หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

 

คำกรอง กรองคำ น้อมคำ อิสรา


หนึ่งกล้า

หนึ่งชีวิตมีความหวังพลังกล้า จึงทายท้าชะตากรรมนำผลักไส
ไม่ว่าหนาว ร้อนหรือเย็นทุกข์เข็ญใจ ต้องสู้ไปจนกว่าชีวาวาย
มองท้องทุ่งแลลิบลับพยับแดด ด้วยแสงแผดเผาไหม้น่าใจหาย
ร้อนแล้งราวป่วยไข้ใกล้จะตาย ใจจึงหน่ายอ่อนเปลี้ยเสียแล้วเรา
แต่ความหมายความเป็นคนใช่ทนทุกข์ ใช่เจ่าจุกจ่อมจมกับความอับเฉา
มีสติปัญญานึกตรึกตรองเอา ไยขลาดเขลาเกินเข้าใจในชีวี
จึงหวังสักวันคนกล้าจะกลับถิ่น พลิกฟื้นแผ่นดินแม่ต่อแต่นี้
ด้วยสองมือกร้านแกร่งด้วยแรงพลี หนึ่งกล้านี้จะชูใบให้เขียวงาม

ปินลม

โดยคำกล่าวของแดด ลมและฝน

เคลื่อนคล้อยเลยลับ ใช่ว่าจะไม่หวนคืน เปลี่ยนผันสู่จากพราก จำหลักรูปรอยตัวเองไว้กับโลก เร้าให้ฉงนและตั้งคำถาม วันเดือนปีนำข่าวสารใดมาฝากกับใจโลก ยามหนาวเหยียบย่างมาสู่ใบหน้าแสนหวาน ยามแล้งผ่านเลยไปกับบทเพลงแสนเศร้า ยามฝนอิ่มเอมอยู่ในโมงยามแสนสวย ดั่งต้องมนตราสะกด พ้นผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

ฤดูกาล ขณะเมื่อทอดตัวนำเรื่องราวมาบอกกล่าว เราถอดใจออกวางอย่างเสรี อ้าแขนออกรับอย่างอ่อนโยน ไออุ่นความคิดถึงไหลทวน ความทรงจำเดียงสาย้อนคืน กลับมาพร้อมคำปลอบโยนของแดดลมและฝน เช่นการกลับมาของคนรักผู้คืนสู่บ้านชีวิต

โลกยังคงเป็นจักรเย็บผ้า ถักทอเรียงร้อยใบหน้าคณานับ แวะเวียนมาทายทักบอกกล่าวเรื่องราวของตน อยู่เช่นนี้

หญ้าแสนฝน

คนบ้า...คนไร้ศาสนา...ใช่! ถูกต้อง

เมื่อสูญสิ้นทุกอย่างบนทางใฝ่ เขาจึงกล้าปล่อยใจไปทุกสิ่ง
เมื่อสังคมเลวทรามในความจริง เขาจึงวิ่งไปคว้าจินตนาการ
เมื่อพูดไปใครฟังเขาไม่เชื่อ จึงนิ่งงันมันเพื่อเอาเงียบต้าน
เมื่อเสียใจใครเห็นเป็นรำคาญ จึงรี่ร่านเริงร่าเย้ยฟ้าดิน
เมื่อไม่มีรักแท้ให้แก่เขา จึงแผดเผารักมันให้แหลกสิ้น
เมื่อไม่มีลมโชยให้โบยบิน เขาจึงดิ้นเสือกไสไปบนทราย
เมื่อคำสอนนักบวชมันลึกซึ้ง เขาขอถึงคำสอนของมารร้าย
ศาสนาเป็นเรื่องคนกลัวตาย เขาจึงถือง่ายง่าย ด้วยไม่ถือ
คนบ้า! ใช่! เขารับว่า บ้า อย่างซื่อซื่อ
ดีกว่าเป็นคนดีแล้วครางฮือ เพราะคอยยื้อคอยแย่งแข่งดีกัน
คนไร้ศาสนา! ใช่! เขารับ เขาว่า เป็นอย่างนั้น
ดีกว่ามีศาสนาแล้วฆ่ากัน เพียงเพราะถือพระเจ้ามันคนละองค์

ธาร ธรรมโฆษณ์

ฝนมาฟ้าหม่น

ฟ้ามืดหม่นม่านเมฆหมองคลุมท้องฟ้า เป็นสัญญาด้วยความหวังทั้งเหน็บหนาว
ในไม่ช้าฝนก็พรำลงพร่างพราว ดินแตกร้าวกลับชุ่มฉ่ำน้ำเจิ่งนอง
ข้าวในนาพลิ้วโบกใบไหวท้องทุ่ง ธรรมชาติปรุงแต่งแต้มสิ่งทั้งผอง
กาลล่วงผ่านกลายเป็นทิพย์คลื่นรวงทอง สยายยามลมต้องร้องเป็นเพลง
ต้องตรากตรำกว่าได้ข้าวขาวเป็นเม็ด เหงื่อไหลเล็ดล้วนกร้านทุกข์รุกข่มเหง
ทำเพื่อหวังต่อชีพยั้งให้ตนเอง หาหวั่นเกรงหนี้สินล้นท้นดวงใจ
พอหมดฝนข้าวก็หนาวชาวนายุ่ง จำต้องมุ่งสู่ทางทุกข์ไม่สุกใส
ฟ้ายังคงมืดมัวหม่นอยู่ร่ำไป ความยากไร้ระทดท้อรอสบตา

รัชธีรินทร์ รักนา

 

 
อ่านฉบับ 130   อ่านฉบับ 131

คำกรอง กรองคำ( เราคิดอะไร ฉบับ ๑๓๐ พ.ค. ๔๔ หน้า ๕๐ - ๔๑ )