ทำมาห่ากิน จึงดิ้นโกง
- วิมุตตินันทะ -


ไม่น่าเชื่อแต่คงต้องเชื่อว่า คนเดี๋ยวนี้ขี้โกงเก่งกว่าเก่าเยอะ แต่ก่อนคนเรายังโง่ คนเลยไม่ค่อย ฉลาดโกงเท่าไหร่ และแล้วทำไม ยิ่งฉลาดมากขึ้น ถึงต้องแถมฉลาดแกมโกงเข้ามาด้วย มันฉลาด แบบไหนกันแน่ หรือฉลาดโง่ๆ ก็มีอีกต่างหาก ถ้าไม่บอกไม่รู้ พอบอกแล้วจะรู้ไหมเนี่ย...

ก็อีกนั่นแหละ แม้รู้ดีรู้ชั่วอยู่เต็มหัวเต็มหู เสร็จแล้วไม่นำพาลงมือทำให้มันจริงขึ้นมาสักที ท่านว่า คงได้แต่รู้โง่ๆ อยู่นั่นเอง คือร้อยรู้ไม่สู้หนึ่งทำ!

ดีไม่ดี เมื่อไม่ยอมทำตามที่อุตส่าห์รู้ลึกรู้ซึ้งมานักหนา เท่ากับว่าเสียชาติเกิดหรือเปล่า บาลีว่า โมฆบุรุษ คือเกิดมาเสียชาติคน เปล่าๆ แปลเท่านี้รู้สึกเบาไม่กระเทือน จะให้เข้าใจหนักๆ หน่อย ต้องถอดรหัสว่า เป็นพวกชิงหมาเกิด ท่านว่าชัดๆ ปานนั้น เช่น อย่างคุณทองแดง ตัวโปรด ถ้ามีโอกาส เกิดเป็นคน แทนใครๆ บ้าง หลายๆ คนอาจจะต้องขายขี้หน้า โทษฐานไปเอาสันดานขี้โกง มาจากไหนไม่รู้ อันนี้น่าคิด ในเมื่อขาดมโนธรรมสำนึกดีโดยสัญชาติคนพันธุ์แท้ แล้วจะไม่แย่กว่าหมา ได้อย่างไร?!

ธรรมดาสัตวโลกทั้งหลาย ต่างมีสัญชาตญาณหาอยู่หากินด้วยตัวเองทั้งนั้น เมื่อหิวก็รู้จักหา อาหารกินพอท้องอิ่ม พวกเดรัจฉาน มันไม่ทุกข์มากเท่าคน เพราะไม่เรื่องมาก ปกติเพียงแค่ได้กินอิ่ม นอนหลับ มันก็อยู่เป็นสุขแล้ว ส่วนคนมักอยู่ไม่สุขอย่างนั้น อยู่ดีไม่ว่าดี วิสัยคนปุถุชน ชอบหาเรื่อง พอกพูนกิเลสหนาขึ้นเรื่อย นึกว่าเป็นกำไรชีวิต คนเลยต้องกวนๆ

คนๆ เวียนวนว่ายตายเกิดเป็นวัฏสงสาร เพราะหลงเสพสุขไม่เสร็จตัวเดียวนั่นเอง ตัณหา สมุทโย ภเว ตัณหานั่นแหละ เป็นต้นเหตุ ตัวแสบสันต์ มีกามตัณหา เป็นต้น

รวมความแล้ว แม้คนจะถือตัวว่าเป็นสัตว์ประเสริฐกว่าเดรัจฉาน แต่กลับหาเรื่องเดือดเนื้อ ร้อนใจสาหัส ได้มากกว่า สัตว์อื่น หลายร้อยพันเท่า เช่น เครียดหนักๆ เข้าถึงขั้นฆ่าตัวตายไปเลย ในขณะที่ เดรัจฉาน มันฆ่าตัวตายไม่เป็น เลยไม่รู้ว่าคนโง่ ขนาดไม่รู้จักรักตัว กลัวตาย ซ้ำกล้าทำลายชีวิต จะนับว่า ตัวเอง สูงกว่าสัตว์ปานนั้นปานนี้ ได้ตรงไหนเอ่ย

