ลูกไกลพ่อ

วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนนอนตื่นสายหน่อยก็ได้ ผมรู้สึกอย่างนี้

ทุกครั้งเมื่อถึงวันหยุด ตอนเช้ามืดช่างน่านอนเหลือเกิน ไม่อยากจะลุกจากที่นอน ไปไหนเลย

"ไอ้บอนมึงจะนอนเอาบ้านเอาเมืองหรือไง ทำไมไม่ลุกไปนึ่งข้าววะ จะรอให้กูเอาไม้ ไปเคาะกบาลมึงก่อนใช่ไหม"

ถ้อยคำอันร้อนแรงของย่าที่โปรยออกมาแทบทุกเช้าไม่ต่างกับนาฬิกาปลุก

หากเกิดมาเป็นลูกคนรวย มีคนรับใช้คอยลุกขึ้นมานึ่งข้าวให้ ผมคงได้นอนไปถึง เจ็ดแปดโมง นอนให้เต็มอิ่ม กันไปเลย ผมคิดซ้ำซากไม่ต่างจากเช้าวันก่อนๆ"

เมื่อคืนย่าคงนอนแต่หัวค่ำ ไม่ได้ออกไปเล่นพนัน จึงลุกแต่เช้านั่งเคี้ยวหมากที่แคร่ไม้ไผ่ ซึ่งใช้นั่งนอน และจัดวางสำรับกับข้าว

ผมเดินออกประตูหลังห้องครัว ไปที่ห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน ห้องน้ำแบบราคาย่อมเยา มีบ่อเก็บ มีฝาปิดครอบ เจาะรูเอาหัวส้วมตั้งไว้ตรงกลาง เสาไม้สี่ต้นมุงหลังคาหญ้าคา เก่าๆ เก็บลังกระดาษแข็ง มาแนบทำเป็นฝา โอ่งมังกรใหญ่ตั้งไว้ข้างฝา ไว้ใส่น้ำราด ทำความสะอาด ไว้อาบและซักเสื้อผ้า

โอ่งน้ำแห้งขอด ผมเอาสายยางมาจ่อไว้ที่โอ่ง แล้วเดินไปที่บันไดปั่นน้ำขนาดเล็ก ที่ตั้งอยู่เหนือ บ่อบาดาลข้างบ้าน ผมจับไดโยกสี่ห้าครั้งเพื่อให้น้ำไหลขึ้นมา ถึงใบพัดปั่นน้ำในตัวเครื่อง เสียบปลั๊ก ปั่นน้ำขึ้นมาใช้

"มึงนึ่งข้าวเสร็จแล้วมาเอาเงินไปซื้อปลาทูนึ่งมาทอด" ย่าตะโกนมาจากในบ้าน ผมรู้สึก เบื่อตงิดๆ เพราะว่า ปลาทูนึ่ง ปลากระป๋อง ไข่ทอดนั้น กินหมุนเวียนกันไม่เว้นแต่ละวัน ผมนึกถึงลูกคนมีเงิน เขาคงได้กินพวกหมูเห็ดเป็ดไก่วัวควาย หลากหลายอย่าง แสนอร่อย พวกนี้ช่างโชคดีจังเลย

ปลาทูทอด ๔ ตัว แบ่งเอาไว้กินตอนเที่ยง ๒ ตัว อีก ๒ ตัวเป็นอาหารเช้า ของสอง ย่าหลาน ย่ากินข้าวอิ่ม ก็รีบออกไปข้างนอก ย่าคงเข้าบ่อนการพนัน ไม่เล่นไพ่ ก็คงจะเล่นไฮโล หลายครั้งที่ผมเคยตามย่า เข้าไปในบ่อน การพนัน ย่าเลยยื่นเงิน ให้ไล่ออกมาหาซื้อขนมกิน

การบ้านที่ครูให้มา ผมทำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืน จะอ่านหนังสือก็รู้สึกเบื่อๆ ในบ้านทีวี ก็ไม่มีให้ดู ผมจึงคิด ออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน

ผมเดินผ่านกำแพงบ้านประตูเหล็กดัดสีทอง มีลวดลายสวยงาม มองเข้าไป ที่บ้าน หลังใหญ่ เขาคงสร้าง หมดเงินหลายล้าน แต่เจ้าของบ้านอยู่กันแค่ ๒ คน ชาวบ้าน เล่าว่า เจ้าของบ้าน พยายามหายาดีๆ มากินเพื่ออยากได้ลูก แต่หลายปีแล้ว ก็ยังไม่ได้ ลูกสักที หากว่าผมได้เกิด เป็นลูกของเขา คงจะมีความสุข มีของกินของเล่นอย่างเต็มที่

