โลกนี้ร้ายกว่าที่คิด
* บรรยายที่ชุมชนราชธานีอโศก ๑ ม.ค. ๔๗


เราจึงถามเขาว่าไปเอาน้ำมันเหลืองมาจากไหน เขาจ้างคน ๑-๒ โรงพยาบาล หรือ ๒-๓ คลินิก จ้างคนคนหนึ่งบินไปมา ระหว่างเมืองไทย และจ้างคนในเมืองไทย ไปซื้อที่ตราด หิ้วขึ้นเครื่องบินไป ซึ่งขายราคาแพงมาก การใช้จะค่อยๆ ทา เสมือนหนึ่ง กลัวจะหมด เพราะมันแพง ธุรกิจอย่างนี้ เรียกว่า ธุรกิจลิง (monkey business) คือซื้อแล้ว หิ้วขึ้นเครื่องบินไป บินไป-บินมา

ผมเกิดที่ตราดแล้วมาโตที่จันทบุรี พอกลับเมืองไทยผมจึงรีบกลับไปที่เมืองตราด ปรากฏว่าเดี๋ยวนี้ มีกว่าสามสิบเจ้า ซึ่งเจ้าที่ขายดีที่สุด ลูกชายของเขา เป็นเพื่อน ร่วมชั้นเรียนมัธยมกับผม ตอนนี้เป็น อัยการ จึงพูดคุยกันเรื่อง การบรรจุขวด คำแนะนำ และสรรพคุณ เป็นภาษาไทยล้วนๆ ไม่มีภาษาอื่น พิมพ์ที่ตราด แปะก็ไม่เรียบร้อย ขวดที่บรรจุก็กลมๆ โบร่ำโบราณ เชยระเบิด ปากขวด ดูไม่เรียบร้อย แต่ปรากฏว่า มูลค่าในแต่ละปี เกือบร้อยล้านบาท ผมได้พูดคุยกับป้าแดงว่า เคยทราบ ไหมว่า น้ำมันเหลืองของป้า ได้ส่งขายในต่างประเทศ ป้าก็ตอบว่าไม่ทราบเรื่องเลย

ดังนั้น ผมคิดว่าถ้าเรานำผลิตภัณฑ์จากพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านในท้องถิ่นของเรา มาทำให้ดี ศึกษาวิจัยตลาด ออกเผยแพร่สิ่งดีๆ ไปต่างประเทศ นำรายได้เข้าประเทศ ผมมิได้มองในแง่ วัตถุนิยมหรือเงิน แต่มองในสิ่งที่ดีๆ ช่วยเหลือคนทั้งโลก เพราะเมื่อ มีอาการไม่สบาย เช่น หายใจไม่ออกทาน้ำมันเหลืองแล้วหายใจออก ปวดท้องทาท้อง ก็หายปวด น้ำมันเหลืองบางประเภท รับประทานได้ ฝรั่งสนใจและในอนาคต อาจทำแข่งกับคนไทย ผมแนะนำว่า การทำอย่าใช้สารเคมี เพราะน้ำมันเหลือง ทำมาจากไพล มะกรูด ผมแนะนำผู้ผลิตให้ซื้อที่ดินปลูกต้นมะกรูด เป็นจำนวน มากๆ เพื่อตากหน้าดิน ฆ่าเชื้อก่อนปลูก และใช้น้ำหมักชีวภาพรด นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง เท่านั้น

เรื่องความลึกลับซับซ้อนของมหาอำนาจที่ตีกันไปทั้งโลก ทุกคนทราบดีว่า เรื่องราว แท้จริง เป็นอย่างไร ว่าต้องการอะไร ทำไมจึงเลือกตี เฉพาะประเทศที่มีน้ำมัน เช่น อิรัก กำลังจะเลือกตี อิหร่าน ซีเรีย เพราะประเทศเหล่านี้มีน้ำมัน กรณีประเทศ ซูดาน คุณมุขสุไลมาน เล่าให้ฟังว่า เดิม ซูดานก็อยู่สงบ แต่พอรู้ว่ามีน้ำมัน มูลค่ามหาศาล เกิดมีกลุ่มคนสร้างอาวุธ ยุกลุ่ม ก ข ง ให้ทะเลาะ เบาะแว้งกัน มันมีกระบวนการ ให้แตกแยกกัน แล้วตัวเองก็เข้าไปจัดการ

