สิบห้านาทีกับพ่อท่าน โดย ทีม สมอ. ตอน...
ขยะวิทยา
หนังสือพิมพ์สารอโศก
อันดับที่ 154 เดือนเมษายน 2535
ฉบับ "ขยะวิทยา"

แล้วพุทธาภิเษกก็ผ่านไปอีกวาระหนึ่ง ซึ่งเป็นรอบที่พ่อท่านขยาย "สัมมาทิฏฐิ" ให้เห็นเป็นอัศจรรย์ แก่ผู้มีธุลีในดวงตาเช่นเราๆท่านๆ จนเกิดความกระจ่างตามสมควรแก่ธรรมแห่งตน

: บรรยากาศงานพุทธาฯ ปีนี้ ตอนแรกข่าวว่าจะร้อนจัด

: ก็ไม่เห็นเป็นไง น้ำท่าก็มีพอเป็นไปได้ ไม่เห็นจะขาดแคลนอะไรนักหนา พวกเราก็ได้ฝึกปรือมาแล้ว ไม่ใช้กันสุรุ่ยสุร่ายอะไรนัก แม้จะไปอยู่รวมกันตั้ง ๖-๗ วัน บางคนก็ไปก่อนก็มี ก็ใช้กันพออยู่นี่

ความร้อนก็ปรากฏว่า ก่อนที่เราจะไปถึงวันงานน่ะ ร้อนจนไม่มีที่จะนั่ง นั่งตรงไหนก็ร้อน แต่พอเราไปถึงเป็นวันที่สาม ความร้อนก็เริ่มลด วันที่สี่-ที่ห้า-หก-เจ็ด ของานไม่ร้อน แล้วมีลมด้วย

: ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่จะให้ไปทนร้อนกันซีคะ

: ก็ให้ทนร้อนกัน ให้ฝึกปรือกันพอสมควร ก็ไม่ได้หมายความว่า สบายเสียจนไม่ได้ฝึกไม่ได้อดทนอะไรเลย ก็อดทนพอสมควรอยู่หรอก อยากได้หนักกว่านั้น หรือ

: งานนี้เห็นว่าเกิดชมรม "ขยะวิทยา" ขึ้นมา และรู้สึกจะฮือฮามาก

: ที่จริง เราก็เริ่มมานานแล้วละ ขยะวิทยา ก็พยายามจะฝึกให้คนมีความรับผิดชอบ ให้ศึกษา แล้วก็คิดหาวิธีการ ดำเนินการให้เกิดกลุ่มเกิดบุคคล แล้วได้มีภาคปฏิบัติ ทำกันจริงๆ เข้าใจว่าอย่างไหนเป็นขยะแท้ขยะเทียม

เราจะต้องมีความรู้ในขยะเทียมกันจริงๆ แก้ไขให้มันกลายมาเป็นประโยชน์ ให้เอาไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ส่วนอะไรที่เป็นขยะแท้ก็หาวิธีทำลายให้ง่ายที่สุด ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด ถูกที่สุด

ขยะมีมากขึ้นทุกเวลานาที ต้องศึกษากันอย่างจริงจัง เรา จึงจะช่วยโลกได้

: ชมรมนี้มีนโยบายอย่างไร

: ก็เรียนรู้เรื่องขยะให้ทะลุปรุโปร่งจริงๆ ต้องศึกษาความหมาย ของคำว่าขยะนี้เป็นอย่างไร มันลึกซึ้งสูงส่ง อย่างคนร่ำรวยนี่เขาใช้ ของฟุ่มเฟือยหลายอย่างที่เป็นขยะ ของเขา แต่ยังเป็น ของดีที่คนในฐานะอื่นเอาไปใช้ได้อีกตั้งมากมาย ทั้ง ของกิน ของใช้ อย่างนี้เป็นต้น ในความหมายง่ายๆ

จนถึงสภาพขยะที่เป็นขยะเทียมในแต่ละขั้นตอน ที่เราสามารถเอาไปหมุนเวียนกลับมาใช้อีกได้บ้าง แปรสภาพใหม่บ้าง หรือ ไม่แปรสภาพ แต่เราเอาไปใช้ได้ตามลักษณะ ของมัน เช่น อุจจาระ ขี้วัว ขี้ควาย ซึ่งไม่ใช่ขยะแท้ เป็นขยะเทียม เป็นอาหาร ของพืช หรือ ใช้ประโยชน์อื่นๆได้ อย่างอินเดียเขาเอาขี้วัวไปใช้ได้สารพัดประโยชน์

