หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

ชีวิตนี้มีปัญหา ๒ สมณะโพธิรักษ์


(ต่อจากฉบับที่ ๑๔๓)

จาก "ความตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้า" นั้นคือ "ตนเป็นเจ้ากรรม นายเวรของตนเอง" โดยแท้ ใครจะเกิด จะเป็นอะไร ก็เพราะ "กรรมของเจ้าตัวเอง จำแนกให้เป็น" (กัมมัง สัตเต วิภัชชติ) "กรรมเป็นตัว กำหนดให้เกิด" (กัมมโยนิ)
จะเกิดเป็นคนดี-เกิดเป็นคนชั่ว หรือเกิดมาผิวพรรณดีสวย-เกิดมาผิวพรรณทรามขี้เหร่ เกิดมายากจน-เกิดมาร่ำรวย เกิดมาเก่ง-เกิดมาไร้ความสามารถ อย่างไรๆ ก็เพราะ"กรรมวิบาก"ของตนๆนั่นเองเป็นตัวพาเกิด เรียกว่า"กัมมโยนิ" และเพราะเราสะสม"เชื้อวิบากกรรม"ไว้อย่างไร ก็เป็น "พันธุ์" อย่างนั้นแท้ๆ ไม่บิดเบี้ยว สัจจะไม่มีการโกง ไม่ตกหล่น ไม่มีรั่วซึมระเหิดระเหยหนีหายแม้นิดแม้น้อย จะเป็นของเราเต็มๆอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม ที่ทำตั้งแต่เมื่อใดแต่ชาติไหน ยังเป็น"วิบาก" สั่งสมอยู่ทั้งสิ้น "กรรม" หากใครทำแล้ว จะเบาจะแรง จะหยาบ จะละเอียดแค่ไหน ก็จะไม่มีตกหล่น รั่วซึม หรือ ระเหยระเหิด แม้แค่ธุลีละออง เป็นอันขาด กรรมจะสะสม เป็นของตนเต็มๆ ตามสัจจะ

"กรรม"ที่ตนทำลงไปแล้ว ไม่ว่าจะทำในที่แจ้ง หรือในที่ลับ แม้ไม่มีคนอื่นรู้เห็นด้วย อย่างไรๆ ก็ล้วนเป็น "ของตน" ทั้งนั้น ที่สะสมลงเป็น "เชื้อ" เป็น "พันธุ์" ให้แก่เจ้าของ "กรรม" ซึ่งก็คงอยากได้พันธุ์ดีๆ แม้จะเป็น พันธุ์กุศลโลกีย์ ยิ่งเป็นพันธุ์ขั้นโลกุตระก็ยิ่งเยี่ยม ไม่มีใครอยากได้ "เชื้อ" หรือ "พันธุ์" ไม่ดีให้แก่ตนแน่ๆ

"พันธุ์"ที่ว่านี้ จึงเป็นสภาวะลึกซึ้ง เพราะไม่ใช่แค่ "พันธุ์" ที่หมายถึง "กรรมพันธุ์" ทางเลือดเนื้อ ที่เป็น
หน่วยถ่ายพันธุ์ มาจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย (gene) หรือแค่โครโมโซม แค่DNA (deoxyribonucleic acid) อันเป็น เรื่อง "รูปธรรม" ซึ่งวิธีทางวิทยาศาสตร์ ตรวจพิสูจน์ได้

แต่หมายถึง "กรรมพันธุ์" ที่เป็น "นามธรรม" ลึกล้ำละเอียดยิ่งกว่า ซึ่งถ่ายพันธุ์ จากพ่อแม่ไม่ได้ ถ่ายพันธุ์ ได้ด้วย "กรรมของตนเอง" เท่านั้น มีวิธีตรวจพิสูจน์ได้ด้วย "สัมมาญาณ-สัมมาวิมุติ" หรือ "วิชชา ๙" ที่รู้แจ้ง "อัตตา" (ตัวตน) ความสิ้น "สังโยชน์ ๑๐" (กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์)

เพราะผู้มีมรรคผลจะตามรู้ตามเห็นได้ด้วย"ญาณ" ของตน เป็นต้นว่า "อนุปัสสี ๔" หรือ เมื่อปฏิบัติตาม "สัมมาทิฏฐิ" ก็จะเกิด "ปัญญา - ปัญญินทรีย์ - ปัญญาพละ" หรือ รู้ได้ด้วย "ปริญญา ๓" บ้าง ด้วย "มรรค ๘ ผล ๒" บ้าง ที่แน่ๆ ก็คือ เกิด "วิชชา ๙" จริง จึงสามารถตรวจได้ด้วย "เตวิชโช" หรือ ด้วย "เจโตปริยญาณ" และ ด้วยญาณอื่นๆ
[มีต่อฉบับหน้า]

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๔ กรกฎาคม ๒๕๔๕)