- ฟอด เทพสุรินทร์ -


บาป(อยู่)ที่คนทำ กรรม(อยู่)ที่คนกิน

จดหมายของลูกพ่อได้รับแล้ว พ่อดีใจที่ลูกบอกว่าเรียนจบแล้ว ลูกจะเรียนต่อในสาขาวิชามนุษยศาสตร์ งานที่เหมาะกับวิชา ที่เรียนมา คือเป็นสจ๊วต ในสายการบิน และไปเป็นไก๊ด์นำเที่ยว เรื่องงานนั้นค่อยมาคิดทำทีหลัง ตอนนี้พยายาม เรียนให้จบ เอาไว้ก่อน เพราะว่างานที่ลูกจะไปทำนั้น มีทั้งงาน ที่ดีมีบุญ และงาน ไม่ค่อยจะดี และมีส่วน ไปทำบาปด้วย งานสจ๊วตนั้นก็ดี แต่คงจะเป็นหนึ่งในหมื่น ที่จะมีโอกาสเข้าไปทำได้ ส่วนงานไปเป็นไก๊ด์นำเที่ยวนั้น พ่อว่าไม่ค่อยจะดี เพราะว่าเป็นงานจร ไม่แน่นอน ต้องใช้ความสามารถมาก ต้องเก่งหลายภาษาถึงจะไปรอด

การเลือกงานทำยึดเป็นอาชีพนั้นมีมากหลายลู่ทาง เช่น เข้าทำงานในกลุ่มราชการรัฐวิสาหกิจ กลุ่มเจ้าของกิจการนายทุน กลุ่มพ่อค้า คนกลาง และกลุ่มเกษตร ชาวนาชาวสวน ทำประมงเลี้ยงสัตว์ หากลูกฉลาด ลูกก็จะสามารถเลือกอาชีพ ในกลุ่มใด ก็ได้ ที่ห่างไกลงานที่จะไปร่วม ก่อกรรมทำบาป สั่งสมโลภ และอำมหิตใส่ตนเองทุกวัน

ส่วนใหญ่เมื่อมุ่งไปปักหลักยึดอาชีพอะไรจนชำนาญแล้ว ก็ยากที่จะไปเริ่มต้นอาชีพอื่น ดังนั้นหากยึดอาชีพที่ดี มีสาระ มีประโยชน ก็ดีไป แต่ถ้าถลำ ไปยึดอาชีพ ที่ออกมาทางร้าย ทำลายสังคม ก็ยากที่จะถอนตัวได้

ไก่พื้นเมือง ๒๐ กว่าตัวที่ซื้อมาจากชาวบ้าน ถูกจับออกมาทีละตัว แล้วรวบปีกสองข้างมาด้านหลังและใช้เท้าเหยียบเอาไว้ มือซ้ายกำคอไก่ไว้แน่น มือขวา ถอนขน ตรงใต้คอ แล้วใช้มีดคมวับ ปาดคอจนเลือดแดง พุ่งออกมา ลงกะละมังรองเลือด ไก่ดิ้นกระตุก จนเลือดหมดตัว จึงแน่นิ่งไป พ่อค้ารายนี้ ฆ่าไก่ทุกวัน วันละ ๒๐-๓๐ ตัว ยึดอาชีพนี้มา ๒๐ ปี มีฐานะ ปานกลาง ตลอดมา นี้ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่ง

สุนัขสิบกว่าตัวที่พ่อค้าได้เอาถัง กะละมังพลาสติกไปแลกมา ถูกลากลงจากรถมาขังในกรงหลังร้านขายเนื้อสุนัข เจ้าของร้าน เอาไม้ติดบ่วง คล้องคอสุนัขตัวหนึ่ง ออกจากกรง อีกคนเอาไม้หน้าสาม ยาวพอเหมาะ กระหน่ำตีหัว สองสามครั้ง จนมัน แน่นิ่ง แล้วโยนเข้ากองไฟ พอหนังเกรียม ก็เอาออกมาล้าง ทำความสะอาด แล้วชำแหละขายต่อไป

ครั้งหนึ่งรายการทีวีมาถ่ายทำสารคดีและได้ถามเพชฌฆาตว่า ไม่สงสารพวกมันหรือ เขายิ้มแหยๆ แล้วตอบว่าก็ทำเพื่อความ อยู่รอด หาเงินมาใช้ในครอบครัว คิดเสียว่า ยังดีกว่าฆ่าวัวควาย นี้ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่ง เขาฆ่าสุนัขมาแทบทุกวัน ตลอด สิบกว่าปี

วันหนึ่งพ่อไปงานเลี้ยงแต่งงาน บังเอิญนั่งร่วมโต๊ะกับเพชฌฆาตและคุยเรื่องฆ่าวัวควาย ตอนหนึ่งเพื่อนร่วมโต๊ะ ถาม เพชฌฆาต ว่า "ไม่สงสารมันบ้างหรือ" เขาเผยว่า วัวควายตัวไหนมันดื้อ ขัดขืน เอาเข้าหลักประหารยาก ก็อยากจะรีบฆ่า ให้สะใจ แต่ถ้าตัวไหน เดินเข้าหลักประหารง่ายๆ และมีน้ำตา ไหลพราก ก็รู้สึก สงสารมันอยู่ แต่จะทำไงได้ ต้องฆ่า ตามหน้าที่ เพื่อปากท้อง