หรือ บางอย่าง อาจจะต้องแปรสภาพทางเคมี เราก็ต้องศึกษาให้ละเอียด อาจหมุนเวียนกลับมาใช้ได้ รวมถึงการแยกแยะไปตามพวกตามเหล่า ของมัน

นอกจากนี้ยังมีขยะมีขยะที่ร้ายกาจ เช่น กัมมันตภาพรังสี ซึ่งยังไม่รู้วิธีทำลาย หรือ บางอย่างที่เราไปสังเคราะห์ได้ ของสิ่งนี้มา แล้วทำให้เกิดขยะที่เป็นมลพิษโดยเราไม่รู้ มันอาจไม่ร้ายแรงเท่ากัมมันตภาพรังสี แต่ก็เป็นมลพิษ กับ ดินน้ำไฟลม เกิดอันตราย และยังไม่มีการตรวจสอบว่า การได้วัตถุสิ่งนี้มา แต่ขยะที่เหลือมันเลวร้ายไม่คุ้มกัน หรือ ทั้งมันอยู่ได้ทนนานกว่า กว่าจะทำลายได้ ซึ่งในความจริงแล้วไม่คุ้มกันเลย กับ ของที่ได้มา นี่ก็ยังต้องศึกษา

: แล้วจะไปศึกษาได้จากไหน?

: ต้องศึกษาเอง ไม่มีใครทำกันจริงจัง เราก็ต้องทำจริงจัง พยายาม และแม้แต่ความรู้ทางขยะอย่างนี้ ก็คือขยะทางวัตถุธรรม ลึกลงไปกว่านั้น ขยะทางจิตวิญญาณ เราก็ต้องเรียนกันในระดับสูง เบื้องต้นก็ต้องเรียนไปตามลำดับขั้นตอน ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กไปเรื่อย กิเลส ตัณหา อุปาทานต่างๆ สำคัญมาก ขยะทางจิตวิญญาณเหล่านี้ สำคัญมากต่อมนุษยชาติ ต่อโลก

: ตัวอย่างเช่นอะไรบ้าง?

: กิเลส ตัณหา อุปาทาน คือขยะแท้ๆเลย ความโลภ ความโกรธ ความหลง อารมณ์ไม่ดี อารมณ์รักก็ตาม รักจัดๆก็เป็นพิษเป็นภัย โกรธจัดๆ หรือ แม้อารมณ์ไม่จัดก็เป็นพิษเป็นภัย ตามที่เราเรียนธรรมะมา เราจะต้องมารู้ความเป็นเช่นนี้และปราบขยะจริงๆ

: ขยะทางจิตวิญญาณมีผล กับ ขยะทั่วไปอย่างไร?

: มีผลที่มันโง่ มันอวิชชา อวิชชาแล้วมันไม่มีปัญญาที่จะไปลึกซึ้ง กับ ขยะทางรูปธรรมได้ง่ายนักหรอก เช่นว่า ผู้หญิงนี่ ถ้าเราพูดในแง่ ของความลึกซึ้งแล้ว ผู้หญิงนี่มีขยะมากที่สุดเลย ของเกิน เฟ้อ ฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย ของเป็นพิษเป็นภัย ในตัวที่ถูกเขาหลอกเอามาไว้เป็นขยะจริงๆ แม้แต่สิ่งที่เอามาห้อย มาอวดโชว์ แม้บางสิ่งจะเป็น ของที่โลกยอมรับ ทางธรรมะเรียกว่า ชาตรูป เป็นสิ่ง ของที่มีค่า ที่จะยั่วขโมย ยั่วโจรให้มันปล้น แล้วก็รับรองกันในทางโลก รับรองค่า ของมัน แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรต่อมนุษยชาติเลย เช่น เพชร พลอย ทองคำ อย่างนี้เป็นต้น แม้แต่เครื่องเสริมสวย เครื่องสำอางที่มันมีพิษมีภัย พวกนี้ถือว่าเป็นขยะอย่างยิ่ง เสื้อผ้าหน้าแพรบางคนก็เฟ้อจนเป็นกองขยะ มันมากเกินการ เกินความจำเป็นใช้ตั้งเท่าไหร่ นี่แหละเป็นค่านิยมที่ไม่ดีไม่งาม ชี้ชวนให้คนนิยมตาม ดูมันหรูหรา แต่แล้วก็มีผลกระทบทำให้เกิดช่องว่างทางสังคม เกิดการกดขี่ข่มเหงแย่งชิงกันในสังคม ทำให้สังคมเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เกิดปฏิกิริยาที่เป็นผลร้ายต่อสังคม