อย่างไรก็ดี ใครๆ ย่อมอยากสูงส่งกว่าสัตว์ทั้งนั้นแหละ วิถีเดรัจฉานอันน่าอายต่างๆ เราไม่เอาอย่างด้วย เช่น หมูหมากาไก่ ต่างมีสัญชาตญาณ กินขี้ปี้นอนตามเรื่องของมัน ธรรมชาติสูงต่ำกว่านี้ มีอะไร อีกบ้าง อย่างสัญชาตญาณ รักตัวกลัวภัย ต้องป้องกันตัว หรือหลบหนีเอาตัวรอด ความรู้จักเลี้ยงดู อุ้มชูลูก หรือรู้จักอยู่กันเป็นหมู่ฝูง สำหรับสัตว์โขลง เป็นต้น

และแม้เดรัจฉานจะมีสัญชาตญาณทำร้ายทำลายศัตรู เช่นหมาต้องกัดกันบ้างตามธรรมชาติ ของสัตว์ที่มีเขี้ยวเล็บ อะไรต่างๆ สำหรับคน ไม่มีอาวุธอะไรติดตัวมาด้วยเลย คนจึงไม่ควรกัดกัน อย่างหมา เดี๋ยวจะโดนด่าไปเทียบชั้น เหมือนพวกมันเข้า จะแย่เอาตายชัก คนมีหัวคิด ฉลาดที่จะทำ หรือไม่ทำอย่างสัตว์ประการใดๆ บ้าง ต่างมีโอกาสเรียนรู้ ให้หายโง่ได้ทั้งนั้น (อย่างไรก็ดี คนไทยยุคนี้ มีข้อชี้แนะสำคัญว่าควรเลือก ส.ส.เหมือนส่งหมาไปกัดกันบ้าง ดีกว่าปล่อยให้ต้อนควาย เข้าคอกเดียว เสียหมด)

อนึ่ง ธรรมดาสัตว์จะมียื้อแย่งแก่งชิงเหยื่ออาหารการกินตามวิสัย ตัวไหนมีกำลังมากกว่า ก็ได้อิ่มก่อน ต่อสู้แย่งชิงกันไปตรงๆ ซื่อๆ มะลื่อทื่อ คนที่หากินแบบวิถีสัตว์เช่นนี้ มันย่อมมีอยู่บ้าง อย่างโจรขโมย พวกปล้นจี้ ตีชิงวิ่งราว ด้วยอาวุธมีดปืน บังคับข่มขู่ เป็นภัยสังคม รู้เห็นกันทั่วไป

อีกอนึ่ง อันน่าคิดอย่างสำคัญคือ สัญชาตญาณโกงด้วยชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมลับลมคมในกลไก ซ่อนเร้น แฝงลึกพรรค์นี้ มันไม่มีในสัญชาตญาณสัตว์เดรัจฉานพันธุ์แท้เป็นแน่เทียว จะบอกว่าสัตว์ทำไม่ได้ เพราะมันทำ ไม่เป็นดอก ทั้งไม่มีปัญญา แหลมคมขนาดนั้น มันก็ถูก และดีแล้วด้วย

ทีนี้ในคนพันธุ์แท้ ไม่รู้ไปอุตริรับเอาเชื้อพันธุ์ขี้โกงพิเรนทร์นี้มาจากไหน ในเมื่อธรรมชาติ สัญชาตญาณ สัตว์ ยังไม่มีเป็นพื้นฐาน ให้แจ้งเกิดใดๆ ได้เลย นั่นคือสัญชาตญาณอะไรดีๆ ของสัตวโลก ซึ่งอาศัย ต่อยอดให้ดีขึ้นดีกว่าจนดีที่สุด สมควรจะต้องอุตสาหะ กันไปตามวิสัย คนพันธุ์แท้ ผู้มีหัวคิด อยากสูงส่งดีเลิศประเสริฐศรีกว่าเดรัจฉานช้างม้าวัวควายทั้งหลายแหล่

ลำพังแต่ธรรมชาติอำนาจฝ่ายต่ำที่ติดต่อมาจากสัญชาตญาณสัตว์สามัญ มันยังหนักหนาสาหัส ต้องจัดแจง เต็มแรงอยู่แล้ว

ดังนั้น ยิ่งสันดานขี้โกงอันไม่พึงประสงค์ กระทั่งนอกคอกเดรัจฉานด้วยซ้ำ จึงยิ่งไม่น่าทำนำอย่าง จนแพร่ระบาด นิยมขี้โกง ไปทั่วสังคมโลก ทำอย่างไรถึงจะช่วยกันสกัดตัดตอนนิสัยขี้โกง ให้มันหมดสิ้น ไปจากสังคมคนไทย สายพันธุ์แท้เสียที

