สวรรค์อยากจน นรกอยากรวย
- วิมุตตินันทะ -

รวยอะไร หรือจนอะไร ใครๆ ถึงได้กลัวจนกันนัก กระทั่งอยากรวยเป็นบ้าทั้งนั้นเลย ในขณะเดียวกัน มันก็ยังมีคนกลัวรวยอีกต่างหาก ถึงขนาดมีพวกกล้าจนสุดๆ อีกด้วย จนหมดเนื้อหมดตัวยิ่งไม่แน่เท่าไหร่ จะให้จนเหนือชั้นต้องจนถึงขั้นสละหมดตัวตนกิเลสตัณหาไปโน่นเทียว ชาวพุทธเราถึงได้กราบบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนสุดชีวิตนั่นเอง

ตกลงความรวยความจน มันเป็นผลสำเร็จหรือล้มเหลวอย่างไรกันแน่... พวกกล้ารวยกับพวกกล้าจน สายพันธุ์ไหนนะ ที่จัดอันดับควรนับถือเทียบชั้นสูงส่งหรือชั้นต่ำต้อย...

ความจริงอันลึกซึ้งของนัยรวยจน จึงเป็นประเด็นท้าทายวิสัยทัศน์เราท่านทุกคนโดยเฉพาะเคราะห์ดีเหลือเกิน ที่เราได้นายกรัฐมนตรี ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ผู้รวยล้นฟ้า เป็นประวัติการณ์ของนายกฯ เมืองไทย คนไทยจะมีโอกาสใช้เป็นกรณีศึกษา หาบทเรียนให้แก่ตัวเองและสังคมไทยต่อไป และเชื่อว่าคงจะเป็นอุทาหรณ์อันหาค่าบ่มิได้ หรือไม่ใช่บทเรียนราคาถูกๆ อย่างนั้นไหม

"สังคมไทยควรขอบคุณ คุณทักษิณ ที่ทำให้คนไทยรู้ว่า อำนาจเงินได้เข้ามาใช้ช่องว่างทางการเมือง ทางความคิด การศึกษาของผู้คน และใช้อำนาจเผด็จการอย่างไร สังคมได้เรียนรู้จากของจริงและจะได้ทดสอบสังคมว่าจะผ่านบททดสอบนี้ไปได้อย่างไร ทุกวันนี้เดินไปทางไหนก็ได้ยินคนบ่นคุณทักษิณทั้งบ้านทั้งเมือง คุยเรื่องทุจริตคอรัปชั่น เผด็จการ อำนาจนิยมและผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งสภาวการณ์เช่นนี้ สังคมไทยต้องดิ้นรนต่อไป เพื่อหาประชาธิปไตยที่แท้จริง เราต้องขอบคุณคุณทักษิณ ที่ได้ให้บทเรียนนี้กับสังคม
(ไทยโพสต์ ๑๔ ต.ค.๔๗)

ใครอยากรวยเละแบบทักษิณบ้างยกมือขึ้น...ผู้คนคงชูมือกันสลอน แม้ไม่ต้องออกโพลล์ มันคงเดาไม่ผิดหรอก

อย่างไรก็ดี คนไทยอีกไม่น้อย คงจะถอยไปถือสันโดษดีกว่า อย่าว่าแต่รวยแสนล้านเลย แค่ถูกหวยไม่กี่ล้านบาท หลายคนสุดแสนจะเจ็บปวด กลายเป็นทุกขลาภทันตาเห็น บ้างเครียดจัดต้องคิดฆ่าตัวตายไปโน่นเลย สังคมพลอยได้เห็นทุกข์ลึกซึ้งถึงสัจธรรมเล็กๆ ขึ้นมาหน่อยว่า เงินเป็นพิษมหาภัยได้อย่างไร จู่ๆ เกิดรวยล้นหลายล้านขึ้นมา แทนที่จะได้นอนตีพุง อยู่เย็นเป็นสุข กลับต้องหนีซุกหัวเหมือนกลัวถูกจับเป็นโจรปล้นใครมา ถูกหวยกลับซวยเพราะอยู่ร้อนนอนทุกข์เช่นนี้เป็นต้น

