ ครั้ง ฉันเองก็ได้รับเชิญให้ไป ร่วมงานด้วย เพราะรู้จัก กับเจ้าภาพเป็นการส่วนตัวมานานแล้ว

ตอนจะมางาน นัดกับเพื่อนร่วมงานไว้ ๒-๓ คน พอถึงเวลาจริงๆ ต้องไปรถเขตเพราะเอารถตู้ไป ประหยัดดี ฉันก็เลย ได้ร่วมขบวนการด้วย มีรองเขต ๒ ท่าน หัวหน้าฝ่าย ๓ คน ผู้ตรวจ ๑ และฉันกับเพื่อนอีก ๓ คน เต็มรถพอดี

พอเข้าไปในงาน ก็ได้รับการต้อนรับจาก เจ้าภาพเป็นอย่างดี นั่งไปสักพัก หัวหน้าฝ่ายสะกิด "เฮ้ย นั่นเจ้านายแกนี่หว่า เรียกซิ" ... "ไม่เอาหรอก ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้าเรียก จริงๆ จะอยู่กันไหมคะ"... "เออๆ เฉยๆ ไว้ดีแล้ว"

เจ้านายนั่งถัดขึ้นไปสองสามแถว เพราะพยายามมองหาให้คนเรียก แต่ไม่มีใครเรียกเลย ต้องนั่งตรงที่มีครูเกษียณนั่งอยู่ ๒ คน เขาเรียกให้นั่ง

ท่านพยายามมองไปที่คนเข้าออก เพราะนั่งอยู่ใกล้ทางออก เห็นคนรู้จักก็รีบกวักมือเรียก คนนั้นพยักหน้าแล้วเดินเลี่ยงไป ไม่เข้ามา ทักทายด้วยเลย หลายคนเดินมายกมือใหว้ แล้วเดินจากไป

ทำให้เห็นได้ว่า พอหมดอำนาจก็หมดทุกอย่าง คนเคยเข้า มาหาก็จางหาย คนเคยทักทายก็ตีจาก ไม่รู้ว่าตอนเป็นอาจารย์ใหญ่ ระดับ ๙ ทำอะไรไว้บ้าง จึงมีสภาพเช่นนี้ อาจจะมากกว่าที่แสดงฤทธิ์เดชในสำนักงานที่ฉันทำอยู่ ก็เป็นได้

เพราะฉันเห็นครูที่อายุมากๆ แถวบ้าน เดินไปทางไหนมีแต่คนยกมือไหว้และทักทายหลายคนเกษียณแล้วได้เป็นประธาน อบต. เป็น อบต. ก็ดูท่านใจดีและยิ้มแย้มแจ่มใส น่าเข้าใกล้

งานนี้เป็นงานพระราชทานเพลิงศพ มีคนแต่งชุดขาวมารับไฟพระราชทานมากกว่า ที่เห็นในงานไหน ประมาณ ๑๔ คนแน่ะ เจ้าหน้าที่ ของสำนักงานวัฒนธรรมมาช่วยต้อนรับแขกเต็มที่ ดูแล้วกลมเกลียวกันดี

ได้ยินเสียงอ่านสดุดีผู้ตาย สรุปความว่า ตอนท่านมีชีวิตอยู่ได้ทำอะไรให้สังคมบ้าง ลาภยศ สรรเสริญไม่ติดตามใครไปได้ นอกจาก กรรมดีกับกรรมชั่วเท่านั้นที่จะพาท่านไปในที่ต่างๆ

นั่นน่ะซิ แล้ววันนี้เราทำดีหรือยัง



คติวันนี้
สิ่งที่ติดตัวเราไป คือ กรรมดีและกรรมชั่ว
แล้วเราจะเลือกเอาอะไรไป

- ดอกหญ้า อันดับที่ ๑๒๒ พ.ย. - ธ.ค. ๒๕๔๘ -