แต่ไหนแต่ไรมา สังคมไทยเต็มไปด้วยคนมีน้ำใจ เอื้ออารีต่อกันทั่วชุมชนหมู่เหล่า ขึ้นบ้านไหน เชิญกิน ข้าวน้ำ ได้ตามสบาย ไม่ต้องยื้อแย่ง ผักกล้วยมัน เพราะแบ่งปันกันเหลือเฟือ เหมือนญาติสนิทพี่น้อง ไม่มีปล่อยให้อดอยากปากแห้ง จนมีคำกล่าวว่า หมาเมืองไทย ยังไม่อดตายเลย

มาถึงวันนี้ สังคมไทยยุ่งเหยิงวุ่นวายไปด้วยทุจริตขี้โกงทุกวงการทุกระดับขั้น อนาคตลูกหลานไทย จะอยู่ร่วมชาติ ร่วมแผ่นดินต่อ โดยผาสุกสงบเย็นได้อย่างไรหนอ...

*** ทำมาหากินและหากำไร
ภูมิปัญญาตะวันออก ล้วนบอกสอนนำพาผู้คนรู้จักพึ่งตนเอง ด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ทั้งหญิงชาย ตั้งแต่เด็กจนแก่ ต้องหากิน ด้วยงานเลี้ยงชีพ ทำงานเป็นหนักเอาเบาสู้ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ทุกคน ต้องทำมาหาข้าวมาตำหุงกินเป็นทั้งนั้น งานทำนา จึงเป็นอาชีพหลักสำคัญที่สุดในหมู่บ้าน งานจำเป็น อื่นใดๆ ยังจัดเป็นงานปลีกย่อย พอเสร็จหน้านา ก็จักสาน ทอเสื่อทอผ้า หาอะไรทำกันไปทั้งปี ชีวิตของคนขยัน จึงไม่มีวันตกงาน สังคมไทยอันมีศาสนาและวัฒนธรรมเศรษฐกิจพอเพียง สามารถเลี้ยง เมืองไทย ให้อุดมมาได้ช้านาน ไม่เคยเห็นมีปัญหาผลาญทรัพยากร อย่างขนานใหญ่ ตามกระแสบริโภคนิยม แบบตะวันตก ในระยะห้าสิบปีหลัง ดังที่พาเดือดร้อนไม่เสร็จ ทั้งสาหัส ทับซ้อนยิ่งขึ้น ทุกเมื่อเชื่อวัน

เราคงต้องกล่าวโทษผลพวงลัทธิทุนนิยม ซึ่งพาผู้คนให้หลงใหลใคร่อยากกินสูบดื่มเสพ ตามสังคม บริโภค โดยสุดโต่งไปข้าง กามสุขัลลิกานุโยค เพื่อเสพสุข บ้าบอตอแหล แส่หาเรื่องยั่วย้อมมอมเมา กันไปประสาพวกอยู่ไม่สุข หรืออยู่ดีไม่ว่าดี ประมาณนั้น

ขณะเดียวกัน เราคงต้องกล่าวโทษตัวเองด้วยเหมือนกัน ที่ไม่มีภูมิปัญญาพุทธคุ้มกันเพียงพอ เราดีแต่ ถือศาสนาคิด ศาสนาพูด ไม่ทันลึกซึ้งถึงแก่นพุทธะ อันนำพาศรัทธาชนสู่โลกุตระ คืออยู่เหนือโลก โลกียะต่างๆ อย่างเป็นไทแท้ๆ ไม่ใช่ไทยรักทาส พาจมปลักอบายมุข จนโงหัวไม่ขึ้นทุกหัวระแหง

ยิ่งลัทธิ ธนาธิปไตย รัฐบาลมืออาชีพนักขาย จึงออกนโนบายประชานิยม ต่างๆ สร้างนรกบนดิน ทันตาเห็น ดูเหมือน ท่านเลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน เพราะกำไรนรกใต้ดิน มันสกปรก แต่เงินนรกบนดิน มันสะอาด ถูกกฎหมายดี แม้จะผิดศีลธรรม ร้ายแรงแค่ไหน ถือเสียว่า มันเรื่อง ส่วนตัว ตัวใครตัวมัน ก็แล้วกัน อย่าไปหวังให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบเลย รัฐบาลท่านเพ่งเป้า จะเอา เศรษฐกิจจีดีผี เป็นสำคัญ ยิ่งใหญ่เหนืออื่นใด คงเป็นด้วยอวิชชาบวกมิจฉาทิฐิทำนองนี้ เมื่อรู้ทัน ความจริง ไทยรักทุน ดังว่า คงไม่ต้องถือสาหาความเกลียดชัง โดยไม่รอ ไม่หวัง แต่เราทำ...

