>เราคิดอะไร

อยุธยาสิ้นแล้วคนดี ดังฤา - วิมุตตินันทะ

เพียงทันทีที่ได้ยินข่าว ส.ส.และ ส.ว.ขอขึ้นเงินตนเอง รู้สึกว่าท่านเหล่านั้น พากันลดเกียรติภูมิศักด์ศรี ของตนเองลงไปต่ำเตี้ย เหมือนคนด้อยค่าน่าสังเวชเสียยิ่งกระไร ถ้าไม่ต้องเกรงใจ อยากดูถูก ด้วยพรรณนา โวหาร ผ่านคลองแสนแสบ ประมาณนั้น ดีเหมือนกันที่เห็นไส้พุง ของคนขาดแคลนหัวคิด เช่น ส.ส. ส่วนใหญ่ เราจะได้เลิกหวังเสียที กับสภาน้ำเน่า วันๆ จ้องแต่จะเอาเปรียบ เห็นแก่ตัวนั่นนี่ โดยไม่มี ละอายแก่ใจ กับคนยากจนทั้งหลาย ในแผ่นดิน

หากเป็นกรรมกร หาเช้ากินค่ำ ขอขยับค่าแรง ขั้นต่ำอีก ๕ บาท ๑๐ บาท ยังจะน่ารับฟัง ความเดือดเนื้อ ร้อนใจ ของพวกเขาอยู่บ้าง มีตื้นลึกหนาบางอย่างไฉน..ตั้งแต่ฟองสบู่แตก มาหลายปีแล้ว เศรษฐกิจพัง เป็นแถบแทบทุกด้าน คนตกงานเป็นว่าเล่น แทบไม่เห็นมีข่าวพวกไหน ขอขึ้นเงินเดือนเลย จะเชยแหลก ก็พวกแหกคอก ส.ส.นี่แหละ ตัวเองเป็นพวกอยู่ หอคอยงาช้าง แสนจะได้เปรียบ บานทะโล่อยู่แล้ว ยังไม่ยักกะพอใจ เหมือนไม่เคยได้ยิน เศรษฐกิจพอเพียง ผ่านโสตทวารเลยสิท่า หรือคงจะเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา เพราะไม่เข้าถึงใจ อันไร้ศรัทธา ปัญญาสับสนอีกต่างหาก

แน่นอนว่า มาตรฐาน ส.ส.และ ส.ว. ต้องนับเป็นคน พวกผู้นำบ้านเมืองชั้นแนวหน้า พวกท่านทำอะไร ควรเป็นตัวอย่าง สร้างสรร แก่คนรากหญ้า ผู้น้อยทั้งหลาย พึงสำนึกสำเหนียก สำรวมสังวรด้วย

แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อพวกผู้นำ เช่น ส.ส. พาเอาเปรียบนำหน้า เรื่องที่จะฝัน ให้ท่านเสียสละ ออกหน้าพวกเรา เลยชวดฉลูจบเห่ไป สุดท้าย จะมีอะไรดีขึ้นสักเท่าไหร่ จากคนตกรุ่นพรรค์นี้

คำหนึ่งก็ว่า จะมาขอรับใช้พ่อแม่พี่น้อง สองคำก็ว่าจะมาเสียสละ เพื่อสังคม ทุกผู้ทุกคน เสร็จแล้ว เราได้แต่ฟัง เหม็นขี้ฟันเปล่าๆ ๗๐ ปี ประชาธิปไตยแบบไทยๆ เป็นเสียอย่างนี้เอง เมื่อไหร่จะรู้จักคิดใหม่ ทำใหม่บ้าง !

ท่านจึงว่า ประชาธิปไตยที่ยังต้องหาเสียง โฆษณาสรรพคุณตัวเอง เพื่อสร้างภาพลวงตา มหาชนนั้น ยังไม่ใช่ ประชาธิปไตย ตรงไหนเลย ของจริงน่ะเพียงแค่ ประกาศชื่อคนเสนอหน้า แล้วประชาชน ชี้หน้า เลือกได้เองทันที นี่สิผู้แทนตัวจริงเสียงจริง !

