วันนี้ไม่มีพ่ออีกแล้ว


"ปวดถ่าย ๆ ๆ" เสียงพ่อที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ผมผลุนผลันลุกขึ้นจากที่นอน เปิดไฟดูนาฬิกา ข้างฝา บอกเวลาตีสองกว่า ผมยกมุ้งแบบกางครอบออก เอาที่รองถ่ายสอดไปรองรับก้นแล้ว ขยับออกมาเปิดทีวี ดูรายการเห็นภาพนักร้องลูกทุ่ง กำลังร้องเพลง พร้อมพวกหางเครื่อง กำลังเต้นอย่างสนุกสนาน ประหนึ่งว่าในสังคมนี้ไม่มีทุกข์ร้อนอะไรเลย ผมกดไปอีกช่อง ก็เป็นรายการเพลงยามดึก มีออกอากาศอยู่แค่สองสถานีเท่านั้น

ไม่ถึงสามสิบนาทีเสียงพ่อร้องบอก"พอแล้วๆ" ผมเอากระดาษชำระเช็ดทำความสะอาด ด้วยความเคยชิน เพราะเคยทำอยู่ทุกวัน

ผมยังจำได้ดี เมื่อเจ็ดปีก่อน พ่อผมกำลังนั่งกินข้าวอยู่แล้วรู้สึกว่าร่างกายซีกขวาไม่มีแรง เคลื่อนไหวไม่ได้ ผมรีบพาส่ง โรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้าน หมอตรวจแล้วบอกว่า เส้นเลือดในสมองด้านซ้ายแตก ต้องเป็นอัมพาตครึ่งซีก

พ่อต้องนอนรักษาตัวให้อาหารทางสายยางอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึงสามสิบวันแล้ว จึงให้กลับ มานอนพักฟื้น อยู่ที่บ้านได้ พยาบาลแนะวิธีบดอาหาร แล้วใช้หลอดฉีดห้าสิบซีซี มาอัดเข้าทาง สายยาง เพื่อให้ญาติ กลับไปทำให้อาหารเองที่บ้าน

อีกสองเดือนกว่าอาการเริ่มดีขึ้น สายส่งอาหารที่สอดคาไว้ที่รูจมูก หมอถอดออกให้แล้ว พ่อก็ขบเคี้ยว อาหารเองได้ และพ่อยังพอเดินเกาะราวไม้ที่ข้างบ้านออกกำลังได้

สามปีต่อมาขาทั้งสองข้างของพ่อหมดกำลังพ่อเดินไม่ได้ ผมต้องอุ้มขึ้นนั่งบนรถเข็น มือข้างซ้าย เริ่มไม่มีแรง ต้องป้อนอาหารทุกมื้อ

พ่อผมเป็นอัมพาตครึ่งซีกย่างเข้าปีที่เจ็ด ความเครียดคิดกังวลก็เข้ามาซ้ำเติม ผมพาไปหาหมอ ก็ได้ยาบำรุง และยานอนหลับมากิน แต่อาการยังไม่ดีขึ้น กลับแย่ลง พ่อรู้สึกเบื่ออาหาร จะกินข้าวได้มื้อละไม่เกินห้าหกช้อนเท่านั้น

ห้าโมงกว่าผมกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้าน แม่ได้บอกว่า "ไปดูพ่อแกหน่อย แม่เอาที่รองถ่าย สอดค้างไว้ตั้งนาน สงสัย หยุดถ่ายแล้วแหละ" ผมรีบเดินไปที่เตียงเอามุ้งที่ครอบอยู่ออก "ว่าไงพ่อ ถ่ายแล้วเสร็จหรือยังครับ" พ่อผมหลับตานิ่งเฉย ผมเอามือยกขาพ่อ เพื่อจะยกขึ้นดูว่า ถ่ายออกมามากน้อยแค่ไหน แต่รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างนั้นเกร็ง ไม่ยอมงอเลย ผมจึงพลิกให้นอน ตะแคง แล้วดึงที่รองถ่ายออกมา เห็นมีแต่น้ำปัสสาวะอยู่เท่านั้น "พ่อครับ ๆ ๆ" ผมเรียกปลุกพ่อ หลายครั้ง พ่อยังคง นิ่งเงียบเช่นเดิม แขนขาพ่อจะเกร็งอยู่ตลอด อาการแบบนี้ไม่ปกติแล้ว