ลองหวนย้อนเหลียวหลังแลหน้า เราจะเห็นภูมิปัญญาไทยในการพึ่งตนเอง รู้จักทำมาหากิน ปัจจัยสี่ มีข้าวผ้ายาบ้าน ส่วนใหญ่ทุกคน มีฝีมือเป็นคนเชี่ยวชาญ ทำนาไถหว่านดำ เกี่ยวตำสีฝัด หุงต้ม เสร็จสรรพครบวงจร เมื่อแต่ละคน ต้องทุ่มโถม แรงงาน เวลา หาข้าวหาน้ำทั้งเสื้อผ้ายาบ้าน เหมือนนก ต้องบินกันไปเป็นฝูงหาอาหาร บ้านรังก็สร้างอยู่เองได้ ชีวิตต้อง พึ่งตัวเอง เพื่อหากินหาอยู่ โดยเป็นสุขใจ กับการตั้งหน้าทำงานทำการประจำวันเหล่านี้ วันๆ มันผ่านพ้นหมดแรง ไปอย่างมีสาระ น่าภาคภูมิอิ่มเอม พร้อมทั้งไม่เหลือเวลาให้ฟุ้งซ่าน พาลเครียดอะไรได้มากมาย

ลัทธิแบ่งงานกันทำ ตามก้นฝรั่งจนเลยเถิดเข้ารกเข้าพง แทนที่จะทำงานเพื่อชีวิต กลายเป็นทำ เพื่อเม็ดเงิน เพื่อก้อนกำไร ของนายทุน อะไรๆ เลยเสียศูนย์พังหมด เดิมอยู่เย็นเป็นสุขกับไร่นาธรรมชาติ ในท้องถิ่นหมู่บ้าน กลับต้องมาทิ้งถิ่น รวมศูนย์ การผลิต อยู่ที่โรงงาน กระจุกตัวแออัดในเมืองใหญ่ กระทั่งไม่สะใจ ทิ้งถิ่นไทย ไปทะเลทราย ไปคนละฝั่งฟ้า หาทางขุดทอง อยากรวยเงินเป็นบ้านั่นแหละ เสร็จแล้วมันได้อะไรกลับมานักหนา มันเหลืออะไรในหมู่บ้าน มันเป็นยังไง กับพี่น้อง พ่อแม่ ครอบครัว มันมีอะไรเป็นกำไรชีวิต นอกจากเวรกรรมและบาปกรรม มีกี่คนที่สร้างคุณโกยบุญเสียสละ โดยกล้า ให้พร้อม ลดละกิเลสตัณหาเบาบาง กระทั่งยกระดับชีวิตจิตวิญญาณสูงขึ้นสำเร็จแท้จริง ไม่กี่คำถาม เหล่านี้ พอจะมีคำตอบ ให้ตัวเอง กันอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะถึงเวลาปิดฉากลงโลง ลาจากโลกนี้ ไปชาติหนึ่ง...

ปัญหาสังคมที่แก้ไม่ได้ เพราะการศึกษาพุทธศาสนาผิดพลาดมานานปี โดยเฉพาะการศึกษาสมัยใหม่ ที่ไม่เอาศีลธรรม เป็นแก่นแกน หลงแต่ความรู้ต่อสู้แข่งขันกันเอาเปรียบขูดรีดเพื่อนมนุษย์ สุดท้าย เละเทะ ทุกราชการด้วยราษฎร ฉลาดแกมโกง ยิ่งรวย ยิ่งโกงเก่ง ทับซ้อนหลายชั้นเชิงเหลือเกิน จนชาวบ้าน รากหญ้า ไม่รู้ทันนักกินเมือง ซีอีโอใหญ่น้อยทั้งหลาย...