เราจะต้องรู้ว่าจะลดจะละอะไร ต้องปราบต้องปรามอย่างไร

: แสดงว่า ขยะทางนามธรรมทำให้เกิดขยะรูปธรรมขึ้น

: เป็นปฏิสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ถ้าไม่มีปัญญาญาณลึกซึ้ง ไม่รู้เรื่องนามธรรมลึกซึ้ง มันก็ไม่รู้จักวัตถุธรรม หรือ รูปธรรมได้ชัดเจน ยังมีอวิชชาไม่เข้าใจ ไม่รู้สัจธรรม ถ้าไม่ศึกษากันขึ้นมาให้รู้จริงๆแล้ว มันก็แก้ปัญหาไม่ตกเสียที

: จะเริ่มจากตรงไหน

: เริ่มต้นที่เรา ศึกษาจริงๆ แล้วปฏิบัติจริงๆ เรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐานง่ายๆ แล้วค่อยๆศึกษาปฏิบัติให้ลึกซึ้งขึ้นไป ทำจริงๆ ไม่ใช่เอาแต่รู้ เอาแต่พูด ลงมือทำกันไปเรื่อยๆในวงแคบๆก็ไม่เป็นไร ใครนิยมใครเห็นชอบก็ทำตามกันขึ้นมา

อย่างน้อยเราทำ มันก็ปลอดภัย ของเราละ

: ตอนนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้ว ดินฟ้าอากาศ แม่น้ำลำคลอง ก็เน่าหมดแล้ว เราจะดึงกลับมาได้อย่างไร

: ก็เป็นความผิดพลาด เป็นความไม่สมดุล ไม่เหมาะสม ไม่เป็นกลาง เราต้องสร้างความสมดุลให้มัน ทำความหมุนเวียนให้ถูกสัดถูกส่วน ของมัน เราต้องศึกษารายละเอียด ค้นคว้ากันจริงๆ มันมีรายละเอียดอีกมาก ที่อาตมาพูด นี่เป็นโครงสร้างใหญ่ๆเท่านั้น

: สิ่งแวดล้อมที่มีขยะเยอะๆ มีผลต่อ จิตวิญญาณอย่างไร

: มีผลมากด้วย แล้วก็ไม่รู้เท่าทัน ไม่เข้าใจกัน สิ่งที่ไม่น่ารังเกียจ เราก็รังเกียจ พอรังเกียจแล้ว เราก็อึดอัดขัดเคือง จิตใจก็ถูกกดดัน เช่นว่า เราอยู่ในสถานที่ที่สิ่งแวดล้อมเป็นธรรมชาติ หรือ ว่าเหมือน กับ บ้านนอก แต่คนในกรุงเคยชินเคยตัว มีค่านิยมแบบคนกรุง ก็เห็นว่ามันไม่สะดวก ไม่สะอาด น่ารังเกียจ ทั้งที่มันไม่น่ารังเกียจอะไร เท้าถูกดิน ดินไม่ได้โสโครก ไม่ได้มีเชื้อโรคอะไรนะ แต่ตัวเองรังเกียจแล้วขยะแขยง มันอาจจะไม่ราบเรียบ หรือ ว่าไม่นุ่มเหมือน กับ พรม เท้าไม่ได้ใส่รองเท้า ไปเหยียบย่ำดิน ก็ขยะแขยง รังเกียจ ทั้งๆ ที่ตัวเองนั้นน่ะ ขาดอะไรหลายอย่างที่ตัวเองควรจะได้สัมผัส ควรจะได้แตะต้อง ควรจะได้มีสิ่งที่สมดุล สมบูรณ์ในชีวิตร่างกาย แล้วก็ไม่ได้เรียนรู้สิ่งแวดล้อม ไม่รู้องค์ประกอบ ของชีวิต ไม่รู้สิ่งแวดล้อม ไม่รู้นิเวศวิทยาระดับสูง ของชีวิต

ทุกวันนี้ เขาไม่ศึกษาว่า ชีวิตควรจะได้รับอะไรแค่ไหน แล้วก็เข้าใจกันว่า ต้องทำให้เกลี้ยง ให้สะอาด จนสุดโต่งไปอีก กลายเป็นคนมีภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นคนที่ไม่คุ้นเคย กับ ธรรมชาติ เป็นคนอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติ ปรับตัวเองใหม่ สั่งสมอะไรลงไปในชีวิต สังเคราะห์ขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ อุณหภูมิอะไร ก็สังเคราะห์ขึ้นมาให้ตัวเอง แล้วก็รับเข้าตัวเอง บางทีเป็นพิษเป็นภัยด้วยซ้ำ เช่น สูบบุหรี่ กินเหล้า แล้วติดจนกระทั่งว่าไม่รับเข้ามานี่ จะรู้สึกทนไม่ได้ นี่ยกตัวอย่างง่ายๆ ยังมีสิ่งสังเคราะห์อื่นๆ อีกที่เฟ้อแล้วก็เป็นพิษเยอะแยะ