เอาเถอะ ไหนๆ เราก็ได้ ส.ส. ส.ว. คุณภาพหลากหลาย อย่างที่พอรู้ๆ กันอยู่ ขณะนี้ ส.ส. และ ส.ว.ได้รับ ๗๗,๐๐๐ บาท จะขอขึ้นอีก ๒๗,๕๐๐ (๒๘%) เป็น ๑๐๔,๕๐๐ บาทโดยไปเทียบกับองค์กรอิสระ ครม. และตุลาการ ล้วนเงินเดือนสูงกว่าทั้งนั้น เมื่อตั้งหน้าจะเอาเงิน เป็นสิ่งวัดค่าตัว ช่างไม่ต่างอะไร กับพ่อค้า แม่ขาย ที่ตั้งท่าโก่งราคาแพง ฟันกำไรเข้าไว้สุดๆ หรือเทียบให้เจ็บหน่อย กลัวว่า จะอีหรอบเดียวกัน กับโสเภณีมืออาชีพ ที่สละร่าง เพื่อเงินลูกเดียว อย่างนั้นรึเปล่า..... แม้นไม่รู้จักคิดใหม่ ทำใหม่ ให้ก้าวหน้ากว่า อาชีพชายหญิงบริการใดๆ ศักดิ์ศรีของพวกท่าน จะอยู่ตรงไหนเอ่ย....

แม้นว่างานการเมือง จะต้องรับผิดชอบสูงเพียงใดก็ตาม ส.ส. ส.ว. ยังรับภาระ น้อยกว่ารัฐมนตรี แล้วจะขอขึ้น ล้ำหน้า ร.ม.ต.ได้อย่างไร ครม.รับงานบริหารทั้งประเทศ โดยมีแค่ ๓๐ คน ส่วนสภามีตั้ง ๕๐๐ แถมยังจะต้องคอยเพิ่ม ตามจำนวนประชากรอีก ตึกรัฐสภา ต้องขยายย้ายอยู่เรื่อย ยุ่งยากมากเรื่อง เปลืองสารพัด สู้จำกัดจำนวน ไม่เกินกว่านี้ น่าจะดีกว่าเยอะเลย หรือถ้า ส.ส. มีคุณภาพ สภาไม่ต้องถึง ๕๐๐ คนก็ยังไหว จริงไหมล่ะ

* เป็น ส.ส.แล้วยากจน คนดีไม่อยากเป็น!!
คนชอบยกเหตุผลให้เห็นใจ ส.ส. ส.ว. ว่าเงินเดือนน้อยนะ ได้แค่ ๗๗,๐๐๐ บาท ร.ม.ต.ยังได้ตั้ง ๙๕,๐๐๐ บาท ยิ่งเทียบรัฐวิสาหกิจ ที่จ่ายฝ่ายบริหารกว่าแสน หรือหลายแสน เงินเดือน ส.ส.กระจอกกว่าเพื่อน เมื่อจะแข่งกันเอา โดยเทียบกับพวกที่ เงินเดือนแพงกว่า มันไม่วันจบหรอก พอ ส.ส.เข้าข้างตัวเอง เทียบชั้นขึ้นไป คนอื่นที่เขาคิดว่า งานเขาหนักกว่า ส.ส. ตั้งเยอะ จึงขอเขยิบเงินเดือนหนี เพิ่มไปอีกขั้นหนึ่ง แบบนี้จะว่าอย่างไรดี เลยไม่ต้องมีใครวุฒิภาวะสูงสักคน เพราะมัวแข่งเลวทราม ตามๆ กันหมด คงยุ่งพิลึกใช่ไหม ..

ยิ่งคนเล็กตัวน้อย จะพลอยร้องขึ้นค่าตัวบ้าง คนใหญ่ผู้โตจะมีหน้าคัดค้านตรงไหนได้ เพราะเอาแต่ขึ้น เงินเดือนตัวเอง พวกเดียว มันย่อมน่าเกลียดตายชัก