ผมตามรถนำพ่อส่งโรงพยาบาลด่วน ยืนดูแพทย์เวรเอาเครื่องมือคล้ายกระบอกไฟฉาย มีเดือยยาว งัดปาก และคอของพ่อ แล้วเอาสายยางขนาดนิ้วก้อยยาวคืบกว่าสอดเข้าไปคาค้างไว้ พยาบาลเอา เครื่องช่วยหายใจ ชนิดบีบด้วยมือ มาต่อเข้ากับท่อ ที่มีปลาสเตอร์ติดไว้แน่น พยาบาลอีกคน แทงเข็มให้น้ำเกลือ อย่างรีบด่วน

แพทย์เวรแจ้งญาติของผู้ป่วย "ประวัติผู้ป่วยเมื่อเจ็ดปีก่อน เคยเส้นเลือดฝอยแตกในสมอง ด้านซ้ายมาก่อน ครั้งนี้หมอสงสัยว่า เส้นเลือดฝอยในสมองซีกขวา จะแตกขึ้นอีก จะต้องส่งไป รักษาต่อ ที่โรงพยาบาลจังหวัด"

ไม่ถึงชั่วโมงรถส่งผู้ป่วยมาถึงตึกฉุกเฉินของโรงพยาบาลจังหวัด และนำตัวท่านเข้าห้อง ผู้ป่วยหนักทันที

สามสิบกว่านาทีแพทย์เวรเดินออกจากห้องออกไปผมรีบเข้าไปดู ในห้องนั้นจะแบ่งเป็นสองซีก มีฝากั้นซีกหนึ่ง จะเป็นคนไข้เด็ก อีกซีกจะมีอยู่หกเตียง ซึ่งจะเป็นของผู้ใหญ่ พ่อผมนอนแน่นิ่ง อยู่ที่เตียงสาม ซึ่งมีสายน้ำเกลือ สายออกซิเจน สายเครื่องวัดหัวใจ วัดความดัน ห้อยระโยงระยาง กันอยู่ "คนไข้อาการหนักมาก ก็ให้ทำใจ หมอจะพยายามช่วย จนสุดความสามารถ" พยาบาลที่ยืน อยู่ใกล้ พูดให้รู้เป็นนัยว่า และคงยากที่จะเยียวย าเพราะโรคทางกายก็สาหัส โรคชราก็มาพร้อม อายุของท่าน ก็ย่างเข้า แปดสิบสองเข้าไปแล้ว

เรือนพักญาติอยู่ห่างจากตึกผู้ป่วยหนักราวร้อยกว่าเมตร ผมจึงตัดสินใจนอนเฝ้า ตรงระเบียง ทางเดิน หน้าห้องตรงนั้นเลย

คืนที่สองผมเอาเสื่อปูกางมุ้งแบบตั้งครอบนอนหนุนกระเป๋า หลับไปเพราะความอ่อนเพลีย ตีหนึ่งพ่อผมถูกนำขึ้นเปล ย้ายไปอยู่ที่ตึก อายุรกรรมชาย โดยผมไม่รู้ คงเพราะเตียงของห้อง คนไข้หนักเต็ม จึงต้องนำคนไข้ ที่สิ้นหวังออกไปก่อน