: สิ่งแวดล้อมสะอาดมีอิทธิพลอย่างไรต่อจิตวิญญาณ

: "สะอาด" คำนี้ต้องเรียนรู้ให้สมบูรณ์ ไม่ได้หมายความว่า เกลี้ยง เรียบ มิติเดียวง่ายๆตื้นๆเท่านั้น สะอาดในที่นี้คือความสมบูรณ์ที่สมดุล อาจจะรก แต่ไม่ใช่ขยะ เป็นธรรมชาติที่สมดุล ถ้าไม่มีสิ่งนี้สิ สิ่งแวดล้อมจะขาดความสมดุล

เราต้องรู้ธรรมชาติที่แท้จริงว่า มนุษย์ควรมีสิ่งแวดล้อมอย่างไร จึงจะสมบูรณ์ที่สุด เราต้องรู้ชีวิต ของเราแต่ละวันแต่ละเดือนที่เป็นอยู่ ได้รับสิ่งหมุนเวียนสมบูรณ์ไหม

ทุกวันนี้มีความเข้าใจผิดกันมาก เลยเถิดกันเยอะ เช่น สังคมชั้นสูง high society สุดโต่งเหลือเกิน เลอะเทอะไปอีกด้านหนึ่ง เขาสมมติกันว่าชั้นสูง มีอะไรมากเรื่องมากยึด แต่แท้จริงเฟ้อสุดโต่ง ดูเหมือนสวย งาม สะอาด แต่ที่แท้จริงแล้ว รก เลอะ เปรอะเปื้อน แล้วก็ขาดอีกส่วนหนึ่งที่เป็นธรรมชาติ

: งั้นเขาก็หมกความสกปรกไว้

: หมักหมมไว้ แล้วก็สร้างขยะมากด้วย ไม่หมุนเวียนใช้

: เราจะพยายามหมุนเวียนใช้ไม่หมักหมมไว้

: แต่ละคนจะมีวัฒนธรรมในการเรียนรู้ แล้วก็กระทำไม่ให้เกิดความหมักหมม เช่นล้างส้วม ทุกๆคนทำ ทุกๆคนเช็ดคนละนิด คนละพอสมควร มันก็สะอาด ไม่ต้องไปเป็นภาระหนักให้คนอื่น ไม่ต้องไปจ้างคนมาทำ แล้วก็ไม่หมักหมม รู้จักหมุนเวียนใช้อะไรที่เป็นประโยชน์ เราก็เอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์ เช่น อุจจาระ ขี้หมู ขี้วัว ขี้ควาย ขี้ไก่ ขี้เป็ด แม้แต่ชีวิตคน เรากำจัดขยะอันนี้ แต่แทนที่เราจะเอาไปทิ้งขว้าง หรือ เผาทำลายไม่เข้าท่า เราเพียงแต่จัดให้มันไปอยู่ที่ที่มันควรอยู่มันก็เป็นปุ๋ย หรือ ทำมันเป็นประโยชน์อื่นที่มันพึงเป็นได้มันก็เป็นได้ เศษขยะ เศษอาหารที่เป็นปุ๋ยได้ เราก็เอามาทำให้เป็นผลต่อกสิกรรมธรรมชาติได้

: มองดูกสิกรรมธรรมชาติ กับ อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมน่าจะเป็นตัวเกิดขยะแท้มากกว่า

: ใช่ อุตสาหกรรมจะเป็นตัวก่อขยะที่จะเป็นพิษเป็นภัย เป็นผลเสียหายมากกว่า ส่วนกสิกรรมนั้นแทบจะไม่มีขยะแท้เลย จะเกิดแต่ขยะเทียมเท่านั้น แล้วเราก็เรียนรู้ขยะเทียมที่ซ้อนอยู่ในงานนี้ได้ เพราะฉะนั้นงานกสิกรรมนี้ เท่าที่มองตื้นๆยังไม่ได้วิเคราะห์วิจัยไปจนสุดนะ ดูเหมือนจะไม่มีขยะแท้เลย

แต่ขยะจากอุตสาหกรรมนี้ย่อยสลายก็ยาก เป็นพิษก็เยอะ จนต้องหาทางทำลายจนถึงที่สุด แต่ก็ยังมีขยะนิวเคลียร์ที่ยังทำลายไม่ได้ อย่างกัมมันตรังสีนี่ทิ้งตามทะเลลึกๆก็ยังอันตราย ถึงคราวมันตูมตามขึ้นมาใส่ตัวเองแล้วก็ตายลูกเดียว ไม่มีทางเก็บมันแล้ว ไม่มีทางป้องกัน

: แต่เขากำลังทำให้เราเป็นประเทศอุตสาหกรรม

: นี่แหละเราถึงค้านแย้ง กับ เขา เราพยายามที่จะระดมความพยายามที่จะพิสูจน์กสิกรรม ประเทศเราเป็นประเทศโซนกลางๆที่มีความอบอุ่น มีฝน มีน้ำ มีแดด มีอะไรที่สมบูรณ์ที่สุด สามารถทำกสิกรรมได้ดีที่สุด มีทั้งเวลา โอกาส ทำได้อย่างมากที่สุดเลย อะไรๆก็พรักพร้อมที่สุด เราก็มีองค์ประกอบที่ดีมากที่จะทำกสิกรรมแต่เราไม่รู้ฐาน ของเรา เราผ่าไปทำอุตสาหกรรม

อุตสาหกรรมมันเป็นความจำเป็น ความจำนน ของคนที่ต้องดิ้นรน ของคนที่ไม่สมบูรณ์ หรือ ของสังคมที่สมบูรณ์แต่โลภมาก-เห็นแก่ตัวต่างหาก เสร็จแล้วก็เกิดขยะ เกิดเศษ เกิดกากอย่างมาก แล้วเรื่องอะไรเราไปเห่อตามเขา

เมืองเขาไม่มีดีอย่างเมืองเรา แล้วเรื่องอะไร เราไปทิ้งสิ่งที่เรามี ไปเป็นทาสความคิด เป็นทาสทางวัฒนธรรม หลงใหลต่างประเทศ เป็นทาสทางเศรษฐกิจ เห็นเขาทำแล้วได้เงินได้ทองร่ำรวย ก็อยากจะได้อย่างเขาบ้าง ทั้งที่มันมีผลเสียอีกมหาศาล

เขาทำอุตสาหกรรมที่บ้านเมืองเขา ก่อมลพิษในบ้านเมืองเขา เขารู้ทันแล้ว เขาก็มาก่ออุตสาหกรรมที่บ้านเรา สร้างมลพิษให้แก่เรา เสร็จแล้วเขาก็ได้สิ่งที่เราสังเคราะห์ เอาไปใช้ไปกิน ได้ทั้งรายได้ เราก็ได้มลพิษไว้ในบ้านเมืองเรา โง่ตายชัก

: แล้วเราจะทำอย่างไรในเมื่อกระแสมันไปอย่างนั้นแล้ว

: เราทำอย่างที่เราทำนี่แหละ เราเห็นดีอย่างไร ก็ทำ ของเราไป เขาไม่เข้าใจเขาจะทำอย่างนั้น เราก็พูดบ้าง เตือนสติกัน ใครจะสำนึก ใครจะพิจารณาอย่างไรก็แล้วแต่ จะไปเห่อเห็นแต่แค่รายได้ ความรุ่งเรืองทางวัตถุเท่านั้น วัตถุดิบก็หมดไป สภาพธรรมชาติสมดุลสูญเสียไป วัสดุเศษกากที่เป็นขยะเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะจิตวิญญาณก็ตกต่ำเลวร้าย เป็น "ขยะทางวิญญาณ" ก็ต้องมาแก้ปัญหากัน

ปัญหาเรื่องขยะ เป็นปัญหาระดับโลกอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายได้มีความพยายามที่จะแก้ปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อม พ่อท่านได้เน้นย้ำให้พวกเราทำกันจริงจัง พยายามกำจัดขยะทั้งทางวัตถุธรรมและนามธรรม ต้องศึกษาให้ลึกซึ้ง ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กๆ เรียนรู้จิตวิญญาณที่เป็นขยะ แล้วจะล้างกันไปเรื่อยๆ กิเลสตัณหาอุปาทานต่างๆนี่แหละสำคัญมาก ขยะทางจิตวิญญาณเหล่านี้สำคัญมากต่อมนุษยชาติ ต่อโลก

เมื่อทำลายขยะทางจิตวิญญาณได้แล้ว ก็จะปราบขยะที่เป็นวัตถุรูปได้ไม่ยาก

end of column
 

๑๕ นาที กับ พ่อท่าน ตอน ขยะวิทยา (สารอโศก อันดับ ๑๕๔ เม.ย. – พ.ค. ๒๕๓๕)