จะบ้าบอคอควายไปถึงไหน...
- วิมุตตินันทะ -


วันๆ มีแต่ข่าวอัปมงคลรกหูรกตาแทบไม่ว่างเว้น ใครรับรู้ข่าวสารนรกแตกพวกนี้แล้ว มันอดเครียดไม่ไหว จนขาดทุน ชีวิตเปล่าๆ จะลองตัดโลกข่าวสาร ไม่ต้องอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ต้องดูทีวีสักพัก ใจคอคงสงบสุข ดีขึ้น ทันตาเห็น

คนที่เสพติดข่าวสารแล้วพาลเครียด น่าจะลองวิธีสมถะหนีโลกอย่างง่ายๆ ดูบ้าง ทั้งนี้เพื่อสุขภาพจิต เป็นสำคัญ ก่อนอื่น เราจำเป็นต้องรู้ประมาณตัวเอง จะไปแบกโลกเอาไว้ทั้งหมด คงประสาทกินตายแน่

นอกเสียจากโลกส่วนตัวที่ต้องแบกหามจัดระเบียบชีวิต คือ เมื่อต้องอยู่ร่วมโลกเบี้ยวๆใบเดียวกันนี้ เราต้องใช้ทั้ง เจโตสมถะ เช่น อดทนข่มฝืนหรือถอยห่างว่างเว้นบ้าง ขณะเดียวกันใช้ปัญญาวิปัสสนา แยกแยะวิจัย ให้รู้เท่าทันกุศล-อกุศล อันใดควรทำไม่ควรทำ ไม่หลงใหลตามกระแสปุถุชนโลกียวิสัย แต่อยู่เหนือโลกให้ได้ ตามอัธยาศัย โลกุตระอาริยชน

การเรียนรู้โลกวิทูให้เกิดพหูสูตก่อปัญญาเฉียบคม ท่านหมายถึงยถาภูตญาณทัสนะ คือประจักษ์แจ้ง ความจริง ตามความเป็นจริง อาจจะเปรียบเหมือนกระจกเงา รับภาพสะท้อนให้เห็น ทั้งสิ่งน่าเกลียด แลน่าชม โดยตัวกระจกเอง ก็ยังผ่องใส ไม่เลอะเทอะ ไปตามเรื่องทุเรศ อเนจอนาถใจ

ยิ่งเรียนไปไยเป็นควาย!

ข่าวรับน้องใหม่ ทำพิลึกทะลึ่งบ้องโจ๋งครึ่ม หลายคนเห็นแล้วรู้สึกช็อกไม่เบา ชีวิตมหา'ลัยหลงเมากับ เกมกาม หรือไม่ก็ เกมโหดๆ หลุดโลก รสนิยมสูงระดับปัญญาชนใต้สะดือ สนุกสนานกับเกมบ้าบวม เถื่อนและถ่อย อะไรเทือกนั้น

พิธีรับน้องใหม่ แทนที่จะสร้างสรรวัฒนธรรมน้ำใจรุ่นพี่ยินดีรับขวัญเอื้ออาทรน้องหน้าใหม่ มันกลับเป็น ซ้อมน้องใหม่ ได้โอกาส กดขี่ข่มเหง แสดงอำนาจบาตรใหญ่ หรือฉวยโอกาสลวนลาม เบียดเบียนทางเพศ และขยายพันธุ์ เชื้อสายทุนนิยม คือผู้แข็งแรง เอาเปรียบผู้อ่อนแอ ให้ติดนิสัยสันดานชั่วร้าย ในสายเลือด สัตว์เศรษฐกิจยิ่งขึ้น

การรับน้องใหม่โดยเฉพาะที่แอบทำภายในกลุ่มต้องปิดบังซ่อนเร้น ออกเป็นเชิงวิตถารทารุณ นอกวิสัย สุภาพชน จึงมักเกิดปัญหา เป็นข่าวร้ายตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีบีบคั้นทางจิตใจ จนกระทั่งฆ่าตัวตาย หรือเกิดอุบัติเหตุ เพราะเล่นแผลงๆ เช่นเกมเชียร์ลีดเดอร์ โดยพวกเล่นจับโยนตัวลอย แล้วคอยรับอุ้ม ตอนตกลงมา เกิดหล่นพลาดท่า หัวปักพื้นตายบ้าง ก้านสมองหักตายทั้งเป็น อย่างรายล่าสุดที่ ม.บูรพา ศพแล้วศพเล่า เขายังไม่ยอมเข็ด เมื่อไม่เห็นทุกข์ ก็ประมาท ดักดานอยู่อย่างนั้น เมื่อไหร่จะหายโง่ สักทีนะ...