เจ็ดโมงเป็นเวลาที่ญาติจะเข้าไปเยี่ยมได้ ผมรีบเข้าไปที่เตียงสาม ผมเห็นคนไข้ผู้หญิงนอนอยู่แทน พอดีพยาบาลบอก ได้ย้ายผู้ป่วย ไปอยู่ตึกใหม่แล้ว

ผมไปตึกใหม่ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น ผมรับ "จากน้องนะ เมื่อคืนนี้ตอนตีหนึ่ง ฉันรู้สึกว่า ได้ยินเสียงคนเดิน และรู้สึกว่ามีอะไร มาปัดเส้นผมฉัน ส่วนแม่ก็ฝันว่า พ่อได้กลับไปบ้านแล้ว อยากได้หมอน เอาไปให้ใครที่ไหนไม่รู้หนุนนอน" ใจผมหวนคิดไปถึง เรื่องที่เขาเล่ามาว่า มีคนป่วย คนหนึ่ง ใกล้จะหยุดหายใจ ลูกชายเขาจึงถีบจักรยาน ไปตามญาติมาดูใจ ขากลับจักรยานล้ม จนขาถลอก แล้วขี่จักรยานกลับมาถึงประตูรั้วบ้าน คนที่นอนป่วยอยู่ก็พูดว่า "ข้าไปตามอีดวง ตอนขากลับรถล้มเจ็บไปทั้งตัว" ผมยังนึกสงสัยว่า พลังจิตของคนก่อนจะตายนั้น อาจจะมีพลัง ออกมาให้คนในแวดวงที่คุ้นเคย ได้รับรู้กันก็อาจเป็นไปได้

แปดโมงกว่า หมอมาตรวจคนไข้ตึกของผู้ป่วยหนัก พอรู้ว่าคนไข้ย้ายออกไปแล้ว จึงสั่งให้นำพ่อผม กลับไป ที่เตียงเดิมอีกครั้ง

หกโมงเช้าวันต่อมา พยาบาลแจ้งให้ทราบว่า พ่อของผมหยุดหายใจเสียแล้ว ผมโทรศัพท์ แจ้งทางบ้านทันที

ที่ห้องเก็บศพ หลังจากเจ้าหน้าที่ฉีดยาทำความสะอาดแต่งศพเรียบร้อยแล้ว ผมเข้าไปดู เห็นศพพ่อ นอนแน่นิ่ง อยู่ในเตียง น้ำตาผม ไหลพรั่งพรูออกมา ทั้งที่ไม่ใช่คนใจอ่อนไหวง่าย แต่เพราะรู้ดีว่า ผมยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณของท่าน ได้มากพอ มันเป็นสำนึกของลูก ที่มีต่อพ่อ

ผมยังจำได้ที่พระท่านเคยได้เทศน์เอาไว้ว่า เอาพ่อแม่มาแบกไว้ที่บ่าทั้งซ้ายและขวา ให้ท่านถ่าย ปัสสาวะ อุจจาระราด อยู่ตลอดร้อยปี ก็ยังไม่นับได้ว่า ตอบแทนพระคุณที่แท้จริงเลย ลูกๆ พากันปฏิบัติตน อยู่ในคุณงามความดีแล้ว จนพ่อแม่พอใจ หรือ สามารถนำพาพ่อแม่ ที่หลง อบายมุข ให้กลับมาสู่คุณงามความดี มีจิตวิญญาณสูงขึ้นได้นั้นต่างหาก คือการได้ตอบแทน พระคุณพ่อแม่ที่แท้จริง

เจ็ดปีกว่าที่พ่อได้เจ็บป่วยทางกาย เป็นทุกข์ทางใจมาตลอด พ่อคงได้ใช้หนี้กรรม ที่ท่านได้ทำมา ในชาตินี้ และชาติก่อน ให้หมดไปบ้างแล้ว ขอกราบรำลึกคุณความดีของพ่อตลอดไป

- เราคิดอะไร ปีที่ ๑๐ ฉบับที่ ๑๖๒ มกราคม ๒๕๔๗ -