คุยนิดคิดหน่อย - บรรณาธิการ -


"ตร.หนักอกบ่อนงานศพ! แฉ ๔ ฝ่ายมีส่วนเกี่ยวข้อง" พาดหัวหน้า ๕ เอกซ์-ไซท์ไทยโพสต์

รองผู้การฯ เมืองตรังหนักอกหนักใจกับปัญหาบ่อนการพนันในงานศพ แม้จะพยายามหาทางกวดขันโดยใช้ทั้งหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์แล้วก็ตาม แต่ยังปราบ ไม่หมด เพราะมีคน ๔ ฝ่ายเข้าไปเกี่ยวข้อง รวมทั้งตำรวจนอกแถวบางนายเอง ระบุบ่อนงานศพ กลายเป็นประเพณีวัฒนธรรมของคนไทยไปแล้ว เพราะมีทั่วถึงทุกภาค

ใครฟังเสียงครวญแล้วน้ำตาเล็ดเพราะเห็นใจตำรวจก็เห็นไปเถิดครับ แต่ผมเอง แสนสลดใจอย่างยิ่ง ที่ตำรวจตรัง ออกอาการยอมพ่ายบ่อนงานศพ เสียแรงมีกำลังพล มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย มีความรู้ประสบการณ์บานตะไท แต่ทำไม สยบยอมคน ๔ ฝ่าย

คน ๔ ฝ่าย ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไหนอื่น ก็เจ้าบ้าน เจ้ามือ ผู้เล่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนไง ซึ่งที่จริงน่าจะเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายละเมิดกฎหมาย กับฝ่ายรักษากฎหมาย ใช่ไหมครับ ที่ว่ามีตำรวจแตกแถวบางคนเป็นเสี้ยนหนามนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาเกินแก้ไข คนในปกครอง กำลังพลในมือยังปกครองไม่ได้แล้วจะริอ่านทำการอะไรได้ครับ นี่เป็นความเห็น ส่วนตัวผม ในฐานะที่เคยเป็น หัวหน้าหน่วยระดับโรงพักมาก่อน

ผมเห็นว่าตำรวจระดับโรงพักนี่แหละคือพระเอกขี่ม้าขาว มีหน่วยเหนือ หน่วยกลาง เป็นพระรอง จะปรับขบวนตำรวจให้เกรียงไกร ประทับใจสุจริตชน ต้องพัฒนากองกำลัง ระดับโรงพัก ให้พรั่งพร้อมทุกด้าน เพราะเป็นหน่วยปฏิบัติการและอยู่ใกล้ชิดชาวบ้าน มิใช่ปล่อยให้เป็นสิงโตขาลีบ ไร้พลังเช่นทุกวันนี้เนื่องจากกำลังพลกำลังเงินและทรัพยากรอื่นๆ ถูกกักไว้หล่อเลี้ยงหน่วยเหนือ จนเกินการ ส่วนตำรวจท้องที่ต้องขัดสนอยู่กันตามยถากรรม มิหนำซ้ำส่วนใหญ่ยังต้องส่งส่วยเลี้ยงดูนายอีกต่างหาก เจ็บปวดไหมล่ะ งานหลวงก็หนักหนา งานสนองตัณหานายก็ทับถม จึงเป็นเหตุให้ตำรวจขาดความมั่นคงในตำแหน่ง ไม่อาจหาญปฏิบัติหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรี"ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์"

ดังกรณีนี้ แค่บ่อนการพนันงานศพยังเป็นปัญหาหนักอกหนักใจ กลัวเกรงอะไรนักหนา หรือ ห่วงใยความเติบใหญ่อยู่รอดของตัวเอง ยิ่งกว่าห่วงหาอาทรสังคม

การพนันเป็นอบายมุข เป็นทางฉิบหาย มีที่ไหนต้องกำจัดให้สิ้น ตัดไฟแต่ต้นลม ปกป้องประชาชน มิให้หลงมั่วมัวเมา ส่วนตัวเองจะได้รับผลกระทบ ในการรักษาหน้าที่ อย่างไรก็ต้องพร้อมยอมพลี ย้ายเป็นย้าย ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งก็ให้รู้ไป ไม่ได้สองขั้นก็ไม่แยแส จะขัดใจใคร ขัดผลประโยชน์ใครก็ช่างใคร ไม่ได้ทำร้ายแผ่นดินก็แล้วกัน

ที่กล้าพูดจาผ่าหมาก เพราะเคยเจอปัญหานี้ด้วยตัวเองมาแล้ว สมัยเป็นหัวหน้าหน่วย ที่อำเภอบ้านค่าย ระยอง อำเภอสรรพยา ชัยนาท บ่อนการพนันงานศพ งานวัดงานโรงเรียน งานประเพณีท้องถิ่น ที่เคยถือเป็นจารีตจนตำรวจไม่กล้าแตะ ต้องยกธงขาว ถอนทัพ ไปประกาศศักดา ที่อำเภออื่น

เป็นผู้รักษากฎหมายแต่ยอมจำนนต่อผู้ละเมิดกฎหมาย จะตากหน้าอยู่ได้กระไร

ปัญหานี้แก้ได้ไม่ยากเลยถ้าอาจหาญและจริงใจ ไม่มีแผลเน่าหนอน เที่ยวกินเงินบ่อน เงินหวย ให้ชาวบ้านคับแค้น ว่าเลือกปฏิบัติ ป้องกันปราบปรามตามหน้าที่ ด้วยความเที่ยงธรรม ได้ทั้งผลงาน ได้ทั้งน้ำใจชาวบ้าน

ความสุจริตสัตย์ซื่อ คือเกราะป้องพ้นผ่านผองภัย ทุกแห่งหนมีประชาชนเป็นเพื่อนตาย
เป็นชาวพุทธ ใช่แต่ตนเองไม่จมปลักอบายมุขเท่านั้น ต้องปกป้องประชาชนให้พ้นอบายมุขด้วย

ถ้าหัวหน้าหน่วยระดับโรงพักสติเฟื่องอย่างผม รองผู้การฯ ก็ไม่ต้องมาปรับทุกข์ให้ขายหน้า

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๕)

    ..

เราคิดอะไร หน้าแรก