หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร


ย้อนยุคแผ่นดินเถื่อน


สระมีน้ำเต็มปริ่ม ไม้ดอกนานาพรรณรอบๆ สระน้ำกำลังออกดอกบานสะพรั่ง แมลงผึ้งผีเสื้อบินว่อน บ้างฟอนเฟ้นดูดน้ำหวาน

บ้านพักหลังใหญ่ทำด้วยไม้ชั้นดีทรงฝรั่ง ระเบียงบ้านที่ห่างจากสระน้ำไม่ถึงสิบเมตร จัดไว้เป็นที่รับรองแขก โต๊ะอาหารชุดใหญ่ตั้งอยู่กลาง คลุมด้วยผ้าสีชมพูปักสีลวดลายสวยงาม อาหารหวานคาว พร้อมผลไม้ จัดวางไว้อย่างดี

ริมสระน้ำมีชายผิวดำจมูกแบนผมหยิกหยองติดศีรษะ นุ่งกางเกงแพรขาสั้นเก่าๆ ตัวเดียว ยืนรวมกลุ่ม กันอยู่ สิบกว่าคน ต่างมีสีหน้าแววตาตื่นตระหนก ตัวสั่นสะท้าน อยู่ท่ามกลาง ชายผิวขาว ผมสีทอง สามสี่คน มีปืนครบมือ ยืนคุมเชิงอยู่

พลันรถม้าเคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้าน ผู้บังคับม้ารีบลงมาเปิดประตูให้เจ้านาย อย่างว่องไว หนุ่มรูปหล่อ ผิวขาวผมสีทอง แต่งตัวภูมิฐาน ก้าวลงมาจากรถ แล้วเอื้อมไปจับมือพยุงสาวตาคม ผมสีทอง เสื้อกระโปรงยาว ถุงมือ หมวก สีขาวทั้งชุดให้ลงมาจากรถม้า เธอคือคู่หมั้นหมาย ที่กำลังจะเป็นเจ้าสาว ในเวลาอันใกล้

อาหารมื้อเที่ยงวันนี้อร่อยถูกใจของสาวสวย เธอแย้มยิ้มพอใจอย่างมีความสุข ที่ได้มาเยือนเรือนหอ รอรัก

หนุ่มเจ้าบ้านจูงมือแฟนสาวมายืนอยู่ที่ชายระเบียงบ้าน ชี้ชมทิวทัศน์อันสวยงาม ในบริเวณรอบๆ บ้าน มองฝูงผีเสื้อ เกาะดอกไม้ที่เริงร่า พลิ้วตามสายลม ในขณะที่กลุ่มคนผิวดำ ผมหยิกหยองนั้น ยังอยู่ใน อาการ ตื่นตระหนก พรั่นพรึง บางคนฉี่ราด บางคนปล่อยอึออกม าโชยกลิ่นเหม็น

เกมสนุกได้เริ่มขึ้น ชายผิวขาวสามคนเตรียมปืนยาวไว้หลายกระบอก หนุ่มเจ้าบ้านตั้งท่า ประทับปืนยาว เล็งไปที่ริมสระน้ำ เตรียมยิงเป้าเคลื่อนที่ ให้สนุกกันอีกสักครั้ง ...เป้าปืนชายผิวดำคนแรก ถูกสั่งให้ กระโดดน้ำ แล้วว่ายข้ามไปอีกฝั่ง

"ปัง" เสียงปืนดังขึ้น เป้าปืนคนนั้นว่ายน้ำหนีสุดชีวิต รอดตายไปจนขึ้นฝั่งได้ แต่ใบหูข้างซ้ายขาดวิ่น เพราะถูก คมกระสุนปืน หนุ่มมือปืนส่ายหัว บ่นพึมพำที่มือไม่แม่น

เป้าปืนผิวดำคนที่สองถูกสั่งให้กระโดดน้ำเขาลนลานว่ายออกไป ด้วยความกลัวตาย สุดขีด

"ปัง" เสียงปืนดังขึ้นอีกนัดหนึ่ง เลือดแดงฉานกระจายเต็มท้ายทอย เขาหยุดเคลื่อนไหวแน่นิ่ง และ จมดิ่งน้ำ อยู่ตรงกลางสระนั้นเอง หนุ่มมือฉมังผู้ลั่นไก หัวเราะก้อง ชูมือไชโย ในความแม่นปืนของตน

ปืนยาวอีกกระบอกในมือสาวสวยตาคมผมทอง เธอยิ้มตั้งท่าเตรียมยิง อย่างมั่นใจ เป้าปืนผิวดำอีกคน ถูกสั่งให้ กระโดดลงน้ำ

"ปัง" สิ้นเสียงปืนเลือดแดงกระจายอยู่เต็มต้นคอ เขาว่ายน้ำช้าลงและจมดิ่ง ลงใต้น้ำสาวผมทอง นัยน์ตาคม วางปืนลง ร้องกรี๊ดกร๊าด ปรบมือด้วยความลิงโลด

บทภาพยนตร์ที่ผู้สร้างได้จำลองเรื่องราวและเหตุการณ์ในสังคม สมัยค้าทาส ซึ่งเป็นการตีค่า ลดศักดิ์ศรี ของคน ไม่ต่างไปจาก พวกสัตว์เลี้ยงหรือวัตถุ ถ่ายทอดให้ผู้คน ในยุคหลังๆ ได้รับรู้ความป่าเถื่อน โหดร้าย ในอดีตว่า เป็นสังคมที่ไร้ศาสนา โดยสิ้นเชิง นายทุนผู้มีอิทธิพล ผู้มีอำนาจเท่านั้น จะยึดความชอบธรรม มีเสรี ไร้ขอบเขต หลงตนว่า เป็นพวกเผ่าพันธุ์ ที่เจริญทันสมัย แสนฉลาด ปราดเปรื่อง แต่แท้ที่จริงนั้น กลับมืดบอด จะมองเห็นเฉพาะ พวกพ้องเผ่าพันธุ์เดียวกัน เท่านั้นว่า เป็นคนเต็มร้อย แล้วพากัน เหยียดหยาม ย่ำยี คนเผ่าพันธุ์อื่นๆ ประหนึ่งว่า ไร้คุณค่า ไร้ประโยชน์ หรือจะก่อเหตุเภทภัยต่างๆ นานา ให้แก่เผ่าพันธุ์ ของตน

