ประเพณีที่ควรเลิก

สารอโศก อันดับที่ ๒๓๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔


ในปี ๒๕๔๓ พอถึงฤดูกาลทำไร่ไถนา ฝนฟ้าจะอำนวย ทำให้ชื่นฉ่ำไปทั่ว แต่บางแห่งเกิด ฝนตกหนัก ถึงกับมีน้ำท่วม บ้านช่องเรือนชาน เรือกสวนไร่นา

ที่จังหวัดขอนแก่น ฝนปีนี้ตกตามฤดูกาลดีมาก พวกชาวไร่ชาวนา ทำไร่ทำนา อุดมสมบูรณ์ ดีกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะแถวๆ บ้านโคกพันโปง หมู่ที่ ๔ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง อันเป็นบ้านของพ่อใหญ่ทัน น้อยผาง

พ่อใหญ่ทัน เป็นชาวนานักปฏิบัติธรรม กลุ่มแก่นอโศก มีอายุ ๗๘ ปี แล้ว แต่ทว่าร่างกาย ยังแข็งแรงดีอยู่ ในปีนี้ก็ได้พาลูกๆหลานๆของตน ทำนาเหมือนทุกปี ที่เคยทำมา ลงมือทำ ตั้งแต่เริ่ม ไถ หว่านกล้า แล้วมาปักดำ หรือทำนาหว่าน จนกระทั่ง ถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว ความยากลำบาก ขนาดไหนของชาวนา กว่าจะได้เก็บเกี่ยวข้าว มาได้นั้น คนที่เคย กินแต่ข้าว แต่ไม่เคยทำนาก่อน ลองมาทำนาดู แล้วจะรู้เองว่า มันยาก และลำบาก ขนาดไหน

เดือนตุลาคม พวกชาวนาพากันเก็บเกี่ยวข้าว เพราะข้าวออกรวงสุก เหลืองอร่ามเต็มท้อง ทุ่งนา ไปหมดแล้ว หลังจากเก็บเกี่ยวข้าว และตากข้าว เอาไว้สัก ๒-๓ วัน ก็จะเก็บ เอาข้าวที่ตากแดด แห้งดีแล้ว เอาขึ้นจากนา นำมากองรวมกัน ไว้ยังลาน เพื่อนวด หรือตีเอาเมล็ดข้าว แล้วนำเอา ข้าวเปลือก ไปเก็บยังยุ้งฉางกันต่อไป

พ่อใหญ่ทันชาวนาผู้เฒ่าคนนี้ก็เหมือนกัน ขนเอาข้าวที่เกี่ยวแล้วนั้น นำมากองรวมกัน ยังลาน เพื่อเตรียมนวด เอาเมล็ดข้าวนั้น ไปเก็บยังยุ้งเล้าฉาง ในช่วงเวลานั้นเอง...

ทุกๆปีของคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง พวกเราชาวไทย หรือชาวต่างชาติ ที่อยู่ในเมืองไทย จะพากันมีงานลอยกระทง เป็นประเพณีสืบทอด ติดต่อกันมา แต่โบราณกาล เขาจะมี การละเล่น หลายอย่าง เช่น มีหนัง หมอลำ รำวงมหรสพ ฯลฯ แต่ที่ขาดไม่ได้คือ จะมีการจุดประทัด จุดดอกไม้ไฟ จุดพลุ ปล่อยโคมลอยฟ้า

คืนนี้หากมองไปยังห้วยหนองคลองบึง ที่เขาพากันจัดงานลอยกระทงกัน ก็จะพบแต่ กระทง ที่มีแสงเทียน ระยิบระยับ แต่ทว่า หากมองขึ้นไป ยังท้องฟ้า ก็จะพบกับ แสงไฟ จากโคมไฟ-ลอยฟ้า ระยิบระยับ ราวกับว่า แสงดาวบนท้องฟ้า อย่างไรก็อย่างไรนั้น

พวกที่นิยมปล่อยโคมลอยฟ้า จะพากันทำเป็นโคมลูกใหญ่ๆ เอาไว้ปล่อย ในคืนวันออก พรรษา หรือในคืนวันเพ็ญ เดือนสิบสอง แหละปีนี้มีพ่อค้าหัวใส ได้พากันทำโคมไฟ ลอยฟ้า อันเล็กๆ เอามาขายในราคา โคมละ ๒๐ บาท ถึง ๓๐ บาทเท่านั้น