มันน่าอนาถกับวิสัยทัศน์มหา'ลัยมหาหลอก เสียดายที่ตั้งตัวเป็นสถาบันภูมิปัญญาสูงส่ง จนเป็นธุรกิจ มืออาชีพ แต่กลับขาดแคลน ภูมิปัญญาวิถีพุทธพื้นฐาน แม้แค่อบายมุข ทุกมหา'ลัย พากันแข่งเอาดีเด่น เรื่องกีฬา โดยไม่รู้เท่าทัน เสียเลยว่า มันเป็นตัวกาลีอักโข ขนาดไหน เท่าไรบ้าง

กีฬา รู้กันอยู่ว่าเป็นการละเล่น ของเล่นๆ จะเอามาเป็นสาระ กระทั่งหากินหาอยู่เอาเป็นเอาตาย อะไรจะ ขนาดนั้น เรื่องเล่นๆ หลอกๆ มันเหมาะจะใช้หลอกเด็กอมมือ ซึ่งยังทำงานอะไรไม่เป็นเท่านั้นเอง เช่นเดียวกับ ของเด็กเล่น พอโตเป็นช้างแล้ว ใครยังจะเล่นตุ๊กตา เหมือนเด็กห้าขวบอยู่อีก คงหนีไม่พ้น พวกปัญญาอ่อนนิ่ม ประมาณนั้น

เรื่องของกีฬา ทุกวันนี้ยกระดับขึ้นมาเป็นงานยิ่งใหญ่ ทั้งที่ไร้สาระสำหรับคนมีวุฒิภาวะ แต่กลับยึดถือว่า มีสาระสำคัญ เหลือเกิน จนหลงเมามันกันไปทั้งโลก เหมือนพูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว นักกีฬาเล่นเก่งๆ กลายเป็น ดารา ค่าตัวแพงกว่านักร้อง นักแสดงอาชีพ เต้นกินรำกิน เสียอีก

วงการศึกษาไทยก็พลอยบ้าไปตามกระแสโลกนิยม โดยไม่ยอมมีหัวคิดภูมิปัญญาไทเสียบ้างเลยว่า กีฬา มันเป็น คุณค่ากับชีวิต ตรงไหนนักหนา ถ้าไม่ใช่เด็กวัยไร้เดียงสา ทั้งคนเล่น ก็เสียสุขภาพ ช้ำในเพราะ ออกกำลัง เกินธรรมชาติ ที่ต้องเร่งสุดขีด เพื่อเอาชนะ ยิ่งผ่านสื่อทั่วโลก มันเกิดอัตถประโยชน์อะไร ในการดูการละเล่น ซึ่งเป็นอบายมุข แท้ๆ จะบอกว่าสนุก ก็สนุกลมๆ แล้งๆ เสียแรงเปลืองเวลา ผลาญพร่า ทรัพยากร ทิ้งเปล่า คิดดูเถอะ ตั้งแต่สองพันกว่าปีก่อน การดูกีฬา ยังไม่หลงใหล เหมือนเดี๋ยวนี้ มีสื่อทุก บ้านช่อง พระพุทธเจ้า ยังทรงห้ามไว้แล้ว ยิ่งทุกวันนี้บ้าระห่ำ กันไปทั่วโลก ข้อห้ามยิ่งทันสมัย ขนาดไหน...