เพราะฉะนั้น ชาวบ้านเดินถนนอย่าไปอุตริเพ้อฝันอยากรวยเป็นหมื่นแสนล้านเลย เอาแค่สิบๆ ล้านนี่ ยังเล่นยากชะมัด มันต้องมีบารมีมากพอถึงจะหาญแบกคอนเงินก้อนมหาศาลปานนั้นอยู่ได้ ภาษิตยังว่า มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว ขืนมีเงินทองเป็นกระสอบ มันจะนอนสงบสบายสะดือง่ายๆได้อย่างไร

คนทั่วไป ชอบที่จะวาดฝันคิดเอาตื้นๆ ว่า รวยเงินแล้วจะแสนสุข ยิ่งรวยล้นเท่าไร ยิ่งสุขเหลือหลายเท่านั้น เสร็จแล้วมันเป็นจริงดังว่าสักแค่ไหนเชียว ขณะเดียวกัน มันเกิดผลข้างเคียงซับซ้อนตามมาขนาดไหนบ้าง คนไม่ค่อยเอามาคำนึงถึง ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แม้จะเสี่ยงเสียอะไรนักหนา ยังไงคนมันก็อยากรวยมากเอาไว้ก่อนดีกว่าต้องทนลำบากยากจนสิ้นดี

เอาเถอะ ใครยังอยากจะรวยไม่พอรวยไม่เสร็จต่อไป คงไม่ต้องมาว่ากัน แต่น่าจะลองทบทวนดูปัญหาความอยากรวย มันพาเฮ็งซวยยุ่งตายหะสาหัสประมาณไหนบ้าง

ท่านว่า จะรวยนั้น แย่งตุน ไร้คุณค่า เสริมอัตตา

ครับ กว่าจะรวยเงินล้าน มันยากเย็นปานใด ยิ่งจะเป็นเศรษฐีร้อยพันล้านเพียงชั่วข้ามคืน ยิ่งยากตายชัก นอกจากจะมีช่องทางลัดฉวยโอกาสพิเศษเฉพาะตัวโดยสุจริตทุจริตแค่ไหนไม่รู้ด้วย ถึงจะเก่งกาจไปเก็งกำไรกักตุนยักย้ายถ่ายเทจากพวกไม่รู้ทันตัวเอง ไม่รู้ทันข้อมูลในตลาดหุ้น จนฟาดฟันฉกฉวยรวยลัดเงินก้อนโตสำเร็จ นั่นก็เป็นเชิงฉ้อฉลกลเกมพนันขันต่อจากบ่อนถูกกฎหมายแห่งชาติ อันขึ้นป้ายตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเสียโก้หรู

วิถีคนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น ว่ากันไปในเมื่ออยากรวยลัดเป็นบ้า ทางรวยลัดยอดนิยม ฮิตฮอตของคนหมดท่า ทั้งสองแบบ ก็ยังไม่พอให้คนหวังอะไรได้ มันจึงเกิดดิ้นหมายรวยพิลึกพิเรนทร์ เช่น ขายตัวขายยาบ้าไปเลยนั่นไง

ธรรมดาคนทำมาหากิน ทำไร่ทำนา หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน หรือเป็นจับกัง อาบเหงื่อต่างน้ำ ต่อให้ทำไปทั้งชาติ คงไม่รวยเงินล้านแน่นอน

ดังนั้น ขืนยิ่งยั่วยุเร่งเร้า ค่านิยมแข่งกันรวยบ้าดีเดือดเลือดพล่านเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ โดยเฉพาะหมู่ชาวรากหญ้าทั้งหลาย สังคมมีหวังวุ่นวายทวีคูณอีกบานเบียง เพียงแค่หลงซิ่งแมงกะไซ กับเห่อมือถือ มันพาเดือดร้อนปานใดแล้ว
และแม้ว่า จะหากินบริสุทธิ์ ค่อยเก็บหอมรอมริบไป ต่อให้โชคดีค้าขายถูกช่องดูดกำไรคนซื้อกินใช้มา มันหนีไม่พ้นใส่ความจนให้พวกเขา สูบเอาความรวยเข้ากระเป๋าตัวเอง โดยต้องปกปิดซ่อนเร้นมากน้อย แล้วแต่อัตราขี้โลภส่วนตัวที่ไม่เหมือนกัน ยังไงเสีย ก็ต้องยื้อแย่งแก่งชิง ตามสัญชาตญาณสัตว์ป่าไล่ล่าเหยื่อ ถ้าเป็นสัตว์กินหญ้าคงจะหากินง่าย อยู่กันเป็นหมู่ฝูงดีหน่อย