บางประเทศอย่างเช่น เกาหลีเหนือสะสมนิวเคลียร์ ประกาศตัวเลยว่าสะสม ซึ่งจอร์จ บุช เคย กล่าวว่า อักษะแห่งความชั่วร้าย มีสามประเทศคือ อิรัก อิหร่าน เกาหลีเหนือ ซึ่งอิรักปฏิเสธ ว่าเขาไม่เคยสะสมอาวุธ มีการตรวจสอบร้อยๆ ครั้งก็ไม่มี แต่อเมริกา ก็ยังไปโจมตีอยู่ดี แต่อิหร่าน นั้นไปผูกสัมพันธ์ กับประเทศทางยุโรป ทำให้อเมริกา เคี้ยวยาก เพราะอิหร่านเคยชนะอเมริกา สมัยโคไมนี่ อิหร่านบุกจับตัวประกัน ของอเมริกาไว้ นับร้อยคน นานเป็นปีๆ อเมริกาส่งหน่วยบินรบ มาถล่ม แต่เครื่องบิน กลับชนกันตายทั้งหมด จนอเมริกาต้องให้เงินใต้โต๊ะจำนวนมหาศาล เพื่อแลกกับ ตัวประกัน อิหร่านจึงปล่อยตัวประกันคืนไป อิหร่านนั้น รู้นิสัยเดิม ของอเมริกาดี จึงเริ่ม ผูกสัมพันธ์ กับยุโรปไว้หลายประเทศ ทำให้อเมริกาเกรงใจ แต่ก็มิวายฮึ่มๆ อยู่

อีกประเทศหนึ่งคือเกาหลีเหนือ เมื่อจอร์ช บุช กล่าวว่าเกาหลีเหนือ เป็นหนึ่งในสาม อักษะ แห่งความชั่วร้าย เขาจึงประกาศ ทันทีเลยว่า ประเทศข้าพเจ้านี่แหละ กำลังสะสมนิวเคลียร์ และตั้งใจ จะยิงญี่ปุ่นกับอเมริกาด้วย เมื่อรัฐมนตรีกลาโหม ได้ยินเช่นนั้น จึงรีบขอเจรจา ซึ่งต่าง จากประเทศอิรัก บอกว่า ไม่มีการสะสมอาวุธใดๆ แต่อเมริกาก็ยังโจมตี

ดังนั้นในโลกนี้มิใช่เรื่องของเหตุผล มิใช่ทำตัวเป็นเด็กดี มิใช่อย่างนั้น ท่านต้อง ทำประเทศของท่าน ให้เข้มแข็ง มีหลักการ มีจุดยืนพอสมควร แต่ซัดดัมนั้น ไม่มีจุดยืน พอเขาบอกว่ามีอาวุธ ก็ไปบอกว่า เชิญมาตรวจเลย ประเทศข้าพเจ้า ไม่มีอาวุธหรอก พอตรวจแล้ว ตรวจอีก ไม่มีอาวุธ จึงถูกอเมริกา ถล่ม โลกของเราเป็นเช่นนี้เอง มิได้มีความสนใจ เรื่องคุณธรรม เรื่องความถูกต้อง อะไรเลย สนใจ แต่เพียงว่า เอ็งอ่อนแอเมื่อใด ข้าเล่นเอ็งเมื่อนั้น

ท่านทักษิณขณะเป็นนายกฯ ใหม่ๆ ประเทศตะวันตกไม่ชอบเลย เพราะก่อนเลือกตั้ง ท่านมีนโยบาย จะแก้ไข กฎหมายขายชาติ กลุ่มไหนๆ ก็หนุนท่านกันใหญ่ แต่เมื่อเป็นนายกฯ แล้วท่านก็ไม่ได้ แก้ไขเรื่องที่กล่าวไว้ พฤติกรรมของท่าน ก่อนเลือกตั้ง กับหลังเลือกตั้ง ผิดกันนะ แรกๆนักข่าว ต่างประเทศโจมตี นายกฯ ยังกล่าวว่า "ฝรั่งมิใช่พ่อ" แต่ในยุคท่านชวน หลีกภัย เมื่อถูกฝรั่งตำหนิ รีบส่งคุณสุรินทร์ ไปเจรจา นอบน้อมและยอมทุกเรื่อง ฝรั่งได้ใจยิ่งข่มขู่ไทยมากขึ้น แต่ในยุคท่าน ทักษิณ ฝรั่งว่าอะไร ท่านก็สวนกลับไป สุดท้ายไม่มีว่าอีกเลย เพราะโดนด่ากลับไป