อันที่จริงแค่รู้จักคิดสักหน่อย ก็น่าจะเห็นชัดว่า คนเก่งเพียงเตะลูกหนังกลมๆ หรือหวดลูกกอล์ฟ ลูกเทนนิส เก่งกาจ ฟาดเงินรวยล้น ยังไง มันก็เป็นฝีมือฝีตีนเก่งเล่นๆ ของเอ็งเท่านั้นแหละ ไม่เห็นจะเป็นประโยชน์ชีวิต กับมนุษยชาติ ตรงไหนเลย ในการหลงบ้าบอคอแตก เป็นบาปเป็นเวร ดาราเก่งเล่นๆ พวกนั้น เขาเอา ข้าว ผ้า ยา บ้าน ที่ไหนมากินใช้ ใครทำให้ ไฉนเลยจะสู้ คนกวาดขี้หมาได้ ยิ่งเทียบกับชาวนา ดารากีฬาไม่มีค่า เท่าขี้ฝุ่นเท้าด้วยซ้ำไป...

จึงน่าถามถึงผู้นำการศึกษาว่า ไยขาดแคลนสัมมาทิฐิ จนดูเหมือนช่างไร้วิสัยทัศน์เสียเหลือเกิน ไฉนจึง มองข้าม ภูมิปัญญา ไตรสิกขาของ พระบรมศาสดา นักการศึกษาผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลก!?

ในรั้วมหา'ลัย เหตุใดไม่มีการนำพาให้คนหลุดพ้นจากเวรภัยห้าประการ เป็นนัยสำคัญลึกซึ้ง คือ จะถือ ศาสนาไหน ก็ต้องปลอดภัย จากการฆ่า ขโมย ผิดเพศ พูดเท็จ และหลงเมา

เดี๋ยวนี้เบญจศีลเบญจธรรม อยู่นอกสูตรการศึกษาไทยแล้วกระมังสิท่า...

มหา'ลัยดีแต่ขายความรู้เป็นธุรกิจ พาคนรู้มากเก่งเอาเปรียบคนทั้งหลาย บัณฑิตที่เก่งก่อนดี มีความรู้ ไม่คู่คุณธรรม เขาจะช่วยสังคม ได้ตรงไหน ยิ่งเรียนยิ่งหัวสูงด้วยโลภะโทสะโมหะ เมื่อใจไม่สูงขึ้น ประโยชน์อันใด กับการศึกษาไทย...!?

แทนที่มหา'ลัยจะเป็นแดนผู้นำพาให้คนเจริญอิสรภาพ สันติภาพ และภราดรภาพ กลับปล่อยให้เกิด เผด็จการ ศักดินา แบ่งชั้นวรรณะ จัดระเบียบน้องใหม่ในขณะที่คนแก่วัดมีอภิสิทธิ์ นักศึกษากลายเป็น ขาดอิสระ ที่จะสำนึกดี คิดใหม่ ทำใหม่ เราจึงเห็นพิธีซ้อมน้องใหม่ โดยรุ่นน้องถูกลากจูง ให้ทำลามก จกเปรต ไม่ต่างอะไรกับควาย โดนจูงจมูก อนิจจา อนาคต การศึกษาไทย มหา'ลัย-มหาหลอก เราคงได้ยิน ข่าวเศร้าสลด แล้วๆ เล่าๆ ไม่เสร็จสิ้นดีต่อไป

เมื่อเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหยาบช้าสามานย์ในรั้วมหา'ลัย น่าจะเรียกร้องให้คณะกรรมการ คุ้มครอง สิทธิมนุษยชน ไปล้วงลูก ดูแลปัญหาการเบียดเบียนบ้าๆ บอๆ พวกนี้บ้างอีกแรงหนึ่ง จะดีไหม

ไทยรักทุนไปไม่ถึงดวงดาว

อีกหนึ่งข่าวใหญ่ของคนดังที่ไม่ยอมให้โดนจูงจมูกในคุกอันห้ามคิดใหม่ทำใหม่ตามวิจารณญาณของตนเอง ซึ่งไม่ใช่ทาส คนที่สร้างสีสัน ไม่ให้การเมืองอยู่นิ่งๆ เน่าๆ ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือนักเลงโบราณ เสนาะ เทียนทอง ผู้ยกระดับตัวเอง เป็นวีรชน คนกล้า วันเวลาคงพิสูจน์ว่า ผู้นี้จะมีความกล้าหาญ ทางจริยธรรม ต่อไปได้กี่น้ำ