ฉะนั้น ที่บึงหนองโคตรของบ้านคำไฮ และบ้านหัวทุ่งแห่งนี้ จึงมองเห็นแสงเทียน ระยิบระยับ อยู่ในน้ำ และเห็นแสงไฟ ระยิบระยับ เกลื่อนท้องฟ้า

นาของพ่อใหญ่ทัน อยู่ห่างจากหนองน้ำ ที่เขาจัดงานลอยกระทง และปล่อยโคมไฟ ลอยฟ้า ประมาณ ๒ หลักกิโลเมตรเท่านั้น ในคืนนี้ หลังจากที่พ่อใหญ่ทัน ได้สำรวจ ตรวจดู สิ่งของต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนนอน ก็สวดมนต์ไหว้พระ ตามปกติ เหมือนทุกคืน ที่เคยปฏิบัติมา พ่อใหญ่ทัน ล้มตัวลงนอนไปได้ ประมาณถึงตี ๑ ก็ต้องสะดุ้งตื่น ลุกจากที่นอน เพราะมีเสียงของคน มาปลุกบอกว่า "พ่อใหญ่ๆตื่นๆ ไฟไหม้กองข้าวแล้ว "

พ่อใหญ่ทันพอลุกขึ้นมาได้ ก็รีบเรียกพวกเพื่อนบ้าน ที่อยู่ใกล้ๆ มาช่วยกันดับไฟ ที่กองข้าว บ้างก็ดึง เอาข้าวออกจากกองไฟ บ้างก็เอาน้ำมาดับ แต่ทว่า น้ำที่จะเอามา ดับไฟ เป็นเพียงน้ำจากบ่อ บาดาล กว่าจะโยกน้ำได้ทีละถัง ก็นานพอสมควร กองข้าวของพ่อใหญ่ทัน ที่อุตส่าห์ทำนามาร่วมปี จึงถูกไฟ เผาผลาญ หมดไป ชั่วพริบตาเดียว

มีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นโคมไฟลอยฟ้าขึ้นไปบนท้องฟ้า สักพักหนึ่ง แล้วค่อยๆ หมดไป โคมนี้เมื่อพลังงาน จากควันไฟหมดไป มันก็จะลอยต่ำลง สู่พื้นดิน บ้างก็ตก มายังทุ่งนา บ้างก็จะตก ลงมาสู่หมู่บ้าน กลางป่า หรือพื้นดิน แต่อันที่ตกลงมา ยังกองข้าว ของพ่อใหญ่ทันนี้ ไฟยังไม่ดับ จึงเกิดไฟไหม้ กองข้าวของพ่อใหญ่ทันขึ้น

ในปีหนึ่งๆ ที่บ้านโคกพันโปงนี้ฤดูทำนามีอยู่หนเดียว พ่อใหญ่ทัน ต้องมาสูญเสียข้าว ที่อุตส่าห์ทำมา เกือบปีไปฟรีๆ เพราะประเพณี ปล่อยโคมไฟลอยฟ้านี้ น่าเศร้าใจนัก ไม่ควร ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ข่าวจากหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ก็บอกข่าวกันเป็นประจำว่า ไม่ควรจะปล่อย โคมลอยฟ้า เพราะมันจะเกิดอันตราย แก่เครื่องบิน แก่บ้านเรือน แก่ทรัพย์สินของผู้คน

กระผมผู้เขียนนี้ เป็นเพียงผู้น้อย ก็อยากจะขอติงเตือน สำหรับผู้ที่ชอบ ทำโคมลอยฟ้า ไม่ว่า จะทำเล่น หรือทำขาย ได้โปรดเลิกทำซื้อทำขาย หรือเลิกเล่นกันเถิดครับ เพราะทุกวันนี้ ผู้คนเกิดขึ้น มามากมาย บ้านเรือนทรัพย์สินของคน ก็มากมายไปทั่ว ไม่เหมือนสมัยก่อน คนก็น้อย ทรัพย์สินของผู้คนก็น้อย เราจะเล่น จะทำก็ย่อมได้

แม้ประเพณีบุญบั้งไฟ ประเพณีเล่นโคมไฟลอยฟ้า หรือประเพณีอันใด ที่ก่อให้เกิด อันตรายแก่ชีวิต และทรัพย์สินของตัวเอง และผู้อื่น พวกเราชาวพุทธ ที่เจริญในด้าน จิตใจแล้ว เราควรหยุดเล่น หยุดทำ หยุดซื้อ หยุดขาย กันเถิดครับ

-ก่อแก่น-


ประเพณีที่ควรเลิก สารอโศก อันดับ ๒๓๓ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ หน้า ๑๓๖ - ๑๓๘