แผงผลไม้ปากซอยจัดไว้เป็นกลุ่มๆ เงาะ ทุเรียน ส้ม น้อยหน่า ดูสีสันสวยงามน่ากิน เด็กหญิงวัยเดียว กับผมมากับพ่อแม่ยืนอยู่หน้าแผงชี้เอาผลไม้ตามใจที่ชอบ ดูช่าง มีความสุข อยู่กันพร้อมหน้าไปไหน ก็มีแต่ความอบอุ่น แต่เราสิพ่อแม่แยกทางกัน แล้วต่างหนี เข้าไปทำงาน ในเมืองกรุง ปล่อยให้อยู่กับย่า เพียงสองคน และย่าก็ติด การพนัน อย่าไปคิดถึงความ อบอุ่นเหมือนกับเขาเลย เพียงคำพูดจาไพเราะ รื่นหู ก็ยังไม่ค่อยจะได้ฟัง

ผมเดินมาถึงบ้านเก่าๆ ริมทางหลังหนึ่ง ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีขวดน้ำพลาสติกลอยลิ่ว มาตกข้างหน้า เสียงสามีภรรยา ทะเลาะกันดังออกมา ดูเหมือนถึงขั้นลงมือตบตี ฝ่ายหญิง ร้องไห้โฮ แต่การถกเถียง ยังดำเนินต่อ ไม่ลดละ ผมจับความได้ว่าสามี ไปเล่นการพนันทั้งคืนจนเงินหมด แล้วยังเอามอเตอร์ไซค์ ไปจำนำเอาเงินไปเล่น การพนันอีกจนหมด ที่สำคัญลูกๆ ก็อยู่ในบ้านรับรู้รับฟังเรื่องราว ทั้งหมดด้วย

พวกเขาคงจะมีความรู้สึกกดดันเจ็บปวดรวดร้าวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พ่อแม่เป็นสุดที่รัก บูชา ของลูกๆ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร กลับทะเลาะกัน ซ้ำร้ายหากถึงขั้นแยกทางกันด้วยแล้ว คงไม่ต่างจากลูกวัว ที่ต้องการน้ำนมของแม่ แต่แม่วัวถูกนำไปฆ่าทั้งที่ลูกวัว ยังเล็มหญ้าไม่เป็น

ความรู้สึกเก่าๆ ที่พ่อแม่ผมทะเลาะกันในบ้านผุดขึ้นมาทันที ช่างเหมือนละครชีวิต ที่เห็นอยู่ตรงหน้า น้ำตาผมไหลพรากออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่ร้อย กี่พัน ครอบครัวที่กำลังจะหลงเข้าไปในกระแสธารแห่งความเลวร้าย เช่นครอบครัวของผม

ผมเดินต่อไปอย่างเศร้าๆ ถึงรั้วโรงเรียนด้านติดกับสนามบาสเกตบอล มีเด็กนักเรียน มาเล่นกันอยู่ หลายคน จักรยานหลายสิบคันจอดเรียงกันนอกรั้ว ความรู้สึก อยากจะขี่ จักรยานเข้ามารุมเร้าทันที ขอยืมขี่เล่นสักหน่อย กว่าพวกนายจะเลิกเล่นก็คงอีกนาน

ผมคว้าจักรยานขี่ออกไป หากพ่อแม่ยังไม่แยกทางกันผมคงได้จักรยานไว้ขี่เล่น สักคันแน่เลย จักรยานเป็นของเล่น ที่วิเศษมากของเด็กวัน ๗-๘ ปีอย่างผม

ผมขี่จักรยานไปรอบตัวอำเภอจากเหนือจดใต้ไป ๑ รอบ แต่ก็ยังสนุกอยู่ ผมคิดในใจว่า ถีบจักรยานต่อ อีกสักรอบดีกว่าค่อยเอาไปส่งที่เดิม เท้าปั่นจักรยานต่อไปเรื่อยๆ

"หยุดนะเจ้าเด็กน้อยขี้ขโมย" นักเรียนชาย ม.ต้นที่ยืนอยู่บนรถยนต์ของตำรวจ ที่ขับมาจอดกั้นทางเอาไว้ ตะโกนขึ้น พร้อมกับเอามือชี้มาที่ผม ตำรวจยกจักรยาน ขึ้นไว้บนรถ และสั่งให้ผมขึ้นรถไปด้วย

ผมถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจในข้อหาขโมยรถจักรยาน ถูกข่มขู่ต่างๆ นานา ไม่นาน ย่าก็มาที่โรงพัก เพื่อตกลงกัน

ย่าดุด่าว่าผมไม่รักดี ผมสงสัยความดีคืออะไร? พ่อแม่ก็ไม่เคยพาทำ ย่าก็เอาแต่เล่น การพนัน ครูสอนเรื่อง การทำดีบ้าง แต่ผมไม่ค่อยจะเข้าใจ เพราะผมเคยเห็นครู ไปเล่นการพนันกับย่า อยู่หลายครั้ง

ผมถูกประณามว่าเป็นเด็กขี้ขโมยทั้งที่ผม ไม่ได้คิดที่จะเป็นขโมยเลย ผมยังบริสุทธิ์ ผมพูดไม่ออก ไม่กล้า มองหน้าใคร ผมไม่ต่างกับลูกแมวขี้เรื้อนตัวน้อยๆ ที่ใครๆ ก็รังเกียจ

พ่อครับแม่ครับ กลับมาช่วยผมด้วย...

-เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๖๙ สิงหาคม ๒๕๔๗ -