แล้วทุกวันนี้ การหากินของเราท่าน มันเรียบง่ายเหมือนสัตว์กินพืช หรือยุ่งยากไม่ผิดจากตระกูลกินเนื้อ ทำนองปลาใหญ่กินปลาเล็ก ส่วนใหญ่เข้าค่ายสายพันธุ์แท้ อันไหนล่ะ... ดู ๆ แล้ว คงอดละอาย อดสูใจไม่ได้ ในเมื่อเกิดเป็นคนว่ามีคุณสูงส่งกว่าเดรัจฉานนัก แต่เหตุใด นิสัยแสวงหาเลี้ยงชีพ จึงไม่ห่างไกลจากวิถีสัญชาตญาณของพวกสิงห์เสือสัตว์ป่าเหล่านั้นมันน่าคิดไม่น้อยไหมเอ่ย...สาธุชนผู้เจริญ!

ในตลาดเงินกู้ กินดอกเบี้ยดอกหอยขูดรีดเลือดเนื้อคนจนๆ เราเคยเปรียบเปรยติเตียนว่าเป็นการทำนาบนหลังคน ครั้นหันมาดูธุรกิจทำเงินคล่องๆ ของนายทุนน้อยใหญ่ต่างๆ อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า มันเข้าข่าย ทำนาบนหลังคนอยู่นั่นแหละ มันเวียนวนอยู่ในกลไกดูดซับฟาดฟันเม็ดเงินก้อนกำไรเอาไปจากพวกคนจนส่วนใหญ่นั่นเองจริงๆแล้วก็คือกลโกงเอาเปรียบตามกติกานายทุน ซึ่งผู้บริโภคไม่รู้ทันหรือไม่อาจต่อรองเลือกอะไรได้นักหนา

สรุปแล้วกว่าใครจะรวยล้นนับล้าน แค่คิดก็หนักหัวมึนตึ้บ ครั้นลงมือไปแย่งชิงกอบโกย กลายเป็นคู่ต่อสู้ในสงครามธุรกิจ คบมิตรมีมารยา ผลประโยชน์ขัดแย้งทีเอ็งทีข้า กว่าจะรวยเร็ว ต้องเอาเปรียบหนัก และกักตุน ไม่กล้าแจกจ่ายเจือจาน ขืนกล้าให้เลยไม่มีวันรวย

ครั้นรวยแล้ว จะกินน้อยใช้น้อย ประหยัด ก็ไม่รู้จะไปโกยเงินเขามาทำไมอื้อซ่านัก เมื่อหาเงินรวยง่าย ถึงต้องใช้ผลาญพร่าฟุ้งเฟ้อบำเรอสุขไปให้คุ้ม กระทั่งกินสูบดื่มเสพจนเสียสุขภาพ ด้วยโรคกินเกินของคนมีอันจะกิน
สมัยใหม่ แล้วหลอกกันว่าเป็นกำไรชีวิต

โลกธรรมของคนมีสตางค์ จึงบานเบิก มีลาภ แล้วก็ โลภ ซื้อ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข มามอมเมาตัวเองต่อ เพิ่มพูน ราคะ โทสะ โมหะ ให้กิเลสตัณหามันหนาขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าปุถุชน หรือคนกิเลสหนา

ชีวิตวันๆ แก่ไม่ทันไปหาตาย คิดดูซิ กิเลสไม่คิดลดละตัดทอนเลย กลับสะสมจัดจ้านขึ้นทุกวันเป็นภูเขาเลากา แล้วจะลงเอยตรงไหนดี ในเมื่อสร้างนรกให้ตัวเองทุกวันทุกคืน หากเห็นชัดให้จริง สิ่งน่ากลัวหัวหดเหลือเกิน คงต้องเลือกเองนั่นแหละว่า ถ้าเราไม่เหยียบกิเลสให้มันอยู่ใต้ฝ่าเท้า เราต้องเป็นทาสให้กิเลสมันครอบหัวกดดันจูงจมูกลากเราไปนรกลึกขึ้น ๆ