ขั้นตอนฆ่าคือ จูงเข้าหลักประหารแล้วเอามีดแหลมแทงตรงท้ายทอยตัดเส้นประสาทให้มันหมดความรู้สึกก่อน พอล้มลง ก็แทง ตรงใต้คอ แล้วพลิก ให้มันนอนหงาย ขาชี้ฟ้า ชำแหละหนัง ปูพื้นไว้ ผ่าเอาเครื่องในออกมา แล้วชำแหละเนื้อ ทั้งตัว วัวควายตัวหนึ่ง ผมจะใช้เวลาฆ่า พร้อมชำแหละ ชั่วโมงเดียว

"คืนหนึ่งผมจะรับฆ่าอยู่ประจำไม่ต่ำกว่า ๕ ตัว แต่หากมีงานศพงานแต่งงานหรืองานบุญประเพณียอดฆ่าก็จะเพิ่มขึ้น ตามคำสั่งซื้อ ผมเคยฆ่าวัวควาย ในช่วงที่ มีงานแต่งงาน ในหมู่บ้านหลายคู่ สูงสุดคืนหนึ่ง ฆ่า ๑๑ ตัว เริ่มลงมือตั้งแต่ หกโมงเย็น ไปจนถึงหกโมงเช้า โดยไม่ได้พักเลย"

การทำงานในโรงฆ่าสัตว์เป็นอีกอาชีพที่ต้องฆ่าทุกวัน(ยกเว้นวันพระ)เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัวให้อยู่ดีกินดี

เพื่อนที่เรียนจบป. ๔ รุ่นเดียวกับพ่อมีไม่กี่คนที่ได้เรียนต่อจนจบออกมาทำงานราชการมีเงินเดือน ส่วนมากจะยึดอาชีพ ทำนา ทำสวนกัน

พ่ออายุได้ ๒๖ ปีก็โชคดีได้บรรจุเป็นลูกจ้างประจำในโรงพยาบาลวันหยุดก็ทำนาทำสวนพอมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวและ เก็บออม ส่งให้ลูกเรียน พ่อแม่ขยันทำงาน ไม่ค่อยมีวันว่าง จนเคยชิน เป็นนิสัย พ่อเคยฟังพระเทศน์และประทับใจ ตลอดมา ว่า "คนที่ขยัน จะไม่มีวันตกงาน และไม่อับจน ยิ่งคนที่มีศีลธรรม ประจำใจด้วยแล้ว คนนั้นก็จะยิ่งมีคุณค่า ต่อครอบครัว และสังคม"

พ่อเคยอ่านหนังสือของท่านฟูกูโอกะ ที่ทำนาแบบไม่ต้องไถเพียงแค่หว่านเมล็ดพืชแล้วใช้ฟางคลุมดิน พ่อทึ่งตอนที่ มีเจ้าของ บริษัท รถยนต์ ได้มาเยี่ยม โครงการของท่าน แล้วพูดว่า "ที่ดินเนื้อที่ขนาดนี้ผมเอาไปสร้างอู่ต่อรถยนต์ จะทำเงินเป็นพันๆ ล้านเลย" ท่านฟูกูโอกะยิ้ม ไม่โต้ตอบอะไร พาเจ้าของบริษัท เดินมาถึง แปลงปลูกแตงกวา ซึ่งกำลังออกผลโตๆ แล้วท่าน ก็เก็บแตงลูกหนึ่ง ส่งให้เจ้าของรถยนต์ และถามว่า "แตงของผม กับรถยนต์ของคุณ อย่างไหน อร่อยกว่ากัน"

ต่างคนต่างมีความเห็นกันคนละมุม คนหนึ่งตั้งค่าของคนไว้ที่การมีลาภยศ จึงจะคุ้มค่าที่เกิดมาเป็นคน

แต่อีกคนหนึ่งเห็นว่าค่าของคนอยู่ที่การดำรงชีวิตอยู่กับความจริงว่าต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง หาอยู่หากินโดยธรรมชาติ ชีวิต บริสุทธิ์ ไร้สารพิษ และมุ่งกระทำ ความดี พัฒนาจิตวิญญาณของตน จึงจะสมกับ การที่ได้เกิดมาเป็นคน

หากลูกพัฒนากาย และใจพร้อมกับมีสติปัญญา คัดสรรงานที่จะทำไม่ขัดต่อหลักศีลธรรม ไม่ว่าจะอยู่สังคมใด จะมีแต่ ผู้รักใคร่ เอ็นดู และ มีความเจริญ

- เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๘๖ มกราคม ๒๕๔๙ -