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ส. กทม. คนดัง ให้สัมภาษณ์ "....ไม่ใช่ขึ้นเฉพาะเงินเดือน ส.ส. และ ส.ว. ถ้าขึ้นเงินเดือน เพียงหน่วยงานเดียว ย่อมไม่มีใครเห็นด้วย หากดำเนินการ ตามกรอบรัฐธรรมนูญ จะเป็นหลัก ประกันชีวิต ให้ข้าราชการ และป้องกันไม่ให้เกิด การทุจริตด้วย ทุกปีผู้ทุจริต งบประมาณ นับแสนล้านบาท ถ้าเพิ่มเงินเดือนทั้งระบบ เพียงหมื่นล้านบาท แล้วป้องกันทุจริตได้ ถือว่าคุ้มค่าหรือไม่ (ไทยรัฐ ๗ ส.ค. ๔๕)

ฟังเหตุผลศรีธนญชัยดังกล่าวแล้ว น่าเห็นใจในวิสัยทัศน์อันตื้นเขิน เงินแค่หมื่นล้าน คิดหรือจะพอยาไส้ เฉลี่ยข้าราชการ ๕๐๐,๐๐๐ คน เท่ากันหมดได้ไปคนละ ๒ หมื่นต่อปี เท่ากับเดือนละ ๑,๖๖๖ บาท ต่อหัว หรือคิดเปอร์เซ็นต์ ตามเงินเดือน คงได้เพิ่มไม่ถึง ๒% ด้วยซ้ำไป

เรื่องตัวเลข ไม่ทันคิดให้ถูก เชิญคิดใหม่ได้ แต่ที่ฟังไม่ขึ้นเลยคือ เพิ่มเงินเดือนให้สิ จะแก้คนโกงได้ เงินเดือนราชการ เพิ่มกันมาไม่รู้กี่สิบรอบ ตั้งแต่ ๔๕๐ บาท ขึ้นมาจนกว่าห้าพัน คอรัปชั่น เคยลดเมื่อไหร่ ไม่ทราบ...

โดยเฉพาะ คดีฉ้อราษฎร์บังหลวงรายใหญ่ๆ ผู้น้อยไม่มีปัญญาไปโกงเองได้ง่าย มันต้องพวก กินตำแหน่งเงินแพงๆ ทั้งนั้น ถึงจะมีโอกาส งาบเงินก้อนโต ดังเช่นคดีรองผู้ว่า งาบเงินนมเด็ก ข่าวว่า มีผู้ใหญ่พัวพันหลายคน

ดังนั้นทฤษฎีเก่าว่า ถ้าให้เงินเดือนแพง แล้วกันโกงได้ เอาไว้ไปใช้ที่โลกพระจันทร์ ดีกว่ากระมัง

ประเด็นเหตุผลเพื่อหนุนขึ้นเงินเดือน ส.ส. มันไม่ใช่ของยาก ที่จะชักแม่น้ำทั้งห้าร้อย ให้คนเห็นคล้อย และคงไม่ประหลาดอันใด หากอีกาดำ จะช่วยเหลืออีกาดำ ตัวอย่างสำคัญ ซึ่งไม่น่าผ่าน ข้ามไปเฉยๆ ได้แก่ คำสัมภาษณ์ ของนายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานรัฐสภา ความว่า

"ความจริงเมื่อ ๒๗ ปี ที่แล้ว เคยมีความคิดเพิ่มเงินเดือนให้ ส.ส. เป็น ๑๕๐,๐๐๐ บาท แต่มีผู้ไม่เห็นด้วย ขณะนี้ข้าราชการ และส่วนอื่นๆ ได้ขึ้นเงินเดือนกันแล้ว แต่ ส.ส. และ ส.ว. ยังไม่ได้ขึ้นเงินเดือนเลย ทั้งนี้คนไม่เห็นด้วย กันข้อเสนอดังกล่าว เป็นการเอามาตรฐานตัวเอง ไปใช้กับมาตรฐานชาติ ความจริงมี ส.ส. บางคน ที่ยากจนและลำบาก จึงควรให้ ส.ส. เหล่านี้ มีเงินใช้จ่ายบ้าง ถ้าเป็น ส.ส.แล้วลำบาก คนดีคงไม่อยากมาเป็น..." (ไทยรัฐ ๗ ส.ค. ๔๕)