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เป็นที่กล่าวขานยกย่องประมาณว่าดีที่สุดในโลก เช่น สามารถสร้างให้รัฐบาล แข็งแกร่ง เกิดพรรคแข็งแรง เสร็จแล้วไม่ทันกี่ปีกลายเป็นช่องของเผด็จการรวบอำนาจผูกขาด ตัดตอน ไปหมด องค์กรอิสระ ที่วาดฝันว่า จะมีฤทธิ์เดช ถ่วงดุลอำนาจ ปรากฏว่าเหลว

บทเรียนเหล่านี้ ชี้ให้เห็นสัจธรรมว่าลำพังแก้ปัญหาที่ตัวระบบโครงสร้างแค่นั้น ขณะเดียวกัน แก้คน สร้างคน ให้ดีขึ้น เป็นพันธุ์แท้ ไม่สำเร็จ มัวแก้แต่ระบบ เราจึงเวียนอยู่ในวังวนการเมืองน้ำเน่า ไม่เข้าใจ คิดใหม่ทำใหม่ อะไรๆ ให้มันดี ยิ่งกว่าเก่า สักที ต่อให้มีอำนาจทุนมหาศาล จัดการอะไรๆ ได้ดังใจก็ตามที

มาถึงวันนี้ พรรคใหญ่โตที่เกิดขึ้น ด้วยความสามารถเชิงการตลาด กว้านซื้อหรือดูดเสือสิงห์กระทิงแรด ทุกยี่ห้อยี้ มาอยู่ ในคอกหมด โดยวาดฝันจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ เพื่อหวังโอกาสการเมืองนิ่งๆ จะได้ลุยนโยบาย ประชานิยม ฉลุยโลด

เมื่อความจริงมันไม่ง่ายดังเพ้อฝัน คนอยู่เป็นฝูงๆ โดยคุณภาพดังที่เห็น แน่นอนย่อมหลากหลาย ขยายเป็น มุ้งเล็ก มุ้งใหญ่ เป็นธรรมดา จะให้คิดใหม่ทำใหม่เหมือนผู้นำคนเดียว มันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไม่ถูกทำนอง คลองธรรม มันต้องมี พวกแตกแถว การใช้มติพรรคบังคับข่มขืน จึงห่างไกลประชาธิปไตย ถ้าเข้าใจเพียงพอ สมาชิกใช่ทาสใคร ในคอกไหน เขาย่อมกล้าหาญ ที่จะแสดงมติของตนเอง แม้เป็นเพียงเสียงข้างน้อย อันต้องแพ้เสียงส่วนใหญ่ มันก็เป็นเรื่อง ที่ดีมาเลย

เพราะเสียงข้างน้อยซึ่งเคารพสิทธิ์กันนั้นอาจพลิกฝันกลายเป็นเสียงส่วนใหญ่ขึ้นมาแทนในสถานการณ์ ข้างหน้า ข้อนี้ ย่อมเป็นไปได้ นี่คือดุลถ่วงของประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้การเมืองนิ่ง เพราะตั้งมั่น ในคุณธรรม หรือธรรมาธิปไตย ด้วยเหตุ การเปิดโอกาส ให้ทุกคนฉลาด คิดได้หลากหลาย มันทำให้เกิด แลกเปลี่ยนสังเคราะห์ ก่อเกิดทางเลือก ที่ดีกว่า และดีที่สุด ขึ้นมาได้ตามธรรมชาติ ตรงกันข้ามกับเผด็จการ ตัดตอนสิทธิ์หัวคิดคน ให้เป็นกบในกะลาครอบ ก็ฉลาดน้อยเอง ต่างหาก

ดังนั้น การก่อขบถของผู้นำกลุ่มวังน้ำเย็นจึงเป็นเรื่องชื่นชมกันทั่วไป ในการปลดแอกออกจากคุก ขังคอก ความคิด ของคนมีหัวคิดอิสระ มโนธรรมสำนึกของตนเอง ประชาธิปไตยแบบไทยๆ น่าจะก้าวขึ้นมา อีกขั้นหนึ่ง อย่างสำคัญ แล้วกระมัง ดังเช่น หมอประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กรุณาจี้จุดโรค ขาดศักดิ์ศรี ความเป็นคน ตรงเผงเต็มๆ ว่า

"จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะให้คนทั้งประเทศสยบยอมให้คนเดียว สั่งซ้ายหันขวาหัน มันไม่ผิดธรรมชาติ ของมนุษย์ มากเกินไปหรือ คนไม่ใช่ควาย ที่จะบอกว่า เอ็งต้องทำงานไปเรื่อยๆ อย่าหือ ข้าจะหาหญ้า ให้เอ็งกินเอง!!!."
(ไทยโพสต์)

โดยสรุป ปัญหาสังคมแก้ไม่ได้ เพราะการศึกษาพุทธศาสนาผิดพลาด เฉพาะอย่างยิ่งอุดมศึกษา มหา'ลัย ไม่คัดเลือก อุดมบุคคล ที่มีศีลธรรมเพียงพอ จะเข้าเบ้าหลอม ยิ่งหลักสูตรไม่ยอมมีวิชาศาสนธรรมเป็นมวล น้ำหนักน้ำเนื้อ อีกต่างหาก มหา'ลัย จึงไม่วายผุดเกิดแก๊งกุ๊ย กลุ่มมาเฟียแพร่เชื้อร้ายสันดานดิบ ดังเช่นข่าว รับน้องซ้อมน้องใหม่ อุจาด หน้าด้านๆ ไร้ยางอาย หรือไม่ก็โหดสะใจ ได้ข่มเหงย่ำยีศักดิ์ศรีคน ให้จำนน ยอมสยบใต้อำนาจ กิเลสตัณหา มันไม่แปลกดอก ที่ใครๆ จะมีกิเลสตามธรรมชาติ แต่ประหลาด ถ้าคน ฉลาดแล้วไม่คิด ลดละกิเลส ตัณหาเสียเลย

ผู้มีปัญญาพึงรักษาศีล เพราะศีลมีอวิปฏิสารเป็นอานิสงส์ ฉะนั้นเมื่อใดเกิดเดือดเนื้อร้อนใจ นั่นเป็นเพราะ เรา ไม่ฉลาดถือศีล ให้เป็นกุศล จนเกิดผลตัดกิเลส ราคะโทสะต่างๆ

การศึกษาในมหา'ลัย ทุกวันนี้ ตามปรัชญาทุนนิยม จึงดีแต่พาคนจมปลักดักดานฐานปุถุชนคนหนา ด้วยโลภะ โทสะ โมหะ สาหัสขึ้นตลอดไป โดยเฉพาะพาคนเป็นเหยื่อของ บริโภคนิยม หรูหรานิยม รวมทั้ง เป็นทาส อำนาจนิยม ของผู้มีอำนาจ ทุนใหญ่นายโต น่าเสียดายมหา'ลัย เป็นทาสตะวันตกนิยม โดยไม่รู้ เดียงสา เสียเลยว่า การศึกษา แบบทุนนิยม มันแสนจะห่างไกล อาริยสัจ และอาริยมรรค อันเป็น สัมมาสิกขา ยิ่งใหญ่ ของมนุษยชาติ ทุกคนต้องมี การศึกษา ตลอดชีวิต มหา'ลัยชีวิตวิถีพุทธ จึงนำพา สร้างคน ให้เป็นคน บุญนิยมพันธุ์แท้ จะได้ไม่ต้องบ้าๆ บอๆ ไหลไป ตามกระแส เหมือนวัวควาย ไร้หัวคิด อย่างน่าสังเวช

ศาสนาบุญนิยม สามารถนำพาชีวิตจิตวิญญาณให้สูงขึ้นตามลำดับ เพื่อเป็นคนอาริยชนพร้อมมีสมรรถนะ และ สัปปุริสธรรม ตามฐานะ ทางเลือกใหม่นี้จะเป็นคำตอบให้แก่การศึกษาไทยที่พาคนล้มเลวอยู่เท่าใด...

-เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๐ กรกฎาคม ๒๕๔๘ -