ดังนั้น เราน่าจะส่งเสริมการศึกษาให้คนเป็นอยู่ด้วยสัมมาทิฐิ ในการคิด พูด ทำงาน และ เลี้ยงชีวิต คือให้เข้าหลัก ทำนองคลองธรรม อาริยมรรคเป็นพื้นฐาน ไม่ปล่อยให้อ้างส่งเดชว่า ฉันทำมาหากิน โดยสุจริต เพียงไม่ผิดกฎหมาย เพราะจับไม่ได้ ไล่ไม่ทันดังที่เป็นอยู่ทุกระดับชั้น

การศึกษาที่พาให้คนช่างคิด ช่างพูด ด้านช่างทำก็เลือกเบาๆ ง่ายๆ เพราะหนีงานหนักสมัครงานสบาย ยิ่งเรียนสูง แล้วหัวสูง ตีนไม่ติดดิน มัวแต่เป็นพวกหอคอยงาช้างเสียหมด จึงไม่ประหลาด ที่ยิ่งเรียน ปริญญา ยิ่งตกงานง่าย ประสิทธิภาพ ที่เคยช่วยพ่อแม่ ทำนาเกี่ยวข้าวเป็น พอเรียนสูงๆ แล้วเหมือน ง่อย ไปหมด ทุกวันนี้มีคนตกงานมากมาย แต่นาข้าว หาคนเกี่ยว ยากเต็มทน ต้องจ้าง แพงชะมัด ร.ร. มหา'ลัย ควรจะปิดภาคเรียนให้เด็กไปช่วยดำนาเกี่ยวข้าวบ้าง ไม่ใช่ดูดาย ปล่อยให้ ชาวนา ว้าเหว่อยู่กลางทุ่ง

ทุกคนต้องกินข้าว อาชีพชาวนาน่าจะคึกคักมากคนขึ้น แทนที่จะถดถอยหงอยเหงา มันจึงน่าคิด สำหรับทุกคน ที่ไม่ได้ทำข้าว ด้วยมือตัวเอง ควรละอายใจบ้างว่าเราเอาเปรียบชาวนา เสร็จแล้ว มีข้ออ้างว่าไปทำงานอื่นต่างๆ มาแลกข้าวกิน แต่งานอื่นๆ ทั้งหมดนั้น มันล้วนเบาสบาย จ่ายแพง กว่าทำนา ใช่หรือเปล่า..คิดให้ดี ทุกคนน่าจะเป็นหนี้บุญ หนี้คุณ ชาวนาที่ทำข้าว เลี้ยงโลก แล้วเราท่าน ทั้งหลายอื่นๆ ได้ทำอะไรเลี้ยงผู้คนเยี่ยงชาวนาบ้าง

ชาวนาทำข้าวเลี้ยงคนให้กำไรคนกินทั้งนั้น แต่คนหากินทั้งหลาย ต่างทำตรงข้ามคือแย่งกัน โกยกำไร จากคนกินคนใช้ ด้วยเล่ห์ เชิงธุรกิจ กำไรที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ให้คนรู้ทัน มันแสดงว่ามีอะไรน่าอาย และทำเหมือนเชือดเฉือนศัตรู ดังที่รู้กันว่า เป็นสงคราม สนามรบการค้า คนกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจ แล้วยกย่องว่าเป็นนักธุรกิจดีเด่น คงเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ใช่เลย

การทำมาหากินของผู้คนนับวันยิ่งขาดแคลนน้ำใจเมตตาเอื้ออารี ไม่ใช่วิถีธุรกิจที่มิตรพึงทำกับมิตร แต่เป็นเช่นศัตรู ทำกับศัตรู ทำมาหากิน โดยโกยกำไรส่วนเกินอันไม่ควรได้เป็นลาภมิควรได้ เป็นทุกขลาภ ที่ต้องเป็นหนี้เพราะคนถูกดูดไม่อยากจ่าย ไม่เต็มใจ เสียแต่จำนน จึงนับเป็นส่วน ของขโมย คืออทินนาทาน คิดลึกๆ แล้วมันน่าตกใจ หากใครคิดจะรวยล้น จะหนีพ้น การเป็นหนี้คน ได้อย่างไร...

ท่านว่า การทำงานฟรี ทำให้เราไม่เป็นลูกหนี้ แต่ได้เป็นเจ้าหนี้

คงต้องคิดกันให้หนัก ทุกครั้ง ที่หาเงิน ดูดกำไรส่วนเกิน จากใครๆ มันเป็นกำไร ค่าแรงสดๆ แบ่งให้ ตัวเองกินใช้บ้าง หรือว่าเรากินแรงเขา อย่างน่าอดสูใจ

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๗๔ มกราคม ๒๕๔๘ -