ฟังเสียงอุทัยพูดแล้วไม่แคล้วสะดุดใจ ไฉนท่านถึงใจคอคับแคบนัก กระทั่งฟันธงไปเลยว่า ใครที่คัดค้าน เป็นการเอามาตรฐานตัวเอง ไปใช้กับมาตรฐานชาติ

ประหลาดไปหน่อยรึเปล่า ที่จะเหมาคนค้าน ต้องถือบรรทัดฐานตัวเองเท่านั้น ข้าพเจ้าเข้าใจว่า หลายต่อ หลายคน ส่วนใหญ่ที่ค้าน ต่างประมาณรู้เรารู้เขา มีภูมิที่จะประเมิน เหตุปัจจัยแวดล้อม ตลอดกาลเทศะ ด้วยหัวคิดเต็มสติปัญญา ไม่ทันต้องเจาะลึกซึ้งถึงไหน เอาแค่ตื้นๆ ย่อมเห็นจริง แสนชัดแจ้งอยู่แล้วว่า ด้วยเงินเดือนเท่าที่ให้อยู่ (ส่วนเงินได้นอกในอื่นไม่ต้องไม่รับรู้กะพวกท่าน) คนแย่งชิงเป็น ส.ส. ขนาด เอาเป็นเอาตาย เลือกตั้งทีไร ฆ่าแกงกันตายไม่รู้กี่ศพ สถานการณ์เป็นจริงขนาดนี้ แล้วจะต้องเพิ่มสิ่งจูงใจ ให้คนเหี้ยน กระหือรือ แก่งแย่งตำแหน่ง ส.ส. เป็นทวีคูณอีกทำไม ผู้น้อย ไม่ทราบจริงๆ ทราบแต่เพียงว่า ไม่มีเหตุผล อันชอบธรรมเลยนะครับ

ก็อยากรู้เหมือนกันว่า ส.ส. หน้าไหน เดือดร้อนเงินไม่พอใช้บ้าง เพราะภาษีสังคมมาก หรืออะไรก็แล้วแต่ โปรดยกมือขึ้น คนเดินถนนที่จนเงินกว่าท่าน แต่ไม่จนหัวคิด คงมีปัญญา บอกท่านได้ว่า รีบๆ ลาออกไป วันนี้เลย เมื่อไม่พร้อมที่จะเสียสละ รับใช้ปวงชน ตามราคาคุย ตนเองยังพึ่งตัวเองไม่เป็น ไม่ประสากับ เศรษฐกิจพอเพียง จะทนทู่ซี้ไปไยไฉนเล่า... ไม่รู้มีใครบ้างไหม ชะรอยที่อาจแอบเอาอย่าง นายกทักษิณฯ โดยชอบโปรยเงิน จนถูกมองว่า เป็นมหาเวสสันดร ตามที่นายอุทัยตั้งข้อสังเกต กับท่านนายกฯ เท็จจริง อย่างไร ไม่ปรากฏ แม้จริง เห็นช้างขี้จะไปขี้ตามช้าง คงไม่ได้อีกนั่นแหละ

อนึ่ง จะเห็นได้ว่า การมีนายกฯ รวยล้นฟ้า ใช่ว่าจะสง่างามถึงไหนนัก เพราะคนเอาอย่างท่านแทบไม่ได้เลย เสียดายนัก หากมีนายกฯ จนๆ โดยไม่สร้างภาพ ใครเห็นคงอุ่นใจ ที่มีเพื่อนกล้าจนดีแท้ โดยเฉพาะ ส.ส. คงจะต้องเกรงใจ ผู้นำบ้าง คงไม่กล้าออกมาโวย ขอขึ้นค่าตัวง่ายๆ เพราะขืนขึ้นเงินเดือน ส.ส. ด้วยข้อ จำเป็น ค่าภาษีสังคม ต่อให้เพิ่มอีกเท่าตัว ส.ส.ยิ่งจะโดนรบกวนดึงทึ้ง โดยไม่เข้าท่า หนักกว่าเก่าหรือเปล่า...

