ชีวิตนี้มีปัญหา ๒ - สมณะโพธิรักษ์ -


 

นี่คือ การพิสูจน์กันอย่างชัดๆโต้งๆว่า "แบ่งบุญหรือแบ่งกุศลกรรม"ให้คนอื่นไม่ได้ ด้วยวิธีใดๆ

อาตมาก็พิสูจน์ให้เห็นกันอยู่แล้วจะจะขณะนี้ว่า ถ้าคนยังเป็นๆ ยังไม่ตายจากกันนี่แหละ ยังอยู่ด้วยกัน เห็นกันอยู่หลัดๆ จับต้องเนื้อตัวกันได้แท้ๆ ก็ยังไม่สามารถ"แบ่งบุญ"ออกไปจากตน ให้แก่คนอีกคนหนึ่ง ที่ยังเป็นๆ ด้วยกันได้เลย เพราะไม่สามารถจะหยิบยื่นเอา"บุญ"จากตรงไหน ออกแบ่งให้อย่างไร ด้วยวิธีใด

จะใช้มีดถากเอา ผ่าเอา เฉือนเอา หรือจะเอาน้ำยาเคมีละลายเอา เอาไฟลนเอา เผาเอา มันก็ไม่ได้ทั้งสิ้น จะแบ่ง"บุญ"ที่เป็นของคนผู้หนึ่ง"ทำ" ออกไปให้คนอีกผู้หนึ่งที่ไม่ได้"ทำ" จะตัดแบ่ง"บุญ" ออกไปให้อย่างไร? ถ้ายิ่งบอกว่า "บุญและบาป" เป็นเรื่องของนามธรรม ก็ยิ่งเป็นนามธรรมนี่แหละยิ่งแบ่งกันไม่ได้ใหญ่ เพราะ "การกระทำ" หรือ "กรรม" มันเสร็จในตัวที่ผู้ทำ"กรรม" นั้นแล้วจบ ก็บันทึกลงเป็นนามธรรมของผู้นั้น อย่างสมบูรณ์ทันที ใคร "ทำ" เป็นบาปหรือบุญ ก็ตาม สัจจะของกรรมนั้นๆ...พอ"ทำ" (กรรม) เสร็จปุ๊บ จบลงไป ก็บันทึกเป็น"วิบาก" (ผล)ปั๊บ เป็นของผู้นั้น "เท่านั้น" ทันที ไม่เป็นของผู้ใดไหนเลย ไม่ออกไปไหน มาไหนอีกแล้ว อยู่เป็นสมบัติใน"วิบาก" ของผู้ทำนั้น แล้วให้คุณให้โทษ แก่ผู้ทำเอง ตามความจริงที่มีจริง และวิบากที่มีแล้ว ก็จะสังเคราะห์กับ "กรรมใหม่" ของตนอยู่เสมอ ไปตามธรรมชาติเท่านั้น จะออกไป เป็นของใคร ด้วยอำนาจพระเจ้า หรือด้วยอำนาจใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น

นั่นคือ สมบัติของตนแท้ๆที่เป็นนามธรรมอันแยกไม่ได้แบ่งไม่ได้แล้ว (กัมมัสสกะ) และเป็นมรดกที่ตนเอง ต้องเป็นทายาท แต่ผู้เดียวเท่านั้น (กัมมทายาท) แบ่งให้คนนั้นคนนี้เป็นทายาทไม่ได้ ตนต้องเป็นทายาท รับมรดกของตน แต่ผู้เดียว ก็"กรรม"ตน"ทำ" ผู้เดียวแท้ๆ

[มีต่อฉบับหน้า]



*** ผู้ที่มี "การรับเอา" แต่ไม่มี "การให้" นั่นคือผู้ขาดทุน
เพราะเป็นผู้ทำจิตของตนให้เอียงไปสู่โลภะ
ส่วนผู้ที่มีแต่ "การให้" โดยมี "การรับเอา" น้อยได้เท่าใดๆ
กลับยิ่งได้ากำไรมากเท่านั้นๆ
เพราะเป็นผู้ทำจิตของตนให้หมดโลภะ
และเอียงเทเข้าสู่ความหมด ความจบ หรือสุญญตา

๏ โศลกธรรม
- สมณะโพธิรักษ์ (๑๗ มี.ค.๑๗) -

-เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๐ กรกฎาคม ๒๕๔๘ -