เรื่องราว บทภาพยนตร์ ในยุคเก่าผ่านไป ข่าวน่าเศร้าใจในยุคใหม่ก็ตามมา หญิงวัยกลางคนนั่งร้องไห้ ปานจะขาดใจ อยู่ข้างศพ ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ริมถนนประเทศเพื่อนบ้าน ผู้เป็นเจ้าของ บ่อนกาสิโน หลายแห่ง ติดกับชายแดนไทย ชาวบ้านเล่าว่า ชายวัยรุ่น ผู้ตาย มีนิสัยชอบลักเล็ก ขโมยน้อย จึงถูกรุม ประชาทัณฑ์ตาย ต่อหน้าต่อตา เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่ได้ช่วยเหลือ อะไรเลย และข่าวยังรายงานอีกว่า ในปีที่ผ่านมานั้น ชาวบ้านทั้งในเมือง และนอกเมือง ได้ถูกประชาทัณฑ์ด้วยศาลเตี้ย ถึงแก่ความตาย ที่แจ้งไว้ เป็นทางการ มีสูงถึง สี่สิบกว่าราย ซึ่งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ไม่สามารถจับผู้ที่กระทำผิด มาลงโทษได้ แม้สักรายเดียว

เมื่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองผู้มีอำนาจ ไม่อาจยับยั้งกฎหมู่ที่อยู่เหนือกฎหมาย โดยใช้ศาลเตี้ย ตัดสินลงโทษ ประชาทัณฑ์ เข่นฆ่าผู้คน ที่เดินถนน ด้วยสาเหตุเพียงคำพูด ของชาวบ้านไม่กี่คน ที่ประณามคนนั้นคนนี้ว่า "เป็นขโมย" หากเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้คนในสังคม ของบ้านเมืองนั้น เขาจะหันหน้าไปพึ่งใครได้ ความร่มเย็น เป็นสุข และ ความชอบธรรม จะเกิดขึ้น ในสังคมกันได้ อย่างไรกัน

เรื่องเศร้าๆ ของชาวประเทศเพื่อนบ้านผ่านไป แล้ว หันมาสนใจเรื่องราวการฆ่าตัดตอน ในบ้านเรา กันบ้าง

ในช่วงบ่ายหญิงชาวบ้านวัยสามสิบกว่าปีนางหนึ่งกำลังเก็บกวาดใบไม้ในบริเวณบ้านอยู่ รถยนต์กระบะ สีขาว ไม่มีป้ายทะเบียน ปรี่เข้ามาจอดที่ริมประตูรั้วบ้าน ชายสองคน สวมหมวกไหมพรม ลงจากรถ เดินถือปืนสั้น ตรงเข้าหาเธอทันที เธอตระหนก ถึงกับหน้าถอดสี พร้อมพูดละล่ำละลักว่า "มีอะไร คุยกันก่อน" ไม่มีคำตอบ จากผู้มาเยือน ไอ้โม่งคนแรก กระหน่ำยิง เป้าหมาย ตรงหัวใจ"ปัง ปัง" เธอผงะหงาย ล้มลงแน่นิ่ง ไอ้โม่งคนที่สอง กระหน่ำยิงซ้ำ ร่างเปรอะเปื้อน ด้วยเลือดนั้นอีก "ปัง ปัง" แล้วบึ่งรถ ออกไป ชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า แค่ปืนกระบอกเดียว เหยื่อก็สิ้นใจแล้ว แต่ไอ้โม่ง คนที่สอง คงนึกคะนอง มืออยาก จะยิงคนให้สะใจ ชาวบ้านต่างรู้ดีว่า หญิงผู้ที่ตายนั้น ขายยาบ้าจริง แต่ตัวไอ้โม่ง ผู้มาฆ่าตัดตอนนั้น เป็นใคร ชาวบ้านยังสงสัยว่า พวกค้ายาบ้า ด้วยกัน หรือคนมีสีกันแน่ ตามปิดบัญชีดำ

ชาวบ้านทั้งบ้านนอกในกรุง ถูกฆ่าตัดตอนตายไปในช่วงไม่ทันถึงปี ก็ใกล้หลักพัน เข้าไปแล้ว มือปืนที่เป็น ผู้สังหาร คงไม่ต่ำกว่าสอง ถึงสามร้อยคน หากมือปืนอยู่ในกลุ่มของคนที่มีสี สักครึ่ง ซึ่งฆ่าแล้ว ไม่ทิ้ง ร่องรอยไว้ อะไรจะเกิดขึ้นกับสังคม คนดีมีอุดมการณ์ หน้าไหน จะกล้าออกมา เป็นตัวแทน ของประชาชน สังคมในยุค คนยอมไปเป็นทาส (ค่านิยมที่เฟ้อเกิน) กับสังคมในยุคค้าคน เอาไปขาย เป็นทาสนั้น คงไม่แตกต่างกัน แต่ยุคสมัยนี้ ยิ่งน่ากลัวกว่า อีกตั้งหลายเท่า

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๓ เมษายน ๒๕๔๖)