เพราะฉะนั้น ปัญหาเดือดร้อนยากจนของ ส.ส. เพราะมีรายจ่ายเกินตัว ตามมาตรฐานชาติ ดังที่ ประธานรัฐสภา ถือบรรทัดฐาน อันนี้คงจะเป็นความจริงอยู่เหมือนกัน ทีนี้ก็อยากเปิดมุมมอง ตามประสา ผู้น้อยว่า มาตรฐานชาติของ ส.ส. นั้นน่ะ มันเป็นทางเลือกเดียว หรือยังมีทางเลือกอื่น ที่เจ๋งเป้งกว่า บ้างไหมเอ่ย

ข้าพเจ้าเชื่อว่า มาตรฐานชาติที่ถือปฏิบัติยืนหยัดกันทุกผู้คนนั้น เป็นผลพวงวิบากกรรม ที่สั่งสม สืบทอดกันมา นอกลู่ทางยังห่างไกลสัมมาทิฐิ ไม่มีวิสัยทัศน์ โดยหลักเศรษฐกิจพอเพียง สิ่งที่เคยทำกัน มาได้เก่าก่อน มาถึงตอนนี้ ใช่ว่าจะพึงทำต่อไปได้สบายๆ มันควรคิดใหม่ทำใหม่ จัดระเบียบชีวิต ตัวเอง เสียใหม่จริงๆ เราคงจะเห็นมาตรฐานชาติของ ส.ส.ในมิติใหม่แน่นอน

อย่าว่าแต่ ๗๗,๐๐๐ บาท ยังไม่พอใช้เลย ต่อให้ลดเหลือ ๑๗,๐๐๐ บาท ข้าพเจ้าเชื่อเหลือ เกินว่า จะมีคนรุ่นใหม่ เลือดใหม่ เสนอตัวเข้ามารับใช้เป็น ส.ส. ชนิดหายห่วงเลยทีเดียวแหละ นายอุทัยกลัวว่า เมื่อปล่อยให้ ส.ส. ยากจนต่อไป อย่างทุกวันนี้ จะไม่มีคนดี อยากเป็น ส.ส.

ผู้น้อยเชื่อมั่นเด็ดขาด อีกเหมือนกันว่า คนดีแท้จริง ในแผ่นดินนี้ คงไม่ยอมให้ประธานรัฐสภา ดูถูก เหมือนตบหน้าฉาดใหญ่ เช่นนั้นแน่ๆ อยากชวนลองนึกวาดฝัน ดูเล่นๆ ก็แล้วกัน ในเมื่อมันไม่มีวัน เป็นจริงไปได้ สักนิดเดียวก็ตาม คือบรรดา ส.ส.ทั้งหมดที่มีปัญหา โปรดลาออกไปได้เลยทุกคน (และหวังว่า คงไม่มีใครเพี้ยน กลับใจมาสมัคร รับเลือกตั้งใหม่) โดยเฉพาะลดเงินเดือน ส.ส. ลงเหลือแค่ ๑๗,๐๐๐ บาท เท่านั้นก็พอ เสร็จแล้วให้เลือกตั้งใหม่ โดยไม่ต้องให้เวลาหาเสียงเลย อยุธยาไม่สิ้นคนดี ..คนดีหน้าใหม่ คงแห่กันมาตรึม รับรองได้ ส.ส. ส.ว.เต็มสภาแน่นอน หากสภายังตีรวนเล่นตัว ยุบสภาบ่อยๆ เลือกบ่อยๆ อะไรๆ คงดีขึ้นเป็นกอง

ดังนั้น มาดแม้นว่า ด้วยเงินเดือน ส.ส.ไม่เกิน ๗๗,๐๐๐ (ตามมาตรฐานชาติสูงสุดขณะนี้ ที่อาจลดลงได้ อีกเยอะเลย ตามมาตรฐานส่วนตัวคนดีเลือดใหม่ๆ) เสร็จแล้ว ไม่มีคนดีไหน อยากเป็น ส.ส. จริงดังเช่น นายอุทัยขู่ไว้ เราจะได้รู้เช่น เห็นชาติว่า อยุธยาสิ้นแล้วคนดี..

วันนั้น จะได้เปลี่ยนชื่อประเทศไทย เป็นขี้ข้าใครไปเลย อีกทั้งไม่ต้องไปถาม ให้เปลืองน้ำลายเปล่าว่า คุณเป็นคนไทยรึเปล่า ?!....

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๖ กันยายน ๒๕๔๕)