ท่านทักษิณใช้เทคนิคนี้จาก ดร.มหาเธร์มูฮัมหมัด เบื้องหลังของผู้นำต้องเข้มแข็ง อ่อนแอ ปวกเปียก ไม่ได้เลย ในยุคของมหาเธร์ มูฮัมหมัด ประเทศอังกฤษ ซัดมาเลเซีย อย่างหนัก เพราะท่านไม่ยอม ทำตาม อังกฤษนั้นสามารถสั่งประเทศ ก ข ค และ ง ได้ แต่มาเลเซียไม่ยอม อังกฤษจึงแกล้ง โดยขึ้นค่าเล่าเรียนเด็กต่างชาติ นักเรียนต่างชาติ มีสองกลุ่ม คือ กลุ่มประเทศที่ไม่เคย ตกเป็น เมืองขึ้น และอีกกลุ่มหนึ่ง เคยตกเป็นเมืองขึ้น ของอังกฤษ คือ มาจากออสเตรเลียนิวซีแลนด์ จะได้รับการยกเว้น ค่าเล่าเรียนถูก เหมือนกับชาวอังกฤษ ต่อมาสมัยนางมาร์กาเรต แธตเชอร์ ได้มีการปรับ ค่าเล่าเรียน ไม่ว่าจะเคยหรือไม่เคย ตกอยู่ใต้อาณานิคม ต้องเก็บค่าเล่าเรียนเท่ากัน หมด มาเลเซียได้รับผลกระทบ เพราะมีนักเรียนจำนวนมาก ดร.มหาเธร์ มูฮัมหมัด ออกมาต่อต้าน ว่าท่านเคยมาปกครอง เคยตักตวงทรัพยากรจากมาเลเซีย ไปดูแล ประเทศของท่าน เช่น ไม้ต่างๆ ยางพารา แล้วทำไม จึงมาขึ้นค่าเล่าเรียน ชาวมาเลเซีย ข้าพเจ้าขอต่อต้าน นางมาร์กาเรต แธตเชอร์ จึงได้สั่งการให้สื่อต่างๆ โจมตีมหาเธร์ ท่านมหาเธร์ จึงสั่งงดซื้อสินค้าจากอังกฤษ ต่อมานาง มาร์กาเรต แธตเชอร์ จึงสั่งยกเลิกคำสั่ง เรื่องการขึ้นค่าเล่าเรียน ต้องยอม มาเลเซีย

ซึ่งโดยสรุปนิสัยชาติตะวันตก ถ้าอ่อนแอเขาจะรุกรานเสมอๆ สืบนิสัยมาจาก กรุงโรม-โรมัน ถ้าไปตี เมืองใด ถ้ายอมจะตีราบ และเผาเมืองทิ้งด้วย ถ้าต่อสู้แล้วโอกาสชนะ มีน้อยก็จริง แต่ชนะแล้ว จะให้เกียรติ

มีอีกคราวหนึ่งนายกฯ ออสเตรเลีย ได้กล่าวคำรุนแรงกับ ดร.มหาเธร์ มูฮัมหมัด ท่านจึงสั่งระงับ การซื้อขาย กับออสเตรเลีย ทันทีในวันรุ่งขึ้น ส่งผลกระทบ ต่อผู้ค้าขาย ชาวออสเตรเลีย จึงได้ขอร้องสภา ให้โจมตีนายกฯ ออสเตรเลีย จึงได้มีการขอโทษ ดร.มหาเธร์ ซึ่งนายกฯ ทักษิณ ใช้วิธีนี้เช่นกัน แต่มีหลายอย่างตามฝรั่ง เช่น การส่งทหาร ไปอิรัก ซึ่งผมเองก็ไม่เห็นด้วย รัฐบาล ไม่ได้เปิดเผย กับประชาชน ทั้งหมดว่า มีข้อตกลงอะไรกับอเมริกาไว้แต่ในอดีตรัฐบาล ย้อนกลับ ไปถึง ซีโต้ ถ้ารัฐบาลอธิบายชัดๆ อย่างนี้ก็ตกลงพอส่งไปแล้ว การตายจากการส่งทหาร ไปรบที่อิรัก จะมีกระแสจากมือที่มองไม่เห็น อาจเป็นจากบางสถานทูต พยายามปั้น ให้ผู้เสียชีวิตเป็นวีรบุรุษ ที่ถูกไม่ควรใช้คำว่า วีบุรุษ เพราะการปกป้องมิใช่มาตุภูมิ ของตนเอง แต่ไปปกป้องผลประโยชน์ ของผู้รุกราน อเมริกาตีอิรักเพราะเรื่องน้ำมัน ซึ่งไม่มีเหตุผลอื่นเลย จึงได้มีผู้ต่อต้าน จากชาติต่างๆ

ในโลกนี้มีอะไรหลายๆ อย่าง จากผิดเป็นถูกจากถูกเป็นผิด จากเรื่องที่ควรจะเป็น กลับเป็นเรื่องทื่ ไม่ควรจะเป็น เรื่องที่ไม่ควรจะเป็น กลับเป็นเรื่องที่ควรเป็น

-เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๗ มิถุนายน ๒๕๔๗ -


 

 

บุคลาธิษฐาน (ภาพจากตาเนื้อ)
คนหิ้วนวมติดตัวพะรุงพะรัง

ธรรมาธิษฐาน (ภาพจากตาใน)
วันนี้ยังมีอีกหลายคนที่เดินถือนวมพะรุงพะรังไปทุกหนทุกแห่ง
พร้อมจะแจกนวมใส่หน้าทุกคนที่เจ้าตัวไม่พอใจ
คนเอาแต่ใจ ถ้าไม่ยับยั้งตัวเอง สักวันจะเจอดี บางอย่างที่ทำไปด้วยอารมณ์อาจเสียใจตลอดชีวิต
บางอย่างที่ทำไป ก็อาจทำให้คนรอบข้าง น้ำตาไหล
ความอดกลั้น-อดทน เป็นคุณธรรมของมนุษย์ มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่เห็นด้วย !

* ภาพจากหนังสือพิมพ์ มติชน ๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๖