ด้วยเหตุนี้ เมื่อรวยเงินแล้ว จึงมีโลกธรรมสูง แน่นอนยิ่งต้องกลัวเสื่อมลาภ เสื่อมยศ กลัวนินทา กลัวทุกข์ กลายเป็นชีวิตเปราะบาง เกิดภูมิแพ้ได้ง่าย ยากนักที่คนมั่งมีขึ้นแล้ว จะราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่มีทิฐิ ไม่ถือเนื้อถือตัว ส่วนมากมักจะตรงกันข้าม คือเห็นแก่ตัวจัด หยิ่งยโส ดูไม่จืดเลย

ใครๆ ที่หวังรวยแล้วฝันว่า จะได้กินใช้เสพสุข มันคงได้สุขหลอกๆ ลมๆ แล้งๆ เหมือนเด็กหลงของเล่นได้สนุกสมใจประเดี๋ยวประด๋าว แล้วก็เบื่อเปลี่ยนของเล่นไปเรื่อยๆ ชีวิตคงไร้สาระ เหลือแต่หนี้และกิเลสหนาขึ้นดังกล่าวมาแล้ว

คนไทยมีโอกาสดี ที่ได้เห็นตัวอย่างท่าน นายกฯ ของเรา ผู้เก่งรวยสำเร็จ (และยังรวยไม่เสร็จด้วยกระมัง) มาถึงวันนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่า ท่านทักษิณ ชินวัตร น่ารักมากขึ้นหรือน้อยลง เมื่อเทียบกับก่อนเป็นนายกฯ ในด้านกิเลสราคะ เห็นเปิดอกเองว่าเซ็กส์เสื่อม ซึ่งคงเป็นคุณมากกว่าโทษ สำหรับโทสะ อัตตา หรือขี้โลภกิเลสอื่น ใครจะไปช่วยประเมินผลได้ดีกว่าตัวท่านเอง

ที่เห็นสำคัญอันหนึ่ง คือ นายกฯ มีคดีซุกหุ้น แสดงให้เห็นว่าเมื่อรวยล้นแล้ว บางทีไม่อยากให้คนล่วงรู้มาก อาจจะเป็นด้วยอายเขา หรือเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจที่ซับซ้อน แม้ศาลรัฐธรรมนูญ โดยตุลาการเสียงข้างมากตัดสินแล้วไม่เอาผิด แต่ปรากฏข้อเท็จจริงภายหลัง ต่อมาว่าผู้ใกล้ชิดจำเลย วิ่งเต้นให้ผู้พิพากษาบางคนช่วยอุ้มพร้อมติดสินบนเอื้ออาทร และเบื้องหลังการถ่ายทำยังมีตุลาการเสียงข้างมากท่านหนึ่ง แสดงจุดยืนว่า เมื่อประชาชนเลือก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมพรรคไทยรักไทย ถึง ๑๑ ล้านคน แล้วจะให้ตุลาการไม่กี่คน มาล้มล้างคนที่เขาเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร...

ข้ออ้างข้างต้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นวิสัยทัศน ์ของผู้ก้าวขึ้นมาเป็นถึงตุลาการรัฐธรรมนูญ แม้จะยังเห็นอิสระตามภูมิโดยปราศจากฉันทาคติในอามิสใดๆ ก็ตาม ประชาธิปไตยที่อ้างพวกมากลากไปแค่นี้ นับว่ายังอันตรายและห่างไกลคุณธรรม

ประชาธิปไตยที่ดี ต้องเคารพรับฟังเสียงชนส่วนน้อยด้วย โดยเฉพาะเสียงส่วนน้อยที่เป็นบัณฑิต เป็นสัตบุรุษ ย่อมมีน้ำหนักเหมือนเขาโค ในขณะที่คนส่วนใหญ่ห่างไกลคุณธรรม ถึงจะต้องฟังเสียงพวกเขาด้วยก็เท่าขนโคทั้งหลาย

พุทธภาษิตจึงมีว่า "สภาใดไร้สัตบุรุษ สภานั้นไม่ใช่สภา"

ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระ ที่มีปัญหาศรัธาสั่นคลอน ไม่ทราบว่าเลือกเฟ้นได้สัตบุรุษเข้ามากี่มากน้อย หากเล่นพวกเพื่อคอยไว้ใช้เป็นเครื่องมือแก้ตัวเพราะกลัวเสียผลประโยชน์ต่างๆนานาของผู้ที่มีอำนาจ ก็คงต้องปลงสังเวช

นรกของคนอยากรวย ก็ด้วยกล้าเอาเปรียบ จึงเป็นปัญหาไม่จบสิ้น เป็นหนี้บาปหนี้เวรที่ต้องชดใช้กันไปในวัฏสงสาร โดยขณะที่มีคนอยากกล้าให้ เพราะพึ่งตัวเองได้ จนเหลือกินเกินใช้ จึงกล้าจน ส่วนคนจนไม่เป็นย่อมกลัวจนตายชัก อยากหนีจนสุดขีด ไม่เหมือนคนที่กล้าจนง่าย จนได้สบาย ย่อมไม่กลัวจนอีกเลย คำสอนพ่อท่านจึงชวนให้ศึกษาลึกซึ้งว่า

จะรวยนั้น ยาก ช้า แย่ง ตุนไร้คุณค่า เสริมอัตตา
จะจนนั้น ง่าย เร็ว สละ สะพัด มีคุณค่า ละอัตตา

ความดื้อรั้น กับ ยืนหยัด
ความดื้อรั้น กับ ความยืนหยัด สองอย่างนี้แตกต่างกันมาก การพยายามบังคับให้ผู้อื่นเห็นด้วยกับทรรศนะของตนเป็นความดื้อรั้นอย่างหนึ่ง ส่วน ความยืนหยัด ได้แก่ การที่เรามีแนวคิดเป็นของตนเอง และปฏิบัติจนผู้อื่นเห็นด้วยกับแนวคิดนั้น ด้วยใจสมัครของเขาเอง! (คานธี)

ดื้อดึง กับ ยืนหยัด
"ความยืนหยัด" ในสัจธรรมมีได้มากมายหลายขั้นตอน ทั้งผนวกด้วยมานะ (ไม่ยอม แข่งดีจะเอาชนะ) ทั้งที่บริสุทธิ์ ทั้งที่ผนวกด้วยโมหะ (โง่บ้า) ดังนั้นจึงมีทั้งตัว "ดื้อดึง" แท้ๆกับทั้ง "ยืนหยัด" จริงๆ อยู่แน่ในหมู่คนมากหลายที่จะแสดงออกกับพระศาสนา !!!
(สมณะโพธิรักษ์)

ไม่รู้ ไม่ชี้ : เป็นลักษณะของคนไม่รับผิดชอบ ไม่ขยันศึกษา ไม่สนใจ ไม่เอาภาระ ไม่ขยัน
ไม่รู้แล้วชี้ : เป็นลักษณะของคนชอบอวดดี อวดเก่ง ชอบอวดตัว คนหลงตัว
ไม่รู้แล้วไม่ชี้ : เป็นลักษณะของคนซื่อตรง คนรู้ตัว คนไม่กล้าอวดเก่ง คนไม่อวดรู้ ยอมรับความจริงได้ ไม่กลัวโง่
รู้แล้วไม่ชี้ : เป็นลักษณะของคนเห็นแก่ตัว คนใจดำ คนไม่ช่วยให้ใครเข้าใจ คนตัดรอบ เอาแต่ตัวเองรอด ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไม่ขยายความรู้ออกจากตัวเองกลัวเหนื่อย กลัวตัวเองจะเสียหาย ไม่มีจิตใจโพธิสัตว์ช่วยคน
ชี้แล้วไม่รู้: เป็นลักษณะมองคนขอไปที คนยังไม่รู้จริง คนพูดเรื่อยเปื่อยส่งเดชไร้ความรับผิดชอบ
รู้แล้วชี้ : เป็นลักษณะของบัณฑิต ครูผู้ประเสริฐ ผู้อยากจะบอกให้คนได้เข้าใจ ได้รู้แจ้ง ให้สว่าง มีน้ำใจ มีความขยัน ใจบุญ อยากจะช่วยเหลือคนมากๆ (สมณะโพธิรักษ์)

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ -