กว่าจะถึงอรหันต์
พระภคุเถระ

หนังสือ สารอโศก
อันดับที่ 238


เพ่งเพียร เรียนมุ่ง มรรคผล
ฝึกฝน ชนสู้ กิเลส
โงกง่วง หน่วงหนัก สังเวช
ดับเหตุ ดับทุกข์ หลุดพ้น

อดีตชาติของพระภคุเถระ เคยเกิดอยู่ในเรือนของผู้ดีมีสกุล มีชีวิตความเป็นอยู่ ที่สุขสบาย ได้กระทำบุญ ทำกุศล สั่งสมไว้แล้ว จนกระทั่ง ถึงเวลาที่ พระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุบุตร ซึ่งบังเกิดขึ้น ในยุคสมัยนั้น ทรงดับขันธ์ ปรินิพพาน

เขาได้บำพ็ญกุศลบูชาพระธาตุทั้งหลาย ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทั้งด้วยการปฏิบัติ และดอกไม้ทั้งหลาย

ด้วยผลบุญเหล่านั้น เขาได้เกิดเป็นเทวดา (ผู้มีจิตใจสูง) อยู่ในสวรรค์ (สภาวะสุขสบาย) ชั้นนิมมานรดี (สวรรค์ชั้นที่ ๕ จิตใจปรารถนา สิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็นิรมิตเอาได้) ได้ท่องเที่ยว ไปมาในเทวโลก (โลกของผู้มีจิตใจสูง) และมนุษยโลก (โลกของผู้มีจิตใจประเสริฐ)

จวบจบในชาติสุดท้าย เขาได้เกิดอยู่ในตระกูลกษัตริย์ วงศ์ศากยะ ได้นามว่า ภคุ ครั้นเติบโตเจริญวัย เป็นหนุ่มแล้ว ปรากฏว่า พวกเจ้าชายในวงศ์ศากยะ ต่างพากัน ออกบวช ตามพระผู้มีพระภาคเจ้า องค์สมณโคดม เป็นจำนวนมาก จึงเกิด ความปรารถนา ที่จะบวชด้วย

วันหนึ่งเจ้าชายภคุสบโอกาสเหมาะ เสด็จประพาสราชอุทยาน พร้อมด้วยเสนา ๔ เหล่า และมีกษัตริย์อีก ๕ พระองค์ เสด็จไปด้วยกัน ได้แก่ พระเจ้าภัททิยศากยะ อนุรุทธะ อานนท์ กิมพิละ และเทวทัต เมื่อออกจากเมือง ไปได้ไกลแล้ว จึงสั่งพวกเสนาให้กลับ แล้วทั้ง ๖ กษัตริย์กับอุบาลี ซึ่งเป็นภูษามาลา (ช่างแต่งผม) ก็พากันไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคเจ้า โดยกราบทูลว่า

"พวกหม่อมฉันเป็นเจ้าศากยะ ยังมีมานะ (ถือตัว) มาก ส่วนอุบาลีช่างแต่งผมนี้ เป็นผู้รับใช้ ของพวกหม่อนฉัน มานาน ขอพระผู้มีพระภาค ทรงให้อุบาลีนี้ บวชก่อนเถิด พวกหม่อนฉัน จะได้กระทำการอภิวาท (กราบไหว้) การลุกรับ อัญชลีกรรม (การประนมมือ แสดงความเคารพ) สามีจิกรรม (การกระทำ ที่เหมาะควร) แก่อุบาลีช่างแต่งผม เมื่อเป็นเช่นนี้ ความถือตัวว่า เป็นกษัตริย์วงศ์ศากยะ ของพวกหม่อนฉัน จะได้เสื่อมคลายลง"

ด้วยเหตุผลดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงโปรดให้อุบาลีบวชก่อน (เป็นภิกษุภันเต) แล้วให้ศากยกกุมาร เหล่านั้น บวชตาม ภายหลัง (เป็นภิกษุอาวุโส)

ครั้นเมื่อพระภคุได้บวชแล้ว ก็กระทำความเพียรศึกษา ฝึกฝนในสมณธรรม (ธรรมของ ผู้สงบกิเลส) ไปบำเพ็ญ อย่างจริงจัง อยู่ที่พาลกโลณการคาม

อยู่มาวันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสร็จพุทธดำเนิน ผ่านไปยังที่นั้น พระภคุ จึงจัดที่ประทับถวาย ตั้งน้ำล้างพระบาท ตั่งรองพระบาท กระเบื้องเช็ดพระบาท แล้วรับบาตร กับจีวร

พอพระศาสดาทรงประทับนั่งแล้ว พระภคุได้ล้างพระบาท ถวายบังคมแล้ว นั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

"ดูก่อนภิกษุ เธอยังพอทนได้หรือ ยังพอให้อัตภาพ (ร่างกาย) เป็นไปได้หรือ เธอไม่ลำบาก ด้วยอาหาร บิณฑบาตหรือ"

"ข้าพระพุทธเจ้ายังพอทนได้ ยังพอให้อัตภาพเป็นไปได้ ไม่ลำบากด้วยอาหารบิณฑบาต พระพุทธเจ้าข้า"

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพอพระทัย แล้วทรงชี้แจง ให้พระภคุได้เห็นแจ้ง สมาทาน (ถือปฏิบัติ) อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา (คำอธิบายธรรม) จากนั้น เสด็จลุกจากที่ประทับไป

ตั้งแต่นั้นมา พระภคุยิ่งกระทำความเพียร ต่อสู้กิเลสอย่างมุ่งมั่น มีอยู่คราวหนึ่ง ถูกความง่วงเหงา หาวนอน เข้าครอบงำ อย่างรุนแรง จึงได้ออกจากที่อยู่ เพื่อไปยังที่จงกรม (สถานที่สำหรับ เดินไปมาฝึกสติ) แต่เพราะความง่วงจัด ทำให้เซล้มลง ที่ใกล้บันได จงกรมนั่นเอง แทบอยากจะนอน ที่ตรงนั้นเลย แต่ด้วยสำนึกดี ที่สั่งสมมา จึงพยายามฝืนใจ สุดกำลัง นวดเนื้อตัวแรงๆ ให้จิตตื่นฟื้น แล้วลุกขึ้นไป สู่ที่จงกรมนั้นอีก พยายามตั้งจิต ให้มั่นคงไว้ในภายใน เพียรเดินจงกรม อยู่ในที่นั้น อย่างไม่ยอมแพ้ต่อกิเลส

แล้วกระทำไว้ในใจด้วยอุบายอันแยบคายได้บังเกิดขึ้น ทำให้ได้พิจารณา เห็นโทษภัยของกิเลส เบื่อหน่าย จากกิเลสทั้งปวง เข้าถึงธรรม อันดีเลิศ ได้บรรลุวิชชา ๓ (๑.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ = รู้ระลึกชาติได้ ๒.จุตูปปาตญาณ = รู้การเกิด และดับ ของสัตว์โลกทั้งหลาย ๓.อาสวักขยญาณ = รู้กิเลสที่สิ้นไป) แล้ว

พระภคุเถระได้ทำกิจในพระพุทธศาสนาเสร็จแล้ว บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในโลก และเป็น พระมหาสาวก องค์หนึ่ง ของพระศาสด

ฌวมพุทธ (พระไตรปฏกเล่ม ๕ ข้อ ๒๔๘ พระไตรปิฎกเล่ม ๗ ข้อ ๓๔๑ อรรถกถาแปลเล่ม ๕๒ หน้า ๗)


กว่าจะถึงอรหันต์ พระภคุเถระ หนังสือสารอโศก อันดับที่ ๒๓๘ หน้า ๘๒ - ๘๓